จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 539 พบหน้า
หลี่มู่กําลังเผชิญหน้ากับความลําบากเล็กๆ จริงๆ นั่นแหละ
แต่เดิมเขากะจะฉวยโอกาสตอนคนบนเรือไม่สังเกตแอบหนีไป แต่
เรือเหาะบินพุ่งผ่านไปยังไม่ทันพ้นเขตภูเขาสู่ คนบนเรือเหาะไม่กี่คน
พวกนั้นก็พลันมีความคิดชั่วร้าย
“ไอ้หนูนั่นยังไม่ตื่นอีกหรือ?” มีคนพลันเอ่ยปากขึ้น
“อืม อย่างกับหมูตาย”
“เจ้าว่า จู่ๆ ทําไมติงอี้ถึงใช้วิธีนี้ส่งไอ้หนูนี่ออกไป?”
“อาจจะเป็นห่วงเขา?”
“ไม่ ข้ารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นวิธีปิดฟ้าข้ามทะเล เป็นไปได้ว่าติงอี้
อาจจะได้อะไรมาจากเขาจัวเฟิง คิดจะใช้เจ้าเด็กนี่ส่งสมบัติออกไป ผิว
เผินดูแล้วเหมือนว่าเป็นห่วงเขาแบบนั้น”
“เดาอะไรมากมาย ค้นดูก็รู้แล้วไม่ใช่รึ?”
“ถ้าเด็กนี่ตื่นมาจะทําอย่างไร?”“ฮี่ๆ เช่นนั้นก็ไม่เลิกรา ไม่ลดละ จัดการ…” มีคนหัวเราะขึ้นมา
อย่างชั่วร้าย
คนอื่นๆ เงียบงัน
จากนั้นก็มีคนยื่นมือมาคลําบนร่างของหลี่มู่
หลี่มู่ถอนหายใจในใจ
ยุทธจักรอันตรายจริงๆ นะ
จินตนาการของคนพวกนี้ก็ช่างกว้างไกลเสียจริง คิดเชื่อมโยงมาใน
แนวนี้เสียได้
ดูท่าแล้วตนคงเป็นแพะอ้วนในสายตาของคนพวกนี้ นี่คิดจะฆ่าคน
ชิงทัรพย์แล้ว
พี่ติงนะพี่ติง ท่านน่ะหวังดี แต่เสียดายที่ฝากฝังผิดคนแล้ว
หากข้าเป็นบัณฑิตอ่อนแอธรรมดาๆ จริงๆ น่ากลัวว่าครั้งนี้คงตาย
ระหว่างทางโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว
หลี่มู่คิดในใจ กําลังจะลงมือสังหารคนพวกนี้ให้สิ้น
กลับเป็นตอนนี้เอง บนเรือเหาะพลันมีคนร้องอย่างตกใจ “ดูนั่นเร็ว
นั่นมัน…”ข้างหน้าเรือเหาะจู่ๆ มีเรือลําใหญ่ปรากฏขึ้นสกัดเอาไว้ ประชิดมา
ในเสี้ยวพริบตา ดักทางของเรือเหาะลําเล็กเอาไว้
หลี่มู่หลับตาก็สามารถรับรู้ได้ถึงทุกอย่างด้านนอก ในใจเพียงขยับ
ก็ล้มเลิกแผนที่จะลงมือ ตัดสินใจดูสถานการณ์ไปเงียบๆ
“แย่แล้ว เป็นเรือลาดตระเวณของสํานักกระบี่ทะเลประจิม” มีคน
ร้องอย่างหวาดกลัว เมื่อมองเห็นธงสีแดงที่สะบัดพริ้วอยู่บนเรือลําใหญ่
เป็นสัญลักษณ์ของสํานักกระบี่ทะเลประจิมนั่นเอง
“กลัวอะไร พวกเราไม่ได้ทําเรื่องอะไรผิดสักหน่อย” อีกคนหนึ่ง
เอ่ยอย่างปากกล้าขาสั่น
ระหว่างพูด——
ครึ่ก ครึ่ก!
ท่ามกลางเสียงประหลาด เชือกตะขอยาวก็ลอยมายึดกับกระดาน
เรือ ตรึงเรือเหาะลําเล็กเอาไว้
จากนั้นแสงดาบก็กะพริบ ลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมก็ขึ้นมา
บนเรือลําเล็กแล้วคนที่เป็นหัวหน้าดูแล้วอายุประมาณสามสิบ หน้าขาวไร้หนวดเครา
พลังฝึกตนขั้นฟ้าประทาน ชุดนักกระบี่สีแดง รูปร่างสูงใหญ่ สีหน้า
ท่าทางดุดัน สายตาเพียงกวาดก็เอ่ยขึ้น “คนไหนคือต้วนสุ่ยหลิว?”
“ต้วนสุ่ยหลิว?”
“ไม่มีคนคนนี้นี่?”
ทุกคนไม่ทันตั้งตัวไปในทันที
มีคนหนึ่งพลันโพล่งขึ้นมา “อ้อ ใช่แล้ว เป็นไอ้หนูที่ติงอี้เรียกว่า
‘เสี่ยวต้วน’ ส่งขึ้นมาคนนั้นรึเปล่า?”
นิ้วของทุกกคนชี้ไปยังหลี่มู่ที่นอนอยู่บนพื้นเรือ
“เป็นเขา?” ลูกศิษย์ฟ้าประทานสํานักกระบี่ทะเลประจิมมองหลี่มู่
ที่ถูกมัดแน่น “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
คนทั้งหลายบนเรือเหาะรีบเล่าเรื่องทั้งหมดรอบหนึ่ง
“ถูกมัดส่งตัวออกไปอย่างนั้นรึ?” ลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิม
พลังฟ้าประทานคนนั้นค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็เทียบรูปลักษณ์ของหลี่มู่
ดูๆ แล้วก็เอ่ยขึ้น “ไม่ผิด เป็นเขา ใครก็ได้ เอาตัวไป”ลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมคนหนึ่งเดินมา ลากหลี่มู่ที่อยู่ใน
สภาพถูกมัดไป
“คนพวกนี้ทําอย่างไรดี?” ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งชี้ไปยังเหล่าผู้ฝึกฝน
ไร้สังกัดบนเรือเหาะ เอ่ยถามขึ้น
ลูกศิษย์ขั้นฟ้าประทานหน้าขาวเกลี้ยงเกลาผู้เป็นหัวหน้าคนนี้สี
หน้าเย็นชา เอ่ยอย่างไร้จิตใจ “เรื่องนี้สําคัญนัก จะแพร่งพรายข้อมูล
ใดๆ ออกไปไม่ได้ ฆ่าทิ้งเสียให้หมด” เรื่องฆ่าคนปิดปากเช่นนี้ พวกเขา
ทําจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“ไม่ ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วย”
“อย่าฆ่าพวกเราเลย พวกเราจะปิดปากให้สนิทแน่นอน”
“พวกเรารู้จักศิษย์พี่ฉีแห่งสํานักกระบี่ทะเลประจิมของพวกเจ้า”
“พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“หนี หนีเร็ว”
คนทั้งหลายบนเรือเหาะลําเล็กเห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าจะเป็นผล
แบบนี้ เสียงร้องแตกตื่นหวาดกลัวก็ดังระงมทันที มีคนคุกเข่าอ้อนวอน
บนพื้น และก็มีคนตะโกนซักไซ้เสียงดัง แล้วก็ยังมีคนกระโดดไปยังหมู่
เมฆเบื้องล่างคิดจะหลบหนีทว่า อยู่ต่อหน้ายอดฝีมือยอดเยี่ยมที่แท้จริงของสํานักกระบี่ทะเล
ประจิม ปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้จะหนีไปได้อย่างไร
แสงกระบี่คมปลาบไร้ความปราณีทอประกายวูบไหลวน คนพวกน
นี้ถูกฆ่า ไม่มีใครหนีรอดสักคน
ทําชั่วได้ชั่ว
หลี่มู่ไม่เห็นใจและไม่สงสารแม้แต่น้อย
หากก่อนหน้านี้ คนพวกนี้ไม่คิดชั่ว ไม่คิดฆ่าคนเพื่อทรัพย์แล้วล่ะก็
บางทีหลี่ม่ ูอาจจะลงมือช่วยพวกเขา แต่ตอนนี้…พูดได้แค่ว่า ‘ทางไป
สวรรค์มีไม่ยอมไป นรกไม่มีประตูแต่ดันจะมา’
สุดท้ายแม้แต่เรือเหาะลําเล็กก็ถูกทําลายไปด้วย
หลี่มู่แกล้งสลบ ลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิมสามสี่คนนี้ก็พา
เขากลับมายังเรือเหาะลําใหญ่
เรือลําใหญ่เดินทางกลับ
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็มาถึงเหนือท้องฟ้ายอดเขาจัวเฟิง
“ใครก็ได้ เอาตัวเจ้าคนธรรมดานี่ไปไว้ที่คุกใต้ดิน ขังตัวเอาไว้” ผู้
แข็งแกร่งฟ้าประทานหน้าตาเกลี้ยงเกลาคนนั้นเอ่ยหลี่มู่ถูกหามลงมาจากเรือลําใหญ่ กําลังจะถูกส่งตัวไปยังคุกใต้ดิน
พลันมีผู้แข็งแกร่งสํานักกระบี่ทะเลประจิมขั้นเหนือมนุษย์คนหนึ่ง
บินมากลางท้องฟ้า แสดงป้ายคําสั่งในมือ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโสมี
คําสั่งให้มอบตัวต้วนสุ่ยหลิวมาให้ข้า มีเรื่องที่ใช้ประโยชน์จากเขาได้”
“ที่แท้เป็นศิษย์พี่ฝานนี่เอง” ผู้แข็งแกร่งฟ้าประทานหน้าตาเกลี้ยง
เกลารีบทําความเคารพ จากนั้นก็เอ่ย “เร็ว รีบนําคนมอบให้ศิษย์พี่ฝาน
ไป”
หลี่มู่ถูกส่งต่อให้กับคนสองคนที่อยู่ข้างกายศิษย์พี่ฝาน
“เอาตัวไป”
พวกศิษย์พี่ฝานพาหลี่มู่ขึ้นเรือลําเล็ก แล้วไปจากเขาจัวเฟิง พุ่งลง
ไปข้างล่างทันที
หลี่มู่แปลกใจ
นี่มันอะไรกัน?
หรือจะมีใครจะฝังเราไว้เป็นปุ๋ยใต้เขาจัวเฟิง?
คนของสํานักกระบี่ทะเลประจิมคงไม่ไร้สาระแบบนี้กระมัง
หลี่มู่รู้สึกว่าพวกเรื่องในคืนนี้ค่อนข้างซับซ้อนเขาตัดสินใจดูสิว่าคนของสํานักกระบี่ทะเลประจิมจะมีแผนอะไร
กันแน่
แต่ว่า ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ว่า ทางด้านใต้เขาจัวเฟิงมีระลอก
พลังงานมหาศาลถาโถมแผ่มา
มีผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดกําลังประมือกัน!
หลี่มู่สัมผัสได้ในทันที
อีกทั้งหนึ่งในนั้นน่าจะเป็น ‘กระบี่ทะเลประจิม’ ถานหรูซวง เจ้า
สํานักหนึ่งในสามสํานักกระบี่ และก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวง
สวรรค์เช่นกัน ส่วนอีกคนหนึ่งกลิ่นอายแปลกประหลาดมาก ไม่เคยพบ
มาก่อน ถูก ‘กระบี่ทะเลประจิม’ ควบคุมอยู่เลาๆ แต่ยังมีแรงโจมตีกลับ
สามารถประจันหน้ากับ ‘กระบี่ทะเลประจิม’ ถานหรูซวงได้ หรือ
จะเป็นยอดฝีมือของลัทธมาร?
หลี่มู่คิดในใจ ไม่นาน เรือเหาะก็มาถึงก้นเหวเขาจัวเฟิง
ศิษย์พี่ฝานหิ้วหลี่มู่เข้าใกล้ไปยังใจกลางสนามต่อสู้
“พาคนมาแล้วหรือ?” มีคนเอ่ยปากถาม กลับเป็นเสียงของชวี
เสวี่ยหนิง เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองธาราเหมันต์“จอมยุทธ์น้อยชวี คนอยู่ที่นี่แล้ว” ศิษย์พี่ฝานเอ่ยอย่างนอบน้อม
“พวกศิษย์น้องจางสกัดเอาไว้ได้ที่รอบนอกภูเขาสู่ เจ้าเด็กนี่ถูกตีสลบ
จนถึงตอนนี้ยังไม่ฟื้ น ถามคนอื่นๆ บนเรือ บอกว่าติงอี้ตีจนสลบแล้วส่ง
ขึ้นมาให้พวกเขาพาตัวไป”
“อ้อ อย่างนั้นก็น่าสนใจแล้ว” ชวีเสวี่ยหนิงยิ้ม ทายอะไรได้ ก่อน
จะถามขึ้นอีก “คนอื่นๆ บนเรือเล่า?”
ศิษย์พี่ฝานตอบ “พวกศิษย์น้องจางจัดการปิดปากแล้ว”
“ดี ทําได้ดีมาก” เสียงของชวีเสวี่ยหนิงเห็นได้ชัดว่าพอใจมาก ก่อน
จะเอ่ยขึ้นอีก “พาตัวคนตามข้ามา”
ยอดฝีมือสํานักกระบี่ทะเลประจิมและเมืองธารเหมันต์ที่วางค่าย
กลสกัดล้อมเอาไว้รอบๆ ต่างแหวกทางออก ชวีเสวี่ยหนิงเดินเข้าไป
มาถึงยังขอบสนามต่อสู้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “หึๆ ติงอี้ เจ้าดูซิว่าใครมา”
ศิษย์พี่ฝานหิ้วหลี่มู่เดินมาข้างหน้า
“เสี่ยวต้วน?” เสียงของติงอี้ดังลอยมาจากวงต่อสู้ จากนั้นก็เอ่ย
อย่างโมโห “พวกเจ้าพวกคนต�าช้า สร้างความลําบากให้กับบัณฑิตที่ไม่
รู้เรื่องราว พลังยุทธ์ต�า เจ้าคู่ควรที่จะเรียกว่าเป็นฝ่ายธรรมะ สํานักขึ้น
ชื่อหรือ?”หลี่มู่ได้ยินเสียงนี้ก็อดตกใจไม่ได้
เป็นติงอี้อย่างนั้นรึ?
‘จอมยุทธ์ใหญ่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วยุทธจักร’ ติงอี้ ?!
เขาตกใจมาก
ต้องรู้ว่าหลายวันนี้นอกจากการฝึกฝนครั้งนั้น เขาแทบจะอยู่กับติง
อี้ทุกวัน ดูไม่ออกเลยว่าติงอี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดที่คมในฝัก
เช่นนี้ หลี่มู่คิดว่าสายตาของตนเฉียบแหลม อีกทั้งวิชาที่เขาฝึกคือ ‘วิชา
ก่อนกําเนิด’ เบิกเนตรสวรรค์ ประสาทสัมผัสไวมาก เวลานานขนาดนี้
กลับมองช่องโหว่อะไรไม่ออก
และสามารถสู้กับ ‘กระบี่ทะเลประจิม’ ถานหรูซวงได้ พลังของติง
อี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
ชวีเสวี่ยหนิงหัวเราะร่า “รับมือกับปีศาจลัทธิมารกับพวกเจ้า
แน่นอนว่าไม่ต้องพูดกฎเกณฑ์อะไรด้วย อีกทั้ง เจ้าบัณฑิตนี่ก็ไม่ได้
บริสุทธิ์อะไร มันเป็นพรรคพวกเดียวกับเจ้า ต่อให้มันไม่ใช่ลูกศิษย์ลัทธิ
มาร แต่มันคบค้ากับเจ้า นั่นก็เท่ากับสมคบคิดกับลัทธิมาร ความผิดของ
มันเฉกเช่นเดียวกับลูกศิษย์ลัมธิมาร ต้องประหาร…หึๆ ติงอี้ เจ้ายังไม่
ยอมให้จับแต่โดยดี ไม่คิดจะช่วยพรรคพวกของเจ้าให้รอดหรือ?”เปรี้ยง!
ในวงต่อสู้ มีเสียงคลื่นพลังงานระเบิดอย่างรุนแรงลอยมา
ร่างของถานหรูซวง ‘กระบี่ทะเลประจิม’ กระเด็นลอยออกไปนอก
วงต่อสู้
ท่ามกลางฝุ่นผงที่ลอยตลบ เงาร่างของติงอี้ประหนึ่งเทพมาร สูง
ใหญ่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั่วร่างอาบย้อมไปด้วยเลือด เต็มไปด้วย
รอยแผลกระบี่ บนร่างมีแผลแทงทะลุหลายรอย แต่จิตต่อสู้ยังคงโหม
บ่าราวมหาสมุทร ไม่เห็นร่องรอยยอมแพ้แม้แต่น้อย เปลวไฟสีดําราย
ล้อมทั่วร่าง เหมือนเทพแห่งความตายที่เดินออกมาจากความมืด
ถึงแม้จะตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่จิตใจสู้จนตัวตายก็ยังไม่ถอย
เห็นอยู่ชัดๆ ว่า ‘กระบี่ทะเลปะจิม’ ถานหรูซวงบีบเขา ถึงแม้จะทํา
ให้เขาบาดเจ็บหนักครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ชายคนนี้กลับเหมือนว่าจะไม่มี
วันล้มลงอย่างไรอย่างนั้น ยังคงมีกําลังรบที่แข็งแกร่งและเจตจํานงที่
มุ่งมั่น
“ติงอี้ เจ้ายอมให้จับแต่โดยดี ข้าจะปล่อยเจ้านี่ไป เป็นอย่างไร?”
ชวีเสวี่ยหนิงหัวเราะเยียบเย็น
สายตาของติงอี้จับจ้องที่ร่างของหลี่มู่ ก่อนถอนหายใจเขาทําการป้องกันล่วงหน้า ส่งหลี่มู่ออกไปก่อน ก็เพราะกลัว
บัณฑิตใสซื่อบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อยุทธจักรจะ
ถูกอุบาย การแย่งชิงอันโหดร้ายคาดไม่ถึงของยุทธจักดึงเข้ามา แต่คิด
ไม่ถึงว่าจะวางหมากผิดไปก้าวหนึ่ง สุดท้ายก็ทําให้บัณฑิตผู้นี้พลอย
ลําบากไปด้วย
“ปลุกมัน” ชวีเสวี่ยหนิงเอ่ย
ศิษย์พี่ฝานกําลังคิดจะหักกระดูกหลี่มู่เพื่อทําให้เขาตื่น คิดไม่ถึงว่า
ตอนนี้หลี่มู่จะพลันลืมตาขึ้นเอง ทําให้ศิษย์พี่ฝานคนนี้ตกใจ สบถด่าขึ้น
“ไอ้เศษเดนนี่มันตื่นอยู่นานแล้ว ก่อนหน้านี้แกล้งสลบนี่นา”
หลี่มู่ไม่สนใจเขา มองไปยังชายประหนึ่งเทพสงคราม ทั่วร่างอาบ
ย้อมไปด้วยเลือดที่อยู่กลางสนามต่อสู้ “พี่ติง นี่ท่านเล่นอะไรเนี่ย”
สีหน้าบนใบหน้าติงอี้ซับซ้อน สุดท้ายก็เอ่ย “เสี่ยวต้วน ขอโทษด้วย
ทําให้เจ้าต้องพลอยเดือดร้อน ข้าปิดบังตัวตนของตัวเอง อันที่จริงข้า
เป็นคนของลัทธิเทพภูเขาสู่” ในใจของเขารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก หากรู้
แบบนี้ ตอนนั้นไม่ควรพาเจ้าหนูนี่มาภูเขาสู่ ภายหลัง ที่จริงแล้วเขา
หลอกใช้หลี่มู่มาปกปิดฐานะตัวเอง อย่างตอนตรวจสอบหลายครั้งจาก
สํานักกระบี่ทะเลประจิม เขากับหลี่มู่เป็นพยานให้กันและกันถึงได้ไม่ทํา
ให้สํานักกระบี่ทะเลประจิมสงสัย……………………………………………