จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 76 บุ่มบ่าม
การลงมือของหลี่มู่สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนเป็นอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย
แค่ยกมือก็โยนก้อนหินหนักหลายหมื่นจินที่ฝังตัวอยู่ในโคลนไปบนท้องฟ้าหลายร้อยจั้ง พละกำลังเช่นนี้เกินความเข้าใจด้านกำลังภายในและการต่อสู้ของพวกเขาไปแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาใช้สายตาตื่นตะลึงมองหลี่มู่ แล้วพบว่าร่างของเขาไม่มีคลื่นกำลังภายในเลยแม้แต่น้อย หรือก็คือภาพน่าพรั่นพรึงจนแทบหยุดหายใจเมื่อครู่อาศัยพลังกายล้วนๆ
สวรรค์
โลกนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?
ในแผ่นดินใหญ่เสินโจว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักใหญ่ทั้งเก้า เป็นจอมยุทธ์ที่ฝ่าฟันไปในใต้หล้า หรือยอดฝีมือเชื้อพระวงศ์ของจักรวรรดิ ก็ไม่ออกนอกขอบเขตวิถียุทธ์กำลังภายในหรือพลังฝึกสายเวทสองเส้นทางฝึกนี้…เงื่อนไขด้านพรสวรรค์ของผู้ฝึกฝนพลังเวทสูงกว่า ดังนั้นจอมเวทเทียบกับจอมยุทธ์แล้วจึงมีจำนวนค่อนข้างน้อย ทั้งยังไม่ถนัดการสู้เพียงลำพัง
บนร่างของหลี่มู่ไม่มีทั้งคลื่นกำลังภายใน ไม่มีทั้งพลังเวท อาศัยเพียงแค่กำลังกายก็มีผลถึงเพียงนี้ได้…การฝึกฝนกายแฝงไว้ด้วยขีดจำกัดของพรสวรรค์ เป็นขั้นต่ำที่สุดของการฝึกฝนการต่อสู้ ในประวัติศาสตร์ ผู้ฝึกฝนกายที่โดดเด่นที่สุดก็มีพลังไม่เกินกี่พันจิน กระโดดได้สูงยิ่งกว่า วิ่งได้เร็วยิ่งกว่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธ์กำลังภายในและจอมเวท โดยพื้นฐานแล้วก็เป็นฝ่ายโดนสังหาร
แต่ตอนนี้ หลี่มู่กลับผลักดันกำลังกายได้ถึงระดับนี้?
เขาไม่ใช่ปีศาจที่คลุมหนังมนุษย์จริงๆ หรือ?
แต่บนร่างของเขาไม่มีไอปีศาจเลยแม้แต่น้อยนี่?
แม้แต่ขอทานเฒ่าก็ยังมีท่าทีราวกับเห็นผี
สุนัขอ้วนสีน้ำตาลลายขาวที่อยู่ข้างกายเขาอ้าปากกว้างยิ่งกว่าขอทานเฒ่าเสียอีก ท่าทางอย่างกับมนุษย์ ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
คนที่สีหน้าท่าทางปกติมีเพียงโลลิน้อยหมิงเยวี่ยเท่านั้น
สีหน้าของเด็กน้อยราบเรียบ แววตาเหม่อลอยมองทุกอย่างรอบกาย ก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่หลี่มู่และดูเป็นห่วงเป็นใยเล็กน้อย ท่าทางนิ่งเงียบเหมือนง่วงมาก ใกล้จะหลับแล้วเต็มที
แต่ท่าทางปกติที่ว่าของนางเช่นนี้ กลับเป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติ
เพราะหากเปลี่ยนเป็นนางในยามปกติ เกรงว่าป่านนี้คงจะกระโดดโลดเต้นร้องโหวกเหวกไปแล้ว
สนามต่อสู้ที่แต่เดิมดุเดือดเลือดพล่าน หยุดชะงักลงอย่างประหลาดเพราะการเปลี่ยนแปลงชั่วเสี้ยวขณะนี้
ส่วนหลี่มู่ที่เป็นเป้าสายตากลับไม่รู้สึกด้านนี้เลยสักนิด
เขาปัดโคลนกลางฝ่ามือ มองไปรอบด้าน หาก้อนหินที่สามารถเอามาใช้ได้อีกก้อนหนึ่ง
ซ่า ตูม!
ในบึงน้ำทะเลสาบปะทุเกลียวน้ำสูงกว่าร้อยจั้งขึ้นมา
เจียวยักษ์พุ่งออกจากผืนน้ำอีกครั้งท่ามกลางเสียงคำราม
ดวงตาแดงก่ำของมันราวมีเลือดรินไหล ฝ่าทะลวงม่านราตรีที่มีละอองหมอกคลุมเครือพลางมองมายังหลี่มู่ ดุจดั่งกระบี่คมพุ่งเข้ามา ความเร็วไปถึงขีดสูงสุด
ใจของหลี่มู่เกิดความกลัวและสยดสยองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาสำแดงวิชาตัวเบาหนีไปจากที่ตรงนั้น
“รีบลงมือเร็ว”
ชายวัยกลางคนชุดดำตะโกนขึ้น
เขามองออกแล้วว่าหลี่มู่เป็นเพียงคนเดียวในคนทั้งหมดที่สร้างภัยคุกคามให้กับเจียวได้ จะต้องดึงระยะห่างและหาโอกาสให้เขาใช้วิธีโยนหินทำร้ายเจียวจนได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง เพราะกระบวนท่าและเคล็ดวิชาต่างๆ ของคนอื่นยากจะสร้างผลกระทบให้กับเจียวยักษ์ได้
คมวายุสีดำนับไม่ถ้วนหอบม้วนมาราวพายุคลั่ง และหุ้มล้อมเจียวเอาไว้ข้างใน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
คมวายุฟันไปบนร่างเจียว ปะทุสะเก็ดไฟออกมาดั่งฟันไปบนเหล็ก ทั้งหมดแหลกละเอียดกระเด็นออกมา เกล็ดของมันเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคิด คมวายุมากมายถึงเพียงนั้นกลับไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้กับมันได้เลย
“พันธนาการหยินหยาง!”
‘ใจมาร’ หลิงลี่คำราม หมอกพลังเวทสีขาวดำตลบทั่วกาย มือทั้งสองสะบัดไปข้างหน้าทันที หมอกพลังเวททั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นเชือกเส้นมหึมาสีขาวดำสองเส้นพันรัดไปบนร่างของเจียว ทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลง
‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์กับผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงร่างกระโดดวูบไหวไปในหุบผาไม่หยุด คอยเปลี่ยนกระบวนท่าและตำแหน่งโจมตีเจียว
แต่คมกระบี่ฟาดฟันบนร่างของเจียวก็เหมือนกับคมวายุเหล่านั้น ปะทุเป็นสะเก็ดไฟ สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่รู้หน้าที่ ต่างวางตนไว้ในตำแหน่งตรึงกำลังและดึงความสนใจของเจียว เพื่อสร้างโอกาสให้แก่หลี่มู่
นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขารู้สึกว่าหลี่มู่แข็งแกร่งกว่าพวกตนจริง
แต่เป็นสัญชาตญาณและความเข้าในการต่อสู้
ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเช่นไป๋หรูซวงและ ‘หน้าเซียนใจมาร’ ศัตรูคู่อาฆาต ถึงแม้ปกติแล้วต่างมองกันเป็นศัตรู คิดอยากจะเอาชนะอีกฝ่ายอยู่ตลอด แต่ในการต่อสู้เช่นนี้กลับร่วมมือกันเป็นอย่างดี
แน่นอน นี่เกี่ยวกับความเย้ายวนของผลประโยชน์ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาด้วย
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเจียวที่ใกล้แปลงเป็นมังกรเชียว มันล้ำค่ายิ่งนัก ถึงแม้จะได้เลือดเจียวมาแค่หยดเดียวก็มากพอจะเปลี่ยนหนทางแห่งวิถียุทธ์ของพวกเขาได้เลย
เพื่อโอกาสที่ยากจะพานพบเช่นนี้ ต่อให้ต้องร่วมมือกับศัตรูคู่อาฆาตแล้วจะอย่างไร?
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ดึงความโกรธแค้นจากเจียวได้ทันที
หลี่มู่หาหินก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่งเจอ มันใหญ่กว่าก้อนที่โยนมาเมื่อครู่ สองแขนเพียงออกแรงก็โยนออกมาเสียงดังฟิ้ว ลอยออกไปอย่างง่ายดาย
“มารดาเจ้าสิ…”
ขอทานเฒ่าหลุดปากสบถ
ลูกตาเขาแทบถลนออกมา
เพราะครั้งนี้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
หินยักษ์หนักถึงแสนจิน หลี่มู่โยนออกไปเหมือนกับโยนถุงทรายก็ไม่ปาน
เร็วประดุจอุกาบาต
ขอทานเฒ่ายากจะเชื่อจริงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีตัวประหลาดแบบนี้อยู่ด้วย
ในกายของมนุษย์มีพลังแบบนี้ด้วยหรือ?
มารดามันเป็นตัวประหลาดอะไรกันแน่
สุนัขอ้วนสีน้ำตาลลายขาวตกใจเสียจนหางจุกก้น
เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อยเลย
ตูม!
เจียวยักษ์โดนกระแทกเข้าอีกครั้งอย่างไม่ผิดคาด
หินแตกกระจาย น้ำทะเลสาบมวลใหญ่รวมกับเศษหิน ผสมปนเปอยู่ด้วยกัน ราวกับเกิดโคลนถล่มอย่างไรอย่างนั้น หุบผาลึกหลังเขาที่แต่เดิมทิวทัศน์งดงามเงียบสงบ บัดนี้ประหนึ่งวันสิ้นโลก
ส่วนร่างมหึมาของเจียวก็โดนกระแทกโซซัดโซเซ และร่วงกลับลงไปในน้ำอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้ของหลี่มู่น่ากลัวเพียงใด
“เยี่ยม…”
จอมเวทวัยกลางคนชุดดำร้องยินดีอย่างอดไม่ได้
แต่ในตอนนี้เอง หลี่มู่หน้าเปลี่ยนสีทันที ร้องตะโกนขึ้นว่า “ระวัง…”
ยังพูดไม่ทันจบ
หางมหึมาของเจียวยักษ์พุ่งออกมาจากผืนน้ำราวกับสายฟ้าแลบ แล้วแหวกผ่านท้องฟ้าฟาดไปยังร่างของจอมเวทชุดดำวัยกลางคนเต็มแรง
บึ้ม!
ท่ามกลางเสียงร้องอู้อี้ จอมเวทวัยกลางคนที่ไม่ได้ป้องกันเลยแม้แต่น้อย โล่คุ้มกันพลังเวทสีดำรอบกายแหลกละเอียด ทั้งร่างกระเด็นไปไกลหลายร้อยจั้งเหมือนผีเสื้อที่โดนไม้ช็อตยุงหวดเข้าให้ กระแทกเข้ากับหุบผาเต็มเปา
หน้าผาแข็งโดนกระแทกเป็นหลุมใหญ่รูปคนที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง
ในขณะเดียวกัน เจียวยักษ์ที่กำลังความโกรธก็ทะยานขึ้นมาจากน้ำด้วยความเร็วมากกว่าครั้งแรก ราวกับสายฟ้าฟาด กรงเล็บตวัดออกมาคว้า ‘หน้ามาร’ หลิงลี่จอมเวทอีกคนหนึ่งเอาไว้
ในโลกวิถียุทธ์มีคำกล่าวที่ว่า ‘มังกรตวัดเล็บ’ ความหมายคือเทพมังกรตวัดเล็บในเมฆหมอก แฝงไว้ด้วยจิตสูงสุดแห่งวิถียุทธ์อันเยี่ยมยอด ไม่อาจหาร่องรอยของมันได้ พลังคุกคามมหาศาล ว่ากันว่าต่อให้เป็นเทพเซียนหรือกระทั่งปีศาจที่แก่กล้าก็ยากจะต้านทานพลังตวัดเล็บนี้ของเทพมังกรได้
เคยมีปราชญ์เมธีคนรุ่นก่อนแห่งโลกวิถียุทธ์ได้เห็นภาพเทพมังกรตวัดเล็บโดยบังเอิญ จึงเกิดแรงบันดาลใจ เลียนแบบเทพมังกรตวัดเล็บสร้างกระบวนท่าที่พลังมหาศาลออกมา และส่งผลกับคนรุ่นหลังอย่างลึกซึ้ง
ยกตัวอย่างเช่น ‘เพลงกระบี่มังกรเมฆาผงาด’ ที่ ‘กระบี่มังกรฟ้า’ ของมู่เหรินหลงในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ก่อนหน้านี้ฝึกฝน ก็มีที่มามาจากจุดนี้เช่นกัน
แต่ว่า ‘เพลงกระบี่มังกรเมฆาผงาด’ ของมู่เหรินหลงก็เป็นแค่ฉบับปลายแถว หยาบเกินไป แน่นอนว่าห่างชั้นกับจิตสูงสุดแห่งวิถียุทธ์ของเทพมังกรตวัดเล็บเป็นหมื่นโยชน์ แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็มากพอทำให้เขาเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นยอดในยุทธจักรทิศพายัพแล้ว
ตอนนี้ เจียวยักษ์ใกล้จะกลายเป็นมังกรเต็มที กรงเล็บนี้ตวัดมา แม้แต่ ‘ใจมาร’ หลิงลี่ที่แข็งแกร่งก็ยังตั้งตัวไม่ทัน ถูกจับเอาไว้พอดี
กรงเล็บมหึมาของเจียวจับคนเป็นๆ เอาไว้ ก็เหมือนกับบี้แมลงวันอย่างไรอย่างนั้น
“โล่หยินหยาง”
‘ใจมาร’ แม้ตกอยู่ในอันตรายก็ไม่ลนลาน เขาคำรามลั่น พลังหยินหยางปะทุทั่วร่างแล้วหมุนวนแปรเปลี่ยนเป็นโล่ขนาดใหญ่ทรงกลมคุ้มกันเขาเอาไว้ข้างใน
แต่เจียวเพียงแค่ออกแรง เสียงเปรี๊ยะก็ก้องกังวาน โล่ทรงกลมสีดำขาวเกิดเป็นรอยร้าว
เห็น ‘ใจมาร’ หลิงลี่ใกล้จะถูกขยี้เป็นเนื้อเละๆ เต็มที
“ท่านพี่…”
‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์หน้าซีดทันใด
นางโจมตีเจียวยักษ์อย่างบ้าคลั่ง คิดจะช่วยคนมา
เจียวยักษ์คำรามอย่างโมโห หางสะบัดมา
เทพมังกรสะบัดหาง
ตูม!
โจวเข่อเอ๋อร์โดนซัดลอยกระเด็นราวกับดาวตก กระแทกเข้าไปในหุบผาข้างๆ
เพียงชั่วพริบตา ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ก็เหลือเพียงผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงเท่านั้น
หลี่มู่ได้เห็นใจก็ตื่นตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?
เจียวยักษ์คุ้มคลั่งถึงขั้นนี้เชียว?
สถานการณ์ต่อสู้กลายเป็นถูกบดขยี้อยู่ฝ่ายเดียวในพริบตา
ถ้าอย่างนั้นจะสู้กันอยู่อีกทำซากอะไรเล่า
หลี่มู่คิดหนีขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
เมื่อพูดถึงเรื่องหนี หลี่มู่ไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
ในเมื่อมีคำสั่งสอนสิบปีและคำพร่ำบ่นก่อนจากกันของซินแสเฒ่าเจ้าเล่ห์อยู่
ปลอดภัยไว้ก่อน
มีชีวิตอยู่ถึงจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้
ตอนนั้นเซี่ยงอวี่ (ฌ้อปาอ๋อง) ตีหลิวปังเสียเป็นสุนัข แต่อย่างไรเขาก็มีชีวิตรอดทุกครั้ง สุดท้ายจึงมีอาณาจักรต้าฮั่นในวันหลังได้
อีกทั้งหลี่มู่ยังแบกความหวังของโลกเอาไว้อยู่
หากตายอยู่ที่นี่ ยี่สิบปีให้หลังโลกถูกบุกแล้วจะทำยังไง?
ความคิดทุกอย่างนี้ผุดวาบขึ้นมาในหัวของลี่มู่ ตอนที่เขาคิดจะหมุนตัวพาหมิงเยวี่ยหนี ก็หันหน้าไปเห็นหมิงเยวี่ยยืนอยู่ริมฝั่งอย่างนิ่งเงียบอยู่ที่ไกลๆ ใบหน้าติดจะขลาดกลัว ร่างเปียกโชกเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ท่าทางขี้ขลาด หวาดกลัว ทำตัวไม่ถูกเช่นนั้น ช่างยากที่จะใช้คำพูดมาบรรยายจริงๆ
แววตาและท่าทางนั้น ราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของหลี่มู่
เขาคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของขอทานเฒ่าทันที
นี่คือโอกาสสุดท้ายของหมิงเยวี่ยแล้ว
หากพลาดโอกาสคืนนี้ และเจียวตัวนี้หลบซ่อนตัวลงไปเอาเลือดเจียวมาไม่ได้ หมิงเยวี่ยมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกจิตปีศาจในร่างกัดกิน
หรือจะมองเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยที่ดีกับตนโดยไม่หวังผลตอบแทนและมีเพียงแค่สองคนบนดาวดวงนี้ตายไปกับตาด้วยอายุเพียงเท่านี้?
หลี่มู่ตัวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ
เขาไม่สนผลที่จะตามมา โยนคำสอนในวันวานของซินแสเฒ่าทิ้งไป ร้องลั่นแล้วแปลงเป็นสายฟ้าพุ่งไปยังเจียวยักษ์ที่กำลังโกรธแค้นเหี้ยมโหด
……………………………………………………