จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 29 แขวนแล้วตีในความหมายที่แท้จริง
ทหารรักษาการณ์สิบกว่านายที่เป็นดั่งเสือดุจหมาป่าพุ่งเข้าไป ไม่เปิดโอกาสให้อธิบายอะไร จับจอมยุทธ์ยอดฝีมือทั้งสามที่สูญเสียพลังต่อสู้ไปแล้วมัดไว้ ก่อนจะแขวนกลับหัวกลับหางบนต้นไม้เก่าแก่อายุร้อยปีด้านข้าง
“ฮ่าๆๆ…พวกเจ้าสองสามคนน่ะ…ข้าถามหน่อยว่ายังมีใครอีก?” หลี่มู่หัวเราะเสียงดัง มองไปที่จอมเสเพลทั้งสามและคุณชายผู้สูงศักดิ์หลี่ปิง “ยังมีใครอีก?”
คุณชายหลี่ปิงสีหน้าบึ้งตึง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” เขายิ้มเย็นพลางเอ่ย
หลี่มู่เหยียดยิ้ม “อ้อ? สู้ไม่ได้ก็จะใช้สถานะทางสังคม? ช่างเป็นวิธีดั้งเดิมจริง ฮ่าๆ ข้าไม่กลัวที่จะพูดความจริงกับเจ้าว่าข้าไม่รู้” พูดจบก็ไม่รอคุณชายผู้สูงศักดิ์เปิดปาก เอ่ยต่อไปว่า “แล้วข้าก็ไม่อยากจะรู้ด้วย ตอนนี้ข้าอยากแขวนลงโทษคนพาลที่ไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้า”
“อย่าคิดว่าเป็นขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้” คุณชายผู้สูงศักดิ์หัวเราะเสียงเย็น “บนโลกใบนี้มีคนบางคนที่เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้”
หลี่มู่สุดจะไร้คำพูด
‘ฉันเป็นคนต่างโลก อีกทั้งอนาคตจะกลายเป็นคนต่างโลกที่เป็นเซียน ต้องกลัวมนุษย์บนดวงดาวที่มีศิลปะการต่อสู้ในระดับล่างด้วยหรือ?’
เขาเริ่มโกรธ หันไปทางทหารรักษาการณ์ที่จับสามจอมเสเพลแขวนแล้วสั่งว่า “มัวยืนงงอะไรกัน ไปหาแส้มาแล้วตีพวกมันให้ข้าสิ แขวนฟาด แขวนฟาด แขวนแล้วจะไม่ตีได้อย่างไร”
ทหารหลายนายนั้นตอบรับคำสั่ง ไม่นานก็นำแส้ที่ไม่รู้ไปหามาจากไหนมาหลายเส้น พวกเขาตีจนหมุนราวกับลูกข่าง คนเสเพลทั้งสามได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงโดนเฆี่ยนจนร้องโหยหวนเรียกหาบิดามารดา
“ถุย! จอมยุทธ์ยอดฝีมืออะไรเล่า…โดนตีแล้วก็ร้องไห้เหมือนกันหมด ดื่มเหล้าก็เมา เมาแล้วก็อ้วก อ้วกแล้วก็ร้อง รับดาบก็เลือดออก ยังคิดว่าดาบหอกฟันแทงพวกเจ้าไม่เข้าอีก ฮ่าๆ ดูซิว่าต่อไปพวกเจ้าจะวางท่าอย่างไรอีก” หลี่มู่หัวเราะอย่างมีความสุขนัก
ด้านหมิงเยวี่ยเด็กน้อยซื่อบื้อที่หัวรุนแรงก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น แย่งแส้มาหนึ่งเส้นแล้วเริ่มฟาดให้เอง
“เจ้า…อย่าทำอะไรเกินเหตุนักเลย” สีหน้าคุณชายผู้สูงศักดิ์ไม่น่าดูนัก
หลี่มู่ยกมือขึ้น “เมื่อครู่ใครบอกว่าอยากควักลูกตาข้า?”
“ยึดถือความยุติธรรมไม่ยกโทษให้คนผิด เป็นนิสัยที่ไม่ดีมาก แล้วเจ้าจะต้องชดใช้เพราะเรื่องนี้” คุณชายผู้สูงศักดิ์คำรามเสียงต่ำ กล่าวขมขู่ออกมา
“ยึดถือความยุติธรรมแล้วยกโทษให้คนผิด นับว่าเป็นคนโง่” หลี่มู่กำหมัดพลางหัวเราะ เดินเข้าใกล้ทีละก้าว
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” คุณชายหลี่ปิงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล
เขาเริ่มรู้สึกผิดที่มาอำเภอขาวพิสุทธิ์เพื่อดูความครึกครื้นบ้างแล้ว
“ข้าอยาก…” หลี่มู่ลากเสียงยาว เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาชี้ขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “ดูสิ มีเครื่องบิน”
“เครื่องบิน? อะไร?” คุณชายหลี่ปิงหันศีรษะตามโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานั้น หลี่มู่ก็ลงมือทันที
เท้าทั้งสองปล่อยพลังออกมา พลังน่าสะพรึงแผ่กระจายลงพื้นดิน พื้นใต้ฝ่าเท้าของเขาเกิดเสียงระเบิด แผ่นหินแตกเป็นเสี่ยงราวกับใยแมงมุม พลังกระตุ้นให้ฝุ่นตลบขึ้นมาลอยฟุ้งจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขามาปรากฏตัวอยู่หน้าคุณชายผู้สูงศักดิ์อย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ หนึ่งหมัดสวนออกมา
ลมหมัดโหมรุนแรง เกิดเสียงราวกับไฟลุกโชนขึ้น
หมัดห้าธาตุ หมัดไฟ
คุณชายผู้สูงศักดิ์แผดเสียง “เจ้ากล้าลอบโจมตี…”
แต่แม้จะเป็นเวลาฉุกละหุกในชั่วพริบตา เขาก็ยังตอบโต้กลับมาได้ พัดหยกขาวในมือมีเสียงพรึ่บแล้วเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวสายหนึ่ง พลังของมันเหมือนทวน พุ่งไปที่หมัดของหลี่มู่
ตู้ม!
ฝุ่นสีขาวระเบิดกระจายในอากาศ
หลี่มู่ไม่หลบหลีก ส่งหมัดปะทะกับพัดหยกโดยตรง พัดหยกที่สูงค่าระเบิดกลายเป็นผงทันที กลไกเข็มลับที่ซ่อนอยู่ในพัดทั้งหมดล้วนถูกระเบิดไปด้วย อาวุธพิสดารที่ทั้งโดดเด่นทั้งทำร้ายศัตรูได้ซึ่งคุณชายหลี่ปิงทุ่มเงินสร้างขึ้นกลายเป็นผุยผงไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน คุณชายผู้สูงศักดิ์รู้สึกถึงเพียงพลังที่น่ากลัวจนไม่สามารถอธิบายได้ พัดหยกขาวซึ่งระเบิดออกส่งแรงมาตามแขนเขาดั่งทะเลคลั่ง นิ้วทั้งห้าและฝ่ามือโดนแรงสั่นสะเทือนจนเนื้อหนังแตก…
“สมควรตาย…‘ทะลวงพสุธา’ ปลดปล่อยออกมา!”
เขาคำรามแล้วกระทืบเท้าซ้ายลงพื้นดิน กำลังภายในหมุนเวียน กระตุ้นวิชาลับ ‘ทะลวงพสุธา’ เขาดึงพลังที่หลั่งไหลเข้าในกายส่งผ่านไปยังพื้นใต้เท้า ส่งผลให้เกิดการระเบิดเหมือนมีดาวตกปะทะ พื้นหินเขียวหลายสิบชิ้นปลิวกระจายเหมือนเศษกระดาษ ขณะเดียวกันรองเท้าหนังกวางของเขาเปิดออก ฝ่าเท้าโชกเลือด…
ทว่า จะอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการรับพลังจากหมัดเดียวของหลี่มู่เท่านั้น
“ความแข็งแกร่งยังพอไหว แต่สมองอย่างกับเมล็ดแตงโมไปหน่อย ให้เจ้าดูเครื่องบินเจ้าก็หันไปดูเครื่องบิน” หลี่มู่มีอำนาจไม่เมตตาคนผิด เขาระเบิดเสียงหัวเราะก่อนเข้าประชิดอีกครั้ง หนึ่งหมัดถูกส่งออกไป
ท่ามกลางลมหมัดมีเสียงระลอกคลื่นรางๆ
นี่คือหมัดน้ำในบรรดาหมัดห้าธาตุ
‘หมัดห้าธาตุ’ เป็นวิชาหมัดที่ธรรมดานัก ไม่มีลักษณะพิเศษอะไร ทุกกระบวนท่าไม่มีกลเม็ดอะไรซับซ้อน แต่เป็นเพราะหลี่มู่ใช้ ‘พลังก่อนกำเนิด’ พัฒนาร่างกาย จังหวะการต่อสู้ดีเยี่ยม เวลาที่ออกหมัดและองศาของหมัดเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ คุณชายผู้สูงศักดิ์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เสียโอกาสจึงต้องเผชิญหมัดนี้โดยไม่อาจหลบเลี่ยง ได้เพียงแต่กัดฟัน ยกแขนส่งฝ่ามือฝืนรับแรงหมัดอีกครั้ง
ปัง!
ฝ่ามือและหมัดประสานกัน เกิดเป็นเสียงต่ำทุ้ม
วิชาลับ ‘ทะลวงพสุธา’ ของคุณชายผู้สูงศักดิ์ถูกผลักดันไปจนถึงขีดสุด อัดพลังส่วนใหญ่ลงไป แต่แขนก็ยังยากที่จะรับไหวจนเกิดเสียงกระดูกร้าว ทั่งร่างราวกับเป็นตะปูหนึ่งเล่ม ส่วนล่างตั้งแต่เข่าลงไปถูกตอกฝังลงไปในดินใต้พื้นหินเขียวทั้งสองข้าง
“สารเลว เจ้าลอบโจมตี ไม่นึกว่าเจ้า…” เขาโกรธจนแทบบ้า ใบหน้าแดงก่ำ มุมปากมีเลือดไหล
หลี่มู่ยกมือขึ้นแล้วต่อยลงไปอีกหมัด “ข้าไม่ได้ขาดสติ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็กล้ามาก่อความวุ่นวายในอำเภอขาวพิสุทธิ์ทั้งนั้น…กากเดนที่ความสามารถไม่ถึงเช่นเจ้ายังกล้ามาทำเก่งต่อหน้าข้า ข้าจะตีเจ้าให้พิการเป็นไม้เท้าคน”
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
หลี่มู่ออกหมัดต่อเนื่องอีกหนึ่งชุด
ภาพตรงหน้าช่างน่าสลดแต่ก็น่าขันนัก ครึ่งหนึ่งของร่างกายคุณชายหลี่ปิงถูกหลี่มู่ต่อยจมดินราวกับตอกตะปู แรงกระเทือนทำให้หลี่ปิงมึนงง ตาพร่าเห็นดวงดาว พลังภายในยุ่งเหยิง เลือดเนื้อไร้เรี่ยวแรง เส้นเอ็นและกระดูกอ่อนปวกเปียก…สูญเสียแรงต่อต้านไปโดยสิ้นเชิง
“เจ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้ เจ้า…” คุณชายผู้สูงศักดิ์หลี่ปิงแผดเสียงร้องประหนึ่งสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ
หลี่มู่นั่งยองลง ยกมือขึ้นตบปากไปอีกหลายที “คนอ่อนแอหุบปากไป”
คุณชายหลี่ปิงหุบปากจริงๆ
เพราะใบหน้าของเขาบวมจนไม่สามารถพูดได้แล้ว
“ใครก็ได้ ขุดมันขึ้นมา เอาไปแขวนแล้วตี” หลี่มู่ถ่ายทอดคำสั่ง
เขาชอบคำว่าแขวนแล้วตีขึ้นมากทันใด คำที่ถูกคิดค้นบนโลกมนุษย์คำนี้บอกขั้นตอนการบดขยี้และข้อได้เปรียบของผู้ชนะไว้ได้ครบถ้วนจริงๆ
หลังจากนั้นสักครู่ คุณชายผู้สูงศักดิ์ที่อ่อนปวกเปียกทั้งตัวก็ถูกทหารรักษาการณ์ขุดขึ้นมา มัดมือมัดเท้า แขวนกลับหัวไว้ที่ต้นไม้เรียบร้อย
“ตี ลงแส้สักสามร้อยทีก่อนค่อยว่ากัน”
หลี่มู่สั่งลงไป
แบบนี้นับว่าได้เก็บดอกเบี้ยหน่อย
หม่าจวินอู่และคนอื่นต้องไม่บาดเจ็บเสียเปล่า
ส่วนที่ว่าสุดท้ายควรจะทำอย่างไรกับคนขี้แพ้เหล่านี้ หลี่มู่ยังไม่ทันคิด
เขาหัวเราะร่าพลางมองไปยังคนเสเพลทั้งสาม “ตอนนี้ถึงตาพวกเจ้าแล้ว…จะมอบตัวเองหรือจะให้ข้าช่วยตีพวกเจ้าสลบก่อน?”
“เจ้า…” หนึ่งในนั้นกลัวจนฟันสั่นกระทบกัน “ข้ายอมแพ้ ข้าผิดไปแล้ว…”
มีเสียงร้องประหลาดดังอีกเสียงหนึ่ง คนผู้หนึ่งดีดตัวขึ้นกลางอากาศ คิดจะหลบหนีไป
จอมยุทธ์ผู้เชี่ยวชาญกำลังภายในกระโดดขึ้นชายคาแล้ววิ่งไปตามกำแพงโดยไม่พูดอะไร ความเร็วสูงยิ่ง
หลี่มู่ไม่ไล่ตาม หัวเราะเหอะๆ แล้วยื่นมือออกมา “ธนู!”
ทหารข้างๆ รีบส่งธนูให้เขา
หลี่มู่ไม่แม้แต่จะมองมัน ง้างสายธนูแล้วยิงศรออกไป
“อ๊าก…” เหมือนเหยี่ยวที่ถูกยิงด้วยศร คนเสเพลผู้นั้นถูกลูกธนูปักเข้าที่เข่า จึงตกจากกำแพงร่วงหล่นสู่พื้น
ทหารรักษาการณ์พุ่งตัวเข้าไปทันใด จัดการล้อมเขาเอาไว้
คนเสเพลผู้นั้นยังอยากต่อต้าน แต่ศรอีกดอกถูกยิงเข้ามาดังฟึ่บ ถากเข้ากับหนังศีรษะ เส้นผมของเขาร่วงสยายลงมา
ในเวลานี้ เขาตกใจกลัวจนฉี่จะราดแล้ว และไม่กล้าขยับเขยื้อนอีกต่อไป เขาถูกทหารเตะข้อพับให้คุกเข่าลง จากนั้นใช้เชือกหนังวัวมัด ลากไปแขวนกลับหัวกลับหางที่ต้นไม้เก่าเช่นกัน
“ศรเทพหนอศรเทพ ทักษะการยิงธนูของใต้เท้า ข้าน้อยชื่นชมยิ่งนัก” คนช่างประจบเฝิงหยวนซิงกระเถิบมากล่าวชื่นชม
หลี่มู่หัวเราะลั่นอย่างให้ความร่วมมือ
มีหลายครั้งที่คนอื่นยกยอเราเพื่อให้เรามีความสุข ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำว่าตนเก่งกาจนักเพื่อให้ผู้อื่นเขาอับอาย
เวลานี้ จอมเสเพลที่เหลืออยู่สองคนมองเห็นสถานการณ์ รู้ว่าวันนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือมารขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ กระทั่งคุณชายหลี่ปิงยังโดนแขวนกลับหัวกลับหาง พวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้เลย
ดังนั้นทั้งสองคนจึงยอมแพ้ไม่ขัดขืน
ทหารรักษาการณ์พุ่งเข้าไปดุจเสือดั่งหมาป่า มัดพวกเขาแขวนกลับหัวกลับหางบนต้นไม้เก่าแก่เช่นกัน
“ตีเสร็จเก็บงาน”
หลี่มู่ส่งธนูทรงพลังให้ทหารที่อยู่ข้างเขา รอยยิ้มบนหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้คนบนถนนที่มุงดูอยู่กับกองทหารชั้นดีส่งเสียงให้กำลังใจอีกยก
มีขุนนางเมืองทรงพลังเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคสำหรับคนทั้งอำเภอเมือง
โดยเฉพาะอำเภอขาวพิสุทธิ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขุนนางเมืองคนก่อนออกจากราชการเข้าป่าลึกไปแสวงหาเต๋า ผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่เช่นผู้ช่วยขุนนางเมืองกับนายตรวจการขัดแย้งกันภายใน พรรคก็ใช้กำลังเข้าครอบงำ รวมทั้งเหตุผลอื่นๆ ผลคือทั้งอำเภอเหนื่อยล้ามากขึ้นทุกวัน พลเมืองทุกคนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ล้วนทุกข์ทรมาน
ตอนนี้หลี่มู่เพิ่งมาอำเภอขาวพิสุทธิ์ยังไม่ถึงสองเดือนดี ก็ขับไล่เมฆหมอกดำในอดีต ตัดสินคดีชัดเจน เคร่งครัดในกฎหมาย พรรคทั้งหลายไม่กล้าก่อปัญหา ขุนนางไม่กล้าฉ้อฉล ทุกคนรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบๆ ตัวอย่างชัดเจน แล้วทำไมพวกเขาจะไม่สนับสนุนหลี่มู่กันเล่า?
“ใต้เท้า จะจัดการเช่นไรดี?” เฝิงหยวนซิงขอคำแนะนำ
“ฮ่าๆๆ พูดไปหมดแล้ว ต้องแขวนแล้วตี จะแขวนอย่างเดียวแล้วไม่ตีไม่ได้ ข้าผู้นี้พูดคำไหนคำนั้น เริ่มจากลงแส้คนละร้อยครั้งค่อยว่ากัน ฮ่าๆๆ”
หลี่มู่พึงพอใจกับผลของการต่อสู้ในวันนี้มาก
……………………