จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 527 สํานักชําระดาบ
เยี่ยอู๋เหินถึงแม้จะอายุเพียงสิบแปดปี แต่ในฐานะที่เป็นธิดาเทพ
ลัทธิเทพ หลายปีที่ผ่านมาท่องไปในยุทธภพ อุบายและเรื่องแปลก
ประหลาดที่ได้เจอมีไม่รู้ต่อเท่าไหร่ รู้ซึ้งดีถึงด้านมืดของมนุษย์ ทันทีที่
เห็นหลี่มู่ก็รีบสํารวจร่างกายของตัวเองทันที เมื่อพบว่าเสื้อผ้ายัง
เรียบร้อยดี ไม่มีใครลงมือทําอะไร ร่างกายก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นี่ถึงได้โล่
งอก
แต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็กระโดดลุกขึ้นทันที ก่อนจะโคจร
วิชา ทั้งตัวเกร็งเหมือนกับธนูที่ขึ้นสายเต็มแรง มองหลี่มู่อย่าง
ระแวดระวัง “เจ้าเป็นใคร?”
หลี่มู่ย่างปลาอย่างตั้งอกตั้งใจ
เขาพบว่าปลาของโลกใบนี้ หลังจากย่างสุกแล้ว โรย ‘สือซานเซียง
ยี่ห้อหวางโส่วอี้[1]’ ทา ‘เหล่ากานมา[2]’ ลงไปอีกนิด รสชาติอร่อยล�า
เหลือ ได้ยินดังนั้นก็ตอบไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง “เจ้าตื่นแล้ว
หรือ? อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”สีหน้าระแวดระวังบนใบหน้าเยี่ยอู๋เหินไม่อ่อนลงแม้แต่น้อย แต่
กลับถามอย่างดุดันเย็นเยียบ “บอกมา เจ้าเป็นใครกันแน่? เข้าใกล้ข้ามี
จุดประสงค์อะไร?”
หลี่มู่หัวเราะพลางพลิกย่างปลาอย่างชํานาญ ก่อนตอบ “ข้า? ก็คือ
ลิงสีดําตัวนั้นเมื่อตอนบ่ายไง เจ้าจําไม่ได้แล้วหรือ?”
เยี่ยอู่เหินชะงัก ก่อนจะตั้งสติกลับมา “เจ้า…ก็คือคนป่าเขามังกร
โฉดคนนั้น?”
หลี่มู่พยักหน้า “จะพูดอย่างนั้นก็ได้ อย่างไรเสียลิงกับคนป่าก็ไม่ใช่
คําที่ดีอะไรทั้งนั้น”
เยี่ยอู๋เหินไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ นางประเมินอย่างละเอียด ตอนนั้นห
ลี่มู่ตัวดําเมี่ยมไปทั่งร่างเหมือนสัตว์ประหลาด อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่
ตอนนี้ไม่ได้ดําขนาดนั้นแล้ว ผิวสีน�าตาล ผมค่อนข้างสั้น ขนคิ้วก็งอก
ออกมาแล้วด้วย แถมยังสวมเสื้อแขนยาวสีขาว ดูแล้วสบายตาขึ้นมาก
เทียบกับรูปลักษณ์อย่างลิง คนป่าเมื่อก่อนหน้านี้แล้วเชื่อมโยงกันไม่ได้
เลย แต่หากพิจารณาอย่างละเอียดแล้วล่ะก็ จะพบว่ารูปลักษณ์
คล้ายกันมาก“เจ้าทําอะไรกับข้า?” เยี่ยอู๋เหินจําดาบที่ย่างปลาในมือหลี่มู่ได้ นั่น
คือ ‘ดาบชําระจันทร์’ ของตน “เจ้าแกล้งเป็นใบ้เข้าใกล้ข้าเพื่อ
จุดประสงค์อะไร?”
“ไม่ได้ทําอะไร ก็แค่ป้อนยาเจ้าเม็ดหนึ่งเท่านั้น” หลี่มู่รู้สึกว่าปลา
ย่างได้สุกดีแล้วก็ดึงปลาย่างออกมาจากดาบโค้ง ตัวดาบวาววับส่ง
ประกายวาวแววใต้แสงจันทร์ นี่เป็นดาบยาวระดับอาวุธเต๋า ไม่ธรรมดา
เลย เพียงแต่อักขระข้างในไม่ค่อยสมบูรณ์ เหมือนยังมีผนึกอะไรอยู่
ดังนั้นจึงไม่อาจสําแดงพลังทั้งหมดออกมาได้ เขาโยนดาบโค้งกลับไป
“วางใจเถอะ ข้าไม่มีจุดประสงค์อะไรทั้งนั้น…ใช่แล้ว แล้วก็อย่าทําหน้า
เย็นชาตลอดแบบนั้นสิ หิวไหม? ข้าจะทําบะหมี่ให้กิน…เอ่อ พูดผิด กิน
ปลาย่างหน่อยไหม? ”
เยี่ยอู๋เหินรับ ‘ดาบชําระจันทร์’ เช็ดมันอย่างเจ็บปวดหัวใจ “เจ้า
ป้อนยาให้ข้า? ป้อนยาอะไร ตกลงเจ้าเป็น…”
พูดยังไม่ทันจบ นางก็พลันสัมผัสได้ว่าบาดแผลในกายฟื้ นฟูแล้ว
โดยสมบูรณ์ บาดแผลภายในที่ประมือสู้กับยอดฝีมือสมาพันธ์สี่เมืองที่
ทิ้งเอาไว้ในตอนนั้นก็หายไปแล้วเช่นกัน ปราณแท้ในกายหอบม้วนถา
โถม มีสภาวะเพิ่มพุ่งพรวด ‘วิชาเสวียนหนี่ว์เก้าหยิน’ มีแนวโน้มว่าจะ
ทะลวงขั้นที่เจ็ดอยู่รางๆ คราวนี้ คําถามข้างหลังก็ไม่พูดต่อไปแล้ว“เจ้าไม่กิน งั้นข้ากินก่อนนะ” หลี่มู่แบ่งปลาเป็นสองส่วน ตัวเองยก
ครึ่งตัวนั้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย
เยี่ยอู๋เหินสัมผัสสภาวะภายในร่างกายอย่างละเอียด พบว่าไม่มีที่ใด
ผิดปกติจึงได้วางใจลงเล็กน้อย
นางเช็ดคราบน�ามันบน ‘ดาบชําระจันทร์’ หมุนตัวก็คิดจะจากไป
แต่กลิ่นหอมยั่วยวนของปลาย่างเตะจมูก นางไม่ใช่คนที่
ตะกละตะกลามอยากกิน กระทั่งว่าสิบหกปีที่ผ่านมานางใช้เงื่อนไขที่
ยากลําบากที่สุดมาฝึกฝนตนเองอยู่ตลอด แต่ในชั่วขณะนี้ ไม่รู้ว่าทําไม
ขายากที่จะก้าวออกไป ท้องมีเสียงร้องจ๊อกๆ หิวกระหายดังลอยมา
นางคิดๆ แล้วก็เดินมาอย่างไม่รู้ตัว คว้าปลาย่างอีกครึ่งตัวที่เหลือ
นั่นแล้วก็เริ่มกิน
แสงจันทร์ ริมแม่น�า สายลมราตรีเย็นสบาย
หลี่มู่กินปลาครึ่งตัวหมดรู้สึกแค่ว่ากลิ่นหอมรสชาติยังอวลอยู่ใน
ปาก พอใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในเนื้อปลานี่แฝงด้วยพลังฟ้าดิน กินแล้วมีประโยชน์
โยนฟืนเข้าไปในกองไฟอีกสองสามท่อน หลี่มู่มองเด็กสาวชุดเขียว
ที่กินได้เรียบร้อยมาก ก็เอ่ยถามไปตามปาก “ใช่แล้ว สมาพันธ์สี่เมืองเป็นกลุ่มอะไรน่ะ? แล้วก็ทําไมพวกเขาถึงเรียกเจ้าว่านางมารเผ่าปีศาจ
เจ้าอยู่ลัทธิอะไร?”
เด็กสาวชุดเขียวมองหลี่มู่แวบหนึ่ง ในดวงตาโตงดงามมีรอยเย็นชา
จางๆ “เรื่องที่ไม่ควรถาม อย่าถาม”
หลี่มู่ “…”
ทําไมพูดกับผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตแบบนี้ล่ะ?
แม่เด็กผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้เป็นโรคกลัวการเข้าสังคมหรอกนะ
แต่ว่า เพราะฝึกฝนปราณแท้บริสุทธิ์ออกมาได้ อีกทั้งยังหาทางมุ่ง
ตรงไปเขตดาราเทพวีรชนจากโลกได้เลย เรื่องที่เขาวางแผนเอาไว้มี
พื้นฐานที่จะเป็นจริง อารมณ์ของหลี่มู่ดีไม่น้อยเลยก็ขี้เกียจจะไปถือสา
หาความอะไรกับสตรีชุดเขียว
เด็กสาวกินปลาเสร็จก็ลุกยืนขึ้น ชุดเขียวก็แห้งแล้วเช่นกัน นาง
ลอยล่องกลางสายลมราตรี ให้ความรู้สึกงดงามพิลาศอย่างหนึ่งจริงๆ
“เจ้าไสหัวไปเสีย ข้าไม่ฆ่าเจ้า จะไว้ชีวิตเจ้า เราสองคนไม่ติดหนี้
กัน” เด็กสาวชุดเขียวเอ่ย
หลี่มู่ “…”จะไสหัวไปก็ต้องเป็นเจ้าที่ไสหัวไปสิ
ที่นี่เป็นที่ข้าจับจองก่อน
หลี่มู่ประสานมือไว้ที่ท้ายทอย เอนกายลงข้างกองไฟ “ไม่ได้อะ
เพิ่งกินเสร็จกินอิ่มจนจุกเลย ต้องพักให้อาหารย่อยแป๊ปนึงถึงจะขยับตัว
ได้”
ในตาของเด็กสาวชุดเขียวฉายแววเหี้ยมโหดทันที
‘ดาบชําระจันทรา’ ในมือแทบจะฟันลงไป
ในฐานะที่เป็นธิดาเทพลัทธิมาร ที่ผ่านมาคําพูดของนางเมื่อ
ออกไปก็ประหนึ่งกฎหมาย ใครกล้าขัดขืนก็ออกดาบฟันทันที แต่…คน
เบื้องหน้าคนนี้ถึงอย่างไรก็ช่วยตนเอาไว้ นางจําเรื่องที่เกิดขึ้นที่แอ่งน�า
ในหุบเขาได้แล้ว หากไม่ใช่ ‘คนป่า’ คนนี้ช่วยตัวเองออกมาจากภูเขา
ปล่อยให้ตนหมดสติอยู่ริมแอ่งน�า เกรงว่าตอนนี้คงถูกสุภาพบุรุษ
จอมปลอมสมาพันธ์สี่เมืองพวกนั้นจับตัวไปแล้ว
ในใจถึงแม้จะไม่ชอบ แต่นางลงมือทําเรื่องราวล้วนมีข้อจํากัดของ
ตัวเอง
“เจ้าจะไสหัวไปไหม? หากไม่ไสหัวไปก็ไม่ทันการณ์แล้วนะ” เด็ก
สาวชุดเขียวจ้องหลี่มู่เขม็ง แววตาเย็นชาหลี่มู่ตอบทันที “ไปไม่ไหว”
เด็กสาวชุดเขียวเอ่ยหัวเราะเสียงเย็น “ดี นี่เป็นเจ้าที่รนหาที่ตาย
เอง อย่ามาเสียใจล่ะ”
นางกํา ‘ดาบชําระจันทร์’ จัดการเรือนผมงามของตนเบาๆ จากนั้น
ก็เงยหน้ามองท้องฟ้าทางตะวันออก
เสี้ยวขณะต่อมา เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ก็เห็นลําแสงหลายสิบทางแหวกผ่านฟากฟ้าราตรีมาอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะร่อนลงข้างแม่น�า แล้วแปลงเป็นเงาร่างคนสิบห้าคน ล้อมหลี่มู่
และเด็กสาวชุดเขียวจากทั่วทุกทิศ ล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า
ประทาน กลิ่นอายไม่ธรรมดา จิตสังหารคุกรุ่น
เป็นคนของสมาพันธ์สี่เมือง
“ฮ่าๆ นางมาร ในที่สุดพวกเราก็หาเจ้าเจอ ดูสิว่าเจ้าจะหนีไป
ไหน” คนที่พูดก็คือจอมยุทธ์น้อยเสื้อสีน�าเงินที่ปรากฏกายก่อนหน้านี้
คนนั้น จ้องเด็กสาวชุดเขียวเยี่ยอู๋เหินตาไม่กระพริบด้วยสีหน้าได้ใจ
รวมถึงชายหนวดเคราด้วย และผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานที่
ปรากฏขึ้นที่ริมแอ่งน�าในหุบเขาก็รวมอยู่ในนี้ด้วยเช่นกันชายชราชุดดําผมเทาขาวคนหนึ่งในนั้นสีหน้าโหดเหี้ยม จิตสังหาร
รุนแรงที่สุด เป็นผู้นําของคนทั้งสิบห้านี่
“ศูนย์รวมลัทธิมารใกล้จะล่มสลายเต็มที พวกเจ้าสํานักชําระดาบ
เป็นแค่หนึ่งในสายแยกจากลัทธิมารทั้งสี่เท่านั้น รังนกเมื่อคว�าแล้วไซร้
ไร้ซึ่งไข่ใบสมบูรณ์ จะโชคดีรอดไปได้อย่างไร เยี่ยอู๋เหิน หากเจ้า
ทําลายวรยุทธ์ตัวเองยอมให้จับแต่โดยดี ยอมรับผิด ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า
มิฉะนั้น ข้าจะให้ปีศาจลัทธิมารอย่างเจ้าจะอยู่ก็ไม่ได้ สลายเป็นเถ้า
ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด” ชายชราชุดดําสีหน้าเหี้ยมโหด เอ่ยด้วยน�าเสียงดุดัน
เด็กสาวชุดเขียวเยี่ยอู๋เหินตอบกลับไป “สมาพันธ์สี่เมืองก็แค่สัตว์ที่
ทําเรื่องน่าละอาย ใช้ชื่อว่าเป็นสํานักดังผดุงความยุติธรรม แต่กลับ
สมคบคิดฆ่าคนวางเพลิง ช่างน่ารังเกียจนัก ให้ข้าก้มหัวให้พวกเจ้า
เช่นนั้นแล้วจะไปต่างอะไรกับสุนัขที่ถูกตีหลังหัก? พวกเจ้าคู่ควรอย่าง
นั้นรึ?”
“หึ ดื้อดึงนัก” ชายชราชุดดําสะบัดมือ “บุก เจ้าสมาพันธ์มีคําสั่ง
จับเป็น”
ร่างเงากะพริบ
การต่อสู้เริ่มขึ้นในชั่วพริบตาทันที‘ดาบชําระจันทร์’ ในมือของเด็กสาวชุดเขียวเยี่ยอู๋เหิน ฟาดฟัน
แสงจันทร์ แสงดาบส่องกะพริบพร่างพราย ในท้องฟ้ามีแสงเลือดไหว
กะพริบพุ่งไปทางผู้แข็งแกร่งฟ้าประทานทั้งสามเบื้องหน้า พวกเขาหัว
กับตัวแยกไปคนละทางทันที
“อาการบาดเจ็บของนางฟื้ นฟูแล้ว!” จอมยุทธ์น้อยเสื้อสีน�าเงิน
ตกใจ ถอยหลังดึงระยะห่างทันที
ชายมีหนวดเคราก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน
ธิดาเทพแห่งสํานักชําระดาบเยี่ยอู๋เหินหนึ่งในสี่สายลัทธิมาร ใน
ยุทธจักรก็เป็นมารสาวที่เลื่องชื่อ พลังน่าหวาดกลัว อายุน้อยๆ ก็เป็นขั้น
เหนือมนุษย์แล้ว ครั้งนี้เพราะนางบาดเจ็บพวกเขาถึงได้กล้าไล่ล่าโจมตี
มาถึงที่นี่ คิดไม่ถึงว่า พลังของมารสาวกลับเหมือนฟื้ นฟูขึ้นแล้ว สิบกว่า
คนพวกนี้ทําอะไรนางไม่ได้เลย
“ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ”
ชายมีหนวดเคราสะบัดมือส่งสัญญาณระเบิด กลางท้องฟ้า ภาพ
พลุพุ่งไปทางตะวันออกสามารถมองเห็นได้หลายร้อยลี้ เจิดจ้าพร่าง
พรายเป็นอย่างยิ่งแต่ดาบในมือของเยี่ยอู๋เหินเร็วยิ่งกว่า ชั่วแสงดาบส่องกะพริบ ผู้
แข็งแกร่งฟ้าประทานของสมาพันธ์สี่เมืองอีกห้าหกคนก็ถูกสังหารลง ณ
ตรงนั้น
“จับพวกของนางเป็นตัวประกัน” จอมยุทธ์น้อยเสื้อน�าเงินกวาด
ตามองหลี่มู่ จําไม่ได้ว่านี่คือ ‘คนป่า’ ที่เขาดูถูกข่มขู่เมื่อก่อนหน้านี้
ตะโกนเสียงดัง ในขณะเดียวกันกระบี่ในมือก็พุ่งไปทางหลี่มู่ราวสาย
อัสนี
ถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกันแล้วรึ?
หลี่มู่ลูบคาง
คราวนี้โคลนสีเหลืองเลอะเป้ากางเกง ไม่ใช่ขี้ก็มีแต่อุจจาระแล้ว
ทว่า ยังไม่ทันที่หลี่มู่จะลงมือ เยี่ยอู๋เหินก็เคลื่อนไหวเปลี่ยน
ตําแหน่งว่องไว เงาสีเขียวมาปรากฏข้างกายหลี่มู่ในเสี้ยวพริบตา
ประหนึ่งภูตผี ก่อนจะรับแสงกระบี่เอาไว้ แล้วถีบจอมยุทธ์น้อยเสื้อน�า
เงินกระเด็นออกไป
“บอกให้เจ้าไปตั้งนานแล้ว” เยี่ยอู๋เหินถลึงตามองหลี่มู่ ก่อนจะ
แค่นเสียงเย็น “ตัวถ่วง”ก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่ได้สติ นางไม่อาจโคจรวิชาลับ ปกปิดร่องรอย
ตัวเอง ยามเมื่อร่างกายฟื้ นตัวพลังในกายไหลเวียนไปตามธรรมชาติ แต่
สุดท้ายคนของสมาพันธ์สี่เมืองก็สัมผัสได้อยู่ดี ก่อนหน้านี้นางให้หลี่มู่
จากไป อันที่จริงก็เพราะสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของผู้ไล่ล่า ไม่อยากทํา
ให้หลี่มู่พลอยลําบากไปด้วย พูดจาดุดัน แต่จริงๆ แล้วนั้นหวังดี
“ข้ากับนางไม่ใช่พวกเดียวกัน พวกเจ้าอย่าเข้าใจผิด” หลี่มู่นั่งลง
ข้างกองไป แก้ตัวเสียงดัง
“โง่ พวกคนจอมปลอมพวกนี้มันจะฟังเจ้าหรือไร?”
เยี่ยอู๋เหินจนคําพูดกับหลี่มู่จริงๆ คนแบบนี้หากท่องไปในยุทธภพ
อย่างมากอยู่ได้ไม่เกินสามวัน ตายยังไม่รู้ว่าตายอย่างไร
นางบุกไปอย่างว่องไว กระบวนสังหารพลังดาบสําแดงออกมา
สังหารคนเหมือนถางหญ้า ผู้แข็งแกร่งฟ้าประทานต่างล้มลง
นี่คือจะฆ่าคนปิดปาก
“ถอย ถอยเร็ว” ชายชรามีหนวดเคราตกใจ หมุนตัวหนี
ในขณะเดียวกัน จอมยุทธ์น้อยเสื้อน�าเงินหนีไปไกลสองลี้โดยไม่
แม้แต่จะหันกลับมาเด็กสาวชุดเขียวเยี่ยอู๋เหินคิดอยากจะตามไปสังหารให้สิ้นซาก ร่าง
เงากะพริบสองสามที ก็สังหารผู้แข็งแกร่งฟ้าประทานคนอื่นๆ จนหมด
แต่จอมยุทธ์น้อยเสื้อสีน�าเงินและชายมีหนวดเคราสองคนไหวตัวทัน
หนีได้อย่างไม่ลังเล ดึงระยะห่าง จึงไล่ตามไม่ทันแล้ว
นางย้อนกลับมา เช็ดเลือดบน ‘ดาบชําระจันทร์’ จากนั้นก็มองห
ลี่มู่ ไม่พูดอะไรแม้แต่คําเดียวเหมือนกําลังขบคิดอะไร
“เฮ้ เจ้าจะทําอะไร?” หลี่มู่ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย “หรือเจ้าคิดจะฆ่า
ข้า?”
เยี่ยอู๋เหินลังเลเล็กน้อย หัวเราะเสียงเย็นแล้วเอ่ยขึ้น “อย่าพูดมาก
ไม่อยากตายก็ตามข้ามา”
พูดแล้วก็หมุนตัวมุ่งไปนอกภูเขาทันที
……………………………………………
[1] สือซานเซียงยี่ห้อหวางโส่วอี้ เครื่องปรุงชนิดหนึ่ง เป็นผง
เครื่องเทศสิบสามชนิด มักใช้ในการประกอบอาหารจีน
[2] เหล่ากานมา เป็นพริกคั่วน�ามันยี่ห้อดังของจีน