จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 572 ตลาดนัด
สิ่งก่อสร้างของตําบลฉาบทองล้วนใช้หินเป็นหลัก
นอกจากตึก อาคารที่ก่อขึ้นหรือสลักจากหินและถ�าภูเขาที่ที่ขุดเข้า ไปหินผาที่นูนออกมาจํานวนน้อยแล้ว สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่อันที่จริง แล้วล้วนอยู่ภายในหินอุกาบาตทั้งสิ้น
ท่ามกลางห้วงเวลาอันยาวนานหลายหมื่นปี ผู้ฝึกฝนนับไม่ถ้วนเป็น เหมือนกับหนูขุดเมืองใต้ดินขึ้นภายในหินอุกาบาต
คนที่ปรากฏในตําบลฉาบทองได้ล้วนเป็นผู้ฝึกฝน หลักๆ แล้วเป็น ขั้นทะลวงสวรรค์ พลังที่ต�าที่สุดก็อยู่ที่ขั้นมหาเทวะ ฐานะต�าต้อย ต้อง พกอุปกรณ์หลอมโลหะพิเศษและของใช้อาวุธเต๋าชนิดต่างๆ จึงจะ สามารถต้านทานขีดจํากัดต่างๆ ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตในห้วงสูญญากาศ อีก ทั้งในโพรงตําบลฉาบทองภายในหินอุกาบาตยังมีค่ายกลต่างๆ อีกด้วย
หลี่มู่และติงอี้สืบข่าวมาตลอดทาง หลังจากพักอยู่ในสิ่งก่อสร้างบน ผืนดินเล็กน้อย ก็เข้าไปในโพรงใต้ดิน
สํานักอาทิตย์ทองเข้มงวดเป็นอย่างยิ่งในการหาประโยชน์จากผู้ ฝึกฝนที่ผ่านมา
เดิมคิดว่าเมื่อเข้ามาในตําบล จ่ายภาษีแล้วก็จะสามารถเดินทาง ราบรื่นไม่มีอุปสรรค์ไปในตําบลได้ สุดท้ายเมื่อเข้าไปในโพรงใต้ดินก็ยัง ต้องจ่าย ‘ภาษีเข้าโพรง’ ยามผ่านเขตใต้ดินบางแห่งก็ยังมีลูกศิษย์สํานัก อาทิตย์ทองบางคนยื่นมือจะเอาเงิน
เงินทองในห้วงดาราสมุทรจะใช้ผลึกเซียนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนสากล
และจากการพูดคุยกับคนกลุ่มหนึ่งในตําบลหลี่มู่ถึงได้เข้าใจว่าผลึก เซียนเหตุที่กลายเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนของความร�ารวยได้ก็เพราะ ข้างในมีพลังแห่งดวงดาว สามารถมอบพลังให้ผู้ฝึกฝนดูดซับ หลอม ออกมาเป็นพลังของตัวเองได้
พูดจากนิยามนี้ ประโยชน์ของของผลึกเซียนคล้ายกับหินดาราบน แผ่นดินใหญ่เสินโจวเมื่อวันวาน
แต่ระดับของผลึกเซียนสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หินดารานับว่าเป็นเศษแร่เศษวัสดุที่หลงเหลือจากการเก็บผลึก เซียนเท่านั้น แต่กลับมากพอที่จะทําให้เหล่าจอมยุทธ์บนดาวระดับต�า แห่แหนแย่งชิงกัน
หลี่มู่หลังจากเข้าใจวิธีดูดซับพลังจากผลึกเซียนแล้วก็หยิบเอาผลึก เซียนสีเงินออกมาก้อนหนึ่งตรงนั้นเลย ทดลองดูดซับ ก็สัมผัสได้ถึงพลัง
บริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งไหลเข้ามาในร่างกายตนเองตามฝ่ามือจริงๆ ด้วย ผล ของการฝึกฝนเช่นนี้กระทั่งว่าดีกว่าฝึกฝนในแดนเซียนบางแห่งด้วยซ�า
“อืม…”
หลี่มู่นวดขมับ
เขาด่าตัวเองช่างโง่จริงๆ ในใจ
ในมือมีผลึกเซียนมากมายขนาดนั้น เวลานานขนาดนี้กลับไม่รู้จัก ดูดซับใช้ประโยชน์ มันช่างนั่งอยู่บนกองเพชรนิลจินดาแต่ไม่รู้ตัวว่ามี ของล�าค่าอยู่กับตัว
ติงอี้อยู่ข้างๆ มองหลี่มู่พลางเอ่ยอย่างตกใจ “เรื่องความรู้ทั่วไป แบบนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าไม่รู้อย่างนั้นรึ?”
หลี่มู่แค่นเสียงเย็น “ข้าแน่นอนว่ารู้อยู่แล้ว เพียงแต่…อืม ไม่อยาก สิ้นเปลืองก็เท่านั้น”
ติงอี้หัวเราะหึๆ “เจ้าไม่รู้ชัดๆ ฝีมือแสดงละครแย่เสียจริง”
หลี่มู่ปากกระตุก มองเขาด้วยใบหน้าที่ฉายแววโหดเหี้ยม
ติงอี้รู้สึกจนปัญญา รีบพูดขึ้นมาทันที “แต่ว่านี่ก็โทษเจ้าไม่ได้ เพราะพลังของดาราในผลึกเซียนมีเพียงผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์
เท่านั้นจึงจะดูดซับได้ ขั้นต�ากว่าทะลวงสวรรค์เส้นลมปราณไม่อาจรับ พลังของดาราชนิดนี้ได้ หากฝืนดูดซับกลับจะเป็นการทําร้ายตัวเอง”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ข้างหน้าก็มีพื้นที่กว้างโล่งปรากฏขึ้น
เสียงผู้คนจ้อกแจ้กจอแจ
เป็นตลาดนัดขนาดเล็ก
บนถนนมีคนตั้งร้านมากมาย จัดวางของแปลกๆ ต่างๆ นานา มีทั้ง อาวุธที่พัง มีทั้งสมุนไพรที่ส่งกลิ่นหอมประหลาด มีทั้งแร่หินสีดํามืด มี แผนที่ที่วาดอยู่บนหนังสัตว์สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จัก มีลูกสัตว์ที่ดูแล้วบ้องแบ๊ว น่าเอ็นดู และยังมีวัตถุจากวิชาเต๋าหลอมโลหะอีกมากมาย…
สรุปแล้วคือมากมายละลานตาไปหมด
ภาพนี้ทําให้หลี่มู่รู้สึกเหมือยเปิดโลกกว้างอย่างหนึ่ง
เจ้าของแผงลอยตั้งป้ายเขียนบอกเงื่อนไขของตนเอาไว้ บางคน แลกด้วยสิ่งของกับสิ่งของเท่านั้น อีกทั้งยังต้องเป็นของที่ชี้บอกเฉพาะ และก็มีบางคนที่รับผลึกเซียนเป็นการแลกเปลี่ยน
เสียงต่อราคาดังไม่ขาดสาย คึกคักเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับตลาดบน โลกแบบนั้น
หลี่มู่สังเกตอย่างละเอียด
เขาพบว่าผู้คนที่ตลาดนัดนอกจากเผ่ามนุษย์แล้วยังมีเผ่าพันธ์ ุ ประหลาดต่างๆ อีกด้วย
บางคนสวมอาภรณ์เครื่องประดับแปลกประหลาด บางคนใช้ หน้ากากลายดาราปิดบังหน้า บางคนทั่วร่างรายล้อมไปด้วยบรรยากาศ ที่ทําให้คนไม่อาจมองใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้ บางคนกลับไม่ปกปิด แม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่ามั่นใจในพลังของตน บางคนมีเขาแพะบนหัว และก็มีบางคนข้างล่างเป็นคนส่วนข้างบนเป็นสัตว์ ดูแล้วเหี้ยมโหดน่า กลัวนัก
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกฝนทั้งสิ้น กลิ่นอายแข็งแกร่งทะลัก ล้น อีกทั้งส่วนใหญ่แล้วเป็นขั้นทะลวงสวรรค์ทั้งสิ้น
ผู้ฝึกฝนเช่นนี้หากอยู่ที่แผ่นดินใหญ่เสินโจว หรือโลกดาว ทุรกันดารก็มากพอจะเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่ปกครองแถบหนึ่ง แต่ในห้วง ดาราสมุทรกลับไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาสามัญ อยู่ในตลาดนัดที่ เหมือนกับตลาดสดแห่งนี้ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย แลกเปลี่ยนเพื่อ ผลประโยชน์ ต่อราคาเพื่อผลึกเซียนไม่กี่ก้อน แย่งกันหน้าดําหน้าแดง
ขั้นแมลง!
มิน่าเล่าขั้นทะลวงสสวรรค์ที่ในดาวระดับต�ามองว่าเป็นตํานาน แห่งวิถียุทธ์ ในห้วงดาราสมุทรกลับถูกเรียกว่าขั้นแมลง
นี่ถึงจะเป็นหน้าตาของห้วงดาราสมุทร
หลี่มู่ทอดถอน
ติงอี้สืบข่าวจนทั่ว กลับมาบอก “มีคนเห็นเซียนเสียไห่สองคนนี้มุ่ง หน้าไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายของจุดพักที่ใจกลางตําบล”
หลี่มู่พยักหน้า ถามขึ้นอีก “ตลาดนัดแห่งนี้คนเยอะแบบนี้ทุกวัน เลยหรือ?”
“ไม่ใช่หรอก พอดีว่าวันนี้เป็นวันตลาดนัดของของตําบลฉาบทอง ดังนั้นผู้ฝึกฝน คนหาแร่ คนหาสมุนไพร และพ่อค้าในเมืองแห่งนี้จึง รวมตัวมาที่นี่ ข้าถามมาแล้ว ตําบลฉาบทองจัดตลาดนัดทุกครึ่งเดือน หนึ่งปียี่สิบสี่ครั้ง มีแค่มีตลาดนัดเท่านั้นถึงจะมีคนเยอะ หากเป็นวัน ปกติคนจะไม่เยอะแบบนี้”
ติงอี้เป็นนักสืบจริงๆ
พรสวรรค์ด้านการสืบข่าว ตอนนั้นก่อนศึกต่อสู้ธรรมะและอธรรม ที่ภูเขาสู่ก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างเต็มที่
หลี่มู่ฟังแล้วก็กระจ่าง
นี่เหมือนกับความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชนบทในป่าลึกมากมายของ ประเทศจีนบนโลก ใช้ปฏิทินจันทรคติมานับเวลา จัดตลาดนัดตาม ตําบลรอบๆ ฝั่ งนี้คือหนึ่งค�า สามค�า ห้าค�ามีตลาดนัด ฝั่ งนั้นเป็นสองค�า สี่ค�า หกค�า เหล่าชาวบ้านที่กระจัดกระจายตามตําบลต่างๆ เพื่อไป ตลาดนัดก็จะเตรียมให้พร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ฟ้ายังไม่สว่างก็แบก สินค้าออกเดินทาง เดินตามทางภูเขาเป็นสิบๆ ลี้เพื่อให้ทันตลาดนัด ขายสินค้าทางการเกษตร ซื้อสิ่งของที่ต้องการ ส่วนเหล่าพ่อค้าที่เร่ไป ตามตลาดนัดใหญ่ต่างๆ ก็ขี่รถม้ามารอที่ตลาดนัดตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนในสิ่งที่ต้องการ
ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปยังจุดพักค่ายกลเคลื่อนย้ายตามข่าวที่ติงอี้ ได้มา
ในฐานะที่เป็นจุดศูนย์กลางของตําบลฉาบทอง ศูนย์กลางค่ายกล เคลื่อนย้ายพูดได้ว่าเป็นที่ที่คึกคักที่สุดรองจากตลาดนัดแล้ว
นี่ก็เป็นลานอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน
บนลานสลักไว้ด้วยเส้นลายดาราตัดพันกันถี่ยิบ สลับซับซ้อน เหมือนกับกระดานหมากล้อม แต่ก็ไม่เหมือนกัน ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งกว่า
ตําแหน่งของจุดตัดของเส้นลายดาราบางแห่งมีศาลาเล็กๆ เหมือนกับหอบูชาแบบนั้นตั้งอยู่
ศาลาล้วนไม่ใหญ่มาก อย่างมากก็แค่บรรจุคนได้สิบกว่าคนเท่านั้น ศาลาบางแห่งไม่มีแม้แต่หลังคา รั้วก็พุผัง ทําจากหินสีขาวล้วนๆ ผ่าน การทําร้ายจากกาลเวลานานหลายปี หินผามีรอย มุมเหลี่ยมก็ถูกสีจน สึกหรอไร้เหลี่ยมไร้มุม
ศาลาเหล่านี้กะพริบส่องแสงสีขาวนวลไม่หยุด
ทุกครั้งที่กะพริบ ในศาลามีเงาคนปรากฏจากนั้นก็เดินออกมาจาก ในนั้น หรือเงาคนที่เดินเข้าไปแต่เดิมหายลับไป
นี่ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้าย
ลานกว้างแห่งนี้ก็คือจุดพักห้วงดาราค่ายกลเคลื่อนย้าย
ศาลาพวกนั้นก็คือจุดค่ายกลเคลื่อนย้าย
ผ่านจากค่ายกลพวกนั้นผู้ฝึกฝนจากเขตอื่น ดาวดวงอื่นจะถูกส่ง มาที่นี่ หรือเป็นจุดศูนย์กลางในการเคลื่อนย้าย ส่งไปยังเขตอื่น
ในเขตดาราเทพวีรชนสร้างเครือข่ายค่ายกลเคลื่อนย้ายการ คมนาคมเชื่อมต่อกันหมดตั้งนานแล้ว เหล่าผู้ฝึกฝนเดินทางไปมายัง ดวงดาวและเขตต่างๆ จากค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ สามารถก้าวข้ามระยะ จริงไกลๆ ได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด นี่ประหยัดเวลา ประหยัดเรื่องกว่า ใช้กายเนื้อฝ่ามิติจักรวาล และก็ปลอดภัยกว่าเยอะด้วย
พูดจากนัยยะนี้ จุดพักห้วงดาราค่อนข้างคล้ายกับเครื่องบิน สถานนีรถไฟของโลกใบนี้
นี่เป็นวิธีการเดินทางระหว่างดาวจากการพัฒนาของอารยธรรมวิถี ยุทธ์
หลี่มู่รู้สึกว่าเช่นนี้แล้วอารยธรรมวิถียุทธ์กับอารยธรรม วิทยาศาสตร์เหมือนว่าจะมีความหมายคล้ายกัน ล้วนบริการผู้คน ทฤษฏีต่างกัน แต่ผลลัพธ์เหมือนกัน
จุดพักห้วงดาราตําบลฉาบทองขนาดไม่ใหญ่ เหมือนกับหมู่บ้าน ภูเขาไกลโพ้นบนโลก
ดังนั้นบนลานแห่งนี้มีค่ายกลรวมแล้วไม่เกินสามสิบจุด ปกติแล้วมี ครึ่งหนึ่งที่เป็นว่าง เพราะเขตดาราแห่งนี้ไม่ใช่เขตดาราที่ร�ารวยจริงๆ คนที่ผ่านมาผ่านไปมีจํากัด และก็มีเพียงวันที่มีตลาดนัดถึงจะยุ่งหัวไม่ วางหางไม่เว้นเช่นนี้
ที่ทุกศาลาสีขาวปากทางเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายต่างมีโต๊ะตัวหนึ่ง หน้าโต๊ะมีลูกศิษย์สํานักอาทิตย์ทองนั่งอยู่สองสามคน กําลังเก็บค่า เคลื่อนย้าย เหมือนกับพนักงานทางด่วนแบบนั้น
ในห้วงดารา นี่ก็เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์เช่นกัน
ในเมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายต่างสร้าง ซ่อมแซม และดูแลจากสํานัก ต่างๆ การใช้ค่ายกลนั้นต้องสูญเสียพลังงาน อีกทั้งการซ่อมบํารุง ตามปกติของค่ายกลก็ต้องใช้กําลังคนและกําลังทรัพย์ เหล่าผู้ฝึกฝน จําเป็นต้องจ่ายค่าเดินทางอัตราราคาใกล้ไกลที่เคลื่อนย้ายถึงจะส่งข้าม ได้
เหล่าผู้ฝึกฝนสํานักอาทิตย์ทองข้างศาลาท่าทางกําเริบเสิบสาน หยิ่งยโสเกียจคร้าน
ลูกศิษย์เหล่านี้ฝึก ‘เนตรไฟ’ ได้ตั้งนานแล้ว เปลี่ยนสีเก่งเป็นที่สุด ผู้ฝึกฝนไร้สังกัดที่ไม่มีภูมิหลังและผู้สนับสนุนเบื้องหลังมักจะถูกเก็บ ภาษีเกิน เหล่าผู้ฝึกไร้สังกัดก็ทําได้แค่กล้าโกรธไม่กล้าพูด
ติงอี้ไปสืบข่าวรอบหนึ่งกลับมาก็สบถด่าโหวกเหวก “มารดามันสิ เจ้าพวกสุนัขสํานักอาทิตย์ทองฝูงนี้ช่างละโมบเสียจริง นี่มันขูดเลือดขูด เนื้อกันชัดๆ…” เขาก็แค่สอบถามเท่านั้น เพิ่งจะก้าวเข้าไปในลานก็ถูก บังคับเก็บภาษี หลังจากนั้นก็ถูกลูกศิษย์สํานักอาทิตย์ทองรีดไถ
หลี่มู่ถาม “เรื่องที่ต้องสืบสืบได้อย่างไรบ้าง”
ติงอี้ตอบ “อ้อ เจ้าไม่ถามข้าก็เกือบลืมเข้าแล้ว…สืบถามได้ความ แล้ว เซียนเสียไห่สองคนยังไม่ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายจากไป ท่าทาง
ยังคงอยู่ในตําบลฉาบทอง ไม่รู้ว่าไปซ่อนอยู่ที่ไหนแล้ว พวกเราต้อง ระวังหน่อย เจ้าสองคนนี้มันต้องกําลังอัดอั้นเต็มที่อย่างแน่นอน”
“แบบนี้นี่เอง ไป กลับตลาดนัด”
หลี่มู่หมุนตัว เดินไปทางตลาดนัดที่ผ่านมาเมื่อครู่
ติงอี้ตามมา ถามอย่างแปลกใจ “พวกเราไม่คอยจับตามองอยู่ข้าง นอกลานเคลื่อนย้ายหรือ? บางทีเซียนเสียไห่สองคนนั้นอีกครู่หนึ่งก็ ออกมาแล้ว พวกเรากลับตลาดนัดอาจคลาดกัน ปล่อยให้พวกเขาหนี ไป”
หลี่มู่เอ่ยหัวเราะ “ไล่ฆ่าเซียนเสียไห่สองคนนั้นเป็นแค่กลยุทธ์ เท่านั้น ไม่ใช่เป้าหมาย ไล่ไปจนถึงสุดท้ายก็ไม่แน่ว่าจะฆ่าพวกเขาทิ้งได้ จริงๆ อีกทั้งตอนนี้ข้ามีวิธีที่ดีกว่าเดิมแล้ว…เดินเล่นก่อนค่อยว่ากัน ผ่อน คลายหน่อยน่า ฮี่ๆ อีกอย่าง เผื่อจะโชคดีได้ของดี ของล�าค่าอะไรมา จากตลาดนัดบ้างไง”
……………………………..