จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 552 ดาบแตกดับ
“หากรู้อย่างนี้แต่แรก ตอนนั้นก็ไม่ควรช่วยเจ้า ควรปล่อยให้เจ้า
เป็นไปตามยถากรรม” ท่านย่าสํานักชําระดาบโมโหเล็กน้อย สีหน้าขุ่น
เคือง
ตอนนั้น ‘ดาบวายุเมฆาอันดับหนึ่ง’ ม่อหานประหนึ่งดวงอาทิตย์
แรงกล้าเจิดจ้ากลางท้องฟ้า เจิดจรัสโดดเด่น เพราะเปล่งประกายเจิด
จ้าเกินจึงทําให้บางคนในเก้าสํานักอิจฉา แอบใช้แผนชั่ววางอุบาย จน
เขาเกือบตาย ท่ามกลางความสิ้นหวัง ได้รับการช่วยเหลือจากท่านย่า
สํานักชําระดาบ นับจากนั้นจึงเข้าร่วมสํานักชําระดาบ กลายเป็นผู้รับใช้
ดาบคนสนิทของนาง
เพียงแค่ชั่วพริบตาเวลาหลายสิบปีก็ผ่านไป
ในดวงตาของผู้รับใช้ดาบฉายประกายประหลาด
เขาถอดหน้ากากสีขาวลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วย
แผลเป็นตอนนั้น หนึ่งในคนที่วางแผนเขามีคนหนึ่งเป็นสตรีของหนึ่งในเก้า
สํานัก แอบรักม่อหานแต่ความรักไม่สมหวัง จึงใช้วิธีเฉพาะกรีดใบหน้า
ของเขาสามสิบหกที ทําลายรูปโฉมของเขา ในยามที่เขาบาดเจ็บสาหัส
และหลายปีนี้ เขาก็ไม่คิดจะฟื้ นฟูใบหน้าของเขา เพราะเขารู้ว่า
ตัวเองรักผู้หญิงที่ไม่อาจได้มาครอบครอง จะรูปงามหรืออัปลักษณ์ก็ไม่
มีความหมายอะไรแล้ว
และตอนนั้นท่านย่าแห่งสํานักชําระดาบเป็นสาวงามชื่อเลื่องลือ
เทียบกับธิดาเทพสํานักชําระดาบเยี่ยอู๋เหินในปัจจุบันก็ไม่ด้อยไปกว่า
เลยแม้แต่น้อย
น่าเสียดายที่ท่านย่าสํานักชําระดาบในตอนนั้น แต่งงานเป็น
ภรรยาของผู้อื่นไปแล้ว
ภายหลัง สํานักชําระดาบถูกฝ่ายธรรมะจู่โจม หมู่บ้านภูเขาชําระ
ดาบบาดเจ็บล้มตายสาหัส ลูกชายและลูกสะใภ้ของเยี่ยเฮิ่นตายในศึก
ใหญ่ครั้งนั้น สามีของนางคุ้มกันให้นางอุ้มหลานสาวหนี ก็รบตาย
เช่นกัน
เยี่ยเฮิ่นผมหงอกขาวเพียงชั่วข้ามคืน สาบานว่าจะล้างแค้น
นับตั้งแต่นั้นไม่ใช้วิชาหยุดวัย ปรากฏต่อหน้าผู้คนด้วยภาพลักษณ์ของ
หญิงชรา ในใจสิ้นหวัง ไม่อาลัยอาวรณ์กับความรักใดๆ ใจทั้งใจวางไว้ที่การฟื้ นฟูสํานักชําระดาบและฝึกฝนสั่งสอนเยี่ยอู๋เหินสองเรื่องใหญ่นี้
เท่านั้น
ความรักลึกซึ้งของอู๋หมิงเกิดขึ้นตามอารมณ์แต่หยุดตามสมควร
เยี่ยเฮิ่นปิดตายประตูหัวใจ
หนึ่งบ่าวหนึ่งนาย ใช้วิธีที่คนอื่นไม่รู้อยู่ด้วยกันเงียบๆ ระหว่างทั้ง
สองพูดกันน้อยมาก ไม่พูดถึงความรักระหว่างชายหญิง แต่อยู่เหนือ
ความรักระหว่างชายหญิง
ท่านย่าสํานักชําระดาบวันนี้อุตส่าห์เอ่ยปากขึ้นเอง โน้มน้าวให้อู๋
หมิงไปจากเมืองไป๋ตี้ก็เพราะนางมีลังสังหรณ์ไม่ดี ศึกใหญ่วันพรุ่งนี้จะ
โหดร้ายสาหัสมากแน่ๆ
“ข้าออกไปสู้มากครั้งหนึ่ง เจ้าก็ออกไปสู้น้อยครั้งหนึ่ง หากข้าชนะ
ติดกันเก้าครั้ง เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องออกไปสู้แล้ว” อู๋หมิงกอดดาบวายุ
เมฆาของตนเอาไว้ เอ่ยด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้ม
ในเสี้ยวขณะนี้ เหมือนกลับไปยังช่วงเวลาหนึ่งดาบฟาดฟันโลก
ทุรกันดาร
เขาจะใช้วิธีของตัวเองปกป้องเยี่ยเฮิ่นเยี่ยเฮิ่นส่ายหน้า “ไม่มีใครชนะได้เก้าครั้งติดต่อกัน เจ้าก็ทําไม่ได้
สํานักนอกพิภพไม่มีทางนิ่งเฉยแน่นอน หากเก้าสํานักแพ้เกินสี่ยก ก็
จะต้องลงมือแน่ ถึงตอนนั้น…”
ความหวังน้อยนิด
“เช่นนั้นก็ชนะจนขยับไม่ได้ค่อยว่ากันก็แล้วกัน” อู๋หมิงเอ่ย
ราบเรียบ
……
วันที่สาม
ศึกเวทีประลอง
ศึกนี้ดําเนินไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการบดขยี้อยู่ฝ่าย
เดียว
‘กระบี่ทะเลประจิม’ ถานหรูซวงผู้ออกมาประลองของเก้าสํานัก
สําแดงพลังที่เหนือกว่าปกติ แทบจะบดขยี้ผู้รับใช้ดาบอู๋หมิง
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเป็นเจ้าที่ออกมาสู้อีก ในอดีตเจ้าก็นับว่า
เป็นบุคคลชั้นยอดของโลกทุรกันดาร แต่กลับยินยอมตกต�าเข้าร่วมลัทธิ
มาร สู้สองยกติดๆ ท่าทาง ลัทธิมารก็แค่มองเจ้าเป็นเครื่องมือเอาไว้ใช้
แค่นั้น น่าสงสาร น่าสมเพช”ถานหรูซวงหัวเราะเสียงเย็นพลางเสียดสี
เขาสะบัดกระบี่ ทุกกระบี่ล้วนเกิดระลอกเลือด ทิ้งรอยไว้บนร่าง
ของอู๋หมิง
ผู้รับใช้ดาบอู๋หมิงร่างอาบเลือด ไม่เหลือเป็นร่างคนแล้ว
เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่หอบหายใจ สะสมพลัง สะบัดดาบ สะบัด
ดาบอีก เหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย
ใครก็มองออกทั้งนั้นว่าถานหรูซวงจงใจทรมานอู๋หมิง
แต่อู๋หมิงก็ยังฝืนยืนหยัดต่อไปอย่างยากลําบาก
ตู้ม!
สุดท้าย ‘กระบี่ทะเลประจิม’ ถานหรูซวงเตะอู๋หมิงกระเด็นออกไป
นอกเวทีประลอง กลายเป็นรอยทางเลือด ร่วงบนกระสวยแสงเทพ ลม
หายใจรวยริน
ดาบวายุเมฆาที่ชื่อสะท้านไปทั่วปฐพีก็หักเช่นกัน
“ม่อหาน…” ท่านย่าสํานักชําระดาบเยี่ยเฮิ่นโศกเศร้าเป็นอย่าง
มาก ชิงพุ่งไปข้างหน้า กอดร่างของอู๋หมิงไว้ในอ้อมแขน
เลือดย้อมชุดเขียวของเยี่ยเฮิ่นแดงฉานใบหน้าเต็มไปด้วยแผลเป็นของอู๋หมิงเพิ่มรอยแผลใหม่ไปอีกหลาย
รอย ดูแล้วเหี้ยมเกรียมและอัปลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่กลับศักดิ์สิทธิ์
และบริสุทธิ์อย่างยากจะบรรยาย
เขาเอ่ยด้วยลมหายใจอ่อนล้า “เสี่ยวเยี่ยจื่อ ขอโทษ ข้า…พยายาม
แล้ว”
คําสัญญาชนะเก้ายกรวดสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจทําได้
เขาโมโห และหวาดกลัว
เขาไม่กลัวตาย สิ่งที่เขากลัวก็คือหากตัวเองแพ้ก็จะไม่มีใครปกป้อง
ลมฝนให้กับสํานักชําระดาบ และผู้หญิงที่เขารักมากคนนี้ก็จะต้องลงมือ
เอง ขึ้นไปบนเวทีประลองลอยฟ้า พนันเป็นตายกับศัตรูโหดอํามหิต
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแล้ว…” เยี่ยเฮิ่นถ่ายทอดปรานแท้เข้าไปใน
ร่าง คิดจะช่วยคน
อู๋หมิงส่ายหน้า “ช่วยไม่ได้แล้ว รากฐานขาดแล้ว พวกเจ้า…ต้อง
ระวัง…เก้าสํานักเล่นเล่ห์ ถานหรูซวงไม่มี…ไม่มีพลังเช่นนี้ ในปรานแท้
ของเขา…มีพลังของความมืดนอกพิภพ…”
ประโยคหนึ่งยังพูดไม่จบ อู๋หมิงก็ไม่อาจพูดต่อไปได้แล้ว
เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายเงยหน้ามองใบหน้าของเยี่ยเฮิ่นเสี้ยวขณะสุดท้ายของชีวิต ในที่สุดเขาก็สามารถมองใบหน้าที่สลัก
ลึกในวิญญาณของเขาได้ตรงๆ อย่างจริงจังเปิดเผยโดยไม่ต้องปิดบัง
แม้แต่น้อย
สวยมากเหลือเกิน
เหมือนเวลาหมุนย้อนกลับไปยังเมื่อเก้าสิบปีก่อน ตอนที่เขาได้เจอ
นางครั้งแรก อยู่ในสภาพบาดเจ็บหนักเช่นนี้และก็อยู่ในยามที่สติใกล้จะ
สูญสิ้นเต็มทีเช่นกัน นางสวยจนเหมือนเซียนบนสวรรค์
“สวยเหลือเกิน…” เขาเอ่ยพึ่งพํา ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม
ฝ่ามือที่เคยมีพลังปล่อยด้ามดาบเมฆาวายุที่หักลงอย่างไร้แรงช้าๆ
นักดาบอันดับหนึ่งแห่งยุคโลกดาวทุรกันดารแตกดับแล้ว
“พี่ม่อหาน” เยี่ยเฮิ่นหลั่งน�าตา
ใบหน้าของนางเหมือนเวลาไหลย้อนกลับไป รอยแก่ชราหายไปจน
สิ้น อ่อนเยาว์งามสะพรั่ง ผิวเหมือนเด็กสาวอายุสิบแปด ผมดกสยาย
งดงามจนไม่อาจเปรียบเทียบกับสิ่งใด เป็นรูปโฉมที่นางพบกับ ‘ดาบ
วายุเมฆาอันดับหนึ่ง’ ม่อหานครั้งแรกนี่เองในช่วงเวลาสุดท้ายของม่อหาน เยี่ยเฮิ่นกระตุ้นวิชากระตุ้นเลือด
ลม รูปโฉมกลับสู่ช่วงเวลาที่อ่อนเยาว์ที่สุด นับว่าเป็นการชดใช้ให้กับคน
ที่หลงอยู่ในความรักผู้นี้
เยี่ยเฮิ่นไม่พูดอะไร อุ้มม่อหานร่างโชกเลือด ก่อนจะแปรเปลี่ยน
เป็นลําแสงบินออกไปทางเมืองไป๋ตี้
“พวกเจ้า…พวกเจ้าขี้โกง ไร้ยางอายสิ้นดี” เจ้าศาลาเหนือฟ้าโอวห
ยางฮ่วนอวี่มองเก้าสํานักที่อยู่ฝั่ งตรงข้ามอย่างโกรธแค้น สายตาจ้อง
ถานหรูซวงเขม็ง “หึ เป็นถึงผู้สูงส่งทะลวงสวรรค์แห่งยุคโลกดาว
ทุรกันดาร แต่กลับต้องยืมพลังจากภายนอกถึงจะกล้าขึ้นเวทีประลอง
ช่างเป็นความอัปยศของวิถียุทธ์ดาวทุรกันดารจริงๆ”
“เหอะๆ โอวหยางฮ่วนอวี่ โมโหหรือ?” ถานหรูซวงยิ้มเย็นอย่างผู้
ชนะพลางเอ่ย “เจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าข้าใช้พลังจากข้าง
นอก?”
เจ้าศาลาเหนือฟ้าโอวหยางอวี้แค่นเสียงเย็น “นั่นไม่ใช่พลังที่เจ้า
จะครอบครองได้เลย เจ้าไม่ใช่คู่มือของท่านอาอู๋หมิงชัดๆ เจ้า…เจ้าช่าง
ไร้ยางอาย ชั่วช้า คนสารเลว”
คนของทั้งสองฝ่ายที่รวมตัวอยู่บนเวทีประลองล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง
ชั้นยอดของทั้งฝ่ายธรรมะและมาร อัจฉริยะรุ่นหลัง“ฮ่าๆๆๆ” ถานหรูซวงหัวเราะร่า “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน�านมไม่รู้จัก
กลัวตาย ช่วงนี้ข้าบรรลุวิชา พลังฝึกตนก้าวไปอีกขั้น ใช่เรื่องที่พวกเจ้า
มดปลวกจะมาเข้าใจ?”
เขามองไปยังคนภูเขาสู่ทั้งหลายบนกระสวยแสงเทพ “พรุ่งนี้ ข้าก็
จะยังคงอยู่บนเวทีประลองแห่งนี้ รอคําชี้แนะจากทุกท่าน หึๆ ไม่รู้ว่า
ท่านใดกล้าออกมาสู้ ฮ่าๆๆๆ!”
ท่ามกลางค่ายของทางฝั่ งเก้าสํานักดังด้วยเสียงโห่ร้องเป็นระลอกๆ
โดยเฉพาะลูกศิษย์สํานักกระบี่ทะเลประจิม ตื่นเต้น ได้อารมณ์สุด
เก้าสํานักสู้มาสองวันแต่ก็แพ้ติดๆ กันสองวัน ขวัญกําลังใจทหาร
สั่นคลอน ถูกโจมตี และวันนี้กลับเป็นสํานักกระบี่ทะเลประจิมที่พัด
กวาดความพ่ายแพ้ ปลอบขวัญและกําลังใจทหาร ทําให้ลูกศิษย์สํานัก
กระบี่ทะเลประจิมภูมิใจเป็นที่สุด
สําหรับยืมใช้พลังจากข้างนอกหรือไม่ พวกเขาไม่สนใจเลยสักนิด
ชนะก็พอแล้ว
แสงเทพลอยขึ้น
คนทั้งหลายบินกลับไปยังเมืองไป๋ตี้อย่างรวดเร็ว……
ข้างสระกระบี่ดอกบัวมรกต เยี่ยเฮิ่นแช่ร่างม่อหานลงไปในวารี
ศักดิ์สิทธิ์ดอกบัวมรกตช้าๆ หวังจะยืมพลังรักษาความหวังและโอกาส
อันน้อยนิด
แต่นางก็รู้ สระบัวมรกตไม่ใช่บ่อสารพัดนึก
เสียงฝีเท้าดังขึ้น
คนของภูเขาสู่ทั้งหลายก็ตามมา
“เก้าสํานักชักจะชั่วร้ายขึ้นทุกทีแล้ว”
“จะต้องเป็นสํานักนอกพิภพแอบลงมือทําอะไร”
“สมควรตายจริงๆ”
“ไร้ยางอายยิ่งนัก”
คนภูเขาสู่ทั้งหลายต่างเคืองแค้นกับความไม่เป็นธรรม โมโหจนเอ่ย
ปากสบถด่า
ถึงแม้เรื่องนี้จะอยู่ในความคาดหมาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เก้าสํานัก
กับสํานักนอกพิภพจะหน้าด้านเพียงนี้ วางแผนเอาไว้โต้งๆ ตั้งนานแล้วทําให้ศึกประลองที่เรียกว่ายุติธรรมสูญเสียความหมายแต่ดั้งเดิมไปโดย
ปริยาย
แต่ก่นด่าไม่แก้ปัญหา
ศึกประลองพรุ่งนี้ก็ยังต้องส่งคนออกไป
เคร่งเครียดกว่าเลือกตัวแทนออกไปเมื่อสามครั้งแรก ตัวแทน
ออกไปสู้ครั้งนี้พูดได้ว่าโหดร้าย เพราะตัวแทนของเก้าสํานักยกสี่เห็นได้
ว่ายังคงเป็นถานหรูซวงที่พลังปะทุ ไม่ว่าส่งใครออกไป โอกาสชนะล้วน
เล็กน้อยนัก
“ข้าไปก็แล้วกัน” เยี่ยเฮิ่นเอ่ยปาก นางงดงามเลิศล�า ไร้ผู้
เทียบเทียม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
……
“ไอ้โจรชั่วนี่ช่างอดทนได้ดีจริงๆ มองดูคนฝั่ งตัวเองถูกทรมานตา
ปริบๆ แต่กลับไม่ยอมโผล่หน้าออกมา” สตรีชุดดําผ้าโปร่งนางครุ่นคิด
อยู่ในตําหนักใหญ่มืดมิด ในขณะเดียวกันก็ยิ่งมั่นใจ “ยิ่งมันเป็นแบบนี้
ก็ยิ่งแสดงว่ามันกําลังวางแผนอุบายสําคัญอะไร ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะ
อดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ ฮิๆ!”
นางเรียกถานหรูซวงมาสั่งการ“วันนี้เจ้าทําได้ไม่เลว พรุ่งนี้ลงมือเอาให้ยิ่งโหดเหี้ยมกว่าเดิม” นาง
สั่ง
……
“ท่านพ่อ จะทําเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
นายน้อยศาลาเหนือฟ้าโอวหยางอวี้มองบิดาของตน สีหน้าบน
ใบหน้าเจ็บปวด แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งได้
ต่อให้เขาท่องไปในยุทธจักรมาหลายสิบปี สร้างชื่อ ‘คุณชายหยก’
อันโด่งดัง แต่ก็ยังคงรู้สึกไร้แรงและตื่นตะลึงกับทางเลือกที่บิดาของตน
จู่ๆ ตัดสินใจทําเช่นนี้
“ทําตามที่ข้าสั่งเถอะ จําเอาไว้ จะต้องลงมืออย่างรวดเร็ว อย่าให้
คนของสํานักชําระดาบไหวตัวทัน ขณะเดียวกัน ก็จะต้องคุมเวลาให้ดี
เร็วไปก็ไม่ได้ เยี่ยเฮิ่นตอนนี้จิตใจว้าวุ่น ไม่มีทางระแวงคนกันเอง มีเจ้า
ลงมือต้องทําได้สําเร็จอย่างแน่นอน”
โอวหยางฮ่วนอวี่ลุกยืนขึ้นเอ่ยอย่างราบเรียบ
……………………………………………………