จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 531 เงาร่างสีเงิน
“มีปัญญาก็ฆ่าข้าสิ”
“ฝ่ายธรรมะสํานักดัง ฮ่าๆๆ ถุย”
“มาสิ ถามอะไรข้าคนนี้ไปได้ ข้าจะใช้แซ่เดียวกับเจ้า”
“สุนัขรับใช้”
ในคุกถ�าหิน ที่ยอดเขาจัวเฟิง ยอดฝีมือลัทธิมารที่ถูกคุมขังอยู่ เมื่อ
เห็นหลี่มู่และติงอี้เดินเข้ามาก็ต่างเอ่ยปากก่นด่า สายตาที่มองทั้งสอง
ประหนึ่งจะกินสองคนนี้เข้าไป
คุกอยู่ในภูเขามีรูระบายอากาศพิเศษ ทั่งวันทั้งคืนไม่ได้เห็นแสง
ตะวัน
บนกําแพงมีค่ายกลที่เสริมเข้าไปใหม่ เอามาใช้เพื่อป้องกันมีคน
หลบหนีหรือไม่ก็ปล้นคุก คนที่ขังอยู่ในคุกชั้นแรกล้วนเป็นยอดฝีมือ
ลัทธิมารทั่วไปขั้นเหนือมนุษย์ลงมา ตรงกลางมีทางเส้นหนึ่ง สองข้าง
ทางล้วนเป็นห้องหินที่ขุดไปในกําแพงหิน ลูกกรงเหล็กกล้าปิดประตู
เอาไว้ ยอดฝีมือข้างในก็ถูกสกัดพลังฝึกตน ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดายอดฝีมือลัทธิมารพวกนี้ทําเอาติงอี้กลัวจนเข่าอ่อน หน้าเปลี่ยนสี
แต่เขาก็ยังเดินอยู่ข้างหน้าหลี่มู่ ลากรถเหล็กผุๆ ที่บรรทุกอาหาร
เอ่ยขึ้น “เสี่ยวต้วน ไม่ต้องกลัว คนพวกนี้เป็ดตายถูกต้มสุก ปากแข็งก็
เท่านั้น พวกเขาทําอะไรไม่ได้หรอก…”
หลี่มู่พยักหน้าไม่พูดอะไร
เขากําลังแอบสํารวจยอดฝีมือลัทธิมารที่ถูกจับตัวมาพวกนี้
ผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ เด็ก มีหมด กระทั่งว่านักบวชที่สวมชุดนักบวช
เต๋าหรือภิกษุก็มี บนร่างมีบาดแผล บ้างเป็นรอยแผลที่ตอนต่อสู้ทิ้ง
ร่องรอยเอาไว้ บ้างเป็นรอยแผลที่ถูกสํานักกระบี่ทะเลประจิมเฆี่ยนตี
บางคนร่างท่วมไปด้วยเลือด นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง บางคนนั่งเงียบๆ บาง
คนร้องตะโกนโวยวาย อารมณ์ฉุนเฉียว จ้องมองหลี่มู่ทั้งสองคนอย่าง
โกรธแค้น
อดสามมื้อ ให้ข้าวหนึ่งมื้อ
นี่เป็นกฎที่สํานักกระบี่ทะเลประจิมตั้งเอาไว้
ข้าวที่ว่าก็เป็นแค่ข้าวกล้องที่ผสมกับหิน กรวด ประกันว่าพวก
เชลยจะไม่หิวตายก็เท่านั้นหลี่มู่และติงอี้ใช้พลั่วตักข้าวกล้องไปในรางอาหารที่เหมือนกับเล้า
หมูในห้องขัง ก็นับว่าให้อาหารเสร็จแล้ว
ขั้นตอนนี้จะมีลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมคอยคุมอยู่ข้างๆ
ห้องคุกชั้นสองเป็นคุกน�า มีทั้งหมดยี่สิบห้อง ล้วนเป็นคุกน�าครึ่ง
ห้อง ข้างในกักขังผู้แข็งแกร่งฟ้าประทาน และเหนือมนุษย์ ไม่ใช่แค่ถูก
สะกดปราณแท้ ในกายยังตอกหนามสะกดวิญญาณไปตามเส้น
ลมปราณและข้อต่อต่างๆ ใช้โซ่สีดําล่ามไว้กับเสาหิน เฝ้าเวรยามอย่าง
เข้มงวด เห็นได้ชัดว่ากลัวคนพวกนี้หนีไป
คนพวกนี้ล้วนอยู่กันหนึ่งคนต่อหนึ่งห้อง โดยพื้นฐานแล้วทั่วร่าง
เต็มไปด้วยบาดแผล ถูกเฆี่ยนไปรอบหนึ่ง ถูกทัณฑ์ทรมานต่างๆ นานา
แต่ว่าก็ยังมีคนแข็งแรงมีชีวิตชีวา กระชากโซ่ดังแคร่กๆ เห็นหลี่มู่ทั้งสอง
เดินเข้ามา ก็ลากโซ่พุ่งมา ท่าทางโหดเหี้ยมประดุจจะสังหารกัดกิน!
“รอให้ข้าวันหนึ่งออกไปได้ จะต้องสังหารพวกเศษสวะฝ่ายธรรมะ
พวกเจ้าให้สิ้นซากแน่นอน”
“ถุย ส่งคนมาลอบวางแผนข้า นี่ถือว่าเป็นฝีมืออะไร มีปัญญา
ปล่อยข้าออกไป เรามาสู้กันซึ่งๆ หน้า”
มีบางคนคํารามให้อาหารชั้นสองเสร็จ ตอนที่ทั้งสองจะลากรถอาหารมุ่งไปส่งชั้น
สาม ลูกศิษย์ฟ้าประทานสํานักกระบี่ทะเลประจิมคนหนึ่งที่ชื่อเจิ้งเฉียง
ก็เรียกเอาไว้
“นักโทษที่ขังอยู่ในชั้นสามเป็นนักโทษฉกรรจ์ ไม่ต้องให้อาหาร
พวกเจ้ากลับไปเถอะ” เจิ้งเฉียงประเมินทั้งสองอย่างระแวดระวัง
น�าเสียงเด็ดขาดไม่ให้โต้เถียง
ติงอี้ชะงัก “แต่ว่าศิษย์พี่ฉีบอกว่า…”
“คําพูดของฉีเจิ้นไม่มีประโยชน์ที่นี่ รีบไสหัวไป” เจิ้งเฉียงเอ่ยด้วย
น�าเสียงไม่ให้โต้แย้ง
ติงอี้ลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ขอรับๆ ได้ๆๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อทั้งสองเดินออกมาถึงชั้นหนึ่ง ก็เห็นลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเล
ประจิมสามสี่คนเอาตัวนักโทษ ลากคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่งออกมา
จากคุก จะนําตัวไปห้องทรมานเค้นสอบ
ในห้องขังยังมีเด็กหญิงตัวเล็กอีกคนหนึ่ง นางพุ่งไปตะโกนกรีดร้อง
ร�าไห้หาสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นั้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่นะ…”“เอาตัวลูกสาวพวกมันไปด้วย ฮี่ๆ ตอนสอบเค้นมีประโยชน์” ลูก
ศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมที่เป็นผู้นํา เมื่อเห็นเด็กหญิงร�าไห้ ดวงตา
พลันกรอกกลิ้ง จู่ๆ นึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ยิ้มเอ่ยอย่างชั่วร้าย
มีลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมสองคนพุ่งเข้าไปในห้องขังทันที
ยอดฝีมือลัทธิมารคนอื่นๆ ต่างคิดจะขัดขวาง ปกป้องเด็กหญิงสุด
ชีวิต
แต่พวกเขาถูกสะกดพลังฝึกตน แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป
เล็กน้อยก็เท่านั้น จะไปต้านทานลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมที่
เหมือนหมาป่าเหมือนเสือทั้งสองคนนี้ได้อย่างไร ถูกอัดไปไม่กี่หมัดก็
ร่วงลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็ลากเด็กหญิงที่ดูแล้วอายุเพียงเจ็ดแปด
ขวบเท่านั้นประหนึ่งลากลูกสุนัขออกมาจากห้องขัง
คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นั้นใบหน้าสิ้นหวัง
พวกเขาไม่กลัวทัณฑ์ทรมานและการเฆี่ยนตีใดๆ แต่ลูกสาวตัวน้อย
…ไม่ควรพาบุตรสาวมาเขาสู่ซานเลย
หลี่มู่ขมวดคิ้ว คิดจะพูดอะไร
ติงอี้ที่อยู่ข้างๆ รีบดึงเขาเอาไว้ “เสี่ยวต้วน อย่าวู่วาม เจ้าช่วยพวก
เขาไม่ได้”หลี่มู่พยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
ใช่แล้ว ลงมือที่นี่กลับจะทําให้ติงอี้ลําบากไปด้วย ในคุกมีคน
มากมายขนาดนี้ บุ่มบ่ามลงมือไม่มีทางช่วยได้หมด อีกทั้งช่วยคนตอนนี้
จะพาไปไว้ที่ไหน?
พลังฝึกตนปราณแท้ของหลี่มู่ยังฟื้ นฟูไม่เต็มที่ ยังไม่ถึงขั้นที่คิดว่า
จะสามารถล้มสมาพันธ์สี่เมือง สามสํานักกระบี่และตระกูลทั้งสองได้
ด้วยตัวคนเดียว อีกทั้ง อาจจะมีผู้ฝึกฝนนอกพิภพซ่อนอยู่ในที่มืดก็ได้
ทั้งสองเข็นรถอาหารออกมาจากถ�าหิน กลับมายังเขตที่พัก
“เสี่ยวต้วน ปลงเสียเถอะ นี่ก็คือยุทธจักร…” ติงอี้ปลอบใจหลี่มู่
“ข้าเหนื่อย ขอกลับไปพักก่อนก็แล้วกัน” หลี่มู่หาข้ออ้างกลับไป
พักในห้องหินของตน
ติงอี้มองแผ่นหลังของหลี่มู่แล้วส่ายหน้า
ยุทธจักรแต่ไหนแต่ไรมาล้วนฟังดูแล้วงดงามราวภาพวาด แต่เมื่อ
ได้ลิ้มชิมรสจริงๆ แล้ว กลับเป็นเลือดเต็มปาก
หลี่มู่กลับมาที่ห้องหิน ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า คลุมหน้าตา จากนั้นก็แอบ
มุ่งหน้าไปทางห้องทรมานเงียบๆ ทันทีไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องช่วยคนก่อน
ในเมื่อลัทธิมารอาจจะเป็นลัทธิที่หลี่ไป๋สร้างขึ้น เช่นนั้นก็มีความ
เชื่อมโยงกับโลก จะนิ่งดูดายไม่ได้เด็ดขาด
ใช้ ‘ปราณแท้บริสุทธิ์’ กระตุ้นวิชาเต๋า ประหนึ่งอําพรางกาย ไม่
นานหลี่มู่ก็เข้าใกล้เขตทรมาน
แต่ในตอนนี้เอง เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ยังไม่ทันที่หลี่มู่จะลงมือ เขตห้องทรมานก็ปั่ นป่วนวุ่นวาย
รอบๆ ไฟโหมลุกไหม้
เสียงตะโกนสังหารดังลอยมา
ก็เห็นเงาร่างแปลกประหลาดที่ทั่วร่างห่อหุ้มอยู่ในแสงเงิน ช่วยคู่
สามีภรรยาและเด็กหญิงตัวน้อยออกมาจากห้องทรมาน กําลังฉวย
โอกาสช่วงวุ่นวายหนีไปจากยอดเขาจัวเฟิง
มีคนลงมือก่อนแล้ว?
หลี่มู่แปลกใจ
“ใคร? กล้าช่วยคนไปภายใต้สายตาสํานักกระบี่ทะเลประจิมอย่าง
นั้นรึ หึ ไม่รู้จักตาย จับตัวมัน”แสงกระบี่ทางหนึ่งแหวกอากาศมาในทันที รวดเร็วเป็นอย่างมาก
ไล่ตามมาทางนี้
ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดสํานักกระบี่ทะเลประจิมที่รักษาการณ์อยู่ใน
ห้องทรมานลงมือแล้ว
แสงกระบี่ประหนึ่งสายฟ้า อย่างน้อยๆ ก็เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือ
มนุษย์
แรงกดดันเหี้ยมโหดน่าพรั่นพรึงบดขยี้มา
“รีบหนีไป”
เงาร่างสีเงินคํารามเสียงต�าทุ้ม หมุนตัวมา บอกให้คู่สามีภรรยาพา
เด็กหญิงหนีไปก่อน ส่วนตนอยู่ต้านทานยอดฝีมือที่ไล่ตามมา
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงขึ้น
บึ้ม
ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมที่ไล่ตามมายังไม่
ทันจะร่อนลงพื้น จู่ๆ ก็ถูกอะไรสักอย่างโจมตีกลางอากาศ เหมือน
แตงโมถูกธนูยิงแบบนั้น จู่ๆ ระเบิดออก เลือดและกระดูกร่วงกราวลง
พื้น ตายสิ้นซากเงาร่างสีเงินตะลึงงัน จากนั้นก็หมุนตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง หลี่มู่พรางกายในที่มืด สําแดงวิชาดาบเหินหาวติดๆ
กัน สังหารผู้แข็งแกร่งสํานักกระบี่ทะเลประจิมสี่ห้าคนที่ไล่สังหาร
ตามมานี่แล้วจึงได้ถอนตัวจากไป
ส่วนคนของสํานักกระบี่ทะเลประจิม หลังจากสูญเสียผู้แข็งแกร่ง
ขั้นเหนือมนุษย์ไปหกคน ต่างหน้าเปลี่ยนสี ลังเลไม่กล้าตามไป
เมื่อผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะ มหาเทวะในสํานักไล่ตามมา ไม่ว่าจะเป็น
เงาร่างสีเงินหรือคู่สามีภรรยาและเด็กหญิงตัวน้อย ต่างก็หายไปไร้
ร่องรอยแล้วทั้งสิ้น
“ตามไป ต่อให้พลิกแผ่นดิน สุดหล้าฟ้าเขียวก็ต้องหาตัวมาให้ข้า
ให้ได้”
ผู้อาวุโสสํานักกระบี่ทะเลประจิมหลินอวี่หานคํารามไม่หยุด
ทั้งเขตเขาสู่ซาน โดยพื้นฐานแล้วฝ่ายธรรมะร่วมมือกันควบคุม
เอาไว้ วางกับดักค่ายกลไว้ทั้งบนฟ้า บนดิน เขาไม่เชื่อว่านักโทษที่จะหนี
พ้นจริงๆหลินอวี่หานสํารวจบาดแผลของผู้แข็งแกร่งฟ้าประทานและเหนือ
มนุษย์ทั้งหลายที่ถูกสังหารอย่างละเอียด สัมผัสระลอกคลื่นในอากาศ
หน้าตาเคร่งขรึมขึ้นมา
คนที่แอบช่วยเหลือนักโทษทั้งยังลงมือลอบโจมตีมีพลังฝึกตนมหา
เทวะ
นี่น่ากลัวแล้ว
ผู้แข็งแกร่งขั้นมหาเทวะ อยู่บนดาวทุรกันดารก็นับว่าเป็น
ผู้ปกครองแคว้นแถบหนึ่งแล้ว เป็นรองเพียงเจ็ดผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวง
สวรรค์ จัดการยาก อีกทั้งยังแอบแฝงตัวมายังยอดเขาจัวเฟิง แอบซ่อน
ในที่ลับ นี่ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก
……
หลี่มู่กลับมาถึงห้องหินของตัวเอง
หลังจากเขาสกัดผู้ไล่ล่าสํานักกระบี่ทะเลประจิมแล้ว ก็ไล่ตาม
เส้นทางของพวกคนเงาร่างสีเงินไป อยากจะรู้ฐานะของคนคนนี้ ดีที่สุด
คือสามารถติดต่อคนในเมืองไป๋ตี้ได้ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเร็วขนาดนั้น
หลังจากที่ตามไปสุดท้ายก็คลาดกัน
ค้นหาไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่เจอ จึงกลับมาก่อนเงาร่างสีเงินนั่นพลังประมาณเหนือมนุษย์ขั้นต้น ทั้งยังมีภาระสาม
คน ตามหลักแล้วหนีไปได้ไม่ไกล สุดท้าย…นี่ทําให้หลี่มู่ค่อนข้างกระอัก
กระอ่วน เป็นคนดี ทําเรื่องดีๆ อีกฝ่ายอาจจะไม่รู้ก็ได้
ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงติงอี้เคาะประตู
“เสี่ยวต้วน ยังนอนอยู่อีก? รีบตื่นเร็วเข้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” ติงอี้
เคาะประตูดังระรัว
หลี่มู่แกล้งทําท่าเพิ่งตื่น ก่อนจะเปิดประตู “มีอะไร?”
“มียอดฝีมือลัทธิมารปล้นคุก ยอดเขาจัวเฟิงตอนนี้วุ่นวายไป
หมด” ติงอี้พูดอย่างลึกลับ “เจ้าจําคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นั่นกับ
เด็กหญิงคนนั้นได้ไหม?”
“อืม ทําไมหรือ?”
“มีคนช่วยไปแล้ว มีผู้แข็งแกร่งลัทธิมารแฝงตัวเข้ามา ไม่ใช่แค่
ช่วยคนไปเท่านั้นนะ ยังสังหารผู้อาวุโสสํานักกระบี่ทะเลประจิมไปคน
หนึ่ง แล้วก็ลูกศิษย์คนสําคัญชั้นยอดอีกห้าคน ตอนนี้สํานักกระบี่ทะเล
ประจิมใกล้จะเป็นบ้าเต็มทีแล้ว” ติงอี้กล่าว
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” หลี่มู่แกล้งทําท่าไม่รู้ติงอี้ตอบ “ตอนนี้ที่ยอดเขาจัวเฟิง ขั้วอํานาจย่อยต่างๆ กําลังสืบ
หาไส้ศึกที่อาจจะแฝงตัวเข้ามาภายใต้คําขอร้องจากสํานักกระบี่ทะเล
ประจิม สถานการณ์ตึงเครียด อีกเดี๋ยวจะมีคนมาตรวจสอบ เจ้าบอกว่า
เจ้าอยู่กับข้ามาโดยตลอด ห้ามพูดจามั่วซั่วเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”
หลี่มู่พยักหน้ารัวๆ
ติงอี้ถอนหายใจ “เฮ้อ หากรู้ก่อนหน้านี้จะไม่พาเจ้ามา ตอนนี้กลับ
เป็นการทําร้ายเจ้า”
ครู่หนึ่งก็มีลูกศิษย์สํานักวายุเมฆามาสอบถามตรวจสอบภายใต้
การจับตามองจากผู้แข็งแกร่งสํานักกระบี่ทะเลประจิมจริงๆ หลี่มู่และ
ติงอี้ทั้งสองคน ต่างฝ่ายต่างเป็นพยานให้กัน เมื่อสืบถามหาสิ่งผิดปกติ
และช่องโหว่อะไรไม่ได้ ก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
อย่างไรเสีย พวกเขาทั้งสองติงอี้ก็เป็นแค่ยอดปรมาจารย์ ส่วนหลี่มู่
ก็เป็นแค่บัณฑิตเท่านั้น
“ติงอี้คนนี้ คุณสมบัติไม่เลวเลยจริงๆ” หลี่มู่ทอดถอน
สิบกว่าวันต่อมา ก็เกิดเรื่องช่วยนักโทษที่ถ�าหินติดๆ กัน ทําเอา
บุคคลระดับบนและล่างสํานักกระบี่ทะเลประจิมโมโหเป็นอย่างยิ่งเงาร่างสีเงินนั่นลึกลับนัก ไม่ว่าสํานักกระบี่ทะเลประจิมจะป้องกัน
อย่างไร แอบวางกับดัก ก็ไม่อาจจับร่างเงาสีเงินนี้ได้ และทุกครั้งที่เขา
ช่วยคนออกไปจํานวนไม่มาก แต่ก็ช่วยไปได้ทุกครั้ง อีกทั้งเมื่อไปจาก
ยอดเขาจัวเฟิงก็เหมือนละลายไปในอากาศ หาตัวไม่เจอ
นี่ทําให้หลี่มู่ตะลึงนัก
ทุกครั้งเขาจะช่วยเงาร่างสีเงิน ‘ตามเช็ดตามล้าง’ จัดการผู้ไล่ล่า
พวกนั้น แต่เพียงชั่วพริบตาก็คลาดกัน ไม่อาจตามร่องรอยของเขาได้
เลย
วันเวลาผันผ่าน หนึ่งเดือนผ่านพ้นไป
ระหว่างลัทธิมารและฝ่ายธรรมะเกิดการต่อสู้ขนาดใหญ่หลายครั้ง
แต่ก็ไม่เป็นผลแน่นอน ลัทธิมารหลบอยู่ในเมืองไป๋ตี้ ขั้วอํานาจฝ่าย
ธรรมะทั้งเจ็ดร่วมมือกัน เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่อาจโจมตีเข้าไปได้
สถานการณ์ตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนหลี่มู่ในหนึ่งเดือนนี้ ‘ปราณแท้บริสุทธิ์’ ในกายก็แข็งแกร่ง
เรื่อยๆ ฝึกฝนจนถึงขั้นเหนือมนุษย์ได้ใหม่แล้ว
เช่นนี้แล้ว เขาก็ยิ่งมั่นใจในแผนต่อไปของเขาแ