จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 534 สามฉื่อ
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
หลังจากที่หลี่มู่ได้ฟังการบอกเล่าของกู่ลั่ง รู้สึกยากที่จะเชื่อหูของ
ตัวเองจริงๆ
แดนเซียนภูเขาสู่ที่โลกเปิดออก แล้วส่งคนเหล่านี้มาบนดาว
ทุรกันดาร หรือว่าภูเขาสู่บนดาวโลกกับภูเขาสู่บนดาวดวงนี้ จริงๆ แล้ว
มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมหัศจรรย์อยู่ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หลี่ไป๋คิดถึง
บ้านเกิดแล้วนํามาตั้งชื่อเท่านั้น?
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า
จากดาวโลกมาถึงดาวทุรกันดาร ว่ากันตามหลักการแล้ว คนอย่าง
พวกกู่ลั่งจะต้องกระตุ้นทัณฑ์สวรรค์ขึ้นมาแน่นอน
ถึงแม้พลังของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่ง แต่ระหว่างโลกที่แตกต่าง
กัน เมื่อปราณทัณฑ์ถูกกระตุ้นจะต้องเกิดทัณฑ์สวรรค์ลงมา เพียงแค่
จํานวนทัณฑ์อาจจะอ่อนแรงลงบ้างเท่านั้น
ทว่าพวกของกู่ลั่งกลับไม่พบกับทัณฑ์สวรรค์เลยเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
แต่สิ่งที่ทําให้หลี่มู่กังวลมากกว่าก็คือ ในเมื่อเซี่ยวตง ลั่วเสวียนซิน
ลู่ซุนและชิวสุ่ยเยวี่ยทั้งสี่คน ก็เข้าสู่แดนเซียนภูเขาสู่มาเช่นกัน จะพบ
กับอันตรายด้วยหรือไม่นะ?
ทั้งสี่คนนี้เป็นผู้พิทักษ์ที่เขาคัดเลือกจากดาวโลก ล้วนเป็นพวกมี
พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ฝึกบําเพ็ญปกติ การที่ภายภาคหน้าเข้าสู่ขั้น
ทะลวงสวรรค์ กระทั่งไปยังขั้นที่สูงกว่าก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หาก
ต้องมาถูกข้าศึกยึดตัวไปที่ภูเขาสู่ ถือเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสีย
สถานการณ์ไม่คาดคิดที่มาอย่างกะทันหัน ทําเอาแผนของหลี่มู่
วุ่นวายไปหมด
“ต้องคิดหาวิธี นําคนทั้งหมดไปอยู่ยังสถานที่ที่ปลอดภัย มิเช่นนั้น
ด้วยพลังของพวกเขา ถ้าถูกตราหน้าว่าเป็นกากเดนลัทธิมารล่ะก็ คงจะ
ต้านทานการล้อมโจมตีของฝ่ายธรรมมะไม่ไหวแน่”
สภาพอารมณ์ของหลี่มู่ตอนนี้หนักหน่วงมาก
เสียหายมากเกินไปแล้ว
คนของพันธมิตรยุทธ์ชาวจีนและฝ่ายทหารที่เลือกมา ล้วนเป็นหัว
กะทิของหัวกะทิ สูญเสียไปหนึ่งคน สําหรับประเทศชาติและประชาชนแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากยิ่ง แล้วครั้งนี้สูญเสียไปนับสิบคน นี่
มันหายนะชัดๆ
เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างยอดเขาที่ห่างออกไป มีลําแสง
เปล่งวิบวับ
แสงกระบี่เป็นสาย ราวกับตั๊กแตนผ่านเลนส์อย่างไรอย่างนั้น วิ่ง
ทะยานในหุบเขาพุ่งตรงเข้ามาทางด้านนี้แล้ว
“ไล่มาแล้วหรือ? ไวขนาดนี้เชียว?”
หลี่มู่เลิกคิ้ว
ปฏิกิริยาของสํานักกระบี่ทะเลประจิมไวกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลาย
เท่า ยิ่งไปกว่านั้นยังสังเกตร่องรอยได้รวดเร็ว กวาดหาที่ซ่อนตัวของทุก
คนเข้ามา
ดูท่าอีกฝ่ายจะมีวิชาติดตามตัวที่พิเศษบางอย่าง
เวลาเดียวกัน พวกกู่ลั่งก็ได้เห็นลําแสงฉวัดเฉวียนไปมาเต็มท้องฟ้า
กระบี่สังหารโบยบิน?!
ในใจของพวกเขา นี่คือวิชาแห่งเซียนกระบี่ในตํานานนะ
เพียงครู่เดียวคนทั้งหมดล้วนหน้าเปลี่ยนสีหลี่มู่ตอนที่ไร้เทียมทานบนดาวโลก หนึ่งในเอกลักษณ์ที่เป็น
ตัวแทนของเขาก็คือวิชากระบี่สังหารโบยบิน
บินทะยาน ถูกมองเป็นชื่อแทนของคําว่าแข็งแกร่ง
แล้วผู้แข็งแกร่งตรงหน้าสามารถใช้วิชากระบี่สังหารโบยบินตั้ง
มากมาย พวกของกู่ลั่งล้วนเข้าใจจากจิตใต้สํานึก ว่าคนที่ไล่ตามมากว่า
ร้อยนั้น ทุกคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกับหลี่มู่ทั้งหมด
ความรู้สึกอันตรายขนาดมโหฬารกลบทับพวกเขาในพริบตา
“ข้าจะไปล่อพวกเขาเอง” อาการบาดเจ็บบนตัวกู่ลั่งฟื้ นคืนมาบ้าง
ส่วน ดิ้นรนลุกขึ้นยืนเอ่ยว่า “คนหัวหงอกอย่างข้า จะตายลงที่นี่ก็ไม่
เป็นไร แต่ว่าเสี่ยวมู่ เจ้าพากทุกคนหนีไปก่อน จะต้องรักษาคนหนุ่มสาว
เหล่านี้เอาไว้ พวกเขาเป็นอนาคตของประเทศจีน จะตายอีกไม่ได้แล้ว”
ในใจของเขา เต็มไปด้วยความผิดบาปในใจ
เป็นถึงผู้รับผิดชอบกลุ่มเข้าแดนเซียนภูเขาสู่ แต่กลับต้องยืนจ้อง
มองคนมากมายเสียสละ ภายในใจเหมือนถูกกรีดเลือด
“อาจารย์ ไม่ ท่าน….” ติงเค่อร้อนรนขึ้นมา
เขาเป็นเด็กกําพร้า ถูกกู่ลั่งรับมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก พาเข้าสู่สํานัก
คีรีบรรพกาล มองกู่ลั่งเป็นดั่งบิดา“ให้พวกเราไปล่อคนเหล่านี้เถิด…ที่ปรึกษาหลี่ เรื่องอื่นก็ฝากท่าน
ด้วย” ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารที่ชื่อเฝิงจวิน ชื่อที่แสนจะธรรมดา
หน้าตาก็ธรรมดา ผอมแห้งใส่แว่นตา รูปร่างไม่สูงแต่กลับเย็นชาสุขุม
ยิ้มขึ้นอย่างไม่กังวลเอ่ยว่า “นักรบรู้เพียงต้องสู้รบเพื่อประเทศชาติ ไฉน
เลยจักต้องคิดเรื่องส่งศพสู่บ้านเกิด…พวกเราคือทหาร”
หลี่มู่ยืนขึ้น เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ต้อง รีบมือกับปลาเล็กปลา
น้อยเหล่านี้เสียก่อน ยังไม่ต้องหนี…พวกเจ้ารอสักครู่ ข้าจะออกไปคิด
บัญชีเสียหน่อย เลือดของพวกเราจะต้องไม่หลั่งอย่างสูญเปล่า”
เสียงยังไม่ทันขาด
เขาเปลี่ยนเป็นลําแสงสายหนึ่งพุ่งทะยานออกไป
แสงดาบอันเจิดจ้าราวกับตัดขาดทางช้างเผือกอันกว้างใหญ่
ลําแสงมากมายเปล่งออกมาจากตัวหลี่มู่ เพียงพริบตาได้ฟาดฟัน
ลําแสงฉวัดเฉวียนที่ปิดเดือนปิดตะวันบนฟากฟ้าขาดออกเป็นสองท่อน
“เทวะฝ่ายไหนกัน กล้ามาลอบโจมตีสํานักกระบี่ทะเลประจิมของ
พวกข้า?
เสียงหนึ่งดังขึ้นสะเทือนหุบเขา พลังอันบ้าคลั่ง ปราณกระบี่ดุจ
หิมะถล่มไหลเวียน ชุดผ้าไหมสีทองเปล่งแสงประกาย เป็นอุปกรณ์เต๋าอันยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่ง คนที่พูดคือผู้อาวุโสชุดผ้าไหมคนหนึ่งจากสํานัก
กระบี่ทะเลประจิม”
สิ่งที่ตอบเขา คือแสงดาบปลิดชีพที่เหมือนกับดาวตกพร่างพราย
เต็มท้องฟ้า
“อ๊า….”
“ไม่!
“ทานเอาไว้ ทานเอาไว้!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งขั้นฟ้าประทานของสํานักกระบี่ทะเลประจิม ดิ้น
รนอย่างบ้าคลั่งเพื่อสกัดกั้น
บนท้องฟ้ายอดเขา เลือดสาดซ่านกระเซ็น
แสงดาบไหลเวียน ศิษยขั้นฟ้าประทานที่พลังอ่อนแอบางส่วนไม่
สามารถรับมือได้ ถูกสังหารกลายเป็นฝุ่นเลือดในพริบตา
“ให้ตายสิ” ผู้อาวุโสชุดผ้าไหมเดือดดาล ในมือเปล่งแสงประกาย
กํากระบี่เทพเล่มหนึ่ง ปราณกระบี่ระเบิดปะทุประดุจดอกบัวเบ่งบาน
เต็มฟากฟ้า สั่นสะเทือนแสงดาบที่พุ่งมาหมายสังหารจนสลายไป ร่าง
ไหววูบกลายเป็นเงาผี พุ่งตรงเข้าสังหารหลี่มู่ “ตาย”หลี่มู่ไม่ถอยแต่พุ่งเข้าหา ดาบถลาลมหนึ่งร้อยแปดเล่มมารวมกันที่
มือในพริบตา เปลี่ยนสภาพเป็นดาบวัฏจักรเล่มยักษ์ ฟาดฟันแนวตั้ง
ออกไป
ชิ้ง!
ร่างเงาตัดผ่านกัน
ร่างของผู้อาวุโสชุดผ้าไหม รวมไปถึงกระบี่ในมือ ถูกตัดออกเป็นสี่
ท่อนเลือดกระเซ็นเต็มท้องฟ้า
จนกระทั่งตายเขาก็คิดไม่ถึง ว่าตนเองจะรับมือไม่ไหวแม้แค่
กระบวนท่าเดียว
หลี่มู่โบกดาบอย่างรวดเร็ว ดาบวัฏจักรฟาดฟันออกไป แสงดาบ
ประดุจวงกลมตัดอากาศ
ศิษย์สํานักทะเลประจิมนับสิบคน ถูกฟันช่วงเอวขาดเป็นสองท่อน
ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
“แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?”
“แย่ล่ะ น่ากลัวเกินไปแล้ว”
“ผู้แข็งแกร่งระดับผู้นําลัทธิมารหรือ?”“รีบหนี สู้ด้วยไม่ไหว”
ผู้แข็งแกร่งระดับอาวุโสคนอื่นๆ เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตะโกน หัน
หลังหนีกลับ
ฟิ้ วๆๆ
แสงกระบี่กระจายออกทุกทิศทาง
วิชากระบี่สังหารโบยบินของสํานักกระบี่ทะเลประจิมมีความเร็ว
อันยอดเยี่ยม ในวิชาหลบหนีของสํานักใหญ่ๆ บนดาวทุรกันดารนี้จัดอยู่
ในห้าอันดับแรก แต่ทว่า เมื่อถูกวิชาขี่เมฆาเหินฟ้าของหลี่มู่ไล่กวด
ท้ายสุดจึงถูกฟันสังหารลงสิ้นในหุบเขา แต่พวกศิษย์ขั้นฟ้าประทาน
บางส่วนที่หนีกระเจิดกระเจิงเหมือนตั๊กแตนไป หลี่มู่ก็ไม่ได้ติดตามไล่
ล่าสังหาร
พวกของกู่ลั่ง จ้องมองอย่างคึกคักเลือดร้อน
นี่คือพลังที่แท้จริงของหลี่มู่หรือ?
บนดาวโลก หลี่มู่แค่ “เล่นสนุก” มาตลอดเช่นนั้นหรือ ?
แสงดาบที่เจิดจ้าเหมือนทางช้างเผือกร่วงหล่นนั่น ไหนจะยังพลัง
ดาบฟาดฟันนภาอหังการนั่นอีก นี่มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทําได้เลยที่แท้ต่อให้เผชิญหน้ากับเซียนกระบี่ที่ใช้วิชากระบี่สังหารโบยบิน
ในแดนเซียนภูเขาสู่เหล่านี้ หลี่มู่ก็ยังคงไร้เทียมทาน
แสงดาบสว่างวาบ
หลี่มู่กลับลงมายังพื้นดิน
“ออกจากที่นี่กันก่อน ย้ายที่แล้วค่อยว่ากัน”
เขานําพาทุกคนย้ายสถานที่ทันที
เหล่าศิษย์ ผู้อาวุโสระดับทั่วไปของสํานักกระบี่ทะเลประจิม
สําหรับเขาแล้วไม่ได้มีพลังคุกคามอะไร
แต่ถ้าหากไปกระตุ้นเอายอดฝีมือระดับสูงสุดของสํานักกระบี่ทะเล
ประจิมเข้า โดยเฉพาะเจ้าสํานักกระบี่ทะเลประจิม ‘หนึ่งกระบี่ทะเล
ประจิม’ ถานหรูซวงตัวตนของขั้นทะลวงสวรรค์คนนั้น หลี่มู่เองก็คงจะ
รับมือไม่ไหวแน่นอน
ก่อนหน้าที่สุสานเทพ เขาสังหารผู้บําเพ็ญนอกพิภพ สังหารผู้
แข็งแกร่งขั้นนักรบไป เพราะเนื่องจากที่สุสานเทพมีค่ายกลสะกดพลัง
ไว้ แต่ในดาวทุรกันดารนี้ไม่เหมือนกัน ผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์
ฉบับสมบูรณ์เลยทีเดียว และหลี่มุ่ได้ที่เริ่มบําเพ็ญ “ปราณแท้บริสุทธิ์”
ใหม่อีกครั้งก็ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นเทวะ ถึงแม้พลานุภาพของ ‘ปราณแท้บริสุทธิ์’ จะแข็งแกร่งกว่าปราณแท้ฟ้าประทานมาก แต่เขาก็ยังไม่คิดที่
จะเสี่ยง
และเป็นไปตามคาด ขณะที่พวกของหลี่มู่ย้ายสถานที่ไปได้ชั่วหนึ่ง
ถ้วยชา ชายกลางคนในชุดสีแดงสดร่างหนึ่ง ร่อนลงมาประดุจเทพเจ้า
ปรากฏขึ้นบนสถานที่ที่เกิดการต่อสู้
“หนีไปแล้วหรือ?”
ชายกลางคนหน้าตาธรรมดา พอถือได้ว่าได้สัดส่วน หน้าผาก
ค่อนข้างสูง ผิวขาว แต่ในดวงตาทั้งคู่ราวกับมีประกายแสงดาบ
ไหลเวียนอยู่ มีความน่าเกรงขามที่ทําให้คนที่มองเกิดความรู้สึกเหมือน
ความเป็นตายความหวังได้ดับสูญไม่เป็นตัวของตัวเอง
“จิตดาบ? บนดาวทุรกันดารนี้ วิชาดาบทุกคนล้วนมี แต่จิตดาบ
เช่นนี้ไม่เคยพบมาก่อนเลย ในลัทธิมาร สํานักชําระดาบที่ใช้วิชาดาบ
สะเทือนฟ้าดินก็ไม่ใช่วิชาดาบเช่นนี้…น่าสนใจ เมื่อไรกัน ที่ดาว
ทุรกันดารได้มีคนระดับสูงเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น?”
เขาค้างนิ่งอยู่บนอากาศ มองเห็นศพของศิษย์สํานักกระบี่ทะเล
ประจิมที่กระจัดกระจายรอบทิศทาง นิ้วทั้งห้ากางออกนับไปมา ที่กลาง
ฝ่ามือได้ปรากฏแสงกระบี่เส้นเล็กเส้นหนึ่งไหลเวียนขึ้น พุ่งตรงไปยัง
ทิศทางที่หลี่มู่หลบหนีหายไป“สังหารคนของสํานักกระบี่ทะเลประจิม จะหนีไปได้สักกี่น�ากัน?”
เขาก้าวเท้าออก ร่างไหววูบพุ่งยาวออกไปด้านนอกหลายลี้
แต่ทว่า ชั่วหนึ่งก้านธูปต่อมา
ใบหน้าของเขาได้ปรากฏสีหน้าตื่นตะลึงขึ้น
“วิชากระบี่พินิจใช้การไม่ได้หรือ?”
เขาใช้วิชาลับออกมาหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าค้นหาตําแหน่งของอีก
ฝ่ายเจอ แต่หลังจากที่ไล่ตามไปก็ไม่พบกับเงาของใครเลย
เรื่องประหลาดเช่นนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรก
นอกจากพลังของอีกฝ่ายจะเข้มแข็งกว่าตนเองมาก แต่ว่าเป็นไป
ไม่ได้
ขณะที่เขาใช้ ‘วิชากระบี่พินิจ’ ออกมาเป็นครั้งที่สี่ จู่ๆ ทางทิศด้าน
ยอดเขาโต๊ะที่ห่างออกไปนับร้อยลี้ ได้มีคลื่นประหลาดส่งออกมา
จากนั้นเสียงครืนครันได้ดังขึ้น ราวกับยอดเขาโต๊ะทั้งยอดกําลัง
สั่นสะเทือนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”เขาไม่สนอะไรกับการไล่ตามมือสังหารอีก ร่างไหววูบหายไปจาก
จุดที่อยู่ทันที
…
…
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่มู่กลับมาถึงยอดเขาโต๊ะ มองเห็นทั้งสํานักกระบี่ทะเลประจิม
เหมือนข้าศึกใหญ่กําลังเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น ออกตรวจตรา
ลาดตระเวนทั้งนอกและใน บรรยากาศเข้มงวดเป็นอย่างมาก
หรือว่าสาเหตุมาจากที่ตนเองสังหารผู้อาวุโสของสํานักกระบี่ทะเล
ประจิมไป?
ไม่น่าจะใช่นะ
ถ้าเป็นเช่นนั้น น่าจะมีการออกไปค้นหาภายนอก ไม่ใช่อยู่บนยอด
เขาโต๊ะเช่นนี้
“เสี่ยวต้น เจ้าไปไหนมา ทําไมเพิ่งจะกลับ?” ติงอี้ที่ไม่รู้ว่าโผล่มา
จากไหนเอ่ยขึ้น “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หลี่มู่ถาม “ข้าไปสร้างเวทีอยู่ แบกหินจนเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว…
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
ติงอี้เอ่ยขึ้นอย่างลึกลับ “เมื่อครู่ศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมที่
ลาดตระเวนด้านนอก ถูกผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าลัทธิมารลอบโจมตี เจ้า
สํานักกระบี่ทะเลประจิมออกไปไล่ล่าสังหารด้วยตนเองทันที แต่กลับไล่
ไปไม่เจอตัว และตอนที่ ‘หนี่งกระบี่ทะเลประจิม’ ไม่อยู่นั้น บนยอดเขา
โต๊ะได้เกิดเหตุประหลาดขึ้น ยอดเขาโต๊ะทั้งหมดงอกสูงขึ้นมาถึงสามสิบ
จั้ง”
“งอกสูงขึ้นสามสิบจั้ง?” หลี่มู่ตกตะลึง
นี่มันอะไรกัน
ติงอี้เอ่ยต่อ “สูงขึ้น สูงขึ้นมาสามฉื่อ(1เมตร ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ผิด
หรือไม่ เนื่องจากด้านบนและด้านล่างเขียนว่าหนึ่งร้อยเมตร แต่ชื่อตอน
ก็ยังเป็นหนึ่งเมตร????)…..ทั่วทั้งยอดเขา ถูกพลังน่ากลัวอันแสนลึกลับ
ดึงถอนมันขึ้นมาถึงสามสิบจั้ง ทั้งสํานักทะเลประจิมก็เหมือนรังแตก
ค้นหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น แต่ก็ไม่พบอะไร”
มีเหตุการณ์เช่นนี้ด้วย?
ยอดเขาโต๊ะสูงกว่ายี่สิบลี้ พูดได้ว่าเป็นยอดเขาสูงอันดับสองรอง
จากยอดเขาหลักไป๋ตี้บนภูเขาสู่ หนึ่งในเจ็ดสายลัทธิมารในวันวานอย่างสํานัก ‘ฝืนชะตา’ เคยอยู่บนนี้ ต่อให้การปรากฏตัวขึ้นของผู้แข็งแกร่ง
ขั้นนักรบ ก็ยังไม่แน่ว่าจะถอนเอาภูเขานี้สูงขึ้นมาได้ถึงสามสิบจั้ง ถึง
อย่างไรส่วนหินที่โผล่ขึ้นมาด้านนอกก็เป็นเหมือนยอดก้อนน�าแข็ง
เท่านั้น หินที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินยังกว้างและใหญ่กว่ามาก
ไม่แปลกเลยที่สํานักกระบี่ทะเลประจิมจะตึงเครียดได้ขนาดนี้
………………………………………