จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 33 เหล่าวีรบุรุษรวมตัว
“คุณชายของข้าเคยสั่งท่านไว้เช่นไร?” ชิงเฟิงกล่าวถาม
เฝิงหยวนซิงตอบ “ใต้เท้าสั่งข้าให้ส่งกำลังคนไปลอบจับตาดูไว้”
ชิงเฟิงพยักหน้าอย่างไตร่ตรอง พูดว่า “ไม่ต้องเฝ้าดูอย่างลับๆ แล้ว ให้คนของพวกเราทุกคนสวมเครื่องแบบทางการ และปรากฏตัวเพื่อเฝ้าระวังโดยไม่ต้องหลบซ่อน”
“ทำไปเพื่อสิ่งใด?” เฝิงหยวนซิงถามอย่างแปลกใจ
ชิงเฟิงนวดขมับอีกตามความเคยชิน ก่อนฝืนยิ้มเอ่ย “ประตูเมืองไฟไหม้ เดือดร้อนไปถึงปลาในบ่อ[1] สำนักเขี้ยวพยัคฆ์และพรรคมังกรฟ้ากล้าสร้างปัญหาในอำเภอเมือง เกรงว่าเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น ยิ่งช่วงเวลานี้มีผู้คนมากมายจากยุทธภพเข้าเมืองมา มีทั้งดีและชั่วปะปนกัน มองเผินๆ ไม่เห็นอะไร พวกเขาต้องต่อสู้นองเลือดกันอย่างลับๆ แล้วเป็นแน่ ผู้คนเสียชีวิตไปเท่าไหร่ พวกเราไม่อาจรู้ได้ คนของทางอำเภอมียอดฝีมือจำกัดและมีกำลังไม่เพียงพอ ไปเฝ้าระวังอาชญากรที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายเหล่านี้อย่างลับๆ หากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสายของพรรคอื่น เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต ถึงเวลานั้นคนตายก็ไร้พยาน ไม่สามารถสืบชัดได้ เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงไปเสียจึงจะทำให้พวกเขาเกรงกันบ้าง”
เฝิงหยวนซิงฟังจบก็ตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดมาถึงขั้นนี้
เขาจำต้องยอมรับว่าคำพูดของผู้รับใช้บัณฑิตคนนี้ถูกต้องนัก
ยังวัยเยาว์แต่ความคิดละเอียดอ่อนทีเดียว
เฝิงหยวนซิงไม่กล้าประเมินชิงเฟิงต่ำอีกต่อไป เขาพยักหน้าพูดว่า “ได้ ข้าจะสั่งคนไปจัดการ”
หลังจากหยุดชะงัก เขาก็ถามขึ้นอีก “ใต้เท้ามีคำสั่งอื่นอีกหรือไม่”
ใต้เท้าน้อยชิงเฟิงส่ายหัว
หมิงเยวี่ยเด็กหญิงสมองทึบกลับพูดโพล่งพลางยิ้มร่า “คุณชายของข้าเพิ่งกล่าวว่าภายหลังเรื่องทางราชการให้เจ้าหารือและตัดสินใจกับพี่ชิงเฟิง ฮี่ๆ เจ้าคนขี้ประจบ หลังจากนี้มีเรื่องอะไรอย่าตัดสินใจคนเดียว ต้องถามพี่ชิงเฟิงของข้าให้มากๆ เข้าล่ะ”
เฝิงหยวนซิงมีสีหน้าทะมึนเพราะคำว่า ‘เจ้าคนขี้ประจบ’
แต่เมื่อได้คลุกคลีกันในช่วงที่ผ่านมา เขามองออกว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักและโง่เขลาคนนี้ แท้จริงแล้วหัวรุนแรงและดื้อรั้น ในสมองแต่กำเนิดของนางเหมือนขาดไหวพริบ ไม่ว่าพูดกับใครก็ชวนให้อยากตี ไม่เว้นแม้แต่กับหลี่มู่ ดังนั้นไม่ต้องไปสนใจ
“เช่นนี้ดีแล้ว หากคุณชายน้อยชิงเฟิงมีคำสั่งข้าก็จะทำตาม”
เฝิงหยวนซิงประสานมือคำนับ บนใบหน้าไม่มีแววไม่พอใจ หันกายเดินจากไป
ส่วนลึกในใจของเขาไม่มีความผิดหวังหรือไม่พอใจโดยแท้ เพราะเขารู้ดีว่าอย่างไรตนเองก็ทรยศโจวอู่มาครึ่งทางแล้ว ไม่สามารถถือได้ว่าเป็นคนสนิทที่แท้จริงของหลี่มู่ ในแง่ของความใกล้ชิด เขายิ่งแย่กว่าหม่าจวินอู่ที่ได้รับบาดเจ็บในตอนนี้ ดังนั้นหลี่มู่จึงไม่อาจมั่นใจในตัวเขาอย่างแท้จริง ไม่ช้าก็เร็วเขาจะโดนแบ่งอำนาจให้กับคนสนิท เพียงแต่เฝิงหยวนซิงไม่คิดว่าคนที่หลี่มู่เลือกจะเป็นเด็กชายรับใช้บัณฑิตชิงเฟิง
“ดูเหมือนต่อไปจะต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับเด็กรับใช้บัณฑิตผู้นี้เสียแล้ว ต้องไม่ไปต่อกรกับเขาเป็นอันขาด”
เฝิงหยวนซิงขบคิดในขณะที่เดินออกไปจากที่ว่าการอำเภอ
…..
พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปอีกสี่ห้าวัน
ในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์มีบรรยากาศแปลกประหลาดประเภทที่ในความคึกคักแฝงความตึงเครียดเอาไว้
บนท้องถนน จะเห็นคนในยุทธภพที่พูดภาษาต่างถิ่น แขวนดาบกระบี่และอาวุธมีคมไว้ที่ช่วงเอวเดินผ่านไปมา ส่งเสียงสนทนาดังลั่น
โรงเตี๊ยมใหญ่น้อยในอำเภอเมืองต่างคับคั่งจนเกินอัตรา
แม้กระทั่งห้องเก็บฟืนที่อยู่ด้านหลังโรงเตี๊ยมบางแห่งก็เก็บกวาดเปิดให้คนเข้าพักแล้ว
ผู้คนในยุทธภพกระตือรือร้นที่จะแสวงหาการต่อสู้และท้าทายเหล่ายอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงมาแต่กำเนิด ดูเหมือนตั้งแต่สมัยโบราณ การชื่นชอบความครึกครื้นและเรื่องสนุกเป็นสัญลักษณ์ของคนในยุทธภพเสมอมา
‘โรงเตี๊ยมเยือนสุข’ หนึ่งในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอเมือง หอที่มีสามชั้นและสวนดอกไม้ด้านหลัง ยามนี้เต็มไปด้วยคนสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ นอกจากยอดฝีมือของสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ ยังมียอดฝีมือจากสำนักใหญ่อื่นๆ ที่เป็นผู้สนับสนุนสำนักนี้ พวกเขาดุดันทรงพลัง เปี่ยมชีวิตชีวา
ผู้นำของสำนักเขี้ยวพยัคฆ์คือ ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงผู้โด่งดังในยุทธภพทิศพายัพ เขามีชื่อเสียงเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนชวนให้คนตะลึง เล่าลือกันว่าสองมือเหล็กสามารถฉีกเหล็กชั้นดีและเขย่าภูผาได้ นับว่ามีชื่อเสียงในคนรุ่นเก่าเช่นกัน คนอื่นๆ ที่เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งในยุทธภพแถบนี้เช่น ‘มีดพิพากษา’ ซุนซิน ‘กรศิลาถาโถม’ เยวี่ยหยาง และ ‘แส้เทพงูทอง’ หลี่เจิ้งก็ตกลงที่จะมา
ฝั่งตรงข้ามของโรงเตี๊ยมเยือนสุข ห่างออกไปไม่ถึงหกจั้งมีโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ชื่อว่า ‘โรงเตี๊ยมสุขนิรันดร์’ อีกแห่ง ผู้ที่เข้าพักคือของคนพรรคมังกรฟ้า เผชิญหน้ากับ ‘โรงเตี๊ยมเยือนสุข’ อยู่ไกลๆ บุคคลที่พูดในกลุ่มนั้นคือผู้คุมกฎซ้ายตงฟางเจี้ยนแห่งพรรคมังกรฟ้า
‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนเป็นดาวเด่นของพรรคมังกรฟ้าที่ผงาดขึ้นมาในช่วงสิบปีนี้ ถูกขนานนามว่าเป็นนักกระบี่ที่ยอดเยี่ยม ‘วิถีกระบี่มังกรคราม’ เก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดทางเลิศล้ำไร้เทียมทาน แม้แต่ศัตรูที่แข็งแกร่ง ในช่วงเวลาสิบวันยังเคยเอาชนะยอดฝีมือที่ลือนามมานานในยุทธภพทิศพายัพไปติดกันยี่สิบเอ็ดคน เขามีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นคนหนุ่มแข็งแกร่งทรงพลังในพรรคมังกรฟ้า
มีข่าวลือว่าการกระทบกระทั่งกับสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ครานี้เกิดจากตงฟางเจี้ยนนี่เอง
พรรคมังกรฟ้าก็เป็นอีกที่ซึ่งรวบรวมยอดฝีมือไว้
นอกจากผู้นำหลายคนในพรรค ยังมีความช่วยเหลือจากต่างแดน ‘กระบี่เขาหิมะ’ ชิวจื่อหาน ‘กระบี่มังกรเมฆา’ มู่เหรินหลง และ ‘กระบี่แจ้งใจ’ เกาเซิ่งเผิงซึ่งเข้าร่วมกับตงฟางเจี้ยนและกลายเป็นสี่จอมกระบี่แห่งยุทธภพทิศพายัพ ล้วนแล้วแต่เป็นดาวรุ่งที่ปรากฏตัวในไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับตงฟางเจี้ยน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคมังกรฟ้า แต่ด้วยคุณธรรมระหว่างพี่น้อง พวกเขาจึงมาช่วยต่อสู้ และมาปรากฏตัวใน ‘โรงเตี๊ยมสุขนิรันดร์’ เช่นกัน
การปรากฏตัวของยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในยุทธภพทิศพายัพเหล่านี้ ยิ่งดึงดูดผู้คนจากทุกสารทิศเข้ามายังอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์
สถานการณ์เช่นนี้เหมือนการตามกระแสดาราบนโลกมนุษย์อยู่บ้าง
เพียงแต่ผู้ที่คนในยุทธภพไล่ตามคือยอดฝีมือลือนาม มิใช่นักร้องหรือดาราภาพยนตร์
ในการต่อสู้เมื่อไม่กี่วันก่อน พรรคมังกรฟ้าและสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ต่างได้รับบาดเจ็บ ช่วงนี้พวกเขาหยุดพักชั่วคราวเพื่อรวบรวมกำลังและเตรียมที่จะสู้อีกครั้ง
“เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้ว ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเป็นแน่ สองสำนักใหญ่นัดหมายกันว่าอีกห้าวันให้หลังจะตัดสินแพ้ชนะกันที่ป่าหินซากพรรคเสินหนง นี่เป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว”
“ที่แห่งนั้นไม่ใช่ที่ที่ทางการอำเภอหวงห้ามหรือ?”
“ช่างสิ ก็แค่ที่ว่าการอำเภอเล็กๆ ที่หวงห้ามจะไปจัดการอะไรสองสำนักใหญ่ได้”
“แต่ในที่ว่าการอำเภอขาวพิสุทธิ์มีคนโหดร้ายผู้หนึ่งนา”
“เจ้าหมายถึงขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์? ฮ่าๆ ตำนานของเขาโด่งดังไปทั่ว แต่จะมีประโยชน์อะไร? สำนักใหญ่ทั้งสองไม่ยอมรับ พวกเขาไม่ได้เป็นกลุ่มเล็กๆ ระดับล่างอย่างพรรคเสินหนง จะไปกลัวขุนนางเมืองเล็กๆ คนหนึ่งได้อย่างไร”
“แต่ขนาดผู้แข็งแกร่งแห่งยุค ‘จอมมารจันทราโลหิต’ ยังท้าประลองขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์เลยนะ”
“ฮ่าๆ พวกเจ้าไม่รู้อะไร ว่ากันว่าเหตุผลแท้จริงที่ ‘จอมมารจันทราโลหิต’ ท้าประลองกับขุนนางเมืองหนุ่มคนนี้ ก็เพราะขุนนางเมืองหนุ่มน้อยลอบโจมตีเด็ดหัวนายตรวจการซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มของพรรคจันทราโลหิต พรรคจันทราโลหิตจึงทวงถามความยุติธรรม ดังนั้นจึงเกิดการประลองขึ้นตามธรรมเนียมของสำนักและจักรววรดิ ‘จอมมารจันทราโลหิต’ ต้องการจะปลิดชีพขุนนางเมือง เพื่อสร้างชื่อให้พรรคจันทราโลหิตที่มีระดับแล้วอย่างไรเล่า”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าขุนนางเมืองหนุ่มน้อยนั่นต้องตายอย่างแน่นอน”
“ฮ่าๆ ไม่ผิด ก็แค่กระดูกผุๆ ในสุสาน ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”
“มิน่าล่ะ ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเหล่าวีรบุรุษมารวมตัวกัน ก็ไม่เห็นขุนนางเมืองหนุ่มผู้นั้นโผล่หน้า คงตกใจขวัญหาย ตัวสั่นงันงกอยู่ในที่ว่าการเป็นแน่”
แต่ละที่ในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ ผู้คนในยุทธภพต่างมารวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวในจักรวรรดิที่โรงน้ำชา ภัตตาคาร และเหลาสุรา เรื่อง ‘นัดตัดสิน’ ระหว่างสำนักเขี้ยวพยัคฆ์กับพรรคมังกรฟ้าย่อมเป็นหัวข้อที่ถูกเอ่ยถึงมากที่สุด และ ‘เจ้าถิ่น’ อย่างหลี่มู่ย่อมเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงนับไม่ถ้วน แต่จากมุมมองของแต่ละฝ่าย เห็นได้ชัดว่าคนในยุทธภพไม่เห็นหลี่มู่อยู่ในสายตา
ในช่วงเที่ยง
ร้านน้ำชาข้างถนน คนในยุทธภพหลายสิบรวมตัวกัน กำลังดื่มชาและพูดคุย
“ได้ยินหรือยัง ‘หนึ่งดาบมังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยนพูดต่อหน้าธารกำนัลแล้ว ในครั้งนี้จะทำให้มือเหล็กของ ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงอยู่ในเขาขาวพิสุทธิ์ตลอดไป”
“ไม่ตายไม่ยอมเลิกราชัดๆ หากมือของเถี่ยเจิ้นตงถูกตัดจริง อย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าเขาเลยน่ะสิ?”
“ฮ่าๆ เจ้าคิดเยอะไปแล้ว ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ โด่งดังมาหลายสิบปี ไม่รู้ว่าทุบกะโหลกยอดฝีมือในยุทธภพไปเท่าไหร่แล้ว กับอีแค่ ‘หนึ่งดาบมังกรฟ้า’ หากต้องการกำราบผู้ที่โด่งดังมาหลายสิบปีคนหนึ่ง เกรงว่าจะมีใจแต่ไร้กำลัง”
“อืม พูดเช่นนี้ ศิษย์น้องเห็นดีกับผู้อาวุโสพวกนั้นของสำนักเขี้ยวพยัคฆ์?”
“แน่นอน อย่างไรขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด”
ผู้พูดที่มองสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ในแง่ดีเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ ไว้หนวดเครา เปี่ยมกำลังวังชา ในคำพูดที่กล่าวมั่นใจในตนเอง น้ำเสียงที่พูดจากังวานยิ่งนัก สภาพจิตใจฮึกเหิม แต่เมื่อพูดได้ครึ่งหนึ่ง เขากลับไม่ทันสังเกตว่าผู้คนมากมายที่นั่งด้วยกันมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน พวกเขาก้มศีรษะลงและไม่กล้าพูดอะไรอีก บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ราวกับว่าได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งอย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มผู้ไว้หนวดเคราเพิ่งจึงรู้สึกชอบกล
แต่ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ ก็โดนถีบเข้าที่หลังอย่างจัง
เปรี้ยง!
น้ำชาสาดกระจาย ร้านน้ำชาพังทลายลง
ชายหนุ่มมีหนวดเคราถูกถีบลอยไปไกลสองสามจั้ง บาดเจ็บไม่น้อย ซ้ำยังกระอักเลือดออกมา
ได้ยินเสียงเย็นชาเสียดแทงหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เห็นดีกับสำนักเขี้ยวพยัคฆ์? เจ้าเป็นคนของไอ้หมาแก่สำนักเขี้ยวพยัคฆ์พวกนั้นกระมัง? กล้าพูดไม่ดีกับพรรคมังกรฟ้าของข้า หากวันนี้ไม่สั่งสอนสวะอย่างเจ้าให้ดี พวกโง่ที่พูดจาไร้สาระลับหลังจะคิดว่าพรรคมังกรฟ้าสามารถรังแกได้”
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ยามหันศีรษะกลับมา มองเห็นยอดฝีมือพรรคมังกรฟ้าสิบกว่าคนปรากฏตัวอยู่เบื้องหลัง
คนพูดเป็นชายวัยยี่สิบต้นๆ เช่นเดียวกัน สวมใส่เกราะอ่อนลายมังกรแดง ด้านหลังมีกระบี่หนักกว้างเท่าฝ่ามือ ที่ชายแขนเสื้อปักลายมังกรเงินเสมือนจริง แสดงถึงฐานะศิษย์หลักในพรรคมังกรฟ้า ส่วนคนอื่นอีกสิบกว่าคนสวมเกราะอ่อนของพรรคมังกรฟ้ารูปแบบเดียวกัน กลิ่นอายไม่ธรรมดา ใบหน้าดุดัน แขนเสื้อปักลายมังกรทองแดง สถานะต่ำกว่ามังกรสีเงินเล็กน้อย แต่ก็จัดว่าเป็นชั้นยอดในพรรคมังกรฟ้า
“ข้า…” ชายหนุ่มไว้หนวดเคราเลือดกบปาก สีหน้าหวาดกลัว อ้าปากจะอธิบายอะไรบางอย่าง
……………………………………….
[1] ประตูเมืองไฟไหม้ เดือดร้อนไปถึงปลาในบ่อ หมายถึง คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่พลอยรับเคราะห์ไปด้วย คล้ายกับสำนวนว่าปลาติดหลังแห