จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 577 ปลาติดเบ็ดแล้ว
สีหน้าของคุณชายสูงศักดิ์ ไม่ได้แตกต่างอะไรกับกินขี้ลงไปเลย
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เขาแก้ตัวกลับมา “ที่นี่ไม่มีขี้ไม่ใช่หรือ?”
ติงอี้เมื่อได้ยินก็ไม่ตลกด้วยแล้ว “ตอนบอกว่ายผีเสื้อในบ่อขี้ก็บอก ไม่มีบ่อขี้ ตอนนี้บอกว่าจะกินขี้ก็ยังกล้าบอกว่าไม่มีขี้อีก เจ้าเชื่อไหมล่ะ ว่าข้าจะเอาออกมาให้ตอนนี้เลย”
พูดจบ สองมือของเขาก็จับเอวกางเกงทําท่าจะรูดลงมา
คุณชายสูงศักดิ์ตกใจสะดุ้งโหยง ร้อนรนขึ้นมาทันที “อย่ารังแกกัน ให้มากนัก เมื่อครู่ข้าบอกจะกินขี้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะกินขี้อะไร แล้วก็ ไม่ได้บอกว่าจะกินอย่างไรด้วย เดี๋ยวข้ากลับไปกินคว้าขี้ไหมมากินก็ พอแล้วไม่ใช่หรือไร? คุณชายอย่างข้าเมื่อไรกันที่พูดแล้วไม่เป็นคําพูด”
ขี้ไหม ขี้ของตัวไหม เป็นยาจีนมีสรรถคุณบํารุงดวงตาบํารุงสมอง รักษาอาการเจ็บปวดได้
ติงอี้เดือดขึ้นมาแล้ว “เจ้าเล่นขี้โกงนี่นา คุณชายขี้ใช่ไหม? มิน่าเล่า ประเดี๋ยวก็บอกว่ายผีเสื้อในสระขี้เดี๋ยวก็พูดว่าจะกินขี้ เจ้านี่ไม่เนรคุณ ต่อชื่อของตนเองจริงๆ”
ผู้คนระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง
ฉายาคุณชายขี้ได้ติดตัวคุณชายวัยรุ่นผู้สูงศักดิ์ไปเสียแล้ว
ชั่วครู่ เจ้าของแผงในชุดคลุมดําโบกมีดหินครีบปลาด้วยความชํานิ ชํานาญ ท่าทีสง่างาม จัดการฝานเปลือกของหินต้นกําเนิดทั้งสองก้อน ออก จากนั้นหยิบเอาผลึกเซียนทองคําที่สกัดแยกออกมา จัดการปอก ผลึกทองคําปรับแต่งขนาดเล็กใหญ่กับรูปร่าง จากนั้นวางลงที่ด้านหน้า ของหลี่มู่
รอบด้านมีคนเริ่มขานราคาสูง คิดที่จะซื้อผลึกเซียนทองคํา
หลี่มู่ล้วนปฏิเสธ
เขาเก็บผลึกเซียนทองคํา จากนั้นได้ทําการเลือกหินต้นกําเนิดจาก ในกองต่อ
ตอนนี้เองผู้คนที่ล้อมรอบแผงได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวเรื่องมีคนสกัดแยกเอาผลึกเซียนทองคําออกมาได้ แพร่กระจายไปทั่วตลาดนัด คนที่เข้ามาล้อมดูแผงร้านหินต้นกําเนิด มากขึ้นเรื่อยๆ จนแน่นขนัด
พวกพ่อค้าที่ขายของบางส่วน เมื่อเห็นว่าตนเองขายไม่ได้แล้ว จึง เก็บร้านของตนเองแล้วมาร่วมชมมหรสพด้วย
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เกิดขึ้นมาหลายสิบปีแล้ว
ในนั้นมีพ่อค้าที่คอยไปกดราคาเด็กชายที่มาขายสัตว์ตัวน้อยเมื่อ ครู่อยู่ด้วย ดวงตาวาวด้วยความอิจฉา จ้องเขม็งไปที่หลี่มู่ สายตา ร้อนแรงราวกับแมวป่ามองเห็นก้อนเนื้ออันโอชะ
หลี่มู่เข้าใจอย่างชัดเจนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ
แต่เขาก็ทําราวกับมองไม่เห็นอย่างนั้น ยังคงค้นหาในกองหินต้น กําเนิดต่อไป
สายตานับไม่ถ้วนล้วนรวมกันอยู่ที่สีหน้าของหลี่มู่และหินกําเนิด บนมือของเขา
คนทั้งหมดคิดว่าจะค้นพบอะไรจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ เปลี่ยนไป
หลี่มู่เลือกอยู่อีกครู่หนึ่ง จึงได้ขมวดคิ้วขึ้น
เกิดอะไรขึ้น?
ยังคงหาเจ้าพลังมหัศจรรย์ครึ่งเป็นครึ่งตายที่ขานรับต่อ ‘วิชาต้น กําเนิด’ ไม่เจอเลย แฝงอยู่ในหินต้นกําเนิดก้อนไหนกันแน่นะ
ความรู้สึกนี้มันประหลาดมาก
ราวกับว่าพลังวูบนั้น มีชีวิตจิตสํานึกของตนเองก็มิปาน พอหลี่มู่ยิ่ง เข้าใกล้ ‘มัน’ ก็จงใจที่จะอําพรางตัวขึ้นมา
หลี่มู่สูดลมหายใจลึก
ไม่ไหวจริงๆ ทําได้เพียงแค่ใช้เนตรสวรรค์ตรวจสอบไปทีละก้อนๆ เท่านั้น
ถือว่าหากําไรไปด้วยก็แล้วกัน
ใช้ปราณแท้บริสุทธิ์กับเนตรสวรรค์มาพนันหิน ถือว่ามีโอกาสเก้า ในสิบ…ไม่สิ สิบในสิบเลยที่จะได้กําไรอย่างสบายๆ เป็นตัวเลือกดีที่สุดที่ จะพาชีวิตไปสู่ความร�ารวยแล้วจริงๆ
หลี่มู่เลือกต่อไป หยิบเอาหินต้นกําเนิดขนาดถังน�าขึ้นมาก้อนหนึ่ง ชั่งน�าหนักด้วยมือ ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ เงยหน้าขึ้นมอง ไปยังเจ้าของแผงชุดดํา ถามว่า “เถ้าแก่ ก้อนนี้…”
“ผลึกเซียนสีเงินสามสิบเม็ด” เจ้าของแผงชุดดําเปิดราคาให้ เบ็ดเสร็จเรียบร้อย
ยังไม่ทันที่หลี่มู่จะได้พูดอะไร พ่อค้าร่างอ้วนเตี้ยข้างๆ คนหนึ่งได้ เอ่ยปากขึ้นว่า “เถ้าแก่ ข้าให้ผลึกเซียนสีเงินสามสิบเอ็ดเม็ดเลย หินต้น กําเนิดก้อนนี้ขายให้ข้าเถอะ”
นี่เป็นการชิงรุกก่อน
หลี่มู่มองไปยังพ่อค้าอ้วนเตี้ยคนนั้น
เมื่อครู่ที่ข้างแผงของเด็กชาย พ่อค้าที่บอกว่าจะสังหาร ‘เจ้าหัว เรียบ’ สัตว์ดาราเพื่อเอาหนังก็คือคนผู้นี้
ไม่ใช่คนที่ดีอะไรนัก
พ่อค้าอ้วนเตี้ยมองตอบสายตาของหลี่มู่ ยิ้มขึ้นอย่างนัยประท้วง เอ่ยขึ้นว่า “เด็กน้อย เจ้าก็ได้ไปไม่น้อยแล้ว ก้อนนี้ก็ยอมให้ข้าเถอะ อย่า โลภนัก ระวังกินมากไปจะย่อยไม่ไหว จนท้ายสุดก็ต้องอาเจียนออกมา”
ติงอี้ไม่ตลกขึ้นทันที “เจ้าหมายความว่าอะไร? เล่นขวางกันแบบนี้ เลยหรือ? อายบ้างไหมนั่น นี่เป็นสิ่งที่จ้าวลัทธิ…คุณชายของข้าเลือก ออกมาก่อนนะ รู้จักกฎมาก่อนมาหลังบ้างหรือเปล่าเนี่ย”
“ข้าทาสที่สายตาคับแคบไสหัวไปข้างๆ เลย ต่อหน้าหัวหน้าของ พวกเรา มีที่ให้เจ้าเสนอหน้ามาหรือ? ระวังชีวิตอันต�าต้อยของเจ้าไว้” องครักษ์ขั้นสามัญข้างกายพ่อค้าคนหนึ่ง จ้องมองมาทางติงอี้พร้อม ตําหนิอย่างไม่ไว้หน้า
ติงอี้เดือดดาลขึ้นทันที ตั้งท่าจะโต้กลับแต่หลี่มู่มาขวางเขาไว้
พ่อค้าอ้วนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง “เด็กน้อยไร้เดียงสา เหลือเกิน มาก่อนมาหลัง? เหอๆ ในสนามการค้า ไม่มีมาก่อนมาหลัง หรอก ใครราคาสูงกว่าก็ได้ไป เข้าใจไหม?”
หลี่มู่ยิ้มขึ้นแล้ว “เจ้าแน่ใจว่าจะมาแข่งราคากับข้า?”
ต่อให้ไม่คิดการแกะห่อพัสดุที่เขาได้มาเมื่อตอนอยู่แผ่นดินใหญ่ เสินโจว ลําพังแค่ผลึกเซียนทองคําสองก้อนใหญ่เมื่อครู่ก็เพียงพอที่จะ กดดันคนในตลาดไปกว่าเก้าส่วนแล้วในด้านพลังแห่งทรัพย์สิน
หลังจากพ่อค้าอ้วนตะลึงไปครู่จนได้สติกลับมา สีหน้าไม่ค่อยเป็น ธรรมชาติ ในดวงตามีประกายคุกคามเข้มข้นเผยให้เห็น
ถ้าหากต้องทุ่มเงินจริงๆ ล่ะก็ ก็ไม่แน่ว่าจะทุบเจ้าเศรษฐีใหม่คนนี้ ลงได้
เขายิ้มเย็นชาเอ่ยเสียงต�า “เด็กน้อย อย่าหาเหาใส่หัวจะดีกว่า ต้นหญ้าที่พึ่งจะออกมาดูโลกอย่างเจ้า พลังบําเพ็ญขั้นแมลงที่ยังไม่ได้ แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งดวงดาราอย่างสมบูรณ์ แค่ข้าร่ายในใจ ก็เล่น งานจนตายได้นับสิบนับร้อยแล้ว”
คนบางส่วนรอบๆ สีหน้าที่จ้องมองที่หลี่มู่เริ่มรู้สึกเห็นใจ
หลี่มู่กลับไม่แม้แต่จะมองพ่อค้าอ้วน แต่มองไปยังเจ้าของแผงชุด ดํา ถามขึ้นว่า “เถ้าแภ่ว่าอย่างไรล่ะ?”
ภาพเช่นนี้ ดูแล้วยิ่งเหมือนกับการแสดงออกว่ายอมแพ้
…
…
“อะไรนะ? สกัดแยกเอาผลึกเซียนทองคําออกมาอีกสิบกว่าเม็ด?”
สํานักงานใหญ่สํานักอาทิตย์ทองในเมืองทองคํา ผู้อาวุโสโจวหน้า รูปม้าได้ยินการรายงานจากศิษย์ในสํานัก ตกตะลึงจนลุกขึ้นยืน ใบหน้า ยินดีอย่างบ้าคลั่งปรากฏขึ้นทันที
“ฮ่าๆ นี่มันสวรรค์ส่งข้าชัดๆ ฮ่าๆ ดาวแห่งความร�ารวย เจ้าบ้าน นอกสองคนนี้เป็นดาวแห่งความร�ารวยของข้าโจวจ่างฟาจริงๆ” เขา หัวเราะร่า เอ่ยต่อว่า “ไป สั่งคนไปจับตาดู ล้อมตลาดนัดเอาไว้ ห้ามให้ เจ้าแพะอ้วนสองตัวนี้หนีเด็ดขาด ให้พวกมันสกัดแยกหินต่อไป ฮ่าๆ!”
ผลึกเซียนทองคํายี่สิบกว่าเม็ดเชียวนะ
ถึงแม้โจวจ่างฟาจะมีฐานะเป็นคนที่ตัดสินเรื่องได้ทุกอย่างในเมือง ทองคํา ทํางานอย่างหนัก ขูดรีดมานานกว่าหกสิบปี ทรัพย์สมบัติที่ สะสมมาได้ก็พอพอกับครั้งนี้เลย แล้วเขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกัน?
นี่มันสมบัติจากฟ้าชัดๆ
“ยินดีด้วยท่านผู้อาวุโสโจว” ผู้ช่วยหวังเฟิงปัญญาชนหน้าดําเอ่ย ขึ้นข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าวางใจ พอถึงเวลาจะมีส่วนแบ่งให้เจ้าแน่นอน” โจวจ่างฟา อารมณ์ดีอย่างมาก
จากที่ทั้งสองคนมอง ทรัพย์สินก้อนใหญ่นี้ได้กลายเป็นก้อนเนื้อ อวบอ้วนที่อยู่ในกํามือเรียบร้อยแล้ว
…
…
พ่อค้าอ้วนโมโหจนตัวสั่น ใบหน้าเปลี่ยน ทว่าไม่สามารถทําอะไร ได้
เขาไม่แม้แต่จะคิดฝัน ตนเองที่เพิ่มราคาแล้ว แต่เจ้าของแผงชุดดํา กลับไม่ขายหินต้นกําเนิดก้อนนี้ให้กับตนเอง แต่ยังยืนยันขายให้กับหลี่มู่ โดยให้เหตุผลว่า การพนันหินต้นกําเนิด หินต้นกําเนิดที่ใครเลือกออกไป คนนั้นก็มีสิทธิ์ในการซื้อ ต้องเคารพกติกาข้อนี้
นี่ก็เป็นกฎเกณฑ์ข้อหนึ่งจริงๆ
กฎเกณฑ์การพนันหินที่เก่าแก่ข้อหนึ่ง
แต่ปัญหาก็คือ เมื่ออยู่ต่อหน้าเงินตราและอํานาจ ใครบ้างที่จะกล้า ยืนหยัดรักษากฎเกณฑ์และหลักการนี้?
วิธีการของเจ้าของแผงชุดดําทําเอาคนมากมายล้วนนับถือด้วย ความเคารพ
แน่นอนว่ามีคนบางกลุ่มที่ดูถูกอยู่
ท้ายสุด หินต้นกําเนิดขนาดถังน�าที่หลี่มู่เลือกออกมา หลังจากทํา การสกัดแยกออกด้วยท่าทีคล่องแคล่วชํานิชํานาญของเจ้าของแผงชุด ดํา ได้กลายมาเป็นผลึกเซียนขั้นเงิน ถึงแม้จะไม่ใช่ผลึกเซียนทองคํา แต่ ด้วยขนาดของก้อนที่ใหญ่กว่า เมื่อแยกออกมาน่าจะได้ผลึกเซียนขั้น เงินสักร้อยกว่าเม็ด หลี่มู่ยังคงกําไรถล่มทลาย
หลี่มู่เก็บเอาผลึกเซียนขั้นเงินทั้งหมด จากนั้นจึงเลือกต่อ
เพียงไม่นาน เขาก็เลือกหินต้นกําเนิดขนาดใบหน้ามาอีกก้อน
ยังไม่ทันที่จะได้ถามราคากับเจ้าของแผงชุดดํา ชายกลางคนข้างๆ ได้เข้ามาปรึกษากับหลี่มู่ เอ่ยขึ้นว่า “น้องชาย เจ้าว่าเช่นนี้ดีไหม หินต้น กําเนิดก้อนนี้เจ้าขายให้กับข้า ไม่ว่าเจ้าของแผงจะเปิดราคาเท่าไร ข้า ยอมที่จะเพิ่มให้อีกเท่าหนึ่ง ซื้อจากมือของเจ้าเลย เหมือนกับหินต้น
กําเนิดก้อนนี้เจ้าช่วยข้าเลือก ราคาสองเท่าถือว่าเป็นค่าปรึกษาเป็น อย่างไร?”
หลี่มู่มองคนผู้นี้ผาดหนึ่ง เดิมทีคิดจะปฏิเสธอยู่ แต่ในใจจู่ๆ ก็คิด อะไรขึ้นมาได้ จึงตอบไปว่า “ก็ได้”
“อา เช่นนั้นก็ขอบคุณเจ้ามากเลย น�าใจนี้ ข้า ‘อินทรีถลา’ เยวี่ย หลุนผู้นี้จะสลักไว้ในใจ” ชายกลางคนเพียงแค่ลองถามดูเท่านั้น ไม่คิด ว่าหลี่มู่จะตกลงจริงๆ ลิงโลดขึ้นมาด้วยสีหน้าซาบซึ้ง
เพียงไม่นาน การทําธุรกิจชิ้นนี้ก็สําเร็จ
เจ้าของแผงเปิดราคาที่ผลึกเซียนระดับเงินยี่สิบเม็ด ‘อินทรีถลา’ เยวี่ยหลุนกัดฟันมอบผลึกเซียนระดับเงินสี่สิบเม็ดให้แก่หลี่มู่อย่างไม่ ลังเล ซื่อเอาหินต้นกําเนิดขนาดใบหน้ามา หลังจากได้ได้เชิญให้เจ้าของ แผงทําการสกัดแยก
ผลลัพท์ก็คือในหินต้นกําเนิดแผงเอาไว้ด้วยผลึกเซียนระดับเงินชั้น ยอด แยกออกมาได้เป็นผลึกเซียนระดับเงินขนาดมาตรฐานถึงหนึ่งร้อย ยี่สิบเม็ด
กําไรสองเท่ากว่า
ใช้เวลาไปเพียงไม่นาน แค่ไม่กี่ประโยค และการตัดสินใจครั้งหนึ่ง เท่านั้นก็ทํากําไรได้มากขนาดนี้ นี่มันกําไรในกําไรจริงๆ
‘อินทรีถลา’ เยวี่ยหลุนใบหน้ายินดีปรีดา ขอบอกขอบใจหลี่มู่
ด้วยการนําของเขา คนอื่นๆ ก็เริ่มสะกิดใจขึ้นบ้าง ทยอยเปิดปาก อ้อนวอนให้หลี่มู่ช่วยพวกเขาเลือกหินต้นกําเนิด และพร้อมยินดีที่จะ จ่าย ‘ค่าที่ปรึกษา’ จากราคาที่เจ้าของแผงเปิดมาสองเท่า
หลี่มู่คิดๆ จากนั้นจึงเลือกที่จะรับปาก
ดูแล้วเหมือนจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก ถึงอย่างไรถ้าหลี่มู่ควักเงิน ตนเองออกมาแล้วสกัดแยกเอง กําไรก็จะมากกว่านี้ ไม่จําเป็นจะต้องไป เหนื่อยให้คนอื่นเลย ทว่าความเป็นจริงแล้ว หากดูจากมุมมองอาชีพ พนันหินแล้วก็สามารถเข้าใจได้
ถึงอย่างไรต่อให้เป็นมืออาชีพหินต้นกําเนิดขั้นปรมาจารย์ กระทั่ง ต่อให้เป็นปรมาจารย์สวรรค์หินต้นกําเนิดในตํานานก็ตาม ก็ยังไม่ สามารถรับประกันได้ว่าหินต้นกําเนิดที่ตนเองเลือกมา จะสามารถสกัด แยกเป็นผลึกเซียนได้ร้อยทั้งร้อย
ดังนั้นจึงมีปรมาจารย์หินต้นกําเนิดมากมายเลือกที่จะใช้วิธีช่วย เลือกหินเพื่อหากําไร อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าเป็นการค่อยๆ ทํา กําไร มั่นคงและไม่เสียต้นทุนด้วย
ราวครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่มู่ได้ช่วยคนสามคนเลือกหินต้นกําเนิด
อัตราความแม่นยําในการเลือกหินต้นกําเนิดของเขา คือร้อยใน ร้อยอันน่าตกตะลึง
คนแรกเป็นหญิงชราผมขาวคนหนึ่ง ดูท่าจะเป็นคนเก็บสมุนไพร ระหว่างดาว กอดเอาท่าทีเดิมพัน ใช้เงินทั้งหมดของตนเองผลึกเซียน ระดับเงินสิบสี่เม็ดที่รวบรวมมา ซื้อหินต้นกําเนิดที่หลี่มู่เลือกให้นาง หลังจากสกัดแยกออกแล้ว ได้รับผลึกเซียนระดับเงินมาถึงหกสิบเม็ด กําไรสี่เท่ากว่า
คนที่สองเป็นวัยรุ่นหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่ร�ารวย กัดฟันควักเอา ผลึกระดับเงินห้าเม็ด แต่ผลตอบแทนที่ได้คือสี่เท่า ยิ้มแก้มปริออกไป
คนที่สามเป็นชายตกอับพิการเท้าขวาคนหนึ่ง เขายังคงรู้สึกไม่ อยากเชื่อว่าตนเองจะเป็นผู้โชคดี
ท้ายสุด ชายตกอับคนนี้ได้ลังเลเล็กน้อย จ่ายผลึกระดับเงินไปสี่ เม็ด ผลลัพธ์หลังจากสกัดแยกได้ออกมาเป็นผลึกเซียนทองคําหนึ่งเม็ด ผลตอบแทนมากเกินกว่าห้าสิบเท่า
ในมือหยิบผลึกเซียนทองคํา ชายตกอับแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ตนเอง
ท้ายสุดเขาได้สติกลับมา ตื่นเต้นจนตารื้น เอ่ยขึ้นมาว่า “จูเอ๋อร์ เจ้ารอข้าก่อน ในที่สุดข้าก็มีเงินแล้ว ข้าจะรีบพาเจ้ากับลูกออกจากดาว หิ่งห้อยเคลื่อนคล้อย….จะให้พวกเจ้าได้มีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว”
ดาวหิ่งห้อยเคลื่อนคล้อยเป็นดาวที่พลังวิญญาณใกล้จะแห้งเหือด ดวงหนึ่ง
ในเขตดาราจักรเทพวีรชน ดาวดวงนี้ชื่อเสียงย�าแย่อย่างที่ใครๆ ก็รู้ ดาวหิ่งห้อยเคลื่อนคล้อยสิ่งแวดล้อมอยู่ในขั้นเลวร้าย คนปกติที่ใช้ชีวิต อยู่ที่นั่น ไม่เพียงแต่พลังบําเพ็ญจะถดถอย อายุถูกบั่นทอน กระทั่งยัง อาจจะถูกปราณพิษจากการปะทุของไฟพิษใต้ดาวที่แห้งเหือดทําให้ บาดเจ็บ สร้างความเสียหายต่อพื้นฐานเต๋าจนไม่สามารถกอบกู้เอาคืน ได้
ขอแค่เป็นผู้ที่มีพลังบําเพ็ญ ก็ล้วนหนีออกมาจากดาวดวงนี้ทั้งสิ้น
ชายพิการขาซ้ายคนนี้ก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านเรื่องร้ายมา
สภาพของชายผู้ตกอับ ก่อให้เกิดความรู้ร่วมของคนบางส่วนที่อยู่ รอบๆ
คนส่วนใหญ่ที่มารวมกันในตลาดนัดของจุดพักห้วงดารา ล้วนเป็น พวกคนเก็บสมุนไพร คนเก็บหินแร่ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในอารยธรรมทาง ช้างเผือกชั้นต�าที่สุด ดิ้นรนอย่างยากลําบาก แต่ละคนล้วนผ่านเรื่อง
ร้ายๆ ที่แตกต่างกันมา และมีเป้าหมายในการพยายามของตนเอง หลายปีมานี้ได้ยืนหยัดต่อสู้อย่างยากลําบาก ก็ไม่ใช่เพื่อวันแบบนี้หรือ?
ตอนนี้เอง พ่อค้าอ้วนเตี้ยที่พูดจาไม่เกรงอกเกรงใจก่อนหน้าก็ อดทนไม่ไหวแล้ว ลองเอ่ยปากขึ้นมาบ้าง “น้องชาย ก่อนหน้านี้ข้าผิด เอง เจ้าช่วยข้าเลือกหินต้นกําเนิดบ้างสักก้อนได้ไหม…”
ติงอี้เอ่ยขึ้น “ตอนนี้รู้จักมาขอร้องคนแล้วหรือ? เหอๆ ฝันไปเถอะ”
หลี่มู่มองเขา เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “จะรับปากเจ้ามันก็ได้อยู่ ถึง อย่างไรข้าก็ไม่มีปัญหากับเรื่องเงินอยู่แล้ว แต่ว่าเจ้าต้องจ่ายราคามา เป็นสามเท่า”
ในที่สุดปลาก็ติดเบ็ด กําลังรอเจ้าอยู่เลย ……………………………………….