จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 570 ชักดาบ
ทะเลโลหิตทั่วฟ้า ต่อให้เหลือเพียงหนึ่งในสี่ก็ยังกินพื้นที่รัศมีนับ ร้อยลี้ จอมมารจันทราโลหิตใช้วิชาประทับควบคุมทะเลโลหิตผืนนี้ เปลี่ยนแปลงเป็นรูปร่างที่แตกต่างกัน ลอยลงพื้นดินอย่างช้าๆ ครอบ ทับลงไปทั่วทั้งเมืองไป๋ตี้ เมฆลอยเคลื่อนรอบทิศ พลังฟ้าดินปะทุอย่าง บ้าคลั่งขึ้นมา ในเมืองไป๋ตี้ ทุกคนล้วนรู้สึกถึงอาการหยุดหายใจเป็น ระยะ
เมื่อหยิบยืมพลังทะเลโลหิต จอมมารจันทราโลหิตสามารถใช้พลัง ที่มากเกินกว่าขั้นของตนเองได้
เขาก้มลงมองผู้คนจากดวงดาวทุรกันดารเบื้องล่าง ราวกับจ้องมอง ลูกแพะที่กําลังรอถูกเชือด
จะสังหารใครดี แล้วจับใครดีนะ?
สายตาของเขา ค่อยๆ ตกไปอยู่ที่ร่างของเยี่ยอู๋เฮิ่น
หญิงสาวสวยสดเย็นชา ทําเอาคนที่เห็นตกตะลึงด้วยความงาม
เห็นนางตามติดหลี่มู่ไปเมื่อครู่ ดูท่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับห ลี่มู่มาก…อืม ให้ตายเถอะ เจ้าหนุ่มหน้าขาวหลี่มู่ แต่ไหนแต่ไรดวงสาว
งามทําไมถึงได้ดีนัก ฮวาเสี่ยงหรงกับท่านหญิงซ่งเหนือที่แผ่นดินใหญ่ เสินโจว ก็ล้วนเป็นสาวงามอันดับหนึ่งทั้งสิ้น พอมาถึงดาวทุรกันดารก็ ยังสามารถเกี้ยวหญิงสาวที่พร้อมทั้งความงามและพลังเช่นนี้ได้อีก
ดี จับตัวนางก็แล้วกัน
จอมมารจันทราโลหิตตั้งเป้าไปที่เยี่ยอู๋เฮิ่น
แต่ในพริบตานี้ เยี่ยอู๋เฮิ่นก็เหมือนสัมผัสได้ นางรวบรวมพลังเพื่อ เตรียมพร้อม
“สาวน้อย ยกมือยอมแพ้อย่างว่าง่ายดีกว่า ข้าไม่อยากจะทําเจ้า บาดเจ็บนะ” จอมมารจันทราโลหิตหัวเราะร่า ทะเลโลหิตด้านหลังแปร เปลี่ยนเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์สูงกว่าสามสิบจั้ง พันรัดด้วยอักขระสีเลือด พุ่งคว้าเข้ามายังตัวเยี่ยอู๋เฮิ่น
จิตกระบี่บัวครามไหลเวียนทั่วร่างเยี่ยอู๋เฮิ่น ตั้งท่าจะออกมือ
“น้องสาวช้าก่อน ให้ข้าลุยเอง”
เสียงหนึ่งดังขึ้น
ร่างเงาของติงอี้แหวกอากาศย้อนทวนขึ้นมา พุ่งผ่านด้านข้างของ เยี่ยอู๋เฮิ่นตรงออกไปรับหน้าฝ่ามือสามสิบจั้ง
การที่เขาลงมือ ทําเอาคนมากมายรู้สึกเกินคาดอย่างมาก
แต่ว่าสิ่งที่ทําให้เกิดคาดกว่าก็คือ ทั่วร่างติงอี้ไหลเวียนด้วยพลังที่ แข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้ ไม่ได้ด้อยกว่าขั้นทะลวงสวรรค์ เลย
ฟิ้ ว!
แสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งผ่านออกไปจากมือทั้งคู่ แทงทะลุฝ่ามือยักษ์ สีเลือดจนทะลุเป็นรูขนาดใหญ่กว้างหลายจั้ง
ติงอี้ผสานร่างคนกับกระบี่เป็นหนึ่ง ร่างไหววูบ แสงกระบี่ไหลเวียน พุ่งฟันไปมาด้วยความเร็วระดับที่ตาเปล่ามองไม่ทัน แยกชิ้นส่วนฝ่ามือ ยักษ์ราวกับพ่อครัวแยกส่วนวัวอย่างไรอย่างนั้น
แต่ว่า เขาก็ยังไม่ได้มีอภินิหารระดับจิตดาบ ‘ยี่สิบสี่ฤดูลักษณ์’ ของหลี่มู่ ฝ่ามือยักษ์สีเลือดหลังจากถูกฟันแยกส่วนจนกลายเป็นเลือด เพียงไม่นานก็รวมตัวกลับมาใหม่ มาอยุ่ข้างกายจอมมารจันทราโลหิต
“หืม? เจ้าเป็นใครกัน?” จอมมารจันทราโลหิตประหลาดใจ เล็กน้อย
คนผู้นี้ ถือว่ามีพลังพอสมควร
ร่างของติงอี้ค้างแข็งอยุ่กลางอากาศ เอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “จ้าว ลัทธิภูเขาสู่หลี่…เอ่อ ข้าคือสุนัขรับใช้ของจ้าวลัทธิภูเขาสู่ต้วนสุ่ยหลิว เจ้ากลัวไหมล่ะ?”
จอมมารจันทราโลหิตเมื่อได้ยิน เกิดความรุ้สึกที่ไม่รู้จะพรรณนา ออกมาอย่างไร
มีคนเรียกตนเองว่าเป็นสุนัขรับใช้ด้วยหรือนี่?
“เจ้ายังไม่คู่ควร” เขาสั่นศีรษะใส่ติงอี้ เอ่ยต่อว่า “ต่อให้เป็น เจ้านายเจ้า ก็ยังพอฝืนเป็นคู่มือข้าได้…”
ติงอี้ตัดบทขึ้นด้วยท่าทีเหยียดหยามมากเกินคําพูด เบะปากเอ่ยขึ้น ว่า “ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าตัวเล็กที่ประมือกับจ้าวลัทธิของข้าเมื่อครู่ พอฝืน เป็นคู่มือของจ้าวลัทธิได้ข้าก็ยังเชื่อ แต่ลําพังแค่เจ้า ที่แค่กระบี่ที่ร่าย โดยจ้าวลัทธิของข้าเมื่อครู่ก็ยังรับเอาไว้ไม่อยู่ ยังกล้าพูดโม้โอ้อวดต่อ หน้าคนมากมายเช่นนี้อีกหรือ? ข้ามองออกตั้งแต่แรกแล้ว เจ้ามันก็แค่ สุนัขรับใช้ข้างกายของเจ้าตัวเล็กนั่นเท่านั้น พวกเรามาสู้กันสักตั้ง ข้า รับประกันว่าจะไม่ตีเจ้าจนบิดามารดาจําไม่ได้แน่นอน”
จอมมารจันทราโลหิตฟังจนรู้สึกคันที่ฟัน “ตายเสีย”
เขาตัดสินใจแล้ว คนผู้นี้ไม่ต้องจับ แต่สังหารทิ้งได้เลย
ปากร้ายเสียเหลือเกิน
ฝ่ามือยักษ์สีเลือด อักขระส่องสว่างกันแน่นขนัด แฝงเอาไว้ด้วย พลังอันยิ่งใหญ่ ฟาดแหวกอากาศตรงมายังติงอี้
ติงอี้แสดงวิชากระบี่ขึ้นอีกครั้ง คนกระบี่รวมเป็นหนึ่ง เงาแสง ไหลเวียน แยกชิ้นส่วนฝ่ามือยักษ์สีเลือดใหม่อีกครั้ง
“สังหาร !”
เขารุกโจมตี แสงกระบี่ราวอัสนีพุ่งตรงไปยังจอมมารจันทราโลหิต
เยี่ยอู๋เฮิ่นที่เห็นฉากนี้ ถอยหลังเล็กน้อยเว้นระยะห่าง เพื่อให้ติงอี้ คุมสถานการณ์
ในเมืองไป๋ตี้ด้านล่าง คนของภูเขาสู่และพวกคนใหญ่คนโตของดาว ทุรกันดารที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลง ปฏิกิริยาในใจของแต่ละคน แตกต่างกัน
หลี่มู่แข็งแกร่งก็เกินพอแล้ว ทําไมติงอี้คนนี้ก็ยังแข็งแกร่งได้ถึง เพียงนี้
โดยเฉพาะชาวลัทธิภูเขาสู่ที่มักเห็นติงอี้โดนหลี่มู่ประเคนหมัดใส่ อยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ยังรู้สึกได้ถึงความไม่ได้เรื่องได้ราวไร้สาระของติงอี้ ยังคิดว่าคนผู้นี้เป็นเพียงแค่คนติดตามข้างกายหลี่มู่เท่านั้น ไม่คิดว่าการ
ลงมือในเวลาสําคัญจะแข็งแกร่งเกินจริงไปมาก พลังระดับนี้ต่อให้เป็น จ้าวเขาราชันมังกรหรือคุณชายเงาจันทร์ ก็ยังไม่แน่ว่าจะต้านทานได้ หรือไม่?
คมในฝักจริงๆ
เหล่าผู้คนจากประเทศใหญ่ แคว้นเมือง สํานักต่างๆ กลับอยู่ใน อาการตกตะลึง พลังซ่อนเร้นของภูเขาสู่ในตอนนี้น่ากลัวมากจริงๆ แค่ ดึงออกมาเพียงคนเดียวก็สามารถรับมือกับผู้ฝึกฝนนอกพิภพได้อย่าง ทัดเทียม จะดูน่ากลัวเกินไปหน่อยแล้ว
กลางอากาศ
“เจ้าโง่”
จอมมารจันทราโลหิตยิ้มเย็นชา
คิดจะเข้าสู้ระยะประชิดกับข้า?
คิดจะเข้าใกล้ข้าหรือ?
สองมือของเขาแปรเปลี่ยนรอยพิมพ์มือ ตรามากมายพุ่งกําเนิด ออกมาจากสองมือของเขาอย่างไม่หยุด ประทับลงไปบนทะเลโลหิต เสียงคํารามราวกับสัตว์ปีศาจโบราณดังลอดออกมาจากทะเลโลหิต
สัตว์มารสีเลือดหลายตัวปรากฏร่างออกมา วิ่งทะยาน คําราม หลบหลีก แสงดาบกลางอากาศ พุ่งตรงหมายฉีกทึ้งขย�าไปทางติงอี้ ปราณกระบี่ก้องคําราม แสงกระบี่สว่างจ้า แสงเจิดจ้าสีขาวเงินระยิบระยับ เหล่าสัตว์มารสีเลือดเหล่านั้นถูกฟาดฟันแยกชิ้นส่วนอย่างไม่หยุด ทว่าประสิทธิภาพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างต�า
ทะเลโลหิตหนึ่งส่วนสี่ที่จอมมารจันทราโลหิตควบคุมอยู่ สามารถ สร้างสัตว์มารที่แตกต่างกันออกมาได้อย่างไม่หยุด มีทั้งอาวุธีและยังมี รูปร่างเหมือนคนถือธนูอีกด้วย มีทั้งที่โจมตีระยะใกล้และระยะไกล ราว กับเป็นกองทหารหนึ่งกองพันอย่างไรอย่างนั้น เข้าล้อมโจมตีติงอี้อย่าง ต่อเนื่อง ต่อให้ถูกแสงกระบี่ของติงอี้ฟาดฟันไป แต่ก็กลับมารวมกันใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว สังหารเท่าไรก็ไม่หมด ฟาดฟันเท่าไรก็ไม่สิ้น
ตูม!
ร่างของติงอี้ หมีมารโลหิตตัวหนึ่งฟาดจนลอยไป หมุนคว้างบน อากาศทั้งเก้าสิบองศาร้อยแปดสิบองศาสามร้อยหกสิบองศาอย่าง สูญเสียการควบคุม
“ให้ตายเถอะ เอาแต่พึ่งพาอุปกรณ์เต๋าชั่วร้ายมารังแกคนอื่น แล้ว จะเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร?” เขาคุมร่างให้นิ่งลงได้ เอ่ยขึ้นมาด้วยอาการ หอบ
จอมมารจันทราโลหิตยิ้มเย็นชาไม่พูดจา เวลาแบบนี้ ใครเขามาพูดเรื่องวีรบุรุษกัน ติงอี้ขบเคี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้น “ได้ นี่เจ้าบังคับข้าเองนะ” เขายืนอยู่ที่เดิม มือบีบท่าปางกระบี่ พลังอัญเชิญไร้รูปร่าง ม้วนตรงไปทางยอดเขาโต๊ะ “ให้เจ้าได้เห็นสมบัติยักษ์ของข้าบ้าง เหอๆ”
ติงอี้เอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิ “ถึงแม้จะมาไม่ทันศึกใหญ่เวทีลอยสิบ สนาม แต่มาทันวันนี้ก็ไม่ถือว่าช้า…ออกมาเถิด กระบี่ฝืนชะตา”
จากเสียงตะโกนอันฮึกเหิมของเขา ยอดเขาโต๊ะที่ห่างออกไปหลาย ลี้ เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เปลือกหินด้านนอกเป็นชั้นๆ ราวกับถูก ปอกร่วงหล่นลงมา เผยให้เห็นแสงสว่างสีเงินด้านใน ปราณกระบี่อันคม กริบไหลเวียนออกมา ยอดเขาโต๊ะถูกถอนขึ้นสูงจากพื้นดินขึ้นอย่างไม่ หยุด ราวกับกระบี่เทพที่ปักอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ถูกชักออกมาทีละนิ้วๆ
“นั่นมัน..” “ยอดเขาโต๊ะถูกถอนขึ้นมาจากพื้นดินแล้ว” “ไม่สิ นั่นมันกระบี่เล่มหนึ่ง” “กระบี่ฝืนชะตา? หรือว่าตํานานคือเรื่องจริง?” ฉากนี้ทําเอาชาวภูเขาสู่ตกตะลึงเหลือคนา
ยอดเขาโต๊ะเป็นตําแหน่งของสํานักฝืนชะตาหนึ่งในเจ็ดสายแห่ง ลัทธิเทพภูเขาสู่ในอดีต เป็นหนึ่งในยอดเขาแนวหน้าไม่กี่ยอดของภูเขา สู่ และเกือบจะเป็นหนึ่งในยอดเยากระบี่ที่เป็นตัวแทนของภูเขาสู่ ก่อน หน้าศึกใหญ่เวทีลอยสิบสนาม คนมากมายก็สัมผัสได้ว่ายอดเขาโต๊ะเกิด ปรากฏการณ์ประหลาด โดยเฉพาะเรื่องที่มันถูกยกสูงขึ้นอย่างไม่มี กฎเกณฑ์ ถึงแม้ครั้งหนึ่งจะเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจั้ง แต่ก็แปลกประหลาด อย่างมาก
แต่ว่าทุกคนไม่มีใครคิดว่า ยอดเขาโต๊ะนี้จะเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
หนึ่งเล่มที่เหมือนจะอยู่ในตํานาน กระบี่ยักษ์ที่เทพแห่งวิญญาณ ยักษ์เป็นผู้ใช้
ขณะที่แผ่นดินสั่นสะเทือน กระบี่ยอดเขาโต๊ะถึงแม้มองแล้ว เหมือนค่อยๆ ถอนขึ้นมา ทว่ากว่าที่ทุกคนจะได้สติ กระบี่ยักษ์ยาวกว่า
หลายสิบลี้ได้หลุดออกจากแผ่นดินใหญ่เรียบร้อย ลอยค้างอยู่กลาง อากาศ รูปร่างเรียบง่ายแบบฉบับโบราณ ตัวกระบี่อวบหนา ด้านสันรูป วงรีไม่มีขอบมุม ด้ามกระบี่กลม ลายก้นหอยเป็นวงๆ เหมือนกับมังกร ดําพันรัด ด้ามดาบก็เป็นวงกลมสีดําวงหนึ่งเช่นกัน ส่วนยอดเรียบ เหมือนกับเวที นั่นคือส่วนยอดของยอดเขาโต๊ะในอดีตนั่นเอง
ตัวกระบี่เล่มนี้ราวกับเป็นเงินบริสุทธิ์ แสงเงินไหลเวียนเจิดจ้าอย่าง มาก แต่ส่วนด้ามดาบกลับสีดําสนิทประดุจสามารถกลืนกินแสงอาทิตย์ ทั้งหมดลงไปได้
กระบี่ยาวที่มีรูปร่างอันไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกเหมือนเป็น ‘หมู อ้วน’ ในกลุ่มกระบี่ด้วยกัน
และร่างของติงอี้ก็ได้ไปยืนอยู่ด้านบนด้ามกระบี่ยักษณ์แล้ว พลัง ทั่วร่างเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เสื้อผ้าสีดําสนิทโบกไหวแม้ไร้ซึ่งลม ผมยาวสีดําลอยระบําบนอากาศราวกับสูญเสียแรงดึงดูด ทุกเส้นมีแสง เทพสีเงินไหลเวียนอยู่ จิตกระบี่มากมายนับไม่ถ้วนไหลรินออกมาจาก ในร่างกาย
เขายืนอยู่บนด้านกระบี่ ราวกับเม็ดฝุ่นร่วงหล่นอยู่บนยอดเขาจน แทบจะสังเกตไม่เห็น
แต่ไม่รู้เพราะอะไร สายตาของคนทั้งหมดกลับถูกเขาดึงดูดไป ทั้งหมด
“ฮ่ะๆ เป็นอย่างไร?” ติงอี้แสยะปากมองจอมมารจันทราโลหิต เอ่ยต่อว่า “สมบัติของข้าชิ้นนี้ รูปร่างใช้ได้ไหม? ข้าถอนมันเหมือนหัว ไชเท้าอย่างไรอย่างนั้น ถอนอยู่สองเดือนเต็มกว่าจะดึงออกมาได้ ฮ่าๆๆ เจ้าเป็นคนแรกที่จะได้ลิ้มรสสมบัติของข้า ถือว่าดวงดีไม่เลวนะ”
จอมมารจันทราโลหิตสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
กระบี่อ้วนเล่มนี้ ทําเอาเขารู้สึกได้ถึงการคุกคาม
โดยเฉพาะพวกเหล่าวิญญาณในทะเลโลหิตกําลังเกิดความวุ่นวาย เหมือนกับกําลังหวาดกลัว ทําให้จอมมารจันทราโลหิตตระหนักได้ว่า เริ่มยุ่งยากเข้าเสียแล้ว
ตอนนี้เอง ติงอี้ได้ออกกระบวน
เขายืนอยู่บนด้ามกระบี่ยักษ์ เท้าซ้ายเหยียบลงไปหนักๆ ตัวกระบี่ ยักษ์ยาวหลายลี้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนกับสะท้อนแสงอาทิตย์ อย่างไรอย่างนั้น สว่างวาบ แสงกระบี่ยาวนับลี้เส้นหนึ่งพุ่งออกมา เพียง พริบตาก็พุ่งเข้าทําลายสัตว์มาร ร่างคนที่ออกมาจากทะเลโลหิตจน สลายกลายเป็นฝุ่นลอย ไม่สามารถฟื้ นฟูกลับมาได้อีก
จอมมารจันทราโลหิตขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ทําไมตอนนี้ไม่ใช่แค่หลี่มู่ที่เอาชนะเขาได้ กระทั่งคนข้างกายหลี่มู่ก็ ยังเอาชนะเขาได้ด้วยหรือ?
“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เรื่องที่เจ้านายกําชับมาจะต้องทําให้สําเร็จ มิเช่นนั้นได้วุ่นวายกันใหญ่แน่…” ในใจเขาพิจารณา คงต้องใช้ไม้นั้นเสีย แล้ว
จอมมารจันทราโลหิตตัดสินใจ รอยพิมพ์มือในมือเปลี่ยนไปเป็น ปางมือ กรอกเข้าไปในทะเลโลหิต กระทั่งพลังงานส่วนหนึ่งในร่างกายก็ ยังถูกสูบออกมากรอกเข้าไปด้วย ขณะที่เขากําลังจะใช้วิชาต้องห้าม สังหารติงอี้ จู่ๆ ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกินคาดขึ้น
ทะเลโลหิตหนึ่งส่วนสี่หลุดออกจากการควบคุมของเขา พุ่งตรงขึ้น ไปยังฟากฟ้าเบื้องบน
……………………………………….