จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 580 ดาบเดียวสังหารในเสี้ยวพริบตา
เคร้ง เคร้ง เคร้ง! เสียงดาบกระบี่ปะทะอย่างรวดเร็วดังลอยมา เงาร่างเข้าปะทะแล้วแยกจาก องครักษ์สี่คนถูกสกัดเอาไว้ เข้าใกล้หลี่มู่ไม่ได้ในทันที หลี่มู่มองเงาที่มาบังอยู่หน้าตัวเองอย่างตกใจ เป็นชายตกอับขาซ้ายพิการคนนั้น
“ผู้มีพระคุณ หนีไปเร็ว” ชายคนนั้นเอ่ยกับหลี่มู่โดยไม่แม้แต่จะหัน กลับมามอง
มือเขาถือดาบผุพังทองแดงเล่มหนึ่ง สนิมเกรอะกรัง เป็นอาวุธเต๋า ที่พลังวิเศษไม่มากชิ้นหนึ่ง คมดาบกระแทกบิ่นไปหลายรอยเหมือนกับ ฟันเลื่อย
เห็นดาบผุๆ เล่มนี้ก็ทําให้คนอดคิดเชื่อมโยงว่าเจ้าของของมัน จะต้องเป็นนักรบที่เผชิญศึกมาโชกโชนอย่างอดไม่ได้
เสียงกระบี่และดาบที่เสียดสีกันเมื่อครู่ก็เป็นชายตกอับพิการคนนี้ ต้านทานการโจมตีจากองครักษ์ทั้งสี่ของพ่อค้าอ้วนเตี้ยให้หลี่มู่นั่นเอง
ไม่มีใครลงมือทั้งนั้น แต่เขากลับลงมือ
ดูจากดาบและท่าร่าง ชายตกอับคนนี้พลังไม่ธรรมดา เกรงว่าคงจะ เป็นยอดฝีมือที่ใกล้ก้าวเข้าขั้นสามัญแล้ว เพียงแต่ความพิการของขา ข้างซ้ายทําให้กําลังรบที่แท้จริงของเขาลดลง
ใบหน้ามีหนวดเครา ตาดั่งเสือดาว ผมยุ่งเหยิง ชุดผ้าป่าน รองเท้า ขาดๆ ดาบผุๆ…
เขาบังอยู่หน้าหลี่มู่เหมือนกําแพงสูงที่ไม่อาจข้ามไปได้ นิ่งไม่ขยับ
พ่อค้าอ้วนเตี้ยเห็นภาพนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี
“ไอ้คนพิการไม่รู้จักตาย เรื่องของข้าเจ้ากล้าสอดมืออย่างนั้นรึ?” เนื้ออ้วนบนใบหน้ากลมของเขาพับเป็นกอง หัวเราะเสียงเย็นเหมือน ดาบอันเหี้ยมโหด “เจ้าชื่ออะไร มีชีวิตจนเบื่อแล้วกระมัง?”
“ดาวหิ่งห้อยกัวนู่” ชายตกอับเชิดหน้า ในน�าเสียงมีความทรนงที่ คนอื่นไม่อาจเข้าใจ
ความรุ่งโรจน์ในอดีตถูกลมพายุฝนพัดผ่านไปแล้ว แต่เลือดร้อน และความยุติธรรมในอกยังคํารามก้องในร่างพิการร่างนี้ ไม่เคยเงียบ หายไปแม้เพียงเสี้ยวขณะ
“เหอะๆ ที่แท้ก็พวกไร้ชื่อดาวชั้นต�านี่เอง คนชั้นต�าของดาว หิ่งห้อยไม่ใช่ว่าตายไปหมดแล้วรึ?” พ่อค้าอ้วนเตี้ยหัวเราะเสียงเย็น ไม่ ใส่ใจแม้แต่น้อย ตะโกนบอกองครักษ์ของตน “มัวอึ้งอยู่ทําอะไร ฆ่าไอ้ พิการเวรนี่ซะ!”
องครักษ์ทั้งสี่ล้อมโจมตีไปอีกครั้ง
“วันนี้ใครกล้าปกป้องมัน” พ่อค้าอ้วนเตี้ยชี้ไปยังหลี่มู่ พลางตวาด ไปยังเหล่าฝูงผู้มุงดูด้วยน�าเสียงสีหน้าดุดัน “ใครกล้าปกป้องมัน ข้าก็จะ ให้มันเป็นเหมือนไอ้พิการนี่ หายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล”
การสูญเสียมหาศาลทางด้านทรัพย์สิน และถูกคนควบคุม หยอก ล้อ ทําให้พ่อค้าอ้วนเตี้ยโกรธจนคุ้มคลั่งสูญเสียการควบคุม แสดงความ เหี้ยมโหดและกําเริบเหิมเกริมในใจออกมาอย่างเต็มที่
“บุญคุณน�าเพียงหยดเดียว ตอบแทนด้วยน�าพุ” ชายตกอับสีหน้า มุ่งมั่น เผชิญกับองครักษ์ที่ล้อมโจมตีมาทั้งสี่ ร่างก็ไม่ขยับดั่งขุนเขา ดาบผุๆ ในมือสั่นสะท้านส่งเสียงดาบอันเก่าแก่ออกมา
เขาเร่งหลี่มู่อย่างไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา “ท่านผู้มีพระคุณรีบ หนีไป ข้าจะถ่วงพวกเขาเอาไว้เอง…”
ยังพูดไม่ทันจบ มือข้างหนึ่งก็ตบไหล่เขาเบาๆ
หลี่มู่เดินมาจากข้างหลังเขา ก่อนจะเอ่ย “พี่กัว ข้าเอง จะได้ลอง ดาบพอดีเลย”
ชายตกอับพิการอึ้งไปทันที
จากนั้นเขาก็เห็นแสงวงรีกลุ่มหนึ่งปะทุอออกมาจากมือของหลี่มู่ พร่างพรายทั้งยังสะดุดตา เหมือนพระอาทิตย์แรงกล้าลอยขึ้นเหนือ ตลาดนัดในชั่วเสี้ยวพริบตา
ฉัวะๆๆ!
เสียงร่างกายหักแหลกที่เบาแทบไม่ได้ยินสี่เสียงดังมาจากแสง รวดเร็วที่ดึงดูดสายตาผู้คน
จากนั้น ประกายแสงก็พลันหลอมรวม
ดาบและกระบี่ในมือของครักษ์ที่โจมตีมาทั้งสี่คน พลันหักเป็นสอง ส่วน ร่วงลงพื้น จากนั้นแววตื่นตะลึงบนใบหน้ายังไม่ทันหายไป จู่ๆ ก็ รู้สึกพลังทั่วทั้งร่างถูกสูบออกไปเหมือนน�ารั่ว ไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว
ตุบๆๆ! องครักษ์ทั้งสี่นายของพ่อค้าอ้วนเตี้ยล้มลงทั้งหมด สังหารในเสี้ยวพริบตา รอบๆ ล้วนเป็นสายตาตื่นตะลึงยากจะเชื่อ
ในสายตาของคนทั้งหมด หลี่มู่ก็แค่ผู้ฝึกฝนตัวเล็กๆ ขั้นแมลงที่มี วิธีเลือกหินต้นกําเนิดน่าตกใจคนหนึ่งเท่านั้น แต่ต่อให้มีวิธีเลือกหินต้น กําเนิดพลิกชะตาอย่างไรก็ไม่มีทางยกระดับกําลังรบมากเท่าไหร่ ส่วน องครักษ์สี่คนนี้ล้วนเป็นขั้นสามัญขั้นแรกเชียวนะ อย่าว่าแต่หนึ่งต่อสี่ เลย ต่อให้สู้ตัวตัว หลี่มู่ก็อยู่ในตําแหน่งผู้อ่อนแอที่ถูกบดขยี้เท่านั้น ผลสุดท้าย? เพียงแค่ดาบเดียว องครักษ์ทั้งที่ก็ถูกสังหารในเสี้ยวพริบตา? พ่อค้าอ้วนเตี้ยก็หน้าตายากจะเชื่อเช่นกัน ชายตกอับกัวนู่อึ้งตะลึง ใบหน้าฉายแววหมองหม่น จากนั้นก็ถอย ไปเงียบๆ กลืนเข้าไปในฝูงชนช้าๆ เขาไม่ได้อยากเด่น แล้วก็ไม่อยากเป็นวีรบุรุษด้วย
เพราะเขายังมีภรรยาและบุตรสาวอยู่ที่โลกทุรกันดารนั่นรอเขาไป รับ เมื่อครูก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของหลี่มู่เท่านั้นถึงได้ลงมืออย่าง สุดกําลัง
ที่ว่าบุญคุณน�าหนึ่งหยดตอบแทนด้วยน�าพุ หากไม่ใช่หลี่มู่ช่วยเขา สกัดผลักเซียนสีทองก้อนนั้นออกมาได้ เกรงว่าต่อให้ต่อสู้ดิ้นรนทั้งชีวิต ก็ไม่มีทางทําความฝันตัวเองให้เป็นจริงได้
ตอนนี้เห็นดาบนี้ของหลี่มู่ เขาก็รู้ว่าพลังของผู้มีพระคุณผู้นี้ แข็งแกร่งกว่าตนมากนัก ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตน
ส่วนภาพนี้ติงอี้เห็นจนชินตา
พลังฝึกตนของท่านเจ้าลัทธิขนาดเขายังมองไม่ทะลุ ขั้นสามัญยัง ฆ่าไปมากมาย อาศัยพวกลิ่วล้อเบื้องหน้าพวกนี้ก็คิดจะฟันขาของเจ้า ลัทธิ? ก็หมูชนปังตอเท่านั้น
“คิดไม่ถึงว่าพอจะมีฝีมือบ้าง มิน่าถึงได้อวดดีขนาดนั้น” พ่อค้า อ้วนเตี้ยดึงสติกลับมาได้ หัวเราะเสียงเย็นใบหน้าไม่มีรอยหวาดกลัว เท่าไหร่ “แต่ว่า เจอข้าก็นับว่าเจ้าซวย ต่อให้เป็นเสือก็ต้องหมอบให้ข้า เป็นมังกรก็ต้องขดตัวให้ข้า”
เขาพูดกับองครักษ์อีกคนหนึ่งข้างกาย “ไป ไปดูผู้ฝึกจางซิทําไมยัง ไม่มาอีก เรื่องแค่นั้นจนถึงตอนนี้ยังทําไม่เสร็จอีกรึ?”
ยังพูดไม่ทันจบ
“ประธานสมาคม ข้ามาแล้ว”
ชายร่างกํายําหัวล้าน ตัวโตเหมือนเจดีย์เหล็กเดินมา
ชายกํายําคนนี้กล้ามเนื้อเหมือนเสาเหล็ก ทอประกายแสงแวววาว ของโลหะ หัวล้าน หน้าตาเหี้ยมเกรียม สูงแปดฉื่อ เหมือนกับหมีดําแบบ นั้น ทั่วร่างมีกลิ่นอายปีศาจแผ่ออกมา ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน น่าจะเป็น เผ่าปีศาจแปลงกายเป็นมนุษย์
ผู้แข็งแกร่งขั้นสามัญขั้นสูง!
เขายืนอยู่ตรงนั้น คนทั้งหมดต่างรู้สึกถึงความกดดันขาดอกาศหาย ใจกลุ่มหนึ่งทะลักมา ใจนึกหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้
“เรื่องจัดการเป็นอย่างไรบ้าง”
พ่อค้าอ้วนเตี้ยถามอย่างโมโหไม่สบอารมณ์
ชายกํายําหัวล้านรีบตอบไป “จัดการเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกแค่ เล็กน้อยเท่านั้น ได้ยินว่าทางนี้มีปัญหา ข้าจึงรีบตามมาก่อน”
ใต้รักแร้ซ้ายของเขาหนีบเอาสัตว์ตัวเล็กสีขาวดํากําลังร้องจิ้วๆ อยู่ ตัวหนึ่ง คือ ‘ผิงโถว’ สัตว์เลี้ยงห้วงดาราของเด็กชายขายสัตว์วิเศษที่ห
ลี่มู่เห็นที่ร้านแผงลอยเล็กๆ ก่อนหน้านี้นั่นเอง สัตว์ตัวน้อยตัวนี้กัดแขน ของเขาไม่ยอมปล่อย
ส่วนข้างหลังเขามีองครักษ์สองคนแบกกระสอบหนังสัตว์ ข้างในมี ร่องรอยดิ้นรน เห็นเป็นรูปคนรางๆ
หลี่มู่มองขนาดของกระสอบแวบเดียวก็ทายได้ว่าน่าจะเป็นเด็กคน นั้นถูกจับยัดอยู่ในกระสอบหนังสัตว์
พ่อค้าสารเลวพวกนี้ช่างลงมือได้อย่างไม่ละอายใจเลยจริงๆ!
ช่างชั่วช้ายิ่งนัก
จิตสังหารทะลักล้นในใจของหลี่มู่อย่างอดไม่ได้
เศษสวะ ฆ่าทิ้งเสียก็ไม่เกิดความรู้สึกผิดในใจเลยสักนิด
“ไป จัดการเจ้านี่ให้ข้าเสีย” พ่อค้าอ้วนเตี้ยชี้ที่หลี่มู่ “ใช้วิธีที่เจ้า เชี่ยวชาญที่สุดหักกระดูกของไอ้เศษสวะนี่เสีย…”
ยังพูดไม่ทันจบ
เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น? ใครก่อเรื่อง? รวมตัวที่นี่กันทําอะไร?”
จากเสียงที่แฝงด้วยอํานาจที่จงใจอย่างเห็นได้ชัดดังขึ้น คนที่ล้อม มุงอยู่ก็แยกออกเหมือนน�าทะเล ลูกศิษย์สํานักอาทิตย์ทองสิบกว่าคน ล้อมผู้นําระดับสูงของสํานักเอาไว้สองคนเดินเข้ามาในตลาดนัดช้าๆ
ผู้คนในตลาดนัดหวาดระแวงคนของสํานักอาทิตย์ทองเป็นอย่าง มาก ต่างถอยไปข้างหลังพร้อมกันโดยไม่ได้นัด รอบแผงลอยหินต้น กําเนิดที่แต่เดิมแน่นขนัด เกิดเป็นพื้นที่ว่างโล่งทันที
หลายคนจําได้ว่า ยอดฝีมือสํานักอาทิตย์ทองหน้ายาวที่ปรากฏตัว ขึ้นคนนี้ คือเจ้าถิ่นแห่งตําบลฉาบทอง ผู้อาวุโสสํานักอาทิตย์ทองโจว ฉางฟ่า ‘ราชาปีศาจ’ เหี้ยมโหดไร้จิตใจ
สีหน้าของพ่อค้าอ้วนเตี้ยเปลี่ยนทันที เดินยิ้มรับหน้าขึ้นไป “ฮ่าๆ ผู้อาวุโสโจว ไม่เจอเสียนาน ลมอะไรหอบท่านมาถึงนี่เล่า?”
ผู้อาวุโสโจวหน้ายาวมองเจ้าอ้วนคนนี้แวบหนึ่งแล้วหัวเราะหึๆ เอ่ย ด้วยสีหน้าตอบรับ “ที่แท้ก็เป็นประธานสมาคมจางนี่เอง ที่นี่เกิดอะไร ขึ้นเล่า ดูท่าแล้วคนของท่านจะเสียเปรียบนะ”
พ่อค้าอ้วนเตี้ยเอ่ย “ผู้อาวุโสโจวมาได้พอดีเลย เจ้าเศษสวะนี่ไม่ รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต�า ลงมือฆ่าคนในถิ่นของท่าน ทําลายกฏ ท่านต้องให้ ความยุติธรรมกับพวกเราพ่อค้าใจเมตตานะ”
คําพูดนี้ช่างกลับดําเป็นขาวชี้กวางเป็นม้า คนทั้งหลายฟังแล้วก็ รู้สึกว่าพ่อค้าแซ่หม่าคนนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
“ฮ่าๆ ถิ่นของข้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยอย่างนั้นรึ?” สายตาของ ผู้อาวุโจวประดุจดาบ จับจ้องไปที่ร่างของหลี่มู่ ประเมินตั้งแต่หัวจรด เท้า เหมือนกับสัตว์ร้ายกําลังขบคิดว่าจะกินเหยื่อที่ตัวเองล่ามาจากส่วน ไหน เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตราย
“เป็นพ่อค้าคนนี้ลงมือทําลายกฏก่อน” กัวนู่ที่แต่เดิมซ่อนอยู่ในฝูง ชนเอ่ยปากขึ้นอีกอย่างอดไม่ได้
“ใช่แล้ว ข้า ‘เหยี่ยวถลาลม’ เยวี่ยหลุนเป็นพยานได้ว่าพ่อค้ากลุ่ม นี้ลงมือก่อน” ชายวัยกลางคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากหลี่มู่ก่อนหน้านี้ ก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน
จากนั้นก็มีคนทยอยเอ่ยปากช่วยพูดให้หลี่มู่ หลักๆ แล้วล้วนเป็น คนที่หลี่มู่ช่วยเลือกหินต้นกําเนิดให้เมื่อก่อนหน้านี้
คนส่วนมากล้วนเงียบนิ่ง
คนที่รู้จักโจวฉางฟ่าเป็นอย่างดีมากมายต่างรู้ว่าราชาปีศาจผู้นี้ หากคิดจะกลั่นแกล้งใคร ไม่จําเป็นต้องหาข้ออ้างเลย วันนี้ เด็กหนุ่ม สกัดผลึกเซียนสีทองไปได้มากขนาดนี้ ราชาปีศาจไม่มีทางปล่อยให้ ทรัพย์สินก้อนนี้หลุดจากมือไปแน่
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ โจวฉางฟ่าเหมือนไม่ได้ยินคําพูดของ พวกกัวนู่ แค่สั่งลูกศิษย์สํานักอาทิตย์ทองข้างกายคนหนึ่ง “ฆ่าไอ้เด็กที่ ก่อเรื่องนี่เสีย”
เขากระทั่งว่าไม่คิดจะฟังคําอธิบายของหลี่มู่เลยด้วยซ�า
ลูกศิษย์สํานักอาทิตย์ทองคนนั้นหัวเราะขึ้น ก่อนจะเดินไปหาหลี่มู่ ทันที เขาชักกระบี่ยาวออกจากฝัก “ไอ้หนู ทางที่ดีเจ้าอย่าได้ตอบโต้ ข้า จะให้เจ้าได้ตายสบายหน่อย มิฉะนั้น ฮี่ๆ…”
ทันใดนั้นเอง——
แสงดาบสะท้อนประกายวาบ
หัวของลูกศิษย์สํานักอาทิตย์ทองคนนี้หลุดกระเด็น
ตอนที่หัวนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ใบหน้ายังแฝงด้วยรอยยิ้มดูถูก สี หน้ายังไม่ทันมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จวบจนกระทั่งชีวิตจบสิ้นโดย สมบูรณ์ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จิตดาบ ‘จิตดาบยี่สิบสี่ฤดู’ ทะลักออกมาจากคอของเขาในเสี้ยว พริบตา ทําลายล้างพลังชีวิตทั้งหมดของเขาโดยสิ้นเชิง
หลี่มู่มองดาบสงครามขนห่านป่าในมือของตน ใบหน้ายินดีปรีดา “ไม่เลว เป็นดาบที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ภาพนี้ทําให้คนที่ล้อมมุงทั้งหลายต่างรู้สึกเหมือนฟ้าทลายลงมาใน เสี้ยวพริบตา
ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลี่มู่จะห้าวหาญถึงเพียงนี้ แม้แต่คนของสํานัก อาทิตย์ทองยังกล้าฆ่า อีกทั้งยังฆ่าทิ้งเหมือนเชือดหมูโดยไม่มีความ ลังเลใดๆ ต่อหน้าราชาปีศาจโจวฉางฟ่าคนนี้อีกด้วย
แม้แต่โจวฉางฟาเองก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน
ไม่มีใครกล้าต่อต้านอํานาจของเขามานานมากแล้ว เขายากจะเชื่อ ในสิ่งที่ตนมองเห็นครู่หนึ่งถึงจะเอ่ยขึ้น “เจ้า…ไอ้เศษสวะ เจ้ากล้าฆ่าคน ของสํานักอาทิตย์ทอง เจ้า…”
หลี่มู่ตัดบททันที “สํานักอาทิตย์ทองยอดเยี่ยมหรือ? เคยมีคนที่ เรียกตัวเองว่าเป็นเจ้าสํานักอาทิตย์ทองโดนข้าฟันหัวขาดในฉับเดียว ตายเหมือนกับสุนัข ตอนนี้หญ้าที่สุสานเขาคงสูงเท่าคนแล้วมั้ง”
…………………………………….
 
                                         
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
         
                                     
                                     
                                     
                                     
		 
		 
		 
		