จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 560 ดาบเดียวกลายเป็นสองท่อน
ฉากนี้ทําให้เสียงเซ็งแซ่เหลือเชื่อต่างๆ รอบๆ ดังขึ้นทันที
หรือราชาปีศาจต้วนสุ่ยหลิวผู้ไร้พ่ายคนนั้นจะถูกจัดการไปง่ายๆ
เช่นนี้แล้ว?
แต่เสี้ยวขณะต่อมา แสงดาบพร่างพรายพุ่งขึ้นจากท้องฟ้าแล้วฟัน
มาที่หลังสตรีชุดดําผ้าโปร่งบาง ตรงๆ ง่ายๆ แสงดาบสีขาวเวิ้งว้าง
ละม้ายทางช้างเผือกเทลงมาจากสวรรค์ ความสวยงามจากธรรมชาติ
ส่วนร่างที่ถูกแยกเป็นชิ้นๆ นั่นก็ค่อยๆ จางไป สุดท้ายก็หายไปจาก
ท้องฟ้า
เป็นแค่เงาลวงตาเท่านั้น
ร่างที่แท้จริงของหลี่มู่มาปรากฏอยู่ข้างหลังสตรีชุดดําผ้าโปร่งบาง
แล้วเขาก็ออกดาบไปทันที
เคร้ง!กระบี่เรียวในมือของสตรีหอสังหารอาภรณ์ดําสะท้อนประกาย
พร่างพรายออกมาเช่นกัน พลิกหมุนไปในมุมที่คาดไม่ถึงอีกครั้ง
ต้านทานดาบนี้เอาไว้
“ไม่มีประโยชน์หลี่มู่ ในฟ้าดินแห่งนี้ เจ้าไร้ซึ่งข้อได้เปรียบ เจ้าเป็น
เหมือนกับมดปลวก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย” สตรีสาวหัวเราะเสียงเย็น
เย้ยหยัน กระบี่เรียวส่องกะพริบ แสงกระบี่ราวอัสนี ฟันมาที่ร่างของห
ลี่มู่ในทันที ร่างแยกเป็นชิ้นๆ อีกครั้ง
แต่สิ่งที่แยกเป็นชิ้นๆ ก็ยังคงเป็นแค่รอยเงาก็เท่านั้น
ร่างของหลี่มู่มาปรากฏข้างหลังสตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําอีกครั้ง
แสงดาบพุ่งมา
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
เสียงกระบี่ปะทะกับดาบถี่ๆ ดังไม่หยุด
ครรลองสายตาของคนทั้งหลายรอบๆ เหมือนถูกพลังบางอย่างฉีก
ทึ้ง เงาร่างสีขาวและดําประดุจลําแสง กะพริบวูบเปลี่ยนตําแหน่งไม่
หยุด หายไปและปรากฏตัวขึ้นในมุมและตําแหน่งต่างๆ ที่ไม่น่าเชื่ออีก
ครั้งติดๆ กัน ดาบและกระบี่เพียงปะทะก็แยกจากกันทันที แต่ท้องฟ้าก็
ยังคงถูกคลื่นกระแทกเช่นนี้ฉีกออก แหลกละเอียด และก็ถูกเติมเต็ม
ผสานกลับมาอีกครั้งภายใต้พลังของธรรมชาติไม่หยุดเช่นกันสุดท้าย เงาร่างทั้งสองก็ร่อนลงต�าลงบนเวทีประลองลอยฟ้าที่เอน
เอียง แตกร้าว ใกล้จะร่วงลงมาเต็มที
“ตอนนี้รู้ถึงความแตกต่างของเราแล้วใช่หรือไม่?” สตรีชุดผ้าโปร่ง
บางหัวเราะเสียงเย็น ทั่วตัวไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย
กระบี่เรียวเล่มหนึ่งอยู่ในมือของนาง ประดุจกระดาษแผ่นบางแผ่น
หนึ่งอย่างนั้น อ่อนนิ่มจนลมระลอกหนึ่งก็สามารถพัดให้ตัวกระบี่ไหว
เอนได้ ยากจะเชื่อว่ากระบี่เล่มนี้ เมื่อครู่จะรับแสงดาบที่ฟันออกมา
เหมือนท้องฟ้าทลาย ดวงอาทิตย์ระเบิดของหลี่มู่ได้
ส่วนตรงข้าม บนชุดขาวของหลี่มู่มีรอยกระบี่สี่ทางแทงทะลุเสื้อผ้า
กรีดเฉือนมาบนร่างของเขา
เห็นได้ชัดว่าจากการประมืออันรวดเร็วเป็นชุดเมื่อครู่ สตรีชุดผ้า
โปร่งบางสีดําเป็นฝ่ายได้เปรียบ
หลี่มู่ไม่อาจสกัดกัน วิชากระบี่ของนักลอบสังหาร ‘หอสังหาร
อาภรณ์ดํา’ คนนี้ได้ทั้งหมด
เผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยเสียดสีของคู่ต่อสู้หลี่มู่ก็ไม่ได้ตอบกลับ
อะไร
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนว่ากําลังขบคิดอะไร“เจ้ารู้หรือไม่?” สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําเอ่ย “เจ้ารู้หรือไม่ว่า
เพื่อที่จะบีบเจ้าให้ออกมาข้าเสียของล�าค่าไปมากมายเท่าใด? ‘อัสนี
อเวจี’ นั่นคือผลึกเซียนสีเงินหนึ่งร้อยก้อนเต็มๆ เชียวนะ แล้วยังมี
‘โอสถวาสนาหยกแดง’ อีก ราคายิ่งสูงขึ้นไปอีก เจ้าทําให้ข้าต้องเสีย
ทรัพย์สินไปมากมายถึงเพียงนี้…ฮิๆ แต่ว่าไม่เป็นไร รางวัลค่าหัวของ
เจ้าสูงยิ่งกว่า ต่อให้สูญเสียอีกเท่าใด ก็สามารถเอาคืนกลับมาได้อีกร้อย
เท่าพันเท่า”
หลี่มู่ตาวาววาบ
เขาพลันคิดตกถึงปัญหาที่รบกวนเขามานาน
“ความละโมบเป็นบาป” หลี่มู่เอ่ยแกมหัวเราะ “ฮ่าๆ ที่แท้ข้ามี
ราคาขนาดนั้นเชียว? ข้าก็ว่าทําไมพวกแมลงน่ารําคาญนอกพิภพถึงได้
มีแต่เจ้าปรากฏตัวคนเดียว ที่แท้เจ้าจงใจปิดข่าวคิดจะฮุบเงินรางวัลคน
เดียว? คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร นักลอบสังหารในโลก
มืดที่ไม่ได้เห็นแสงสว่างอย่างเจ้าเช่นนี้ วันนี้ก็นับได้ว่าก็ตายได้คุ้มค่า
แล้ว…ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกก็แล้วกัน!”
ร่างของหลี่มู่เพียงกะพริบก็มาถึงเบื้องหน้าของสตรีชุดผ้าโปร่งบาง
สีดํา ดาบหนึ่งฟันมาที่หัวทันที
นี่เป็นกระบวนท่าที่เรียบง่ายที่สุด“ฮ่าๆ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ? กระบวนท่าหมาจนตรอกของเจ้ามันไร้
ประโยชน์…” สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําหัวเราะเสียงเย็น กระบี่เรียวใน
มือส่องประกายแสงกระบี่เป็นชั้นๆ คิดจะใช้วิธีเดิมอีกครั้ง ใน
ขณะเดียวกันที่รับกระบี่นั้นก็โจมตีกลับไป
แต่ว่า——
ฉัวะ!
เสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่เรียวในมือของสตรีสาว ฉีกเป็นสองท่อน
เหมือนกระดาษทันทีที่รับดาบนี้
สิ่งที่กลายเป็นสองท่อนเหมือนกันยังมีร่างของสตรีชุดผ้าโปร่งบาง
สีดํา
จากหัว คิ้ว จมูก หน้าอก ไปจนถึงระหว่างขาทั้งสอง…ร่างของนาง
กลายเป็นสองซีก เท่ากันเป๊ะๆ ทันที
“เป็นไปได้อย่างไร?” เสียงกรีดร้องของสตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําดัง
ขึ้น ท่ามกลางหมอกดําลอยตลบ ร่างที่แยกเป็นสองซีก ‘รวมเป็นหนึ่ง’
ใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ถอยหลังไป มองหลี่มู่อย่างตื่นตะลึง รอยแยกบน
ใบหน้าทางนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นผสานเข้าด้วยกันอย่าง
สมบูรณ์ ไม่เห็นรอยแผลแม้แต่น้อย แต่สีหน้าของนางกลับค่อนข้างขาว
ซีดนางก้าวสู่ขั้นสามัญขั้นต้นแล้ว การรวมร่างกายเนื้อเป็นเรื่องเพียง
แค่ชั่วเสี้ยวความคิดเท่านั้น
ต่อให้ใช้พลังไปบ้าง แต่สําหรับผู้แข็งแกร่งขั้นสามัญที่ทะลวงขั้น
สะพานเป็นตายมาแล้วก็เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลย
สิ่งที่ทําให้นางตื่นตะลึงที่แท้จริงคือพลังที่หลี่มู่พลันสําแดงออกมา
เป็นพลังประเภทควบคุม ทําลายล้าง ทําให้ความหวาดกลัวในสุสาน
เทพตอนนั้นผุดขึ้นมาในใจของนางอีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้เจ้ากดพลังของตัวเอง?”
สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําจ้องหลี่มู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความยากจะ
เชื่อ
หลี่มู่ลากดาบวัฏจักรเล่มใหญ่เดินประชิดไปอย่างรวดเร็ว
คมดาบลากเป็นสะเก็ดไฟพุ่งกระจายไปบนพื้นเวทีประลองลอย
ฟ้า
“รู้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว” หลี่มู่เร่งฝีเท้า จากนั้นก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายเขาแปรเปลี่ยนเป็นรอยเงาทางหนึ่ง
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นแสงดาบปรากฏขึ้นทันใด
สีหน้าของสตรีผ้าโปร่งบางสีดําคุ้มคลั่ง ร่างถอยไปอย่างรวดเร็ว
แต่แสงดาบนั่นโจมตีมาอย่างรวดเร็ว ไม่อาจหลบหลีกได้เลย
ยามที่นางถอยไปอย่างบ้าคลั่งก็คํารามเสียงต�าออกมา ในมือมี
กระบี่เรียวคู่หนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระบี่คู่ประสานเป็นกากบาท คิดจะ
รับดาบนี้เอาไว้
ฉัวะ!
ท่ามกลางเสียงก้องกังวาน ดาบของนางถูกฟันเป็นสองท่อนอีกครั้ง
“นี่มัน…คือวิชาดาบอะไรกันแน่?”
สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําทั้งตกใจทั้งโกรธ
ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในชั่วพริบตา นี่เป็นสิ่งที่นางคิดไม่ถึงเลย
และก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน
หลี่มู่คิดถึงตอนที่ตนเพิ่งมาถึงแผ่นดินใหญ่เสินโจว น่าจะประมาณ
สักเจ็ดปีก่อนหน้านี้กระมัง บุกเข้าไปที่ฐานที่มั่นของพรรคเสินหนงด้วย
ตัวคนเดียว ดาบเล่มเดียว เพียงโมโหก็สังหารสิ้น มีคนถามเขา
เหมือนกันว่า ‘นี่คือวิชาดาบอะไร’ คําตอบของเขาคือ ‘ดาบเชือดหมู’เพราะเป็นการออกดาบที่ได้มาจากประสบการณ์และสัญชาตญาณที่ฆ่า
หมูมานานหลายปีจริงๆ
และตอนนี้ก็มีคนถามคําถามนี้อีกแล้ว
หลี่มู่ลากดาบวัฏจักร และยังคงตอบคําถามเหมือนเดิม “ดาบเชือด
หมู”
ดาบเชือดหมู สังหารความชั่วร้ายเหมือนเชือดหมู
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทําไมซินแสเฒ่าตอนนั้นถึงส่งเขาไปฆ่าหมู
ที่โรงฆ่าสัตว์
เพื่อฝึกฝนจิตสังหารนั่นเป็นด้านหนึ่ง
อีกด้านหนึ่งน่ากลัวว่าอยากจะให้เขาเข้าใจว่า ห้วงดารานี้ จักรวาล
นี้เดิมก็ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หากคิดจะกุมชะตาของตัวเอง เช่นนั้นก็มือ
กําดาบ อย่าเป็นหมูอ้วนที่จะตายอยู่แล้วก็ยังไม่รู้ตัว
คําตอบนี้เห็นได้ชัดว่าทําให้สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําโมโหเป็นอย่าง
ยิ่ง
“เจ้าคิดว่าเจ้าได้เปรียบจริงๆ แล้วหรือไร?”
นางโมโหจนหัวเราะ ร่างเพียงไหววูบก็หายไปจากอากาศนักฆ่าของหอสังหารอาภรณ์ดําเชี่ยวชาญด้านใดที่สุด?
อําพรางร่องรอย
เอาชนะได้อย่างเงียบงัน
ฆ่าคนไร้ร่องรอย
นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่นักฆ่าคนหนึ่งควรจะทํา
สตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําทิ้งความคิดอาศัยขอบเขตพลังฝึกฝนของ
ตัวเองไปสังหารหลี่มู่ซึ่งหน้า
หลี่มู่แค่นเสียงเย็น ยืนตระหง่านอยู่ที่เดิม ไม่ขยับแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง——
แสงทางหนึ่ง
แสงกระบี่ไร้ซุ่มเสียงทางหนึ่งมาปรากฏอยู่ข้างหลังศีรษะหลี่มู่โดย
ไม่มีปี่ มีขลุ่ย
เสี้ยวขณะที่ปรากฏออกมา กระบี่แสงนี่ก็แทงไปที่กะโหลกของเขา
ส่วนหลี่มู่ก็เหมือนไม่รู้เรื่องอย่างนั้น ไม่ขยับแม้แต่น้อย
เคร้ง!เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น
แสงกระบี่นั่นไม่ใช่แค่แทงกะโหลกไม่เข้า ซ�ายังเหมือนกับแทงไป
บนเหล็กเทพที่แข็งที่สุดในโลก กระแทกจนแหลกละเอียดไปในทันที
เสียงตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ
เงาร่างเลือนรางของสตรีชุดดําแค่กะพริบก็หายไป กลายเป็นความ
ว่างเปล่าอีกครั้ง
ความตื่นตะลึงในใจนางยากจะบรรยาย
“ที่หัวของหลี่มู่จะมีอาวุธลับปกป้องหรืออย่างไร?”
กระบี่แทงไม่ทะลุ
แปลกประหลาดเกินไปแล้ว
นางข่มจิตใจ ร่างเหมือนผสานไปในกระแสอากาศ เคลื่อนไหวไป
อย่างเงียบงัน เห็นทั่วตัวหลี่มู่ล้วนมีช่องโหว่ทุกที่ ก็คํานวณวางแผน
ตัดสินใจว่าจะลอบสังหาร จะสังหารให้ตายในกระบวนท่าเดียวอย่างไร
ไม่หยุด
แสงกระบี่พุ่งไปอีกครั้ง
ครั้งนี้แทงไปยังคอหอยของหลี่มู่หลี่มู่ก็ยังคงไม่ขยับเช่นเดิม รับกระบี่นี้ตรงๆ
เรื่องเหลือเชื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว
แสงกระบี่ปะทะแหลกละเอียดอีกครั้ง
ถูกกระดูกคอที่บอบบางเป็นที่สุดสะเทือนแหลก
ในใจของสตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําเกิดคลื่นซัดถาโถม
นางเปลี่ยนตําแหน่งออกกระบี่และตําแหน่งลอบสังหารไม่หยุด ลง
มือไปไม่หยุดยั้ง
แต่หลี่มู่ก็ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับพระพุทธรูป
เหล็กกล้า รับการโจมตีเช่นนี้ไว้ทั้งหมด
ฟุ่บ!
ร่างของสตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดําปรากฏห่างออกไปสามสิบจั้ง เกิด
รอยลากเป็นทาง ความตื่นตะลึงบนใบหน้าราวน�าหมึกไม่จางหายไป
มองหลี่มู่ด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้ามันสัตว์ประหลาด”
นางออกแรงเต็มกําลังก็ไม่อาจทําร้ายเขาได้เลย
นี่จะสู้อย่างไร?จนถึงตอนนี้นางเพิ่งจะเข้าใจ ตัวเองประเมินพลังของหลี่มู่ต�าไป
โดยสิ้นเชิง
และก็จวบจนถึงตอนนี้ นางก็จําต้องยอมรับว่าต่อให้ไม่ได้อยู่ใน
สุสานเทพ ตนก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้
หลี่มู่มองนาง ไม่พูดอะไร
ตลอดมาสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของหลี่มู่ไม่ใช่พลังฝึกตน ไม่ใช่เคล็ด
วิชาดาบ กระทั่งไม่ใช่อาคมวิชาเต๋า แต่เป็นกายเนื้อที่ผ่านการฝึกฝนมา
อย่างโชกโชน ก่อนที่จะฝึกฝนปราณแท้ออกมาได้ เขานั้นอาศัยพลัง
กายเนื้อต่อสู้ แต่ก็ยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งที่กําราบทุกฝ่ายได้ ภายหลัง
ฝึกฝนปราณแท้ออกมาได้ ‘วิชาก่อนกําเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ ก็ยังคง
หล่อเลี้ยงร่างกายหลี่มู่อยู่ตลอด
เคราะห์สวรรค์ที่เขามังกรโฉดหลี่มู่ก็อาศัยพลังกายเนื้อฝืนยืนหยัด
ผ่านมา
อัสนีเคราะห์สวรรค์แทบจะฟาดผ่าจนหลี่มู่แหลกราญ แต่ก็เป็น
การฝึกฝนเขาอย่างมาก
จนเมื่อหลี่มู่จมอยู่ในโลกจิตกระบี่ ‘จอมยุทธ์พเนจร’ ของหลี่ไป๋
วิชาก่อนกําเนิดโคจรเองโดยธรรมชาติ ดูดซับกลิ่นอายสมบัติดอกบัว
มรกตมหาศาลนั่น ปราณแท้บริสุทธิ์ถึงขั้นบริบูรณ์ หลังจากเส้นลมปราณเล็กน้อยทั้งหลายในกายเนื้อเบิกขึ้น ฝึกฝน และทะลวง จาก
การที่หลี่มู่ก้าวสู่ขั้นทะลวงสวรรค์อย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งของกาย
เนื้อของเขาในที่สุดก็ก้าวสู่ขอบเขตที่ไม่เคยมีมาก่อน
หากให้เขากลับไปที่เขามังกรโฉดรับการต้อนรับจากเคราะห์สวรรค์
อีกครั้ง เคราะห์อัสนีไม่รู้จบสิ้นนั่นเกรงว่าคงฟาดผ่าแม้แต่ขนของหลี่มู่
ให้แหลกราญไม่ได้แล้ว
ดังนั้น ด้วยพลังฝึกตนขั้นสามัญขั้นต้นของสตรีชุดผ้าโปร่งบางสีดํา
ถึงแม้จะนําหลี่มู่ไปหนึ่งขอบเขต ต่อให้วิชาลอบสังหารน่ากลัวเพียงใด
แสงดาบน่าเหลือเชื่อแค่ไหน การโจมตีจะเจ้าเล่ห์มากเพียงใดก็ไม่อาจ
ทําร้ายหลี่มู่ได้อย่างแท้จริง
นางพูดไม่ผิดเลย
หลี่มู่ในตอนนี้เป็นสัตว์ประหลาด
…………………………………………………