จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 543 สัญญาแต่งงาน
แต่ไม่นานเก้าสํานักก็พบว่าแผนปิดประตูตีแมวน่าจะมีปัญหา
ตรงไหนสักแห่ง เพราะหลี่มู่จื่อก่อนกลางดึกคืนวันนี้ ซึ่งก็คือหลังจากที่
พวกเขาจากไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็บาดเจ็บหนักกลับมารักษาตัวที่ฐานที่
มั่นสํานักกระบี่ค�าฟ้า
ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือหนุ่มลึกลับที่มาจากลัทธิมารนอกพิภพคน
นั้น ไปแล้วย้อนกลับมาที่ป่าหิน สู้กันศึกใหญ่ หลังจากสามกระบวนท่าก็
โจมตีหลี่มู่จื่อเจ้าสํานักกระบี่ค�าฟ้ากระเด็น ทําให้เขาบาดเจ็บสาหัส
“ฮ่าๆ เทียบกับถานหรูซวงแล้ว หินลับดาบก้อนนี้คุณภาพดีกว่านิด
หนึ่งแฮะ”
นี่คือคําพูดโอหังที่เขารบชนะแล้วพูดทิ้งเอาไว้ ก่อนผู้แข็งแกร่ง
ทะลวงสวรรค์คนอื่นๆ จะเข้ามาในป่าหิน
เด็กหนุ่มคนนี้ใช้ผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์เป็นหินลับดาบ
สําหรับเก้าสํานักแล้วนี่คือความอัปยศอดสู
สําหรับผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์ทั้งเก้าสํานักนี่เป็นการตบหน้า
โต้งๆหลังจากหารือกันรอบหนึ่ง ผู้นําตระกูลจู ตระกูลค่ายกลและผู้นํา
ตระกูลกงซุน ตระกูลหุ่นเชิดกลไก ร่วมมือกันวางค่ายกลสังหารสูงสุดไว้
รอบๆ เขตป่าหิน จากนั้นก็ให้ผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์คนหนึ่ง
รักษาการไว้ เตรียมล่อผู้แข็งแกร่งหนุ่มลึกลับลัทธิมารคนนี้
ทว่า ก็ยังคงเป็นฉากวุ่นวายฉากหนึ่ง
ยอดฝีมือลัทธิมารหนุ่มลึกลับคนนั้นแค่ดีดนิ้วค่ายกลก็ถูกทําลายลง
ส่วนเจ้าเมืองกลางนภาต้วนเฟิงที่คอยรักษาค่ายกลก็พ่ายแพ้หลบหนีไป
หลังจากรับมือได้สามดาบ ไม่กล้าสู้อีก วัสดุบางอย่างที่วางค่ายกลถูกชิง
ไป ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของเมืองกลางนภาที่ร่วมมือรักษาค่ายกลก็ถูก
สังหารลงทั้งหมด
สําหรับขั้วอํานาจทั้งเก้าตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนเป็น
อย่างยิ่งทันที
ศึกประลองใกล้จะเริ่มเต็มที สามผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์จาก
สํานักใหญ่ทั้งเก้าอันได้แก่ ถานหรูซวง หลี่มู่จื่อและต้วนเฟิงต่างได้รับ
บาดเจ็บสาหัสตามลําดับ นี่เป็นการลดทอนพลังของเก้าสํานักอย่าง
มหาศาล
อีกทั้ง ตอนนี้จะทําอย่างไร?
จะล้อมป่าหินหรือไม่?หากปิดล้อม ผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์ของสํานักทั้งเก้าจะต้องอยู่
ที่นี่ถึงจะมีความมั่นใจที่จะล้อมยอดฝีมือหนุ่มลึกลับคนนี้ มิฉะนั้นก็จะ
กลายเป็น ‘หินลับดาบ’ ของอีกฝ่ายจริงๆ แต่ยอดฝีมือทะลวงสวรรค์
ตรึงกําลังอยู่ที่นี่ทั้งหมด หากผู้แข็งแกร่งลัทธิมารในเมืองไป๋ตี้จู่โจมบุก
มาจะทําอย่างไร?
หากไม่ปิดล้อม…
อืม อันที่จริงไม่ปิดล้อมก็ไม่เป็นไร
แต่ประเด็นคือ กลืนความโกรธนี่ไม่ลงน่ะสิ
ขี่หลังเสือแล้วยากจะลง
สุดท้าย เก้าสํานักก็เลือกที่จะสลายตัว
ช่วยไม่ได้ เหล่าเซียนนอกพิภพยังไม่ปรากฏตัว ลงมือ เผชิญหน้า
กับผู้แข็งแกร่งที่สามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์ซึ่งหน้าได้
พวกเขาก็หมดปัญญาจริงๆ
ส่วนหลี่มู่ก็เศร้าใจสุดกําลัง
ตั้งแต่ตอนอยู่ที่แผ่นดินใหญ่เสินโจว จิตดาบของเขาก็สามารถ
สังหารขั้นทะลวงสวรรค์ได้ในเสียวพริบตา แต่ผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์
ขั้นแรกเริ่ม ยังไม่ทันทําขอบเขตให้เสถียร นับว่าเป็นเด็กน้อยของขั้นขอบเขตทะลวงสวรรค์ ทว่าผู้แข็งแกร่งดาวทุรกันดารทั้งเจ็ดล้วนเป็นผู้
แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์เก่าแก่ที่แท้จริง เป็นชายยิ่งใหญ่ในขั้นนี้ ความ
แข็งแกร่งของพลังนั้นแตกต่างกัน
หลี่มู่ที่เห็นการล่าสัตว์จิตใจเบิกบานหวังอยากจะให้สํานักทั้งเก้า
ปิดล้อมต่อไปใจจะขาด
เช่นนี้เขาถึงจะฝึกดาบได้ดี
ตอนอยู่บนโลก หลี่มู่ก็ได้ศึกษาวิชากระบวนท่าของสํานักในยุทธ
จักร
ถึงแม้โลกจะไม่มีพลังฟ้าดิน ผลจากการฝึกฝนน้อยนิด แต่ก็เพราะ
เหตุนี้ มาตรฐานการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่าและความเลิศล�าของ
จอมยุทธ์และสํานักบนโลกจึงเหนือกว่านอกพิภพมาก แต่ก็เป็นเพียงแค่
การเปลี่ยนแปลงด้านกระบวนท่าเท่านั้น ด้านพลังของวิชาก็ด้อยกว่า
มาก
หลี่มู่ได้ผลเก็บเกี่ยวผ่านจากการศึกษากระบวนท่า วิชาพวกนี้มาก
จากการเก็บเกี่ยวสะสมความรู้ วันนี้ก็มากพอที่จะสู้กับผู้แข็งแกร่ง
ทะลวงสวรรค์แล้ว สําหรับหลี่มู่เป็นการเบิกปัญญาอย่างมากจริงๆ
โดยเฉพาะด้านวิชาดาบ ประหนึ่งว่าลอกคราบเกิดใหม่สรรพวิชาล้วนมีต้นกําเนิดเดียวกัน
วิชาดาบก็ไล่ตามจากการเปลี่ยนแปลงชั้นยอด กลับมายังรูปแบบ
หกดาบวายุเมฆา
หกดาบกลับสู่ดาบเดียว นี่ถึงจะเป็นเป้าหมายสุดท้ายของหลี่มู่
เขาสัมผัสกับประตูนี้ได้เลาๆ แล้ว
แต่เหล่าทะลวงสวรรค์จากสํานักทั้งเก้ากลับไม่มีจิตสํานึกของหิน
ลับดาบเลยแม้แต่น้อย ขี้ขลาดเสียได้
นี่จะทําอย่างไรดี?
จะไปบุกถึงที่ไม่ได้กระมัง?
นั่นรนหาที่ตายเกินไปแล้ว
จะบอกว่าสํานักใหญ่ไม่มีการคุ้มครองค�าจุนจากผู้ฝึกฝนนอกพิภพ
หลี่มู่ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
หากเกี่ยวพันกับผู้ฝึกฝนนอกพิภพ เช่นนั้นก็ต้องระวังหน่อยแล้ว
“เข้าเมืองไป๋ตี้เถอะ” อาการบาดเจ็บของติงอี้ฟื้ นฟูขึ้นมาก
หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยเสนอ “หากจะรอให้ไอ้พวกสารเลวนอกพิภพมาดักอยู่ในป่าหินพวกเราสองคนคงต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าตาย
ไปที่นี่นั่นแหละ”
พูดก็ถูกอยู่หรอก แต่ทําไมพูดได้น่าขนลุกขนาดนั้นเล่า?
หลี่มู่คิดๆ แล้วก็พยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน อย่างไรเสียเรื่องที่ควรทํา
ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว”
ติงอี้หัวเราะ “พอดีเลย เรื่องที่ข้าต้องทําก็เรียบร้อยแล้ว
เหมือนกัน”
ทั้งสองคนออกจากป่าหินมาอย่างลับๆ ล่อๆ หลังจากสํารวจอย่าง
ละเอียด พบว่าไม่มีกับดักอะไรอยู่แล้วจริงๆ จึงออกเดินทาง แต่ก็ไม่ได้
มุ่งหน้าบินตรงไปยังเมืองไป๋ตี้ทันที กลับอ้อมไกล เพื่อป้องกันระหว่าง
ทางจะมีกับดัก จึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปเมืองไป๋ตี้
ระหว่างทางหลี่มู่ก็พลันคิดถึงปัญหาหนึ่งขึ้นได้ “พวกเราจะเข้า
เมืองอย่างไร?”
การป้องกันของเมืองไป๋ตี้เข้มงวดเพียงใด?
บุ่มบ่ามเข้าไปเกรงว่าจะเข้าไปไม่ได้ แต่จะยืนตะโกนอยู่หน้าประตู
ก็คงไม่ได้กระมัง ในตัวก็ไม่มีของแสดงตัวอะไรสักอย่างติงอี้เอ่ยอย่างได้ใจ “อย่าลืมสิ ข้าคือผู้สืบทอดของฝืนชะตาเชียว
นะ”
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป ทั้งสองก็มาถึงยังข้างล่างเมืองไป๋ตี้
เมืองไป๋ตี้ตั้งอยู่ใจกลางภูเขาสู่ อยู่เหนือยอดเขาไป๋ตี้ ทั้งเมือง
ก่อสร้างด้วยหินภูเขาสู่สีขาว ทะเลเมฆขาวรายล้อม เหมือนกับวังเซียน
ที่ลอยอยู่บนหมู่เมฆ มองจากข้างนอกมาช่างสวยงามไร้ที่ติ
สํานักภูเขาสู่มีเจ็ดสายย่อย ดังนั้นเมืองไป๋ตี้มีเจ็ดประตู
ติงอี้พาหลี่มู่มาถึงประตูใหญ่หนึ่งในนั้นแห่งหนึ่ง ดูอย่างละเอียด
แล้วก็หมุนตัวจากไป
“ทําไมอะ?” หลี่มู่ถาม
ติงอี้เอ่ยอย่างจริงจังเคร่งขรึม “รอก่อน เวลานี้ไม่เหมาะที่จะเข้า
ไป”
หลี่มู่ “???”
มีฤกษ์แบบนี้ด้วย
จวบจนกระทั่งติงอี้พาหลี่มู่อ้อมประตูเมืองทั้งหก มาถึงประตูบาน
สุดท้ายทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ หลี่มู่ก็พลันเข้าใจ ยังไม่ได้ฤกษ์บ้าบออะไรกันเล่า เป็นเจ้านี่หาประตูที่เป็นของฝืนชะตาไม่เจอ ถึงได้พา
ตัวเองเที่ยวเดินมั่วๆ อีกทั้งยังโชคย�าแย่สุดๆ เดินจนครบทั้งเจ็ดบาน
แล้ว สุดท้ายถึงได้หาประตูที่เป็นของฝืนชะตาเจอ
“ท่านเป็นผู้สืบทอดของฝืนชะตา ไฉนจึงไม่รู้ว่าทั้งเจ็ดบานนี้บาน
ไหนเป็นของฝืนชะตา?” หลี่มู่เอ่ยอย่างจนคําพูด
“เจ้าดูออกแล้ว?” ติงอี้เอ่ยหัวเราะฮี่ๆ “ช่วยไม่ได้ ข้าก็มาเมืองไป๋ตี้
เป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
“หา?” หลี่มู่จนคําพูดไปในทันที
ติงอี้เอ่ยอย่างสมเหตุสมผล “นี่มีอะไรแปลก ข้าได้มรดกของฝืน
ชะตาก็เป็นเรื่องช่วงไม่กี่ปีนี้เท่านั้น เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ธรรมะและ
อธรรมเกิดสงครามใหญ่ สายฝืนชะตาถูกทําลายย่อยยับ มีเพียงมรดก
ล่องลอยไปในโลก สุดท้ายเลือกข้าเป็นฝืนชะตายุคนี้ ก่อนหน้านี้ข้าก็
ฝึกฝนอยู่ตลอด ไม่เคยมาที่นี่”
หลี่มู่ยิ่งจนคําพูดเข้าไปใหญ่
ทําไมถึงรู้สึกพึ่งไม่ได้ขนาดนี้นะ
แต่ว่า ติงอี้หยิบเอาสิ่งแสดงตัวสายฝืนชะตา เปิดประประตูฝืน
ชะตาออกช้าๆ หลี่มู่ถึงได้วางคําดูถูกในใจลงก็ได้
ในที่สุดก็พึ่งพาได้ครั้งหนึ่ง
การเปิดออกของประตูฝืนชะตา สุดท้ายก็ทําให้ลัทธิเทพฝ่ายต่างๆ
ภูเขาสู่ในเมืองแตกตื่น
หลังจากผ่านการยืนยันอย่างยากลําบาก ฐานะของหลี่มู่และติงอี้
ถึงได้รับการยอมรับ
ได้พบกับเหล่ายอดฝีมือสํานักชําระดาบ เขาราชันมังกร ศาลา
เหนือฟ้าและสํานักเงาจันทร์ โดยมีพวกลั่วเสวียนซินและลู่ซวิ่นที่อยู่ใน
เมืองไป๋ตี้จนคุ้นเคยดีช่วงหนึ่งแล้วแนะนําทีละคนๆ
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยอย่างหนึ่ง
ในเมืองไป๋ตี้ไม่ได้แบ่งขั้นอย่างชัดเจนเหมือนกับสํานักทั้งเก้าด้าน
นอก แต่กลับมีลักษณะอย่างอิสระเท่าเทียม ต่อให้เป็นเจ้าสํานักจาก
สายย่อยต่างๆ ก็ไม่ได้มีท่าทีสูงส่งอะไรมากมาย
“อาจารย์ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาอย่างปลอดภัย ดีเหลือเกิน”
หลังจากแนะนําเสร็จสิ้น พวกเซียวตงก็เดินมาอย่างดีใจ “พี่อู๋เหินเล่า?
พวกท่านไม่ได้กลับมาด้วยกันหรอกหรือ?”
“ธิดาเทพเยี่ยหรือ?” หลี่มู่อึ้ง “ทําไม นางไม่ได้อยู่ในเมืองไป๋ตี้?”พวกเซียวตงตกใจ
ข้างกายมีชายใบหน้ามีหนวดเครา รูปร่างสูงใหญ่ กลิ่นอายทรง
พลัง ร่างสวมชุดเกราะสีม่วงทองยืนอยู่ เขาเอ่ยปากขึ้น “ก่อนหน้านี้เก้า
สํานักปล่อยข่าวออกมา บอกว่าเจ้าถูกขังอยู่ที่เขาจัวเฟิง ข่าวยากจะ
บอกว่าจริงหรือปลอม ดังนั้นคนทั้งหลายในเมืองไม่อาจออกไปช่วยได้
อีกทั้งศึกใหญ่ก็ใกล้จะเริ่ม เพื่อสถานการณ์ส่วนใหญ่ก็ยากจะแยกร่าง
ออกมา ดังนั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ส่งคนไปช่วย แล้วแต่วาสนาของพวก
เจ้า แต่ธิดาเทพแห่งสํานักชําระดาบเยี่ยอู๋เหินคัดค้าน ยืนยันจะไปสืบ
ข้อเท็จจริง ไม่สนใจคําทัดทาน แอบออกไปจากเมืองไป๋ตี้ไปช่วยพวก
เจ้าเพียงลําพัง”
นี่คือหัวหน้าเขาราชันมังกร หนึ่งในสายแยกทั้งเจ็ดของลัทธิเทพ
เขาสู่
หนึ่งในผู้นําแห่งภูเขาสู่ มีรัศมีอํานาจเป็นอย่างยิ่ง
“หืม? ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” หลี่มู่มองติงอี้
ทั้งสองคนส่ายหน้าพร้อมกัน
หลี่มู่ใจหล่นวูบทันที
แย่แล้วนี่จะต้องเป็นอุบายของเก้าสํานักอย่างแน่นอน จงใจปล่อยข่าว
ออกไป คิดจะ ‘ล่อเหยื่อ’
ผู้สืบทอดฝืนชะตาที่เยี่ยอู๋เหินคิดคือหลี่มู่
ดังนั้น สาวงามเลิศล�าผมยาวสีเขียวอ่อนคนนี้ เพื่อเขาแล้วถึงได้
เสี่ยงภัยออกไปจากเมืองไป๋ตี้
เยี่ยอู๋เหินมีอันตราย
นี่เป็นความคิดที่ผุดเข้ามาในหัวของหลี่มู่ทันที
“ทําอย่างไรดี?”
หลี่มู่จ้องติงอี้
ติงอี้ก็แปรเปลี่ยนจากท่าทางที่ปกติยิ้มแย้มแจ่มใสมาขมวดคิ้ว
“ข้าจะออกไปหาธิดาเทพอู๋เหิน” หลี่มู่เอ่ยปาก
ก่อนหน้านี้ลัทธิเทพไม่อาจส่งคนออกไปช่วยผู้สืบทอดของฝืน
ชะตาได้ ตอนนี้ก็ไม่อาจส่งคนไปช่วยเยี่ยอู๋เหินด้วยเช่นกัน
ฟังแล้วค่อนข้างโหดร้าย แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผลที่สุด
แต่หลี่มู่ไม่อาจนิ่งเฉยดูดายได้เจ้าสํานักของสํานักชําระดาบเป็นคุณย่าผมขาวโพลน ได้ยินดังนั้น
ก็พยักหน้าเงียบๆ
อาศัยแค่ประโยคนี้ อู๋เหินนับว่ามองคนไม่ผิด
“ดี สมกับที่เป็นคนมีความตั้งใจ อาศัยที่เจ้ามีใจต่ออู๋เหิน เจ้าไปเถิด
ขอแค่มีชีวิตกลับมาข้าจะจัดพิธีแต่งงานให้พวกเจ้าได้แต่งงานกัน” ท่าน
ย่าแห่งสํานักชําระดาบเอ่ยอย่างเป็นทางการ
หา?
หลี่มู่มองหญิงชราผู้นี้อย่างงุนงง
พิธีแต่งงาน?
แต่งงาน?
นี่เล่นมุกไหนเนี่ย?
อะไรคือมีใจต่ออู๋เหิน ท่านย่า ท่านอย่าได้พูดจามั่วๆ แบบนี้สิ ข้ามี
ใจอะไรกัน?
ติงอี้อยู่ข้างๆ ก็ขําขึ้นมาทันที
เขากดเสียงต�า ส่งกระแสจิตให้หลี่มู่อย่างมีความสุขบนความทุกข์
ของผู้อื่น “อ้อ ลืมบอกเจ้าไป ตามธรรมเนียมสืบทอดกันมาของลัทธิเทพ ระหว่างธิดาเทพของสํานักชําระดาบกับผู้สืบทอดฝืนชะตามีคํา
สัญญาแต่งงานที่ติดตัวมา หากทั้งสองคนไม่ผลักไสอีกฝ่ายแล้วล่ะก็
สุดท้ายก็จะแต่งงานเป็นคู่สามีภรรยาฝึกเต๋า เพราะวิชาของสายแยกทั้ง
สองสํานักนี้ ชายหญิงฝึกคู่พลังถึงจะผลักดันจนถึงขั้นสูงสุด”
หลี่มู่งงหน้าเอ๋อไปในทันที
………………………………………………