จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 525 ดาวทุรกันดาร
เขตดาราเทพวีรชน ดาวทุรกันดาร
ในสายตาของขั้วอํานาจมากมายในเขตดาราเทพวีรชน นี่เป็นดาว
ที่ไม่มีคุณค่าในการตั้งอาณานิคมอะไรเลยดวงหนึ่ง กระทั่งยังไม่นับเป็น
ดวงดาวระดับเก้าด้วยซ�า ทรัพยากรแทบจะแห้งขอด สิ่งแวดล้อมสุด
เลวร้าย ชนเผ่าที่ใช้ชีวิตอยู่บนดาวดวงนี้ หลักๆ แล้วคือเผ่ายากจนที่ถูก
ทอดทิ้ง ฟังเพียงเสียงสวรรค์เพื่อต่อชีวิตไปวันๆ เฝ้ารอความตายไป
วันๆ เท่านั้น
เทือกเขาแห่งบาปที่แสนอันตราย เป็นหนึ่งในเทือกเขาที่น่ากลัว
อึมครึมที่สุดบนดาวดวงนี้
ในเขตภูเขาผืนนี้ไม่เจอกับแสงตะวันตลอดทั้งวัน หมอกพิษคลุ้ง
กระจาย ต้นไม้ใบหญ้าไม่ขึ้น หินสีดําตะปุ่มตะป�าอันตรายราวกับดาบ
สวรรค์ก็มิปาน แทงขึ้นไปยังเมฆสีดําที่ปูกระจายอยู่บนท้องฟ้า เหนือ
ท้องฟ้าราวกับมีปราณมารที่เหมือนกระแสวนไหลเวียนอยู่ อัสนีผ่าครืน
ครัน เหมือนกรวยตาทะเลที่คว�าครอบลงมาบนยอดเขามังกรดําอย่างไร
อย่างนั้น ห่างออกมาหลายร้อยลี้ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน
รอบเทือเขาแห่งบาปนับพันลี้ ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอยู่เลยอัสนีคํารามและแสงไฟฟ้า ก่อปฏิกิริยาอยู่บนฟากฟ้าเหนือยอดเขา
มังกรดําราวกับภาพแห่งวันสิ้นโลก
ที่นี่คือหนึ่งในสี่สถานที่ต้องห้ามของดาวทุรกันดาร ต่อให้เป็นผู้
แข็งแกร่งระดับสูงสุดของดาวดวงนี้ก็ยังไม่คิดจะบุกเข้ามา
ตูม
อัสนีขนาดยักษ์สายหนึ่งฟาดผ่าแหวกเมฆมารออก
เงาร่างหนึ่งบินออกมาจากกระแสวนปราณมารที่อยู่เหนือท้องฟ้า
ยอดเขามังกรดํา
ทั่วร่างในชุดกีฬาสีขาวยี่ห้อหลี่หนิง รูปร่างองอาจ นี่คือหลี่มู่ที่มา
จากดาวโลกนั่นเอง
“นี่คือโลกที่อยู่ด้านหลังกระแสวนมิติหรือ? ข้ารู้สึกได้แล้ว กลิ่น
อายที่คุ้นเคย”
เขาบินอยู่บนท้องฟ้า สีหน้าแช่มชื่น
เวลาเดียวกัน สายฟ้าอัสนีนับไม่ถ้วนเหมือนกับงูคลั่งเริงระบํา ผ่า
ตรงลงมาที่หลี่มู่จากกระแสวนเมฆมารด้านบนที่แผ่คลุมเข้ามา
“เปรี้ยง”ปราณดาบฟ้าประทานไร้รูปร่างไหลเวียน ผ่าสายฟ้าอัสนีเหล่านี้
ขาดกระจายไปทั้งหมด
การกระตุ้นใช้วิชา ความรู้สึกที่อยากทําก็ทําได้เช่นนี้ ไม่ได้เจอเสีย
นาน
เขาใช้วิชากระบี่เหินหาว พุ่งลงไปยังเทือกเขาเบื้องล่าง
“การคาดการณ์ของข้าถูกต้องจริงๆ”
หลี่มู่สัมผัสการไหลเวียนของพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่คุ้นเคยได้จาก
ระหว่างฟ้ากับดิน ในใจเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าตนเองน่าจะมาถึงเขต
ดาราเทพวีรชนแล้ว นี่เป็นความรู้สึกอย่างลึกๆ ไม่ผิดอย่างแน่นอน
ช่วงระยะเวลาหนึ่งปีกว่าในดาวโลก เขาประกอบเอาจากบันทึก
ของมังกรแห่งบาปสีนิลและการทดสอบด้วยตนเองจนคาดการณ์
ออกมาว่า อีกด้านของกระแสวนมิติจะต้องเป็นสถานที่สักแห่งในเขต
ดาราเทพวีรชน หลังจากตรวจสอบมานับครั้งไม่ถ้วน จึงได้ดําเนินการ
ย้อนกลับมา
ในที่สุดก็ได้กลับมายังเขตดาราเทพวีรชนแล้วหรือ?
ที่นี่ไม่น่าจะใช่สถานที่ใดที่หนึ่งบนแผ่นดินใหญ่เสินโจว แต่เป็นดาว
ดวงหนึ่งในเขตดาราเทพวีรชนมากกว่าขณะที่หลี่มู่กําลังพิจารณาอยู่ ระหว่างฟ้าดินได้มีพลังแปลก
ประหลาดไม่รู้ที่มาไหลเวียนก่อตัวขึ้น
ทันใดนั้น…
ตูม!
อัสนีบาตรคําราม
เสียงครืนครันสั่นสะเทือนหูดังขึ้น สายฟ้าเส้นหนานับไม่ถ้วนราว
กับมังกรมารที่ถูกแย่จนโกรธ พุ่งลงมาจากกระแสวนปราณมารบนยอด
เขา ตรงมาหาหลี่มู่หมายมั่นจะสังหาร
“แย่ล่ะ น่าจะเพราะไปฝึกฝนวรยุทธ์บนดาวโลกมา ดังนั้นจึงไป
กระตุ้นเอาปราณทัณฑ์ของดาวดวงนี้เข้า”
ภายใต้การสัมผัสได้ของหลี่มู่ สีหน้าของเขาก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้
เช่นกัน
สายฟ้าอัสนีนี้คือพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์
เช่นเดียวกับมังกรแห่งบาปสีนิลและเจ้าหมียักษ์เปลวเพลิงตนนั้น
ที่พอผ่านกระแสวนมิติเข้ามายังแดนเซียนฉินหลิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับ
ดาวโลก ก็ถูกทัณฑ์สวรรค์พุ่งเข้าโจมตีทันที ยังดีที่วรยุทธ์บนตัวหลี่มู่
ร้อยละเก้าสิบเก้าล้วนฝึกฝนมาจากดาวแผ่นดินใหญ่เสินโจว ไม่ถือว่าเป็นดาวดาวภายนอกเขตดาราเทพวีรชน ดังนั้นปราณทัณฑ์นี้จึงไม่ถึง
แก่ชีวิต
พลังบําเพ็ญของหลี่มู่ในปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดขั้นมหาเทวะ
ชนเข้ากับอัสนีทัณฑ์สวรรค์ตรงๆ เพียงไม่นานก็รู้สึกว่ากินแรง
“เขตแดนจิตดาบ ปราณดาบฟ้าประทานไร้รูปร่าง..เปิดออก”
เขาตะโกนขึ้น เขตแดนเปิดออก จิตดาบไหลเวียน
สายฟ้าอัสนีถูกทําลายทิ้ง
แต่หลังจากที่สายฟ้าถูกทําลาย มันก็เริ่มรวมตัวกันใหม่กลายเป็น
มังกรสีนิลเกล็ดมันวาว กรงเล็บแหลมคมกู่ก้องคํารามราวกับมีชีวิต แยก
เขี้ยวง้างกรงเล็บที่แสนดุร้ายตีวนพุ่งเข้าขย�าหลี่มู่
หลี่มู่มือกําดาบยาว ฟาดฟันใส่มังกรสีนิล
แสงอัสนีไหลเวียนเต็มท้องฟ้า ทําลาย จากนั้นได้รวมกันใหม่
กลายเป็นเทพโบราณในชุดเกราะร่างหนึ่ง ขี่ม้าศึกโบกหอกยาวพุ่งตรง
เข้าหาหลี่มู่
“ทัณฑ์สวรรค์เปลี่ยนรูปร่างเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?”
หลี่มู่รู้สึกได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ครั้งนั้นในแดนเซียนฉินหลิ่ง หมียักษ์ตนนั้นถูกทัณฑ์สวรรค์ผ่าจน
ตาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้น เป็นเพราะเจ้า
หมียักษ์ตายไวเกินไปหรือว่าทัณฑ์สวรรค์ของดาวโลกไม่ร้ายกาจ
พอกัน?
หลี่มู่ทําจิตใจให้กระปรี้กระเปร่า เข้าต่อกรกับเทพสงคราม
หลังจากรุกรับกว่าร้อยครั้ง เขาได้สังหารเทพและม้าลงได้
แต่ทว่าอัสนีเต็มท้องฟ้าได้ตีม้วนเข้ามากลายเป็นทหารและม้านับ
พันนับหมื่น สัตว์ร้ายนานาชนิด กลืนร่างของหลี่มู่ไปจนมิด
เขาถูกแสงอัสนีเหล่านี้ขังเอาไว้ในเทือกเขามังกรแห่งบาปถึงสิบวัน
สิบคืน
สิบวันผ่านไป
เขตรอบนอกเทือกเขามังกรแห่งบาป
หลี่มู่ที่ตัวดําปิ๊ ดปี๋ ผิวหนังเหมือนจะไหม้เกรียม ในปากพ่นควันเดิน
โซซัดโซเซออกมา
“รู้สึกเหมือนตัวเองถูกย่างจนสุกเลย”หลี่มู่เกิดความรู้สึกว่า แค่เอาเกลือกับเครื่องเทศมาสาดใส่ตนเอง ก็
คงกลายเป็น ‘คนย่างทั้งตัว’ อาหารรสเลิศได้แล้ว
แค่อ้าปากก็สามารถได้กลิ่นย่างเนื้อแล้ว ผิวหนังทั่วร่างเหมือนกับ
ถูกย่างด้วยความร้อนสูง ปริแตกจนเลือดออก เส้นผมขนคิ้วทั้งหมดถูก
ทัณฑ์อัสนีเผาจนกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว ปราณแท้ในร่างกายรวมไปถึง
ปราณแห่งความปั่ นป่วนก็ถูกใช้จนเกือบหมด
สิบวันสิบคืน เขาเหมือนกับซุนหงอคงที่อยู่ในเตาปากั้วอย่างไร
อย่างนั้น ถูกทัณฑ์อัสนีนับไม่ถ้วนโถมโจมตี ชุบร้อน
จินตนาการออกเลย ถ้าหากโดนทัณฑ์สวรรค์ฉบับเต็มเข้าไปล่ะก็
หลี่มู่คงจะกลายเป็นผุยผงไปนานแล้ว
ทัณฑ์สวรรค์สลายไป
เขาทนมันมาได้
แต่การต้านตรงๆ กับปราณทัณฑ์เช่นนี้ก็ยังได้รับบาดเจ็บ
ปราณแท้ ปราณแห่งความปั่ นป่วนในร่างกายถูกใช้ไปเกือบหมด
หลู่ตอนนี้เหลือเพียงความแข็งแกร่งทางกายเนื้อ ไม่สามารถบินได้ ไม่
สามารถบีบความว่างเปล่าได้ ดังนั้นจึงทําได้เพียงเดินออกมาทีละก้าว
ด้วยเท้าทั้งสองระหว่างทาง เขาพบว่าดาวดวงนี้มีพลังวิญญาณฟ้าดินมากกว่าที่
โลกนับร้อยเท่า แต่เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่เสินโจวกลับยังห่างอยู่
พอควร
การฟื้ นฟูอาการบาดเจ็บ ต้องใช้เวลานับเดือน
หลี่มู่เดินโซซัดโซเซออกมาจากเทือกเขามังกรแห่งบาป เตรียมหา
สถานที่เพื่อพักฟื้ นอาการบาดเจ็บ
ถึงแม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ในใจของหลี่มู่รู้สึกดีอย่างมาก
เพราะการผ่านทัณฑ์สวรรค์ก็คือการฝึกบําเพ็ญประเภทหนึ่ง เป็น
โอกาสประเภทหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัณฑ์สวรรค์อัสนีบาตรเช่นนี้ แม้จะมีอันตราย
อย่างมาก แต่พอผ่านมาได้ก็ได้รับประโยชน์มามากเช่นกัน หลี่มู่รู้สึกได้
หลังจากผ่านการชุบร้อนของทัณฑ์สวรรค์อัสนีบาตนับไม่ถ้วนนั่นมา ต้น
กําเนิดพลังในร่างกายตนเองกําลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอันมหัศจรรย์
เหมือนกับแผ่นดินที่แตกระแหง จู่ๆ ได้มีหญ้าเขียวต้นหนึ่งงอกงาม
ขึ้นมา ถึงแม้จะเป็นเพียงจุดเขียวเล็กๆ แต่กลับเต็มไปด้วยความหวัง
แห่งอนาคต
หลี่มู่มีลางสังหรณ์ ว่าขอแค่รักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี การ
ทะลวงเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ก็จะเหมือนกับน้ำที่ไหลเข้าสู่ทางน้ำเขาสังเกตพื้นที่รอบๆ คิดจะหาสถานที่ที่เหมาะสมกับการพักฟื้ น
รอบนอกเทือกเขามังกรแห่งบาป เริ่มปรากฏต้นไม้ใบหญ้า ความ
เขียวขจีของหุบเขา มีสายน้ำไหลและเริ่มปรากฏกลิ่นอายแห่งชีวิตขึ้น
หลี่มู่มาถึงที่ลุ่มหุบเขาแห่งหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม เสียงนก
ร้องหอมกลิ่นแมกไม้ ทิวทัศน์อันชวนหลงใหล เขาถอดเอาชุดกีฬาหลี่ห
นิงที่ถูกสายอัสนีฟาดจนแทบจะกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้วออก ขณะที่
กําลังจะกระโดดลงบึงน้ำเพื่อชําระล้างร่างกาย จู่ๆ บนท้องฟ้าที่ห่าง
ออกไป มีลําแสงหลายสายพุ่งทะยานสว่างวาบด้วยความเร็วสูง เสียง
แหวกอากาศดังขึ้น อย่างน้อยน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดขั้นฟ้า
ประทาน
“หาให้ละเอียด ห้ามปล่อยปีศาจสาวตนนั้นให้หนีไปได้”
“อยู่ในเขตนี้แน่นอน นางไม่กล้าเข้าไปในเขามังกรแห่งบาป
ดินแดนต้องห้ามหรอก”
“หากจับนางได้ ท่านผู้นําจะต้องตบรางวัลอย่างงามแน่”
เสียงดังลอดมาจากฟากฟ้า ราวกับเสียงฟ้าผ่า สั่นสะเทือนขึ้นรอบ
ทิศทางไม่นานนัก ได้มีลําแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าส่องประกายวิบวับขึ้นอีก ส่ง
เสียงครืนครันเข้ามา หลายร้อยคนเป็นอย่างต�า ค้นหาไปๆ มาๆ ในรัศมี
ร้อยลี้ เห็นได้ชัดว่ากําลังหาตัวใครอยู่
หลี่มู่เงยหน้ามองอยู่ครู่ ค่อนข้างแปลกใจและดีใจ
บนดาวดวงนี้ก็มีผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์อยู่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นภาษาที่ใช้
ยังละม้ายคล้ายคลึงกับแผ่นดินใหญ่เสินโจว เขาสามารถฟังออก การคง
อยู่ของขั้นฟ้าประทานนับร้อย ในแผ่นดินใหญ่เสินโจวถือว่าเป็นขั้ว
อํานาจที่ไม่ธรรมดา เพียงแต่อาศัยแค่จุดนี้ก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ ว่า
อารยธรรมวิถียุทธ์บนดาวดวงนี้กับอารยธรรมวิถียุทธ์บนแผ่นดินใหญ่
เสินโจวใครแข็งแกร่งกว่ากัน
มีคน มียุทธจักร
เมื่อมียุทธจักร ก็สามารถหาข้อมูลได้
แต่ว่า พลังของเขาตอนนี้ยังไม่ฟื้ นคืนสมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะ
เข้าไปหาคนเหล่านี้ทันที
ล้างตัวให้สะอาดก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ขณะที่เขากระโดดตัวเปลือยลงไปในบึงน้ำตรงหน้า เตรียมที่จะ
ชําระล้างกายให้สะอาดอยู่นั้น จู่ๆ เมื่อก้มลงไปมองก็พบว่าใต้ผิวน้ำ ใต้ก้อนหินที่ยื่นออกมาจากใต้น้ำก้อนหนึ่ง หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเขียว
คนหนึ่ง แนบตัวชิดกับส่วนใต้ของก้อนหินเหมือนกับนางเงือกตนหนึ่ง
อย่างไรอย่างนั้น หลบซ่อนอยู่เงียบๆ
นี่เป็นสาวงามที่ดูพิเศษหน่อย ผมยาวสีเขียวอ่อนเหมือนสาหร่าย
ทะเลลอยแผ่อยู่ในน้ำ ชุดกระโปรงสีเขียวที่ถูกน้ำในบึงจนเปียกชุ่มแนบ
เนื้อ ขับเด่นหน้าอกคู่ตระหง่านและสองขาที่เรียวยาว ส่วนเว้าโค้งที่ทํา
เอาคนวิงเวียน ส่วนเอวเผยออกมาให้เห็น เรียวเล็กสวยงาม ผิวเนื้ออ่อน
ดุจหิมะ ขาวจนแสบตา ดวงตากลมใหญ่มีประกาย ผิวกายราวหยกขาว
เป็นสาวงามระดับงามล่มเมืองเลยทีเดียว
หลี่มู่ตอนนี้รู้สึกมึนงง
นี่มันสถานการณ์อะไร
ทําไมก่อนหน้านี้จึงไม่รู้สึกถึงตัวนางเลย?
มีวิชาพรางตัวพิเศษหรือ?
เขารีบปิดหว่างขาของตนเองตามสัญชาติญาณ
ให้ตายเถอะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงจนคนอื่นต้องผวาอย่าง
อ๋องขาวพิสุทธิ์ เทพดาบ เทพสังหารตะวันออก เทวะยุทธ์…. กลับมาถูก
ผู้หญิงคนหนึ่งเห็นจนหมดไม่มีเหลือแบบนี้? นี่มันหายนะชัดๆขณะที่หลี่มู่มองเห็นหญิงสาวที่เหมือนกับนางเงือกสีเขียวตนนี้
สายตาของอีกฝ่ายก็จับจ้องมาเช่นกัน
ชัดเจนว่าก่อนที่หลี่มู่จะลงน้ำ นางก็เห็นหลี่มู่อยู่ก่อนแล้ว
สี่ตาประสานกัน ในดวงตาของหญิงสาว มีประกายความหมดหวัง
ความเย็นชา และยังมีความร้อนรน ยังคงทําตัวแนบติดกับก้อนหิน
ส่วนล่างด้านหลังอยู่เช่นนั้นไม่ขยับเขยื้อน ไม่อ้าปากพูดอะไร และยิ่งไม่
มีอาการที่จะลงมือ ราวกับกําลังรอการเคลื่อนไหวต่อไปของหลี่มู่อยู่
และหลี่มู่ในตอนนี้ก็ได้เข้าใจขึ้นมา
ผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานนับร้อยบนฟ้า ที่กําลังค้นหาสิ่งที่เรียกว่า
‘ปีศาจสาว’ อย่างเอิกเกริก ก็น่าจะเป็นนางเงือกสีเขียวตรงหน้านี้นี่เอง
นางใช้วิชาพรางตัวพิเศษบางอย่าง ซ่อนตัวอยู่ส่วนล่างของหินที่
อยู่ใต้น้ำทําให้ไม่โดนพบตัว แต่ดันมาโดนหลี่มู่เห็นเข้าโดยบังเอิญ
หลี่มู่คิดๆ ดึงเอาหญ้าน้ำขึ้นมาพันรัดส่วนหว่างขาปิดบังส่วนสําคัญ
เอาไว้ จากนั้นก็ทําเป็นเหมือนไม่เห็น ชําระคราบถ่านดําบนตัวออก
ผ่านไปครู่หนึ่ง การรักษาตัวเองของกายเนื้อมีการพัฒนา บาดแผลที่
แตกออกได้ผสานกันจนสนิท หลี่มู่ในตอนนี้ตัวยังคงดําปี๋ อยู่ ไม่มีเส้นผม
ขนคิ้ว ราวกับเป็นคนป่าจากภูเขาอย่างไรอย่างนั้นฟิ้ วๆๆ!
ลําแสงหลายสายพุ่งลงมา กลายร่างเป็นเงาคนยืนอยู่ข้างบึงน้ำ
“เอ๋? ตรงนี้มีลิงป่าอยู่ตัวหนึ่งด้วย” มีคนมองเห็นหลี่มู่ เอ่ยขึ้นอย่าง
ประหลาดใจ
……………………………………