จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 548 เจ้าลัทธิ
“น้องชาย เจ้าไม่สนใจดอกไม้งามดอกนี้แม้แต่น้อยเลยจริงๆ หรือ”
ตาซ้ายของติงอี้ช�าเขียว เอ่ยสูดปาก
หลี่มู่ถลึงตาใส่เขา
“อย่านะ ข้าทําแบบนี้ก็เพื่อเจ้านะ ชายหนุ่มมีความสามารถสาว
มากรูปโฉม ร้ายกาจเหมาะสมกัน…อย่างไรเสีย ก็บินเคียงคู่ไม่ห่างกัน
จากการสํารวจของข้า เยี่ยอู๋เหินผู้นี้เป็นกายเสน่ห์ภายในหายาก
ภายนอกเย็นชา ข้างในเร่าร้อน รวมกับ ‘ต้งเสวียนจื่อวิชาร่วมหอ
สามสิบหกกระบวนท่า’ แล้ว ทําให้เจ้าได้เสพหญิงงามสุดยอดแน่นอน…
” ติงอี้พูดแล้วก็ท่าทางเบิกบานขึ้นมา
หลี่มู่ซัดหมัดชกจนเขาตาขวาเขียวไปอีกข้าง
“โอ๊ย…น้องชาย ทําไมเล่า เจ้าไม่ชอบผู้หญิงอย่างนั้นรึ?” ติงอี้กุม
เบ้าตาตัวเอง เอ่ยอย่างยากจะเชื่อ
หลี่มู่เอ่ย “ประเด็นหลักของปัญหามันอยู่ตรงนี้ไหม? ห๊ะ? อยู่ที่นี่
ไหม? ข้าไม่ใช่ผู้สืบทอดฝืนชะตา เจ้าเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง?”ติงอี้เอ่ยหัวเราะคิกๆ “โอ๊ย ปัญหาใหญ่อะไรที่ไหน ข้าไม่พูด เจ้าไม่
พูด ใครจะไปรู้”
หลี่มู่ตอบ “ไสหัวไปไกลๆ เลย…เรื่องนี้เจ้าก่อขึ้นมาเอง เข้าไป
อธิบายกับทุกคนให้รู้เรื่อง”
ติงอี้แบมือยักไหล่ “ตอนนี้น่ากลัวว่าจะอธิบายได้ไม่เข้าใจแล้ว อีก
อย่าง หรือเจ้าไม่รู้ เยี่ยอู๋เหินมองเจ้า นั่นเหมือนตะพาบมองถั่วเขียว——
ตกหลุมรักแล้ว ต่อให้นางรู้ว่าเจ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดฝืนชะตาก็จะยังตามตื๊อ
เจ้าหัวปักหัวปําอยู่ดี ฮี่ๆ จากประสบการณ์ของข้า สตรีเช่นนี้เมื่อปะทุก็
เหมือนภูเขาไฟ ดังนั้นเจ้าจะใช่ผู้สืบทอดฝืนชะตาหรือไม่ ไม่สําคัญเลย”
หลี่มู่จนคําพูด
สิ่งที่ติงอี้พูดมาก็มีเหตุผล
หลี่มู่ไม่ใช่ท่อนไม้ ไยจะไม่รู้ถึงจิตใจของเยี่ยอู๋เหิน
แต่ปัญหาคือ…
“น้องชาย อย่าได้ลังเลเลย ดอกไม้ผลิบานถึงแก่กาลควรหักกิ่ง
อย่ารอจนดอกไม้ร่วงโรยราค่อยเด็ดดอม” ติงอี้เอ่ยยักคิ้วหลิ่วตา
“วาสนาสาวงามระดับนี้ คนอื่นอิจฉาจะตาย ฮ่าๆๆ”
หลี่มู่ทําท่าทางจะลงมืออีกรอย ติงอี้โซซัดโซเซกระโดดหนีทันทีหลี่มู่จนคําพูด
คบสหายไม่ระวัง
ดูจากการกระทําวันที่ทุบตนจนสลบแล้วโยนขึ้นเรือ ติงอี้คนนี้ก็
เป็นพวกพึ่งพาไม่ได้ วางแผนหลอกคนอื่นได้ตลอดเวลา
แอ๊ด
ประตูจู่ๆ พลันเปิดออกอีกครั้ง ติงอี้ยื่นหัวเข้ามา “ใช่แล้ว ลืมเอา
เจ้านี่ให้เจ้าไปเสียได้”
เขาโยนตําราที่ทําจากหยกเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งเข้ามาแล้วก็หันหลัง
โกยอ้าว
หลี่มู่หยิบขึ้นมาดู ที่หน้าปกเขียนเอาไว้ว่า ‘ต้งเสวียนจื่อวิชาร่วม
หอสามสิบหกกระบวนท่า’ ก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
มีของพรรค์นี้อยู่จริงๆ หรือนี่
เดิมเขาคิดจะโยนมันทิ้ง แต่ไม่รู้ทําไมถึงไม่ได้โยนทิ้งไป แต่เก็บเข้า
ไปในมิติเก็บของโยนเรื่องความรักชายหญิงพวกนี้ไปอีกทางหนึ่งก่อน หลี่มู่เพิ่งจะ
เข้าห้องวางค่ายกลสกัดกั้นเอาไว้ เริ่มปรับสมดุล รักษาอาการบาดเจ็บ
ภายใน จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีก
ก๊อกๆๆ
หลี่มู่เดินไปเปิดประตู เอ่ยอย่างโมโห “เจ้านี่ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริงๆ
ต้งเสวียนจื่อสามสิบหกกระบวนท่านี่รีบๆ เอาไปเลย…เอ่อ แม่นางเยี่ย
เจ้ามาได้อย่างไร?”
เยี่ยอู๋เหินเปลี่ยนชุดกระโปรงสีเขียว สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว จอนผม
ยาวสีเขียวอ่อนถักเป็นเปียเส้นเล็กสองเส้น ล้อมผมยาวเอาไว้ตรงกลาง
เป็นทรงผมที่สวยมาก เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบโลก ใบหน้างดงามเลิศ
ล�าภายใต้การขับเน้นจากผมยาวสีเขียวก็ทําให้ดูงดงามสง่าเหมือน
นางไม้ที่สมบูรณ์แบบที่เดินออกมาจากป่าลึก
เดิมหลี่มู่คิดว่าติงอี้เล่นลูกไม้อะไรอยู่ข้างนอก คิดไม่ถึงว่าจะเป็น
เยี่ยอู๋เหินมาหาเองถึงที่
น่ากระอักกระอ่วนเหลือเกิน
“ศิษย์พี่ต้วน อะไรคือต้งเสวี่ยนจื่อสามสิบหกกระบวนท่าหรือ?” สี
หน้าของเยี่ยอ๋ ูเหินอ่อนโยนลงไปมากบางทีอาจเป็นเพราะเย็นชาเหมือนน�าแข็งมานานหลายปี ดังนั้นดู
แล้วก็ยังคงไม่ยิ้ม แต่สําหรับนางแล้ว ปฏิบัติกับเพศตรงข้ามด้วยสีหน้า
ท่าทางแบบนี้เป็นเรื่องสะท้านไปทั่วแดนแล้ว
หลี่มู่กระอักกระอ่วนไปในทันที “เอ่อเป็นวิชา เอ่อ…วิชาฝึกฝนลับ
เฉพาะของฝืนชะตาวิชาหนึ่ง ร้ายกาจมาก ใช่แล้ว แม่นางเยี่ยมาหาข้ามี
เรื่องอะไรหรือ?”
นิสัยของเยี่ยอู๋เหินเย็นชา ไม่มีนิสัยสงสัยใคร่รู้ และก็ไม่ซักไซ้ นาง
พยักหน้าแล้วเอ่ย “เจ้าสํานักทุกท่านกําชับมาให้ข้าพาศิษย์พี่ต้วนไป
‘สระบัวมรกต’ สามารถยืมพลังจาก ‘สระบัวมรกต’ ฟื้ นฟูอาการ
บาดเจ็บได้ในเวลาที่สั้นที่สุด ”
เอ๋?
หลี่มู่ได้ยินก็แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
สระบัวมรกตอย่างนั้นหรือ?
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ฟังแล้วเท่ดี น่าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
รักษาบาดแผล
หลี่ไป๋ก่อตั้งลัทธิเทพภูเขาสู่ สร้างเมืองไป๋ตี้ น่าจะทิ้งคุณประโยชน์
อะไรไว้บ้าง ก่อนหน้านี้กลิ่นอายสมบัติบัวมรกตทะลักไม่ขาดสาย น่ากลัวว่าจะเกี่ยวกับ ‘สระบัวมรกต’ ไปดูก็ดีเหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะ
ช่วยตนทะลวงขั้นทะลวงสวรรค์ก็เป็นได้
……
“อะไร? นี่เรื่องจริงหรือ?”
ในตําหนักหลักโถงเซียนโบยบินของลัทธิเทพภูเขาสู่ หลังจากฟัง
คําของท่านย่าสํานักชําระดาบจบ เจ้าสํานักสายแยกแต่ละคนก็ตื่น
ตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นอู๋เหินที่บอก จะต้องเป็นเรื่องจริงแน่” ท่านย่าสํานักชําระดาบ
หน้าตามีเมตตา ผมเงินดก เห็นได้ว่าตอนสาวๆ งดงามเลิศล�าเพียงใด
“ได้ยินอู๋เหินบอกว่าต้วนสุ่ยหลิวสังหารชวีอี้ เจ้าเมืองธารเหมันต์ แล้วยัง
ทําร้ายผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์คนอื่นๆ ของทั้งเก้าสํานักบาดเจ็บ
สาหัส ข้าเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่ว่านี่เป็นเรื่องดี ลัทธิเทพในที่สุดก็มี
อัจฉริยะที่แท้จริงคนหนึ่งสักที”
“ฮ่าๆ ต้วนสุ่ยหลิวคนนี้เพิ่มพลังให้กับลัทธิเทพได้มหาศาลจริงๆ ดี
จริงๆ ดีจริงๆ” หัวหน้าเขาราชันมังกรลูบเคราสีม่วงของตัวเองอย่างเคย
ชิน ตบเข่าฉาดอย่างลิงโลด
“สามารถสังหารชวีอี้ เจ้าเมืองธารเหมันต์ได้จะต้องอยู่เหนือ
ทะลวงสวรรค์แน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะทะลวงขั้นสะพานเป็นตายไปแล้วก็ไม่แน่” ผู้อาวุโสสวมชุดสีเทาคนหนึ่งเอ่ย เขาใบหน้าผอม ลักษณะ
ท่าทางทรงภูมิและสง่างาม เป็นโอวหยางฮ่วนอวี่ เจ้าศาลาเหนือฟ้า
นั่นเอง เขาเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดของโลกดาวทุรกันดารที่มีชื่อเสียง
โด่งดังคนหนึ่ง
“จะต้องเป็นขั้นสะพานเป็นตายแน่นอน หากเป็นแค่ขั้นทะลวง
สวรรค์ล่ะก็ แม้จะเอาชนะชวีอี้ได้ แต่หากโดนล้อมจากคนมากมาย ทั้ง
ยังสังหารชวีอี้ก็ยังไม่มีความสามารถแบบนั้น” หัวหน้าอีกคนหนึ่งของ
ลัทธิเทพ อาจารย์สุ่ยเยวี่ยแห่งสํานักเงาจันทร์เอ่ยขึ้น เขาดูแล้วอายุ
สามสิบกว่าๆ แต่งตัวแบบบัณฑิต ใบหน้าสง่างาม สุภาพเรียบร้อย ยาม
พูดแฝงรอยยิ้มเอาไว้สามส่วน ทําให้คนรู้สึกเหมือนได้รับการขัดเกลา
อบรมบ่มนิสัย
หัวหน้าเขาราชันมังกรพยักหน้า “อาจารย์สุ่ยเยวี่ยพูดได้มีเหตุผล”
ได้ผลสรุปเช่นนี้ บรรดาหัวหน้าลัทธิเทพภูเขาสู่ที่อยู่ที่นี่เมื่อคิดให้
ละเอียดอีกทีก็อดตื่นตะลึงไม่ได้
ศึกเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ลัทธิเทพสูญเสียสาหัส แตกกระสานซ่าน
เซ็น โดยเฉพาะเซียนถัง เขาหลี่ และฝืนชะตาสามสายแยกนี้ถูกโจมตี
จนไม่เหลือ จนถึงวันนี้ถึงแม้เขาหลี่และเซียนถังสองสายแยกนี้จะมีผู้สืบ
ทอดปรากฏตัวขึ้น แต่ก็ล้วนยังไม่ถึงขั้นทะลวงสวรรค์ นับว่าเป็นแค่บุคคลโดดเด่นของรุ่นหนุ่มสาวก็เท่านั้น ไยผู้สืบทอดของฝืนชะตาจึง
ร้ายกาจได้ถึงขั้นนี้?
หรือสวรรค์จะคุ้มครองลัทธิเทพจริงๆ?
“ยังจําคําบัญชาที่เจ้าลัทธิท่านผู้ชราทิ้งเอาไว้ก่อนจะไปรบในตอน
นั้นได้หรือไม่?” หัวหน้าเขาราชันมังกรเอ่ย
สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมทันที
ในอดีต เทพกระบี่บัวมรกตที่ก่อตั้งลัทธิเทพทิ้งคําบัญชาเอาไว้ว่า
คนในลัทธิรุ่นหลังทั้งหลาย ไม่ว่าจะฐานะตําแหน่งอะไร จะสูงศักดิ์หรือ
ต�าต้อย อาวุโสหรือเยาว์วัย ขอแค่ทะลวงขั้นทะลวงสวรรค์ ก็ให้แต่งตั้ง
เป็นเจ้าลัทธิ ปกครองลัทธิเทพ
และในวันนี้ ต้วนสุ่ยหลิวแห่งฝืนชะตาเหมือนจะทําได้แล้ว?
ในอดีต เพราะเหล่ามังกรไร้ผู้นํา ระหว่างสายแยกภูเขาสู่ต่างไม่
ยอมซึ่งกันและกัน มักจะสู้กันอยู่เสมอ ถึงแม้จะไม่ลุกลามถึงขั้นสังหาร
นองเลือด แต่ก็ยากจะพูดว่าสามัคคี ครั้งนี้การโจมตีกระทันหันจากเก้า
สํานัก ภายใต้การคุกคามจากพลังภายนอก ระหว่างสายแยกทั้งหลาย
ถึงได้โยนความบาดหมางแต่ก่อนเก่า แล้วสามัคคีกันขึ้นมา
แต่นกไม่มีจ่าฝูงไม่บิน คนไม่มีหัวไม่เดินภายใต้ภูมิหลังเช่นนี้ เลือกเจ้าลัทธิที่สามารถสยบทุกคน
บัญชาการสายแยกทั้งหลาย ถึงจะรวมให้ลัทธิเทพเป็นน�าหนึ่งใจ
เดียวกันได้อย่างแท้จริง
“ฮ่าๆ คนแก่อย่างพวกเรากระดูกผุหมดแล้ว อยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน
เท่าไหร่ เลือกเจ้าลัทธิหนุ่มขึ้นมานั้นดีที่สุด” หัวหน้าเขาราชันมังกรลูบ
เคราตัวเอง พลางเอ่ยหัวเราะหึๆ
ในอดีต เขาราชันมังกรยึดเมืองไป๋ตี้เอาไว้เพียงผู้เดียว แต่งตั้ง
ตัวเองว่าเป็นองครักษ์พิทักษ์เกียรติของลัทธิเทพ ดูถูกสายแยกอื่นๆ ไม่
รวมกันเป็นหนึ่ง แต่ศึกครั้งนี้ จากการที่เขาราชันมังกรประมาทจึง
สูญเสียสาหัส สอง ‘เทพมังกร’ เหลือเพียงหนึ่ง ‘เกล็ดมังกร’ ทั้งสี่เหลือ
เพียงสาม ทําให้หัวหน้าเขาราชันมังกรที่อารมณ์ฉุนเฉียวผู้นี้ค่อยๆ มี
ความคิดที่จะถอยไปอยู่เบื้องหลัง ความคิดที่จะช่วงชิงตําแหน่งเจ้าลัทธิ
จางลงไป
มุมมองของเขาที่มีต่อหลี่มู่ไม่เลวเลย หากผลักดันให้เด็กหนุ่มคนนี้
เป็นเจ้าลัทธิ ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
“หลงอู่ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับว่าตัวเองแก่แล้วหรือ?” เจ้าศาลาเหนือ
ฟ้าโอวหยางฮ่วนอวี่หัวเราะหึๆ “ต้วนสุ่ยหลิวเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
เพียงแต่ เวลาที่เขาอยู่ที่เมืองไป๋ตี้น้อยนัก ชื่อเสียงบารมีก่อนหน้านี้ก็ไม่เด่นดัง เกรงว่าหลังจากเป็นเจ้าลัทธิแล้วก็ยากจะสยบทุกคนได้ อีกทั้ง
เขาพเนจรอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน เรื่องของลัทธิเทพก็เข้าใจไม่มาก”
อาจารย์สุ่ยเยวี่ยเอ่ย “ไม่เป็นไร บางทีการไม่เข้าใจก็นับว่าเป็นข้อ
ได้เปรียบอย่างหนึ่ง โดดเด่นไม่ธรรมดา ไม่ลําเอียงข้างใดข้างหนึ่ง”
หลังจากหารือกันแล้ว เจ้าสํานักสายแยกทั้งหลายก็ค่อยๆ มีความ
คิดเห็นตรงกัน
“ขอแค่ต้วนสุ่นหลิวผ่านการพิสูจน์เลือดเทพ ความบริสุทธิ์ของ
สายเลือดเพียงพอ ก็ผลักดันให้เขาเป็นเจ้าลัทธิ”
ท่านย่าสํานักชําระดาบหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร
เพราะหลานสาวเยี่ยอู๋เหินบอกกับนางว่าต้วนสุ่ยหลิวได้รับการ
พิสูจน์สายเลือดเทพแล้วครั้งหนึ่ง เลือดแปรเปลี่ยนเป็นมังกรสีเงินเชียว
นะ นั่นหมายความว่าสายเลือดเทพบริสุทธิ์ที่สุด เหล่าเจ้าสํานักสาย
แยกทั้งหลายต่างไม่รู้ ผ่านการพิสูจน์ก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปตามเงื่อนไขอยู่
แล้ว
คิดถึงว่าหลานสาวของตนหาคู่ครองที่สมบูรณ์ หลานเขยใกล้จะได้
นั่งตําแหน่งเจ้าลัทธิแล้วเต็มที ผู้อาวุโสก็ยิ้มไม่หุบ
ในตอนนี้เอง ทันใดนั้น——ครืน!
ทั้งตําหนักเซียนโบยบินก็สั่นไหวขึ้น
ไม่ เป็นทั้งเมืองไป๋ตี้สั่นไหวขึ้น เหมือนมีการขานรับแปลก
ประหลาดอย่างหนึ่ง พลังฟ้าดินก็พวยพุ่งขึ้นเหมือนน�าเดือด
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มาจากทางสระบัวมรกตทางนั้น”
“ไปดูเร็ว”
ลําแสงแต่ละสายๆ บินออกไปจากตําหนักเซียนโบยบินพุ่งไปทาง
สระบัวมรกตอย่างรวดเร็ว
……
“เหวอ เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่มู่มองเหตุการณ์รอบๆ อย่างงุนงง
เขาตามเยี่ยอู๋เหินมายังสระบัวมรกตเพื่อฟื้ นฟูรักษาอาการบาดเจ็บ
สระมรกตที่ว่าเป็นสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งกลางเมืองไป๋ตี้ ประกอบ
ไปด้วยสระเล็กใหญ่รูปร่างต่างกันไปสามสิบกว่าสระกลิ่นอายสมบัติบัวมรกตพวยพุ่ง กลิ่นอายบัวมรกตประหนึ่ง
ของเหลวเดือดปุดๆ ในสระขนาดใหญ่หลายสระ อัจฉริยะลัทธิเทพ
ทั้งหลายที่ลงไปในนั้นเหมือนกับแช่บ่อน�าร้อน ฝึกฝนพลางดูดซับกลิ่น
อายบัวมรกตเพิ่มพลังฝึกฝน เทียบกับกลิ่นอายที่เก้าสํานักฉวยโอกาส
ดูดซับตอนที่กลิ่นอายสมบัติบัวมรกตพวยพุ่งออกมาที่นอกเมืองแล้ว วิธี
แช่บ่อน�าพุของเหล่าลูกศิษย์ภูเขาสู่แบบนี้ช่างฟุ่มเฟือยประหนึ่งใช้สุรา
เหมาไถร้อยปีมาอาบน�าแบบนั้น
แต่ว่า จากคําแนะนําของเยี่ยอู๋เหิน สระบัวมรกตเมื่อร้อยปีก่อนก็มี
แล้ว แต่อยู่ในสภาวะแห้งขอด จวบจนเมื่อหลายเดือนก่อนกลิ่นอาย
สมบัติบัวมรกตพวยพุ่ง สายวารีศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินผุดออกมา ถึงได้เติมสระ
บัวมรกตจนเต็ม
หลี่มู่คิดๆ ดูนี่ก็ถูกแล้ว
หากหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาสระบัวมรกตอยู่ในสภาวะวารีศักดิ์สิทธิ์
เต็มเปี่ ยมล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะฝึกฝนผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือออกมาได้มากน้อย
แค่ไหน ดาวทุรกันดารจะเหลือที่ให้เก้าสํานักมาเล่นอะไร? ถูกลัทธิเทพ
ภูเขาสู่กดไว้กับพื้นตั้งนานแล้ว อยากจะขยี้อย่างไรก็ขยี้อย่างนั้น
“ลงสระบัวมรกตดีที่สุดคือเปลือยกาย เช่นนั้นวารีศักดิ์สิทธิ์ถึงจะ
หล่อเลี้ยงร่างกาย ได้ผลฝึกฝนที่ดีที่สุด” เยี่ยอู๋เหินพูดจบก็หมุนตัวจาก
ไป ลงไปยังบ่ออีกแห่งหนึ่งห่างออกไปหลายสิบจั้งหมอกวารีศักดิ์สิทธิ์ลอยอวลบดบังสายตา
เสียงถอดเสื้อผ้าดังลอยมา
หลี่มู่อดหน้าแดงไม่ได้
เขาเห็นรอบๆ ไม่มีใครก็ถอดเสื้อผ้ากระโดดลงไปในสระบัวมรกต
โคจร ‘พลังก่อนกําเนิด’ ยังไม่ทันถึงสิบอึดใจ สระบัวมรกตจู่ๆ ก็พลัน
เดือดขึ้น
เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
หลี่มู่เดิมคิดจะกระโดดออกไป แต่พอคิดถึงว่าตัวเองยังเปลือยอยู่ก็
ลังเลไปเล็กน้อย รอบๆ พลันมีเสียงฟุ่บๆ ดังลอยมา มีคนมาแล้ว
………………………………………………