จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 530 ยอดเขาโต๊ะ
บนดาวโลก มีสถานที่สามแห่งที่ชื่อว่าภูเขาสู่ (สู่ซาน) สองที่ตั้งอยู่
ภายในเขตอันฮุย อีกที่หนึ่งอยู่ที่เขตเสฉวน ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือชื่อ
หลัง เป็นภูเขาลือชื่อที่เป็นตัวแทนของเซียนดาบสายหนึ่งแห่ง
วัฒนธรรมจอมยุทธ์ของประเทศจีน
หลี่มู่ไม่รู้ว่าภูเขาสู่ในดาวทุรกันดารนี้จะเกี่ยวข้องกับที่มีบนดาว
โลกหรือไม่
แต่เมื่อมองจากทางเชิงเขา ภูเขาสู่ตรงหน้าสูงตระหง่านทรงพลัง
ลาดชันอันตรายถึงที่สุด ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นแน่นขนัด ทิวเขียวปกคลุมหิน
สีขาว ยอดหินหลายยอดประดุจกระบี่เทพแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลุ
ชั้นเมฆจนเชื่อมต่อฟ้าและดิน เมื่อเทียบกับภูเขาสู่ที่เสฉวนบนดาวโลกก็
แทบจะอันตรายไม่แตกต่างกัน
ความรู้สึกที่ให้ราวกับว่าเมื่อถอนยอดเขาเหล่านี้ออกมากําไว้ในมือ
สักหนึ่งยอด จะเป็นเหมือนกับกระบี่แหวกนภาเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
“ที่นี่คือภูเขาสู่”
ติงอี้เอ่ยขึ้น“สมัยก่อนที่ ‘เซียนกระบี่บัวคราม’ คนนั้นยังไม่หายตัวไป ได้สร้าง
ลัทธิเทพขึ้นโดยตั้งชื่อตามภูเขาสู่แห่งนี้ แบ่งออกเป็นเจ็ดสาย นอกจาก
ชําระดาบ เหนือฟ้า ราชันมังกร เงาจันทร์แล้ว ยังมีฝืนชะตา เซียนแห่ง
ถัง ภูเขาหลี่ ถูกเรียกรวมกันว่าภูเขาสู่ ภูเขาสู่ในครั้งนั้นมองฟ้าดินอย่าง
ผึ่งผาย และถือเป็นยุคสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของดาวทุรกันดาร น่าเสียดาย
ที่ต่อมา คนบนสวรรค์มาเยือนโลกเบื้องล่าง บอกว่ามาล้อมโจมตี
นักโทษผู้ผิดบาป และ ‘เทพกระบี่บัวคราม’ ก็กดถูกเข้าใจว่าเป็น
นักโทษผู้ผิดบาป ศึกใหญ่ได้เกิดขึ้น ภูเขาสู่แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ
ฝืนชะตา เซียนแห่งถังกับภูเขาหลี่ ก็ได้สูญหายไปจากโลกด้วยเหตุนี้…”
ติงอี้รู้สึกทอดถอนใจ
คนผู้นี้เป็นพวก ‘รู้ลึกสารพัด’ จริงๆ เรื่องราวน้อยใหญ่บนยุทธจักร
เขารู้ทั้งหมด แค่ถามขึ้นคําเดียวก็มีตํานานแห่งยุทธจักรมาเล่าเสียแล้ว
ตลอดการเดินทางนี้ จากการพล่ามไม่หยุดปากของติงอี้ หลี่มู่
เข้าใจภาพโครงคร่าวๆ ของดาวทุรกันดาบดวงนี้แล้ว
ตลอดการเดินทางหลี่มู่คิดอยู่ตลอดว่า ‘เทพกระบี่บัวคราม’ ของ
ดาวทุรกันดารนี้จะใช่คนเดียวกับหลี่ไป๋หรือไม่ถึงอย่างไรหลี่ไป๋ก็เป็นหนึ่งในคนที่ก้าวสู่เส้นทางเซียน เดินทาง
ออกมาจากดาวโลก ฉายา ‘อุบาสกบัวคราม’ ก็เป็นผู้แข็งแกร่งด้านวิชา
กระบี่คนหนึ่งด้วย
แล้วพอตอนนี้ได้ยินคําว่า ‘ฝืนชะตา’ ‘เซียนถัง’ และ ‘เขาหลี่’ สาม
คํานี้ ยิ่งทําให้หลี่มู่คิดติดกันมาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองคําหลัง…น่า
กลัวว่า ‘เทพกระบี่บัวคราม’ คนนี้จะเป็นยอดกวีเซียนกระบี่ ‘อุบาสกบัว
คราม’ หลี่ไป๋เสียแล้ว
ในราชวงศ์ถัง ก็มีตํานานเซียนกระบี่ภูเขาสู่อยู่เช่นกัน
ก็ไม่แน่ว่าอาจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ ชื่อของลัทธิถึงถูกเรียกว่าภูเขา
สู่
ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ลองนับจากเวลาดูแล้ว หลังจากหลี่ไป๋ออก
จากแผ่นดินใหญ่เสินโจว ก็น่าจะมาถึงยังดาวทุรกันดารแห่งนี้และ
สถาปนาภูเขาสู่ขึ้น
เบื้องหลังมีเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่นะ?
หลี่มู่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก
ทั้งสองคนเดินทางถนนของภูเขามาครู่หนึ่ง ก็จําเป็นต้องลงจาก
หลังม้าแล้วหลี่มู่สัมผัสได้ พลังวิญญาณในภูเขาเข้มข้นกว่าด้านนอก
หลายเท่าตัว
สามวันก่อนหน้า ถึงแม้เขาจะพยายามเร่งฝีเท้า แต่ก็ไม่ได้เกียจ
คร้านที่จะฝึกฝนเลย ‘ปราณแท้บริสุทธิ์’ ในร่างกายตอนนี้ได้รับการเติม
กลับมาบ้างบางส่วนแล้ว น่าจะเทียบเท่าได้กับระดับสูงสุดขั้นยอด
ปรมาจารย์ แต่ว่าได้ถูกเขาอําพรางเอาไว้ ดังนั้นติงอี้จึงสัมผัสไม่ถึง
ส่วนติงอี้นั้นพลังบําเพ็ญอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรมาจารย์เท่านั้น ยัง
ไม่เข้าขั้นฟ้าประทาน ทว่าตลอดการเดินทางกลับยกตนว่าเป็นจอม
ยุทธ์ชื่อเสียงลือเลื่องฟ้าดิน หลี่มู่ก็ไม่ได้เปิดโปงอะไร
พูดไปพูดมา หลี่มู่ก็ยังรู้สึกนับถือติงอี้คนนี้
ทั้งสองเข้าไปในภูเขาไม่นาน ก็พบกับคนจากยุทธจักรมากมาย คน
เหล่านี้เป้าหมายแตกต่างกัน มีทั้งที่มาเพื่อชมมหรสพอย่างเดียว มีพวก
ที่ได้รับการเชิญจากเพื่อนสนิทในกลุ่มพันธมิตรสี่เมืองฝ่ายธรรมมะและ
สามพรรคกระบี่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้มาร่วมรบ ล้อมโจมตีพวกลัทธิมาร
ส่วนติงอี้ก็อาศัยเพียงลมปากอันจัดจ้าน ผสมโรงเข้าไปในกลุ่มบู๊
ลิ้มต่างๆ เยินยอสมคบกันและกัน จนสามารถกลายเป็นพี่น้องสาบาน
กับศิษย์คนหนึ่งจากสํานักวายุเมฆา จนได้ขึ้นไปยัง ‘เรือล่องลม’ เหยียบ
ขึ้นไปยังเรือเหาะของสํานักวายุเมฆา ตรงเข้าไปยังส่วนลึกของภูเขาสู่สํานักวายุเมฆานี้เป็นสํานักระดับกลางของดาวทุรกันดาร
เนื่องจากได้รับการเชิญจากผู้อาวุโสสํานักกระบี่ทะเลประจิมหลินอวี่
หานที่เป็นหนึ่งในสามสํานักกระบี่ยิ่งใหญ่ จึงยกกันมาทั้งสํานักเพื่อเข้า
ช่วยล้อมโจมตีลัทธิมาร ดังนั้นเรือเหาะจึงได้เข้าสู่การปิดล้อมวงนอก
ของพันธมิตรฝ่ายธรรมมะ โดยไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด
หลังจากหลี่มู่เข้ามาในภูเขาสู่ เดิมทีคิดจะหาโอกาสแยกทางกับติง
อี้เพื่อเดินทางต่อคนเดียว แต่พอขึ้นเรือมาแล้วก็ได้เปลี่ยนความคิด
เนียนอยู่ในฝ่ายธรรมมะดูก่อนค่อยว่ากัน
……
“เข้าไปแล้วต้องระมัดระวังให้มาก ความปลอดภัยมาเป็นอันดับ
แรก”
ดาวโลก ด้านนอกภูเขาสู่ในเขตเสฉวน
ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบการเชื่อมพันธมิตรยุทธ์ระดับสูงสุดของ
ฝ่ายรัฐบาลจีน ฟ่านจู่อั๋ง และเลขาลับซูชั่วได้มาส่งตัวชาวบู๊ลิ้มประเทศ
จีนที่จะเข้าสู่แดนเซียนภูเขาสู่
สัญญาณการเปิดแดนเซียนภูเขาสู่ เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อน หมอก
มิติปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในสามชั่วโมงก่อนหน้าฝ่ายทหารเลือกกลุ่มกองกําลังพิเศษ และได้ดําเนินการในกลุ่ม
พันธมิตรยุทธ์อย่างรวดเร็ว จัดตั้งกลุ่มสํารวจขนาดเล็กที่นําโดยรอง
ผู้นํากลุ่มพันธมิตรยุทธ์เจ้าสํานักคีรีบรรพการกู่ล่าง รวมไปถึงรอง
กรรมการพันธมิตรยุทธ์อย่างเซี่ยวตง ลู่ซุน ลั่วเสวียนซิน ชิวสุ่ยหมิงทั้งสี่
คน เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปสํารวจในแดนเซียน
สองปีที่ผ่านมา มนุษย์บนดาวโลกได้รําผลประโยชน์อย่างมหาศาล
จากการเข้าสํารวจแดนเซียนแดนลับแล
ผลประโยชน์นี้ ไม่เพียงแต่จํากัดอยู่ที่การเพิ่มพลังให้แก่ ‘มนุษย์
พันธุ์ใหม่’ ผู้แข็งแกร่งวิธียุทธ์และผู้มีพลังวิเศษ แต่ยังมีพวกพืช
สมุนไพรผลไม้นาๆ ชนิดที่ส่งเสริมด้านการแพทย์ ชีววิทยาของดาวโลก
เป็นอย่างมาก และพวกหินแร่ ธาตุ โลหะที่หายาก มีอยู่น้อย รวมไปถึง
ไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ยังยกระดับวัตถุดิบทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ของโลก ค่อยๆ ซึมเข้าสู่วิถีชีวิตมนุษย์ในหลายๆ ด้าน
พลังการทหารและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีบนดาวโลก ได้โหมพัด
ขึ้นอย่างบ้าคลั่งด้วยเหตุนี้
จากผลกระทบที่ได้รับ ความร่วมมือและการแย่ง่ชิงระหว่าง
ประเทศมหาอํานาจบนโลก ได้เปลี่ยนจากวงการแหล่งทรัพยากร
ระเบิดนิวเคลียร์ในวันวาน กลายมาเป็นการแย่งชิงแดนลับแล ร่องรอย
แดนเซียนไปแล้ว…แน่นอน การแย่งชิงที่ค่อนข้างสงบเช่นนี้ เกิดขึ้นจากพื้นฐานของการเข้าสังหารกลุ่มองค์กรก่อการร้าย ลัทธิชั่วร้ายของ ‘เทพ
สังหารตะวันออก’ เมื่อสองปีก่อน
ทุกครั้งที่มีการเปิดแดนเซียน ทั่วทั้งโลกล้วนจับตามอง
ทุกครั้งที่ในแดนเซียนเปิดใหม่มีตัวยา แร่ธาตุหรือโลหะใหม่ถูก
ค้นพบออกมา ล้วนทําให้เกิดการจับตามองและแย่งชิงขึ้นทั่วโลก
ครั้งนี้ การเปิดของแดนเซียนภูเขาสู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่า
นั้นสัญญาณต่างๆ ก่อนหน้า ยังสร้างความประหลาดใจเสียยิ่งกว่าการ
เปิดแดนเซียนฉินหลิ่งครั้งแรกอดีตเสียอีก ด้วยเหตุนี้ในประเทศจึง
ประเมินค่าไว้เป็นแดนเซียนระดับ A ต้องให้ความสําคัญเป็นอย่างมาก
และจากข่าวที่นานาชาติส่งเข้ามา หลายพื้นที่ทางอเมริกาเหนือ
อเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา ล้วนมีการเปิดขึ้นของแดนลับแลระดับ A
เป็นไปได้ว่า แดนเซียนระดับสุดยอดในขอบเขตทั่วโลกครั้งนี้ จะเป็น
เช่นเดียวกับแดนเซียนฉินหลิ่ง ด้านในเชื่อมต่อกัน นี่เป็นแดนเซียน
ขนาดใหญ่ครั้งที่สองของทั่วโลก หลังจากแดนเซียนฉินหลิ่ง
นี่ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งบนดาวโลก
……
หกวันต่อมา“จับเชลยมาได้แล้วหรือ?”
ห่างจากเมืองไป๋ตี้บนภูเขาสู่หนึ่งร้อยลี้ยังมี ‘ยอดเขาโต๊ะ’ อยู่ เป็น
ซากปรักหักพังของ ‘ฝืนชะตา’ หนึ่งในสายลัทธิมารเมื่อวันวาน หลี่มู่ได้
ยินข้อมูลที่ติงอี้ไปหามา ในใจรู้สึกไหววูบ
“ใช่ เห็นว่าเป็นร้อยคน ล้วนถูกกุมขังเอาไว้ในถ�าหินบนยอดเขา
โต๊ะ สอบสวนตลอดทั้งวันเพื่อที่จะหาจุดอ่อนการป้องกันของเมืองไป๋ตี้
ออกมาให้ได้” ติงอี้ตอบกลับ
ส่วนยอดเขาเป็นเหมือนดาดฟ้า รัศมีวงกลมหลายลี้เหมือนกับโต๊ะ
ตัวหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่า ‘ยอดเขาโต๊ะ’
‘ฝืนชะตา’ หนึ่งในเจ็ดสายลัทธิมารของภูเขาสู่เคยอยู่บนยอดเขา
โต๊ะแห่งนี้
ศิษย์สาย ‘ฝืนชะตา’ สร้างสํานักขึ้นบนยอดเขา เคยโดดเด่นอยู่
ระยะหนึ่ง วังวิหารน้อยใหญ่จัดวางเรียงราย แต่จากสงครามแห่งยุคเมื่อ
ร้อยปีก่อนหน้า ลัทธิมาแตกซ่านกระเซ็น ศิษย์ของฝ่าย ‘ฝืนชะตา’ ได้
ถูกกําจัดไปจนหมดสิ้น
วิหารใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง กําแพงล้อมในวันวาน ปัจจุบันได้พังทลาย
ไปจนหมด ผ่านแดดลมฝนกว่าร้อยปี หญ้าขึ้นรกครึ้ม ตะไคร่น�าแผ่เต็ม
พื้นที่ ต้นไม้สูงใหญ่ ทางน�าไร้ซึ่งการดูแลสํานักกระบี่ทะเลประจิมหนึ่งในสามสํานักกระบี่ยิ่งใหญ่ ใช้ยอดเขา
โต๊ะเป็นฐานที่มั่น ลงหลักปักฐาน ร่วมกับเมืองทั้งสี่ของพันธมิตรสี่เมือง
สองสํานักกระบี่ยิ่งใหญ่ที่เหลือ สองตระกูลใหญ่ที่ต่างฝ่ายต่างยึดเอา
ยอดเขาที่ล้อมรอบยอดเขาหลักภูเขาสู่กับยอดเขาไป๋ตี้ไป จนกลายเป็น
ขั้วกําลังที่โอบล้อม เรือเหาะ ค่ายกล ฝ่ายลาดตระเวน ป้อมค่ายต่างๆ
ทั้งนอกและใน ล้อมเอายอดเขาไป๋ตี้เอาไว้ชนิดที่น�าก็ยังรั่วออกไปไม่ได้
กะว่าจะล้อมโจมตีบดขยี้ลัทธิมาภูเขาสู่ให้ย่อยยับในครั้งเดียว
สถานการณ์สงครามตอนนี้อยู่ในจุดคุมเชิง ต่างฝ่ายต่างสงบนิ่ง
หลี่มู่และติงอี้สองคนปะปนอยู่ในสํานักวายุเมฆา เข้าสู่ยอดเขาโต๊ะ
และทํางานจิปาถะอยู่ในฐานของสํานักกระบี่ทะเลประจิม เช่นให้
อาหารสัตว์สงคราม สัตว์วิญญาณ ขนย้ายหินแร่ อาวุธ รักษาความ
สะอาดบนเรือเหาะเป็นต้น
ติงอี้รู้สึกพอใจอย่างมากกับบทบาทที่ตนเองสามารถเนียนเข้ามา
ได้
“เป็นอย่างไร ตามพี่ชายอย่างข้ามาเจ้าก็ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ใช่
หรือไม่?” เขายังคงโอ้อวดกับหลี่มู่เหมือนเช่นทุกที
หลี่มู่เพียงยิ้มๆ ไม่พูดอะไรในเมื่อไม่มีศึกใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นบนยอดเขาโต๊ะนี้ก็มีพลังวิญญาณ
ไม่เลวจริงๆ หลี่มู่จึงคงเนียนอยู่ต่อ คอยลอบสังเกตอย่างลับๆ และคอย
ฝึกพลังอย่างลับๆ เพื่อฟื้ นฟูปราณแท้ไปด้วย ระดับ ‘ปราณแท้บริสุทธิ์’
ของเขาในตอนนี้ไปถึงระดับสูงสุดขั้นฟ้าประทานแล้ว ถือว่าก้าว
กระโดดนับพันลี้ในวันเดียว
ระหว่างนี้ หลี่มู่ยังคอยลอบแทรกซึมสังเกตไปในเมืองไป๋ตี้อีกด้วย
ทว่าจากการทดลองอยู่หลายครั้ง การป้องกันอันเข้มงวดของเมืองไป๋ตี้
ค่ายกลที่แสนมหัศจรรย์ทําให้ไม่มีพลังใดๆ ตอบรับกลับมา
หลายวันนี้ ข่าวคราวศึกใหญ่ของธรรมมะและอธรรม ได้
สั่นสะเทือนไปทั่วดาวทุรกันดาร
ขั้วอํานาจลัทธิเทพแห่งภูเขาสู่ที่เคยแพร่ไปทั่วฟ้าดินในวันวาน
ตอนนี้ถึงแม้จะตกอับ แต่นอกจากชําระกระบี่ ศาลาเหนือฟ้า เขาราชัน
มังกรและสํานักเงาจันทร์ ก็ยังคงมีเชื้อไฟอยู่อีกไม่น้อย ศิษย์ลัทธิมาร
มากมายจากทั่วสารทิศที่ได้ยินข่าวนี้ ได้รีบเดินทางมาเพื่อจะร่วมรบกับ
ลัทธิ
แน่นอนว่าผลลัพธ์คงไม่ได้ดีเท่าไรนักศิษย์ลัทธิมารเข้ามาอย่างกระจัดกระจาย ได้ถูกกับดักที่ทางฝ่าย
ธรรมมะวางเอาไว้ก่อนหน้าเล่นงาน ถูกสังหารตายไปไม่น้อย และมี
บางส่วนที่ถูกจับมาเป็นเชลย
เนื่องจากส่วนยอดของยอดเขาโต๊ะมีพื้นที่กว้างขวาง และยังมีถ�า
หินไว้คุมขังอีกที่หนึ่ง ดังนั้นพวกเชลยที่พันธมิตรฝ่ายธรรมมะจับมาจึง
ถูกส่งมายังยอดเขาโต๊ะ โดยให้สํานักกระบี่ทะเลประจิมเป็นผู้กุมขัง
“เมืองไป๋ตี้บนยอดเขาไป๋ตี้ เทพแสงกระบี่ในเมืองไป๋ตี้…เมืองไป๋ตี้
สมัยก่อนก็เป็นถึงเมืองแห่งเทพเซียนเลยเชียวนะ”
ตอนที่ติงอี้ลุกขึ้นอย่างตั้งใจได้ทอดถอนออกมา
เขาอยู่ในท่าทีชี้แนะประเมินค่าความได้เปรียบเสียเปรียบ “ศิษย์
เขาราชันมังกรที่คอยคุ้มครอบเมืองไป๋ตี้ ก่อนหน้าเนื่องจากประมาท
เกินไป ออกไปรับมือกับข้าศึกนอกเมือง ดังนั้นจึงเสียหายอย่างหนัก แต่
ว่าหลังจากที่พวกเขาหดหัวกลับมาอยู่ในเมืองไป๋ตี้ ฝ่ายต่างๆ ที่คิดจะ
บุกเข้าไปก็ลําบากเสียแล้ว ดังนั้นฝ่ายธรรมะจึงหวังว่าจะสามารถหา
จุดอ่อนของเมืองไป๋ตี้ได้จากปากเชลยศึกพวกนี้”
หลี่มู่มองไปที่เขา เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าเป็นดังว่า คนของลัทธิมารเหล่านี้
ไม่ใช่ว่ากลายเป็นนักรบซื่อสัตย์อันฮึกเหิมหรอกหรือ?”ติงอี้ตื่นตระหนก รีบร้อนกวาดตามองรอบด้าน เมื่อเห็นว่าไม่มีคน
จึงถอนใจออกมา รีบร้อนเอ่ยเสียงต�าว่า “ชู่ว…เสี่ยวต้วน เจ้าอย่าได้
พูดจามั่วซั่วเชียวนา คําพูดเห็นใจพวกลัทธิมารแบบนี้ ถ้าได้ยินศิษย์
ของสํานักกระบี่ทะเลประจิมได้ยินเข้าล่ะก็ คงถูกหาว่าเป็นพวกเดียวกับ
ลัทธิมารเป็นแน่ จะแย่เอานา”
หลี่มู่ตอนนี้ใช้ชื่อปลอมว่าต้วนสุ่ยหลิว
ก่อนหน้านี้บนดาวแผ่นดินใหญ่เสินโจวเขาก็เคยใช้ชื่อนี้ ตอนนี้จึง
นํากลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง
เนื่องจากการใช้ชื่อจริง ถ้าในพันธมิตรฝ่ายธรรมมีพวกผุ้บําเพ็ญ
นอกพิภพแฝงตัวอยู่ล่ะก็ อาจจะถูกเปิดเผยตัวตนขึ้นมาได้
ถึงอย่างไรเสียตอนศึกใหญ่ที่สุสานเทพในเมืองหลินอันเขตซ่ง
เหนือบนแผ่นดินใหญ่เสินโจวครั้งนั้น หลี่มู่ได้สังหารเหล่าผู้บําเพ็ญนอก
พิภพจากเขตดาราเทพวีรชนไปมากมาย ตอนนี้ทั่วทั้งเขตดาราเทพวีร
ชน ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่คิดจะแถเลือดเฉือนกระดูกหลี่มู่อยู่
“ติงอี้ ต้วนสุ่ยหลิว พวกเจ้าสองคนทําไมยังว่างกันอยู่? สํานักกระบี่
ทะเลประจิมไม่ได้เลี้ยงพวกคนว่างงานนะ ศิษย์พี่ฉีทางนั้นขาดคนอยู่
รีบเข้าไปช่วยหน่อย เอา ‘อาหารหมู’ พวกนี้ไปส่งที่คุก”เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นศิษย์ของสํานักกระบี่ทะเลประจิมคนหนึ่งที่ใช้
หน้าตาสื่อภาษา
“อ๊า ได้เลย ไปเดี๋ยวนี้แล้ว” ติงอี้ผงกศีรษะโก้งโค้ง จากนั้นดึงหลี่มู่
พร้อมเอ่ยว่า “เสี่ยวต้วน ไปเร็ว ไปส่งข้าวให้พวกในคุกกัน”
หลี่มู่ใจสั่นกึก
ก็ดี ไปดูในคุกเสียหน่อย ดูว่าจับคนแบบไหนมากันแน่
…………………………………