จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 588 ปั่ นป่วนโกลาหล
ตอนที่หลี่มู่ไปจากตําบลฉาบทองก็ตั้งใจหัวเราะตะโกนมาประโยค หนึ่งว่าจะไปเขตชีพจรสวรรค์ อันที่จริงก็เพื่อให้คนทั้งหลายในตลาดนัด ปล่อยข่าวของตนออกไป
เขาจะสร้างความวุ่นวายในเขตดาราเทพวีรชน ดึงจุดสนใจมาที่ ตัวเอง เพื่อต้านทานพายุลมฝนให้สํานักภูเขาสู่โลกดาวทุรกันดาร ดังนั้นจึงไล่ตามสังหารเซียนเสียไห่
แต่ว่าตอนเมื่อเขาพบว่าเซียนเสียไห่ปลิ้นปล้อน มีประโยชน์ไม่มาก หลี่มู่จึงรีบเปลี่ยนเป้าหมาย สังหารพ่อค้าอ้วนเตี้ย ผู้อาวุโสโจวฉางฟ่า สํานักอาทิตย์ทอง ทั้งยังสกัดหินผลึกเซียนสีทองต่อหน้าทุกคนก็เพื่อ ดึงดูดสายตา
อย่างไรเสีย ขอแค่ก่อเรื่องก็พอ จะฆ่าใครมันก็คือฆ่าเหมือนกันนั่น แหละ
เรื่องที่ตําบลฉาบทองก่อพายุลูกมหึมาในเขตดาราเทพวีรชนจริงๆ ด้วย
‘กระทู้’ ที่หลี่มู่เขียนไว้บนกําแพงหินก็สร้างความปั่ นป่วนไปใน เหล่าบรรดาผู้ฝึกฝนเขตดาราเทพวีรชน
“สํานักใหญ่ต่างๆ ในเขตดาราเทพวีรชนล้วนเป็นสวะกันทั้งนั้น”
คําพูดเช่นนี้ไม่มีใครกล้าพูดมากี่ปีกันแล้ว?
ในกระทู้ภาพกระจกวารีของผู้ฝึกฝนที่ชื่อว่า ‘คนทั้งโลกตาบอดมี เพียงข้ามีปัญญา’ เอ่ยถึงประโยคไม่กี่คํานั่นที่ตลาดนัดตําบลฉาบทอง ใช้ภาพซูมพิเศษเผยแพร่ขึ้นกระทู้ ทําให้ผู้ฝึกฝนเขตดาราเทพวีรชน ฮือฮา
โดยเฉพาะผู้ฝึกไร้สังกัดบางคนดูเรื่องสนุกไม่กลัวว่าจะกลายเป็น เรื่องใหญ่ก็ร่วมผสมโรงไปด้วย
แน่นอน ประโยคเสียดสีของปีศาจหมูประโยคนั้นก็ทําให้ผู้ฝึกฝน ไม่รู้ต่อเท่าไหร่ไร้คําพูด
นี่มันประโยคผิดไวยากรณ์นี่นา
แต่ว่า ความหมายประโยคเสียดสีเช่นนี้ก็ทําให้สํานักใหญ่ต่างๆ คุ้ม คลั่งได้จริงๆ นั่นแหละ
โดยเฉพาะคนของสํานักอาทิตย์ทองโมโหจนแทบกระอักเลือด
“หลี่มู่ไม่มีทางมีชีวิตรอดไปจากเมืองพายุดาราเด็ดขาด” ผู้ใช้คนหนึ่งชื่อผู้ใช้ ‘เทพสงครามอาทิตย์ทอง’ สาบานไว้บนกระทู้ ชื่อนี้แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนของสํานักอาทิตย์ทอง สายตามากมายเริ่มจ้องรวมมายังเมืองพายุดารา ผู้ฝึกฝนสํานักต่างๆ ก็ต่างพากันมุ่งหน้ามายังเมืองพายุดารา
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ยากจะเกิดขึ้นในหลายร้อยปี แค่ดูก็รู้แล้วว่า จะต้องคึกคักอย่างแน่นอน จะพลาดไม่ได้ โดยเฉพาะพวกนักฝึกฝนที่ ขายข่าว ทําธุรกิจ และการข่าวเลี้ยงชีวิต ยิ่งเหมือนกับทีมปาปารัซซี่บน โลก ก็รีบมายังเมืองพายุดาราทันที
“หลี่มู่จะรอดไปได้ถึงวันที่เท่าไหร่?” โรงพนันบางแห่งวางพนันบนเครือข่ายเซียนเริ่มพนันทันที ตัวเลือกมีครึ่งวัน หนึ่งวัน สองวัน…
มากสุดถึงวันที่สี่
จนถึงวันที่สี่ ถึงแม้จะได้เงินเดิมพันกลับมาในราคาสูง แต่ก็ไม่มีคน วางพนันต่อแล้ว เพราะไม่มีใครเชื่อว่า ในสถานการณ์เช่นนี้หลี่มู่จะรอด ไปถึงวันที่สี่
หลี่มู่อ่านอย่างปิติยินดีบนกระทู้
เขาคิดๆ ดูในตอนที่กําลังจะสมัครบัญชีหนึ่งแสดงความคิดเห็น แต่ ในตอนนี้เอง เสี่ยวเอ้อร์ของร้านก็นําอาหารมาวาง
หอเซียนเป็นกิจการของ ‘วังประสานฟ้า’ เบื้องหลังล�าลึก ที่นี่จะได้ กินอาหารชั้นยอดโอชารสต่างๆ อาหารและสุราล้วนพิเศษ เป็นสูตรลับ ไม่ใช่เพียงมีครบครันทั้งสีและรส และยังสามารถสงบจิตใจ เพิ่มพลัง ฝึกฝน มีประโยชน์ต่อการฝึกฝน และมีผลอันน่าอัศจรรย์
แต่ราคาก็สูงจริงๆ
ไม่นานอาหารก็วางเต็มโต๊ะ
หลี่มู่แค่มอง ท้องก็ร้องโครกคราก
แต่เมื่อลงมือกินจริงๆ หลี่มู่ก็พลันรู้สึกว่าติงอี้มีญาณรู้ล่วงหน้า วัน หลังจะต้องประหยัดหน่อยจริงๆ แล้ว เพราะเลี้ยงหมูในห้วงดาราสุทร เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ ——
ศิษย์พี่รองปีศาจหมูกินเก่งเกินไปแล้ว
หลี่มู่และติงอี้เป็นคนที่กินเร็วแล้ว แต่เพิ่งจะกินไปไม่กี่คํา ข้างหน้า ศิษย์พี่รองปีศาจหมูก็มีจานเปล่าวางอยู่ถึงสามจานแล้ว
หลี่มู่ “???” เร็วขนาดนี้เชียว?
ติงอี้อึ้ง ยื่นมือไปแย่ง ‘ตับกระเรียนผัดไฟแดง’ ที่ใกล้ตัวเองที่สุด แต่สุดท้าย เพิ่งจะยื่นมือออกไป เบื้องหน้าพร่าเลือน จานก็หายไปแล้ว
มองอีกที ศิษย์พี่รองปีศาจหมูมือถือจานเอาไว้ พลางอ้าปากกว้าง ตับกระเรียนผัดไฟแดงจานหนึ่งก็เทลงไปในปากเขาทั้งหมด
มารดามันสิ!
หลี่มู่และติงอี้โมโหทันที นี่เรียกว่ากินข้าวหรือ? นี่เทข้าวเลี้ยงหมูแล้วกระมัง? เอ่อ…ก็ใช่ ศิษย์พี่รองเดิมก็เป็นหมูอยู่แล้วนี่นา ช่วยไม่ได้ ทําได้แค่แย่งเท่านั้นแล้ว ทั้งสามคนกินข้าวเหมือนทําสงคราม เสี่ยวเอ้อร์ของร้านที่อยู่ข้างๆ มองอย่างอึ้งงุนงง
เขาอยู่ที่หอเซียนมานานขนาดนี้ แต่ยังไม่เคยเห็นแขกแบบนี้มา ก่อนเลย ไม่เคยเห็นประเภทนี้มาก่อน นี่ต้องไม่ได้กินข้าวมากี่วันกัน ผี อดอยากมาเกิดรึ
เวลาเพียงชั่วพริบตา สุราอาหารโต๊ะใหญ่ๆ ก็ ‘หายวับ’ ไปจนหมด
หลี่มู่คิด นี่ต้องพาเจ้าไซบี้นายพลมาด้วยถึงจะสู้สูสีกับศิษย์พี่รอง ได้
ศิษย์พี่รองปีศาจหมูเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ เอ่ยงึมงํา “อาหารแบบนี้ เอามาอีกสิบโต๊ะ”
ติงอี้ไร้คําพูด
หลี่มู่ตบท้อง เรอออกมาจากนั้นจึงพูดขึ้น “เอาล่ะ กินก็กินเสร็จ แล้ว ต้องทําเรื่องสําคัญแล้ว…หรือพวกเจ้าสองคนไม่รู้สึกเลยหรือว่าคน ในโถงนี่ค่อนข้างจะบางตา?”
ศิษย์พี่รองเอ่ยอย่างดูถูก “เจ้าพวกคนชั่วช้า แอบลงมือลับหลัง น่าสนใจดีนี่ ออกมาเถอะ”
รู้สึกว่าเจ้าปีศาจหมูตัวนี้จะพบว่ารอบๆ ไม่ชอบมาพากลตั้งนาน แล้ว
ติงอี้กลับไม่รู้สึก
หลี่มู่หัวเราะพลางมองยังเสี่ยวเอ้อร์ของร้าน “เอาล่ะ พวกเรากิน อิ่มแล้ว ให้คนที่พวกเจ้าดักซุ่มอยู่ออกมาเถอะ”
รอยตื่นตกใจบนใบหน้าของเสี่ยวเอ้อร์คนนั้นค่อยๆ เลือนหายไป จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด “หึๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะรู้ตัวเสีย ได้…ออกมาให้หมดเลยเถอะ”
พูดจบ
เงาร่างก็ส่องกะพริบ
ยอดฝีมือสวมชุดเกราะของวังประสานฟ้าหลายสิบปรากฏตัวขึ้น รอบๆ ล้อมพวกหลี่มู่ทั้งสามคนเข้ามาจากทั้งสี่ทิศ
“ลูกศิษย์รุ่นสองของวังประสานฟ้ามู่ซุ่นอยู่ที่นี่ ฮ่าๆ หลี่มู่ เจ้าเศษ สวะโลกชั้นต�า คราวนี้จะดูซิว่าเจ้าจะหนีไปไหน”
เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นเปลี่ยนโฉมทันที ชุดเกราะ อาภรณ์วิเศษปรากฏ บนร่าง สนามพลังปล่อยออกมา กลิ่นอายพลังฝึกตนขั้นสามัญแผ่ลอย ออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือวังประสานฟ้าที่ตําแหน่งสูงคนหนึ่ง เขามองหลี่มู่พลางเอ่ยด้วยน�าเสียงเหี้ยมโหด
ผู้สืบทอดวังประสานฟ้าเยวียกั๋วเซียงตายในเงื้อมมือของหลี่มู่ นี่คือ แค้นฝังลึก อีกทั้งในบรรดาสํานักใหญ่ๆ ที่ตบรางวัลสังหารหลี่มู่ วัง ประสานฟ้าก็เป็นสมาชิกกําลังหลัก
ในทั้งเขตดาราเทพวีรชน วังประสานฟ้าก็เป็นสํานักใหญ่ที่จัดอยู่ ในห้าอันดับแรก พลังแฝงล�าลึก มีอํานาจบารมีมาก
สีหน้าของหลี่มู่ปกติ ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเช่นเดิม “สงสัยจัง พวกเจ้า หาตัวข้าเจอได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?”
มู่ซุ่นยอดดฝีมือหนุ่มหัวเราะเสียงเย็น “ตอนนี้เจ้าเป็นหนูวิ่งผ่าน ถนน ใครก็ตะโกนไล่ตี สํานักใหญ่ๆ ล้วนกําลังไล่สังหารเจ้า ฮี่ๆ เจ้าคิด ว่าพวกเราตาบอดหรือไง? เจ้าเดินลอยหน้าลอยตาในตลาดแบบนี้ พวก เราจะพลาดได้อย่างไร?”
ติงอี้มองหลี่มู่แล้วเอ่ย “เจ้าลัทธิ ข้ารู้สึกว่าคําถามเมื่อครู่ของท่าน มันช่างเหมือนถอดกางเกงตด——ทําอะไรเกินจําเป็น พวกเราไม่ได้ แปลงโฉมแต่งหน้าเสียหน่อย”
หลี่มู่ “…”
ปีศาจหมูตบคราดเก้าซี่ของตน ก่อนจะกระโดดแล้วเอ่ยขึ้นอย่าง อดรนทนไม่ไหวแล้วเต็มที “ไม่มีอะไรจะพูด เริ่มลงมือเถอะ”
แล้วก็วาดคราดพุ่งสังหารไปทันที
มู่ซุ่นชักกระบี่เงินเล่มหนึ่งออกมารับคราดเก้าซี่เอาไว้ สะเทือนจน ต้องถอยไปห้าหกเก้า หูโข่วร้าว รักษาสมดุลร่างกาย เอ่ยอย่างตกใจ “เจ้าก็คือหมูโง่ที่ถูกขุดออกมาจากก้อนหินที่ลือกันตัวนั้น? พลังเยอะนี่ นา…”
ข่าวที่ว่าหลี่มู่สกัดหินต้นกําเนิดระดับเทวะได้หมูมาตัวหนึ่งแพร่ไป ในเครือข่ายเซียนแล้ว ดังนั้นมู่ซุ่นก็รู้ที่มาที่ไปของศิษย์พี่รองเช่นกัน
ศิษย์พี่รองได้ฟังก็โมโห “เจ้าสิหมูโง่ ทั้งบ้านเจ้าล้วนเป็นหมูโง่
ปีศาจหมูตัวนี้พอโมโหขึ้นมากําลังรบก็เพิ่มเป็นเท่าตัว
อย่างไรเสียก็เป็นบุคคลร้ายกาจที่สู้เสมอกับหลี่มู่ได้
คนวังประสานฟ้าทั้งหลายเห็นได้ชัดว่าประเมินพลังของพวกหลี่มู่ ต�าไป เหมือนกับโจวฉางฟ่าแห่งตําบลฉาบทอง รู้สึกว่าขั้นแมลงตัวเล็กๆ ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ห้วงดาราสมุทรไม่จําเป็นต้องเกรงกลัว คิดถึงเสียที่ไหน เล่าว่าจะเตะเข้ากับตอจังเบอเร่อ ไม่นานก็ถูกศิษย์พี่รองสยบราบ
มู่ซุ่นหนีไม่ทันถูกศิษย์พี่รองใช้คราดฟาดล้มไปกับพื้น ขาทั้งสอง หัก ร้องน่าสังเวชไม่หยุด
“ฮ่าๆ พวกไร้ประโยชน์ อ่อนด้อยสิ้นดี” ศิษย์พี่สองหัวเราะร่า จากนั้นก็เริ่มค้นร่างของพวกลูกศิษย์วังประสานฟ้าอย่างชํานิชํานาญ การ
หลี่มู่มองแล้วใจสั่นสะท้าน
ท่าทางนี่ทําไมดูแล้วคุ้นตานัก?
เห็นทีปีศาจหมูตัวนี้จะเป็นบุคคลร้ายกาจคนหนึ่งเหมือนกัน
หลี่มู่และติงอี้ก็เริ่มเข้าร่วมกวาดค้นอย่างไม่ลังเล
ไม่นาน ลูกศิษย์วังประสานฟ้าหลายสิบคนก็ตัวล่อนจ้อน แม้แต่ เสื้อผ้าอาภรณ์ ปีศาจหมูก็ถอดเอาไป ส่วนพวกมิติเก็บของอะไรพวกนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางทิ้งเอาไว้อย่างแน่นอน
“รีบลี้เถอะ[1]”
ศิษย์พี่รองพูดออกมาทันที
หลี่มู่เกาหัวแกร่กๆ รู้สึกว่าตัวเองเอาหมูตัวนี้ไว้ข้างกายเหมือนจะ เป็นการตัดสินใจที่ผิด จะดูอย่างไรก็ไม่รู้สึกว่าศิษย์พี่รองเป็นหมู ธรรมดา
ทั้งสามกวาดค้นไปในโรงเตี๊ยมหอเซียน จากนั้นก็จากไปอย่างอวด ดี
รอเมื่อคนอื่นได้ยินความเคลื่อนไหวและเรื่องซุบซิบแล้วไล่ตามมา ทุกอย่างก็สายไปแล้ว
ข่าวแพร่ออกไป ทั้งเมืองพายุดาราก็ฮือฮาขึ้น
‘ดาบคลั่ง’ หลี่มู่เป็นบุคคลร้ายกาจนี่นา
เพิ่งจะฆ่าผู้อาวุโสสํานักอาทิตย์ทองโจวฉางฟ่าไป จากนั้นก็ปล้น โรงเตี๊ยมหอเซียนกิจการของวังประสานฟ้า ทั้งยังหักขาของมู่ซุ่น ศิษย์ สายตรงของ ‘กระบี่ไร้เลือด’ เฝิงเจิ้นผู้อาวุโสสายในของวังประสานฟ้า ทิ้งอีกด้วย!
บุคคลฝ่ายต่างๆ ต่างมุ่งหน้ามายังโรงเตี๊ยมหอเซียน
มีคนลองใช้วิชาย้อนรําลึกและวิชากระจกวารี ย้อนดูเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น แต่ว่าล้มเหลว นี่ทําให้คนแปลกใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ตามหลักแล้วนั้นสามารถย้อนเหตุการณ์ได้ แต่ว่าในโรงเตี๊ยมเหมือนมี กฎเกณฑ์การบดบังหลงเหลืออยู่ ปกปิดการต่อสู้ครั้งนี้เอาไว้
แต่ว่า พวกมู่ซุ่นยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ได้รู้เหตุการณ์การต่อสู้จาก ปากของพวกลูกศิษย์วังประสานฟ้า หลายคนต่างตกใจ เห็นได้ชัดว่ามี การประเมินกําลังรบของพวกหลี่มู่ทั้งสามคนใหม่ “ดาบคลั่งหลี่มู่ ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!” เสียงคํารามอย่างโกรธแค้นของผู้อาวุโสสํานักวังประสานฟ้า สายใน ‘กระบี่ไร้เลือด’ เฝิงเจิ้น ครึ่งเมืองพายุดาราต่างได้ยินกันหมด คนมากมายตัวสั่นงันงก ในขณะเดียวกัน ในกระดานสนทนา ‘เหตุการณ์เทพวีรชน’ บน เครือข่ายเซียนเป็นกระแสฮือฮา เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเตี๊ยมหอเซียนแพร่ ไปอย่างรวดเร็ว สร้างกระแสวิจารณ์อย่างบ้าคลั่งไปบนกระดานสนทนา “หลี่มู่ช่างคุ้มคลั่งจริงๆ!” “ใครให้ความกล้าเขาไปรนหาที่ตายเองขนาดนี้ ” “เจ้านี่ท่าทางจะเป็นคนบ้ากระมัง?” “ไม่ใช่คนบ้า แต่เป็นโรคประสาท” “ทุกท่าน เขามีชีวิตอยู่ที่เมืองพายุดาราเกินครึ่งวันแล้วนา”
“เพิ่มเดิมพันๆ ข้าพนันหนึ่งผลึกเซียนสีเงิน เขาอยู่ไม่รอดถึงวัน พรุ่งนี้”
“ผู้อาวุโสสํานักวังประสานฟ้าสายใน ‘กระบี่ไร้เลือด’ เฝิงเจิ้นมาถึง เมืองพายุดาราแล้ว กลุ่มผู้คุมกฎของวังประสานฟ้าก็มาถึงแล้วเช่นกัน หนูสกปรกจากโลกชั้นต�าตัวนี้ไม่มีที่ให้หนีแล้ว”
บนกระดานสนทนา คนที่คอยติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ
กระแสกระดานสนทนา ‘เหตุการณ์เทพวีรชน’ ก็ร้อนแรงขึ้น เรื่อยๆ
นี่ทําให้เหล่าผู้ดูแลกระดานสนทนาลิงโลดขึ้นมาทันที แนะนําข่าว เกี่ยวกับหลี่มู่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเพิ่มกระแส
หลายคนต่างอยากรู้ว่าการต่อสู้ในโรงเตี๊ยมหอเซียน อย่างละเอียด แล้วเป็นอย่างไร
อย่างไรเสียมู่ซุ่นก็เป็นผู้ดูแลสูงสุดในโรงเตี๊ยม ทั้งยังเป็นลูกศิษย์ ของ ‘กระบี่ไร้เลือด’ เฝิงเจิ้น พลังสูงเป็นอย่างยิ่ง หลายปีก่อนหน้านี้ก็ เป็นพลังฝึกตนขั้นสามัญแล้ว ในอันดับรายชื่อผู้แข็งแกร่งเมืองพายุ ดาราก็อยู่หนึ่งในห้าสิบตั้งนานแล้ว พูดได้ว่าชื่อเสียงโด่งดัง
บุคคลเช่นนี้กลับถูกหลี่มู่หักขาในเวลาสั้นๆ พลังของหลี่มู่ถึง ขอบเขตอะไรกันแน่?
ขอแค่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ในศึกต่อสู้นี้ ข้อมูลหลายอย่างก็จะ สามารถวิเคราะห์ออกมาได้
แต่จนแล้วจนรอด หลายคนรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีกระทู้เช่นนี้ตั้งขึ้น มา
“หากมีคนได้ภาพเหตุการณ์ในโรงเตี๊ยมหอเซียนมา ข้ายินดีซื้อ ด้วยหนึ่งผลึกเซียนสีทองแดง”
“ข้าด้วย ข้าจ่ายสองก้อนเลย”
“ข้าจ่ายสี่ก้อน…”
คนขี้สงสัยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนล้วนมีมากมาย
ในตอนนี้เอง ในที่สุดก็มีผู้ใช้กระดานสนทนาเครือข่ายเซียนราย ใหม่ชื่อผู้ใช้ว่า ‘ถูกบังคับเลี้ยงหมู’ ตั้งกระทู้ลงบน ‘เหตุการณ์เทพวีร ชน’ หัวข้อเรียบง่าย หยาบๆ ตรงๆ
“ภาพเหตุการณ์การต่อสู้ในโรงเตี๊ยมหอเซียน”
สิทธิ์การอ่าน สิบผลึกเซียนสีทองแดง
โอ้โห ช่างชั่วช้าจริงๆ เลย
คนในกระดานสนทนาแค่อ่านก็สบถด่ามารดาในใจ เป็นใครที่ไร้ คุณธรรมขนาดนี้กัน สิทธิ์การอ่านกระทู้หนึ่งต้องจ่ายสิบผลึกเซียนสี ทองแดง ทําไมไม่ปล้นกันเลยเสียเล่า
……………………………………………………
[1] ในสมัยก่อน พวกโจรป่าโจรภูเขาหลังจากทําเรื่องไม่ดีเสร็จสิ้นก็ จะพูดประโยคนี้ ส่งสัญญาณเพื่อรีบหนี