จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 13 ทลายพรรคเสินหนง
“อ๊า…” หญิงรับใช้และนางระบำโฉมงามหลายคนตกใจจนกรีดร้อง หลบไปทั่วทั้งเนื้อตัวสั่นเทา ใบหน้างดงามซีดเผือด
ซือคงจิ้งกวาดตามอง แววมุ่งร้ายแวบผ่านในดวงตาของเขา อย่างไรผู้หญิงเหล่านี้ก็พาไปด้วยไม่ได้ และไม่อาจให้คนอื่นได้ไปครองด้วย เขาสะบัดมือ เข็มสีเขียวหลายสิบลอยออกไปปักที่หว่างคิ้วหญิงผู้น่าสงสารเหล่านั้น ของรักที่เชยชมอยู่ทุกวันล้วนตายตก พิษละลายศพที่อยู่ในเข็มเปลี่ยนร่างพวกนางเป็นของเหลวสีเขียว
“ซือคงจิ้ง ไสหัวออกมารับความตายได้แล้ว”
ประตูถ้ำหินถูกทลายลง
ท่ามกลางหมอกของฝุ่นหิน มีร่างหนึ่งเหยียบบนประตูหินที่พังทลาย รอบตัวมีฝุ่นควัน มองเห็นได้อย่างเลือนรางว่าเค้าโครงร่างนั้นเข้ามาใกล้ทีละก้าวเหมือนจอมมาร
ร่างนั้นคือหลี่มู่
สีหน้าของซือคงจิ้งดุร้าย เขายิ้มเย็นเยือก ก่อนสะบัดมือออกคำสั่ง “ฆ่ามัน สับมันเป็นชิ้นๆ ให้ข้า!”
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนว่าฆ่าดังก้องฟ้า
ศิษย์ชั้นยอดของพรรคเสินหนงในชุดเกราะพร้อมหอกยาว เกาทัณฑ์ ดาบพิฆาตอาชา ลูกตุ้มดาวตก และอาวุธอื่นๆ เสมือนเป็นกองทัพหนึ่ง มุ่งหน้ามาทางหลี่มู่อย่างบ้าคลั่ง เหมือนดั่งคลื่นโถมเข้ากลืนกินเขา
หลี่มู่เตะขาออกไปหลายครั้ง แผ่นหินใต้เท้าและเศษหินลอยออกไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยแรงส่งมหาศาล
เสียงกระดูกหักดังลั่น เลือดเนื้อแตกกระจาย เสียงร้องโหยหวนดังระงม
ออกศึกยังไม่ทันไร ศิษย์หนึ่งในสามส่วนของพรรคเสินหนงก็สิ้นชีพ
วิธีการต่อสู้ของหลี่มู่ไม่ได้อิงหลักใดๆ ด้วยพละกำลังที่ไร้เทียมทาน เกราะของศิษย์พรรคเสินหนงที่ต้านคมดาบซึ่งหน้าได้เป็นเหมือนแป้งเปียก ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ ซ้ำยังทำให้สูญเสียความคล่องตัวและความเร็ว ผลคือตายเร็วขึ้น
สีหน้าซือคงจิ้งเปลี่ยนไปอย่างมาก
เขารับรู้ได้ในทันทีว่าหากสู้ประจันหน้ากัน แม้ว่าจะเป็นเขาก็ไม่สามารถต้านทานหลี่มู่ได้
เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย เอื้อมหยิบเกาทัณฑ์อันใหญ่บนกำแพงหินด้านข้างมา
เกาทัณฑ์นี้มีสีเงินขาว เหมือนเถาวัลย์ฟอกสีขาวชนิดหนึ่ง ด้ามเกาทัณฑ์ประกอบด้วยเถาวัลย์เจ็ดเส้นที่เลื้อยพันกันเหมือนงู พื้นผิวของกิ่งเถาวัลย์หยาบกระด้าง รูปร่างภายนอกดูเรียบง่าย ยาวประมาณสามฉื่อ ส่วนโค้งเล็กกว่าเกาทัณฑ์ทั่วไปมาก สายเกาทัณฑ์เป็นเส้นเอ็นสีขาวนวล ความหนาอยู่ที่หนึ่งนิ้วมือ หนากว่าสายเกาทัณฑ์ปกติอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดา
เกาทัณฑ์นี้หนักมาก
ด้วยพลังฝึกของซือคงจิ้ง เมื่อถือเกาทัณฑ์ แขนของเขาสั่นเล็กน้อย
“ข้าจะใช้เกาทัณฑ์ปราบเทพคันนี้ส่งเจ้าลงนรก”
เขามองหลี่มู่ที่อยู่ท่ามกลางวงต่อสู้ หัวเราะโฉดชั่วโดยไร้เสียง
ลูกศรเขี้ยวหมาป่าที่ทำขึ้นมาพิเศษพาดบนสายเกาทัณฑ์ ซือคงจิ้งสูดหายใจเข้าลึก ขับเคลื่อนพลังภายในให้วิ่งไปตามจุดชีพจรทั่วร่าง มีควันสีเขียวจางๆ โอบล้อมอยู่รอบแขนของเขา เขาเป็นถึงยอดฝีมือขั้นรวมปราณ เมื่อเดินพลังปราณ กำลังก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เกาทัณฑ์เจ็ดเถาวัลย์กะพริบวูบหนึ่งจนแทบสังเกตไม่เห็น คล้ายมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
ซือคงจิ้งใช้พลังดึงสายธนูออกกว้างประมาณหนึ่งในหกส่วน
ปลายลูกศรเล็งที่หลี่มู่
ในเวลานี้ หลี่มู่ฆ่าคนชั้นยอดของพรรคเสินหนงไปมากกว่าสองในสามส่วนแล้ว
เขาฝึกพลังก่อนกำเนิด ทำให้ประสาทสัมผัสดีและตอบโต้ได้อย่างฉับไว ศิษย์ที่นับว่าเป็นชั้นยอดเหล่านี้จับตัวเขาได้ยากนัก อีกทั้งเมื่อเข้าประชิดหลี่มู่ พวกเขาจะเหมือนแตงโมที่โดนค้อนทุบ กระดูกหัก เส้นเอ็นขาด ร่างระเบิดในพริบตา….นี่เป็นวิธีการสังหารที่ไม่เหมือนใคร
“ตายซะ”
ซือคงจิ้งทำเรื่องชั่วช้ามาโชกโชน ใช้จังหวะที่หลี่มู่เปลี่ยนถ่ายพลังยิงลูกศรออกไป
สายเกาทัณฑ์สีขาวนวลถูกง้างออกโดยไร้ซึ่งเสียง
การง้างสายเกาทัณฑ์หนึ่งในหกส่วน ทำให้ศรเขี้ยวหมาป่าพุ่งออกไปเป็นแสงสายหนึ่ง
รวดเร็วเหมือนสารด่วน
ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า
ในชั่วพริบตาเดียว หลี่มู่ที่กำลังต่อสู้สัมผัสได้ถึงอันตรายน่าพรั่นพรึงที่คืบคลานเข้ามา
เขาฝืนบิดเอวหลบไปทางขวาโดยไม่รู้ตัว
ฉึก!
เสียงกระทบกันดังขึ้น
หลี่มู่รู้สึกแค่ว่าไหล่ซ้ายของเขาโดนกระแทกด้วยอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง ร่างลอยไปกระแทกผนังหินที่อยู่ห่างไปจนเกิดเสียงดังตูม
เขาถูกลูกศรดอกหนึ่งแทงเข้าที่ไหล่ซ้าย
ลูกศรเขี้ยวหมาป่าแทงทะลุไหล่ ยึดหลี่มู่ติดกับผนังหิน
ขนนกปลายศรเขี้ยวหมาป่าสั่นไหว
ความรู้สึกร้อนผ่าวแล่นมาจากหัวไหล่ เขาก้มหน้ามองลูกศร แล้วเปิดปากหายใจเสียงดัง
ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนฉีกร่างลามมาจากไหล่ซ้าย ทำให้เขาเกือบหน้ามืด
“ฮ่าๆ เร็วเข้า ฆ่ามัน ฆ่าเลย!”
เมื่อโจมตีด้วยลูกศรสำเร็จ ซือคงจิ้งหัวเราะชั่วร้าย
ศิษย์ชั้นยอดของพรรคเสินหนงสี่ห้าคนที่เหลืออยู่ในสภาวะตกใจสุดขีด พวกเขาต่างยินดีจนคลั่ง แกว่งดาบยาวคมกริบวิ่งเข้าไปสังหาร
ตาของหลี่มู่ร้อนผ่าว
ตามลมหายใจที่กระชั้นขึ้นทุกที เขาเหมือนวัวโกรธจัดเข้าสู่สภาวะคลั่ง เหยียบสองเท้ากับกำแพง ใช้พลังต้านดันตัวออกจากกำแพงหิน เลือดสดสาดกระจาย ร่างกายที่มีศรเขี้ยวหมาป่าแทงทะลุหลุดออกมาจากกำแพง
ย่างก้าวเร็วเช่นปกติ
กับหมัดที่เหมือนเดิม
ไม่มีกฎเกณฑ์!
แต่ว่าเร็ว เร็วเกินไปแล้ว!
ผัวะ ผัวะ ผัวะ!
ศิษย์ชั้นยอดของพรรคเสินหนงห้าคนรู้สึกแค่ว่าตาพร่า ร่างสั่นสะท้านก่อนระเบิดออก ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว
ร่างของหลี่มู่พุ่งไปอยู่หน้าซือคงจิ้ง
ซือคงจิ้งตกใจสุดขีด เขาเดินพลังภายในใช้วิชาตัวเบา ถอยหลังไปราวกับด้านหลังมีเชือกล่องหนดึงอยู่ ในขณะเดียวกันเขาก็ง้างคันศรอีกครั้งด้วยระดับหนึ่งในสิบ จากนั้นปล่อยลูกศรออกไปสามดอกติดกัน
แต่ครั้งนี้หลี่มู่พร้อมจะรับมือแล้ว
ดูเหมือนเขายังหลบทื่อๆ ซ้ายทีขวาที แต่เพราะการหลบที่ว่องไวมาก จึงสามารถเลี่ยงลูกศรทั้งสามดอกไปได้ ลูกศรแฉลบผ่านปลายผมไปพร้อมกับไอร้อน
“เจ้าคือซือคงจิ้งสวะนั่นใช่ไหม?”
หลี่มู่ถามด้วยความโกรธกริ้ว
ซือคงจิ้งเดินกำลังภายใน วูบไหวกายหลบเลี่ยงไปอีกด้านอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร เขาเอื้อมมือหยิบลูกศรเขี้ยวหมาป่าที่ทำขึ้นพิเศษมาจากกระบอกเก็บลูกศรด้านหลัง แล้วง้างคันศรอีกครั้ง เขาไม่คิดจะสู้ในระยะประชิด เพราะรู้ดีว่าพลังพิสดารที่หลี่มู่ปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งเพียงใด เฉียดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาบาดเจ็บได้แล้ว
ร่างของหลี่มู่ชะงักเล็กน้อย
มือหนึ่งจับลูกศรที่ยิงออกมาหา จากนั้นปัดซ้ายทีขวาที เกิดเสียงดังติ๊งๆ สองครั้ง ธนูเขี้ยวหมาป่าอีกสองดอกกระเด็นออกไป
ตู้ม!
หลังจากสองเท้ากักเก็บพลังเสร็จ พื้นหินใต้ฝ่าเท้าก็เกิดรอยแตกมากมาย ร่างกายพุ่งออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่ ไม่เปิดโอกาสให้ซือคงจิ้งยิงลูกศรออกมาอีก เขาเข้าประชิดตัวในพริบตาดุจสายฟ้าแลบ แล้วปล่อยหมัดตรงออกไปที่ท้องน้อยของซือคงจิ้ง
อั่ก!
ซือคงจิ้งกระอักเลือดออกมาเป็นสาย อวัยวะส่วนท้องน้อยกลายเป็นเนื้อเละจนหมด ร่างยังไม่ระเบิดเพราะมีการป้องกันจากเกราะล้ำค่าสีดำ ทว่าก็เจ็บหนักในฉับพลัน ตัวลอยกระเด็นไปไกลเกินสี่จั้ง ก่อนปะทะลงบนกำแพงสระน้ำทรงกลมกลางถ้ำหินจนบุบเข้าไปเป็นรูปร่างคน
เขาหอบหายใจ สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปหมดสิ้น
เลือดข้นคลั่กหลั่งไหลออกมาจากปาก
ตึก ตึก!
หลี่มู่จ้องมองเขาขณะเดินเข้าใกล้ทีละก้าว สายตาที่ยังมีไฟแค้นลุกโชนแทบจะเผาไหม้ซือคงจิ้ง
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ” ซือคงจิ้งหัวเราะออกมาอย่างเป็นทุกข์
เขารู้ว่าเขาทำผิดไปแล้ว
ผิดที่คิดจะฆ่าหลี่มู่เพราะความแค้นเคือง หากหนีไปตั้งแต่ต้นเขาก็ยังมีโอกาสรอด แต่กลับไม่ไตร่ตรองดูให้ดี ต้องการเพียงจะฆ่าหลี่มู่ดับโมโห ผลคือรับกรรมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะหลบหนีเลย แม้แต่ชีวิตก็มิอาจรักษาไว้ได้
“สวะอย่างเจ้า ควรตายเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง”
หลี่มู่ก้มหน้ามองซือคงจิ้ง ก่อนกล่าวว่า “พูดมา เจ้าอยากตายอย่างไร?”
“ตาย?” ซือคงจิ้งรู้ว่าตัวเองไม่อาจหนีรอด เขาจึงใจเย็นลง ใบหน้าซีดขาว กระอักเลือดออกมา เขาเงยหน้ามองหลี่มู่ก่อนจะหัวเราะขมขื่นแล้วกล่าวว่า “ข้าเห็นความตายมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนแก่อายุแปดสิบหรือทารกในท้อง เหอะๆ ข้าฆ่ามาหมดแล้ว! ตายก็ตายเถิด บนโลกที่คนกินคนใบนี้ แม้แต่จักรพรรดิหรือเจ้าสำนักเทพทั้งเก้า สักวันก็ต้องตายเหมือนกัน ข้าใช้ชีวิตอย่างสำราญมาคุ้มค่าแล้ว…เหอะๆ เจ้าถามข้าว่าอยากตายอย่างไรงั้นหรือ?”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ไอเสียงดังพร้อมเผยยิ้ม
“ข้า คิด จะ ตาย พร้อม เจ้า…มังกรเขียว ยังไม่ออกมาอีก!”
เมื่อกล่าวออกมา
ครืน!
สระน้ำสีเขียวมรกตที่สงบเหมือนกระจก จู่ๆ ก็ปรากฏแสงสีเขียวสายหนึ่งระเบิดออกมา
แสงวูบวาบสีเขียวสว่างใกล้ถึงขีดสุด เข้าพันรอบหมัดของหลี่มู่ในพริบตา มันคืองูยักษ์ที่มีลายพร้อยสีเขียวเต็มตัว ขนาดตัวหนาเท่าถังน้ำ บนหัวมีเขาหนึ่งคู่ ดูไปแล้วคล้ายมังกร มันเลื้อยรวดเร็วยิ่งนัก อ้าปากออกกว้างจะกลืนกินศีรษะหลี่มู่ลงไป
“แย่แล้ว”
เมื่อหลี่มู่รู้ตัว ร่างของเขาก็ถูกพันธนาการแล้ว
เขายกมือสองข้างจับขากรรไกรบนล่างของมันเอาไว้ ไม่ให้มันกัดเข้ามาได้
เขาเริ่มรู้สึกชาจากมือลงมา
มีพิษ?
หลี่มู่หน้าเปลี่ยนสี
“ฮ่าๆๆ ยอมแพ้ซะเถอะ มังกรเขียวตัวนี้เป็นอสุรกายในเขาขาวพิสุทธิ์ เมื่อโตเต็มวัยสามารถกลืนเสือโคร่งเสือดาวได้ทั้งตัว ข้าต้องจ่ายไปเยอะทีเดียวถึงจะได้มันมา และใช้สมุนไพรหลากชนิดเลี้ยงมาเป็นสิบปี กำลังโตได้ที่เลยทีเดียว แค่กๆ ข้า…คิดว่าจะเอามันมาใช้หลอมยา แต่ก็ไม่มีโอกาสแล้ว ฮ่าๆ เจ้านี่มันมีพิษอยู่ทั่วร่าง ข้าเองยังไม่กล้าแตะต้อง…เจ้าตายแน่ เจอกันที่แม่น้ำเหลืองในปรโลก!”
ซือคงจิ้งหัวเราะลั่นอย่างชั่วร้ายและยินดี
เลือดกองใหญ่ทะลักออกมาจากปาก ในนั้นมีชิ้นส่วนอวัยวะที่เสียหายอยู่ด้วย
หลี่มู่รู้สึกว่าอาการชาจากสองแขนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไหล่สองข้างคล้ายค่อยๆ ไร้ความรู้สึก จะต้านทานงูลายเขียวตัวนี้ไว้ไม่อยู่แล้ว ปากกว้างที่พ่นละอองพิษของมันเข้ามาใกล้หน้าหลี่มู่ทีละน้อย กลิ่นเหม็นเน่าฉุนจมูกทำให้เขาหมดสติไปแทบทันที
…………………………..