จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 581 ราวกับตื่นจากฝัน
คําพูดนี้ทําเอาคนที่ได้ยินตกใจเป็นอย่างมาก ราวกับฟ้าผ่าลงมา กลางตลาดนัดที่ใหญ่โตเช่นนี้ สั่นสะเทือนทุกคนจนหนังหัวชาดิก
“ฮ่าๆๆ” โจวฉางฟ่าหลังจากตกตะลึง ก็ได้หัวเราะเย็นชาดูถูก ขึ้นมา “เจ้าเนี่ยนะ? เจ้าหนูปากเหลืองพูดเรื่องโกหกพกลมเสียใหญ่โต ใครจะไปเชื่อกัน? ก็แค่คําโกหกลวงคน คุยโวไปเรื่อยไม่ยั้งคิด”
หลี่มู่มองดูเขา เอ่ยขึ้นมาอย่างตั้งใจ “อืม พอมาคิดๆ ดู เมื่อครู่ก็พูด ผิดไปจริงๆ”
ทุกคนเมื่อได้ยินก็เชื่อขึ้นมาทันที
ผู้บําเพ็ญขั้นแมลงที่เพิ่งจะเติบโต แต่ปากกล้าบอกว่าสังหารเจ้า สํานักใหญ่แห่งเขตดาราเทพวีรชนอย่างสํานักอาทิตย์ทองไปได้ นี่มันก็ แค่เรื่องตลกไม่ใช่หรือไรกัน?
จะคุยโม้ก็ต้องมีขีดจํากัดบ้างสิ
แล้วก็ได้ยินหลี่มู่อธิบายต่อ “แก้ไขสักนิด เจ้าขยะที่เรียกตัวเองว่า เป็นเจ้าสํานักอาทิตย์ทองอะไรนั่น ถูกข้าใช้ดาบฟันขาดสองท่อน กระทั่งผู้แข็งแกร่งของสํานักใหญ่อื่นๆ ก็ยังไม่ทันได้มาเก็บศพเขาเลย
แล้วจะไปมีหลุมศพได้อย่างไรกัน ดังนั้นที่ถูกต้องก็คือ หญ้าบนศพของ เขาน่าจะสูงเท่าคนได้แล้วกระมัง!”
หา?
ผู้คนรอบๆ ที่ได้สติกลับมาเมื่อครู่ ก็เกิดความรู้สึกเหมือนบิด กลับมากะทันหันจนเอวลั่นทันที
เดี๋ยวๆ ให้พวกเราทําความเข้าใจสักนิด
ดังนั้นที่เจ้าบอกเมื่อครู่ว่าพูดผิด คือสื่อถึงเรื่องนี้หรือ?
โจวฉางฟ่าสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “เจ้าเด็กน้อย เจ้าคิดว่าเรื่องตลก ของเจ้ามันขํานักหรือ?” จู่ๆ เขาเกิดความคิดไม่อยากสังหารหลี่มู่ให้ตาย สบายเกินไปนัก แต่ตัดสินใจว่าจะต้องค่อยๆ จัดการเจ้าผู้บําเพ็ญขั้น แมลงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต�าคนนี้
แต่ว่าตอนนี้เอง ข้างกายเขา ปัญญาชนหน้าดําสกุลหวังคนนั้นมอง ที่หลี่มู่ เหมือนคิดอะไรออกขึ้นมาฉับพลัน หน้าถอดสี เอ่ยขึ้นด้วยเสียง แหบหาย “เจ้า…เจ้าคือหลี่มู่? มารคลั่งสังหารจากดาวเสินโจวนักโทษผู้ ผิดบาปหลี่มู่?”
หลี่มู่ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งมองเขา
ปัญญาชนหน้าดํากางมือออก ล้วงเอาภาพยันต์แผ่นหนึ่งออกมา จากมิติเก็บของแล้วเปิดมันออก กรอกปราณแท้ลงไปกระตุ้น
ภาพเงาคนนั้นเหมือนกับเป็นการถ่ายทอดข่าวสาร ปรากฏลอย ขึ้นมาทันที และยังสามารถแสดงออกถึงมุมที่แตกต่างกันได้ด้วย ชาย หนุ่มผมสั้นในชุดขาว มือกําดาบราวกับเป็นเทพสังหาร ถ้าไม่ใช่หลี่มู่ แล้วจะเป็นใคร?
นี่คือประกาศจับตายที่พันธมิตรสํานักใหญ่ต่างๆ ในเขตดาราเทพ วีรชนปล่อยออกมา ด้านข้างภาพวาด มีตัวหนังสือเล็กๆ หลายบรรทัด แนะนตัวสถานที่เกิด หน้าตารวมไปถึงพลัง ทักษะการรบ ผลงานการรบ ของหลี่มู่ และยังมีเนื้อหาของเงินรางวัลนําจับตัวหลี่มู่ของสํานักใหญ่ ต่างๆ อีกด้วย
ปัญญาชนหน้าดําแค่เทียบดูก็รู้ทันที ว่าปรมาจารย์หินต้นกําเนิด ลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นในตลาดนัดอย่างกะทันหัน ก็คือมารคลั่งสังหารที่ สํานักทั่วทั้งเขตดาราเทพวีรชนเกือบทั้งหมดกําลังประกาศจับนั่นเอง
มิน่าเล่า หลังจากที่เขามายังตลาดนัดแล้วมองเห็นหลี่มู่ ถึงได้รู้สึก ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูคุ้นตาชอบกล แต่ก็ไม่ได้เอามาเชื่อมกับด้านนี้เลย
เพราะว่าเขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน ว่ามดตุ่นจากเบื้องล่างที่อยู่ ในประกาศจับตายลําดับที่หนึ่งของเขตดาราเทพวีรชน จะกล้าออกมา เดินอยู่ในพื้นที่ของสํานักอาทิตย์ทองอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ในลานกว้างตลาดนัด ได้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างยากที่จะสกัดไว้ได้
เกี่ยวกับเรื่องราวมารคลั่งสังหารหลี่มู่ เดิมทีเป็นความลับที่สํานัก ใหญ่ๆ ในเขตดาราเทพวีรชนต้องการจะปกปิด ถึงอย่างไรสํานักใหญ่ตั้ง มากมาย กลับมาถูกคนพื้นที่เบื้องล่างที่ยังไม่ทันจะหลุดพ้นจาก พันธนาการของดาวแม่ได้ สังหารลงไปตั้งหลายคน กระทั่งคนระดับเจ้า สํานักยังดับสูญไปมากมาย ถือเป็นความอัปยศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จริงๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าผ่านจากปากใครต่อใคร ต่อมาเรื่องนี้ก็ปกปิดเอาไว้ ไม่ได้ แพร่กระจายออกไปจนทั่วเขตดาราเทพวีรชน เนื่องจากเนื้อหา ด้านในมันน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ต่อมาสํานักใหญ๋ต่างๆ ถึงแม้จะไม่ได้ยอมรับตรงๆ แต่การร่วมกัน ตั้งประกาศจับเงินรางวัล ก็ถือเป็นการยอมรับอย่างกลายๆ แล้ว
ทว่าเกือบทั่วทั้งทางช้างเผือกล้วนคิดว่า นักโทษผู้ผิดบาปหลี่มู่คน นี้น่าจะยังหลบซ่อนตัวอยู่บนดาวเสินโจว ไม่ได้ออกจากดาวแม่
ไม่คิดเลยว่าเขาตอนนี้จะกล้ามาปรากฏตัวกําเริบเสิบสานเช่นนี้ใน เมืองทองคํา ไม่มีการปิดบังอําพรางร่องรอยของตนเองแม้แต่น้อย!
การค้นพบนี้ เหมือนกับดาวตกก้อนหนึ่งร่วงลงมาในทะเล ในใจ ของทุกคน ราวกับมีคลื่นยักษ์ค�าฟ้าถาโถมขึ้น
“เจ้า…กล้าออกมาจากดาวเสินโจวแล้วหรือ?” โจวฉางฟ่าในตอนนี้ ก็ได้สติกลับมา และอยู่ในอาการที่ยากจะเชื่อ
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสนอกสํานักคนหนึ่งของสํานักอาทิตย์ทอง เขามีคุณสมบัติที่จะรู้ว่าในศึกสุสานเทพที่ดาวเสินโจวครั้งนั้นจริงๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้น
ถ้าหากไม่ได้หยิบยืมพลังของ ‘ค่ายกลสูงสุดสยบมาร’ กับค่ายกล เขาห้าองคุลีของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงมาบีบกดเอาไว้ ที่เรียกว่ามาร คลั่งสังหารหลี่มู่ เพียงแค่ผุ้อาวุโสสํานักคนหนึ่งก็สามารถบดขยี้จนตาย ได้แล้ว
เหล่าสํานักต่างๆ ล้วนตกใจกลัวต่อพลังกดดันแห่งกฎเกณฑ์ฟ้าดิน ของดาวเสินโจว ไม่สามารถลงไปเยือนเพื่อล้างแค้น ก็เลยมีการจัดตั้ง เงินรางวัล ภายใต้เงินรางวัลมหาศาลจะต้องมีคนกล้า และเป็นการ กระตุ้นให้เหล่านักล่าเงินรางวัลทางช้างเผือกกับผู้ฝึกไร้สังกัดไปล้าง แค้นแทนให้
พวกเขาทั้งหมดตัดสินกันว่าหลี่มู่จะต้องหดหัวเป็นเต่า ไม่กล้า เหยียบมาบนทางช้างเผืออก ยิ่งไปกว่านั้นสํานักกับชั้วอํานาจที่ขึ้นตรงก็ มีข่าวปล่อยออกมาว่าเป็นเช่นนั้น หลี่มู่ได้ปิดด่านอยู่ในเมืองขาวพิสุทธิ์
แต่ว่า เจ้าคนที่ถูกกําหนดให้ต้องตาย กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
เรื่องนี้ทําเอาคนตกตะลึงจริงๆ
ทว่าหลังจากที่ตกตะลึงชั่วคราว ในใจโจวฉางฟ่าก็มีความยินดีไหล ทะลักออกมา
“ฮ่าๆๆ ดีจริงๆ ของที่ออกแรงตามหาก็หาไม่พบ กลับมาถวายพาน ส่งให้ตรงหน้าเช่นนี้” เขามองหลี่มู่ราวกับมองเห็นกองทรัพย์สมบัติ อย่างไรอย่างนั้น ดวงตาร้อนแผดเผา หัวเราะขึ้นอย่างที่ตนเองแทบจะ รับไม่ไหว “เจ้ารู้ไหมว่าศีรษะขอเจ้ามันมีมูลค่าขนาดไหน ฮ่าๆๆ ต้อง ขอบคุณเจ้าจริงๆ ขอบคุณเจ้าที่มาปรากฏตัวที่เมืองทองคํา เอาเงิน รางวัลมหาศาลนี้มาส่งให้กับข้าเอง”
ใบหน้าของปัญญาชนหน้าดํา ก็มีแววยินดีเกินกว่าจะพูดเป็นคําพูด ได้เช่นกัน
สังหารหลี่มู่ รับเงินรางวัล
จะรวยกันแล้ว
ทั้งสองคนมีสีหน้ายินดีเหมือนถูกสมบัติที่หล่นลงมาจากสวรรค์ ฟาดเข้าที่กลางศีรษะอย่างจัง
หลี่มู่ที่เหยียบย่างมาบนทางช้างเผือก เป็นแค่ผุ้บําเพ็ญขั้นแมลง เท่านั้น จะไปเป็นมารคลั่งสังหารอะไรนั่นได้อย่างไร? พอออกจากการ ปกป้องของค่ายกลและวิถีสวรรค์บนดาวเสินโจวแล้ว การสังหารหลี่มู่ก็ ง่ายดายเหมือนถอนหญ้านั่นล่ะ
หลี่มู่สั่นศีรษะ
โง่กันจริงๆ
เขาขี้เกียจจะพูดอะไรกับคนเหล่านี้แล้ว มือกําดาบสงครามห่านฟ้า สาวเท้าเข้าประชิดโจวฉางฟ่า หลังจากก้าวไปสามก้าว เสียงแหวก อากาศดังขึ้น ร่างไหววูบในพริบตาทิ้งภาพร่างติดค้างไว้ในอากาศ
เร็วมาก!
โจวฉางฟ่าตะลึงขึ้นในใจฉับพลัน
กระบี่ยาวแขวนอยู่ข้างเอวที่เพิ่งจะคว้าไปจับด้ามกระบี่ จู่ๆ ความรู้สึกทั่วทั้งแขนขวาได้ขาดหายไป เลือดสดพ่นทะลักออกมาจาก ไหล่ขวาของเขา ท่อนแขนที่กําด้ามกระบี่อยู่ขาดลอยกระเด็นไปกลาง อากาศ
แขนซ้ายทั้งท่อนของเขา(จริงๆ น่าจะหมายถึงแขนขวา) ถูกหลี่มู่ ฟันขาดในดาบเดียว
“อะไรกัน?”
เมื่อเห็นฉากนี้ ปัญญาชนหน้าดําข้างกายก็สติหลุดวิญญาณลอย
พลังของโจวฉางฟ่าเป็นถึงครึ่งขั้นนักรบ เหยียบย�าอยู่เหนือขั้น สามัญทั้งหมด ดังนั้นจึงสามารถรุกล�ามาควบคุมเมืองทองคําอยู่นาน หลายปี จนมาเป็นจักรพรรดิดินของเขาได้
ในทางช้างเผือก สํานักและพลังเบื้องหลังเป็นสิ่งที่สําคัญ ทว่าสิ่งที่ สําคัญที่สุดยังคงเป็นพลังของตัวบุคคล สามารถพูดได้ว่า เขตดาราที่อยู่ ในรัศมีนับล้านลี้ พลังของโจวฉางฟ่าถูกจัดอยู่ในห้าอันดับแรกอย่าง แน่นอน
แต่เพียงแค่ดาบเดียว แขนของโจวฉางฟ่าก็ขาดกระเด็นเสียแล้ว?
ปัญญาชนหน้าดําตระหนักได้ว่าท่าไม่ดี หมุนตัวคิดจะหนี
ทว่าขณะที่ความคิดนี้เพิ่งจะลอยขึ้นในหัวสมอง เขาก็พบว่าใน ระยะสายตาได้เกิดความผิดปกติขึ้น มุมมองสายตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ประทับมาในม่านตา จากนั้นโลกก็หมุนคว้าง…
ตุบ!
ร่างไร้ศีรษะของหมายเลขสองแห่งเมืองทองคําร่วงลงกับพื้นดิน กลายเป็นเปลวไฟลุกท่วม สลายกลายเป็นฝุ่นในพริบตา
ขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
จังหวะเหยี่ยวโฉบกระต่ายโดดหนี ภาพเหตุการณ์มากเกินไปจนตา มองไม่ทัน
ในพริบตาที่คนรอบๆ เห็นว่าหลี่มู่เริ่มลงมือนั้น แพ้ชนะก็ได้แบ่ง ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว โจวฉางฟ่าแขนขาดเจ็บสาหัส ปัญญาชนหน้า ดําศีรษะขาดจนตาย แทบจะไม่มีลําดับก่อนหลังเลย
“อ๊า…” โจวฉางฟ่ากรีดร้องด้วยอาการตกใจกลัวสุดขีด
แม้ว่าเขาจะรวบรวมปราณเลือดอย่างไร แขนที่ขาดกลับงอก ออกมาใหม่จากภายในได้อย่างยากลําบาก จิตดาบวิถีดาบอันแปลก ประหลาดสายหนึ่งได้รุกล�าเข้าในรอยแผล ทําให้เขาที่พลังแข็งแกร่งก็ ยังยากที่จะงอกอวัยวะใหม่ออกมาได้
หลี่มู่หยุดมือลงชั่วคราว
เขาก้มลงมองดาบสงครามห่านฟ้าในมือตนเองอย่างยินดี
มันอาบไปด้วยเลือดสด ราวกับผีสุราที่ดื่มมาอย่างสําราญอย่างไร อย่างนั้น ปล่อยแรงสั่นสะเทือนความถี่สูงออกมา ความยินดีปรีดาไหล
นองออกมาเหมือนกับขุนพลเก่าที่ได้กลับสู่สนามรบเปล่งเสียงคําราม ออกมาอย่างสบายอกสบายใจ
“ดาบดี!”
หลี่มู่ยิ้มร่า พลานุภาพของดาบเล่มนี้ มันไกลเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้จริงๆ “ไป สังหารเขาเสีย” โจวฉางฟ่าคํารามด้วยความโกรธ
เขาสังการให้ศิษย์สํานักอาทิตย์ทองลงมือ ตนเองกลับถอยฉากไป ด้านหลัง สายตาที่จับจ้องหลี่มู่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและจิตสังหาร ยกมือหยิบเอายาลูกกลอนหลายเม็ดยัดเข้าไปในปาก แปรเปลี่ยนเป็น ความร้อนไหลซ่านสู่แขนขาไขกระดูก ฝืนกระตุ้นปราณแท้ คิดจะให้ แขนที่ขาดไปงอกออกมาแล้วเข้าโรมรันกับหลี่มู่อีกครั้ง
“เจ้าพวกสุนัขโฉดชั่ว ข้าจะส่งพวกเจ้าไปนรกเอง” ในตาหลี่มู่เปล่งประกาย โบกดาบพุ่งเข้าหา แสงดาบไหลเวียน
ศิษย์สํานักตะวันทองสิบกว่าคน ไม่สามารถถ่วงเวลาได้แม้แต่น้อย แทบจะในพริบตาได้ถูกสังหารลงทีละคนในลานกว้างตลาดนัด ไม่ใช่ ศัตรูที่จะเข้าปะทะอีกรอบได้เลย
หลี่มู่เหมือนกับพยัคฆ์ที่เข้าไปในฝูงแพะ แรงคุกคามหาศาล ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่
ในดวงตาโจวจ่างฟ่าปรากฏความหวาดกลัวขึ้น
ในตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกสํานึกเสียใจขึ้นมา ในที่สุดก็เข้าใจว่าตนเองดู ถูกมารคลั่งสังหารแห่งดาวเสินโจวไปเสียแล้ว และตระหนักได้ว่าศึกที่ สุสานเทพครั้งนั้น ไม่ได้ง่ายดายเหมือนกับที่การรายงานเขียนบรรยาย เอาไว้เหล่านั้น
แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
หลี่มุ่แสดงพลังการรบอันไร้เทียมทานออกมา
ดาบสงครามห่านฟ้าในมือเขา ประดุจเคียวเกี่ยวชีวิตของเทพแห่ง ความตาย ไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีชีวิตจะไปต้านทานได้ แสงดาบเปล่งประกาย เพียงไม่ถึงสามกระบวน ก็ได้ฟาดฟันจักรพรรดิดินที่รุกล�าควบคุมเมือง ทองคํามากว่าหกสิบปีอย่างโจวฉางฟ่าลงไปแดดิ้นอยู่ที่พื้น
“ไว้ชีวิตด้วย…”
โจวฉางฟ่าหวาดกลัวสิ้นหวัง บาดเจ็บสาหัสกรีดร้องออกมา
หลี่มู่ประดุจเทพแห่งความตายบนโลกมนุษย์ ไม่มีความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น หนึ่งดาบฟาดฟันต่อหน้าธารกํานัล สังหารเขาลงที่ลานกว้าง ตลาดนัดแห่งนี้
จิตดาบแดดร้อนอบอ้าวจากจิตดาบยี่สิบสี่ฤดู แผดเผาร่างของโจว ฉางฟ่าจนสลายไป อุปกรณ์เก็บของและสมบัติลับ ชุดเกราะบางส่วน ร่วงกราวลงบนพื้น
ศิษย์สํานักอาทิตย์ทองอีกหลายสิบคนที่ล้อมอยู่รอบนอกลานกว้าง ตลาดนัดเมื่อเห็นท่าไม่ดี ตั้งท่าจะหนี
แต่หลี่มู่เพียงร่ายในใจ จิตดาบยี่สิบสี่ฤดูแหวกตัดอากาศพุ่งออก
เสียงแหวกอากาศฉัวะๆๆ แผ่วเบาอันแปลกประหลาดดังขึ้น
รับมือกับศิษย์ปลาซิวสร้อยเหล่านี้ หลี่มุ่ไม่จําเป็นต้องลงดาบด้วย ตนเอง แค่ดาบจากจิตก็เพียงพอแล้ว จิตดาบราวห่าฝนแตกกระจาย ออก ฟาดฟันเอาศิษย์สํานักอาทิตย์ทองทั้งหมดจนกลายเป็นน�าใสหยด ร่วงลงพท้นดิน พลังงานกระจายออกไปในอากาศ กลับคืนสู่ฟ้าดิน
เพียงพริบตา คนของสํานักอาทิตย์ทองทั้งหมด ตั้งแต่ผู้อาวุโส จนถึงชนชั้นแรงงานล้วนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ทั้งหมดถูกหลี่มู่สังหาร จนหมดจด ตอนนี้เอง คนอื่นๆ ที่อยู่รอบตลาดนัดจึงเพิ่งรู้สึกราวตื่นจากฝัน ……………………………………….