จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 78 พูดภาษาคนแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้แต่ตัวหลี่มู่เองก็ไม่แน่ใจว่าขีดจำกัดของพลังที่แฝงอยู่ในร่างตนอยู่ที่ใด
เพราะไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนสามารถบีบให้เขาปะทุพลังมหาศาลออกมาทั้งหมดได้เลย
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ ยอดฝีมือจอมยุทธ์ที่ว่าพวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นในยามที่ต่อสู้กับจตุรเทพหรือซือคงจิ้งของพรรคเสินหนง ตอนที่เผชิญหน้ากับ ‘มือเหล็กสะท้านฟ้า’ เถี่ยเจิ้นตงกับ ‘หนึ่งกระบี่มังกรฟ้า’ ตงฟางเจี้ยน หรือต่อให้เป็นตอนเผชิญหน้า ‘ดาบกระชากวิญญาณ’ อู่เปียวคนบ้าแซ่อู่ที่สร้างความกดดันให้เขาได้มากที่สุด เขาก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ต่อให้เคล็ดวิชาดาบสู้ไม่ได้ แต่ขอแค่เขาเลิกสู้ด้วยดาบแล้วสำแดงพลังกายและความเร็วที่น่ากลัวจนไร้เหตุผล ต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่น ‘ดาบกระชากวิญญาณ’ อู่เปียวก็ถูกเขาอัดเละในสองสามหมัดได้
หากพูดอย่างสุดจะวางมาดอีกประโยคคือ ในด้านประลองพลังล้วนๆ หลี่มู่ยังไม่เคยได้เจอคู่มือเลย
แต่ตอนนี้ หลังจากที่ผ่านการ ‘งัดข้อ’ กับเจียวยักษ์เมื่อครู่ เขารู้ว่าในที่สุดก็ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สามารถสู้กันซึ่งหน้าและมีพลังต้านทานกับตนแล้ว
ความรู้สึกที่ได้เจอผู้มีความสามารถแบบเพชรตัดเพชรเช่นนี้ มันช่างสะใจเสียจริงๆ
ในที่สุดก็สามารถทิ้งความกังวลต่อทุกสิ่ง สู้ได้อย่างหนำใจเสียที
ไม่นานนัก เจียวยักษ์ก็สลัดหลี่มู่ลงมาจากหัวได้
ตูม!
ร่างของเขากระแทกเข้ากับหุบเหวหน้าผาเต็มแรง
จุดจบของเขาไม่ต่างอะไรกับนักเวทชุดดำวัยกลางคนและนักพรตตาบอดนัก หลี่มู่กระแทกหุบเหวจนเป็นหลุมรูปคนหลุมใหญ่
หินผาแตกกระจายร่วงลงมา
แต่สิ่งที่ต่างกับพวกนักเวทชุดดำทั้งสองคือ หลี่มู่แทบจะดีดตัวออกมาจากหลุมใหญ่นั่นราวกับสายฟ้าแลบทันที
“เอาอีกครั้ง”
เขาหัวเราะร่า กล้าหาญองอาจ
ผู้ชาย ต่อให้เป็นผู้ชายบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบหลี่มู่ก็บ้าระห่ำในการต่อสู้ได้ง่าย
โดยเฉพาะการใช้พลังซัดกันตรงๆ ไม่เพียงแต่ไม่สร้างอาการเจ็บใดๆ ให้กับเขา ซ้ำยังทำให้เลือดร้อนในอกลุกไหม้ขึ้น ประหนึ่งว่าคุ้มคลั่งไปแล้ว
หลี่มู่ดีดตัวพุ่งไป หมัดหนึ่งซัดไปบนหัวของเจียวยักษ์
ทั้งสองฝ่ายเปรียบเทียบกันแล้ว หมัดของหลี่มู่ยังใหญ่ไม่เท่าเกล็ดหนึ่งของเจียวเลยด้วยซ้ำ
ภาพเช่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนหมัดของมดชกไปที่หัวของกิ้งก่ายักษ์
แต่เจียวยักษ์กลับเหมือนโดนดาวตกทำลายล้างโลกจากฟ้ากระแทกเข้าใส่
ท่ามกลางเสียงร้องเจ็บปวดของมัน เกล็ดสามสี่เกล็ดร่วงลงมา
จากพลังของหมัดนี้ หัวและร่างมหึมาท่อนบนของมันลอยตีลังกาไปอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนกระแทกกับหุบเหวลึกเข้าเต็มเปา
ครืน ตูม!
หน้าผาถล่มลงมาทีละส่วนใหญ่ๆ ราวกับแผ่นดินไหว
หินผาก้อนโตกลิ้งลงมา ร่วงไปยังริมบึงน้ำตกและริมทะเลสาบ
ภาพเช่นนี้เหมือนว่าแผ่นดินไหวมาเยือน แผ่นดินถล่มทลาย
“แย่แล้ว”
หลี่มู่ที่โจมตีเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จพลันนึกขึ้นมาได้ว่าโลลิน้อยหมิงเยวี่ยยังยืนอยู่ริมทะเลสาบ และต้องการการปกป้อง
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นางที่ไม่มีพลังในการปกป้องตัวเองแม้แต่น้อยอันตรายเกินไป
แต่ว่าเมื่อหันไปดูเขาก็โล่งใจ
เพราะขอทานเฒ่าและสุนัขสีน้ำตาลพานางออกมาจากเขตอันตรายแล้ว
สองคนหนึ่งหมาการจับกลุ่มที่สุดแสนจะมีเอกลักษณ์ยืนอยู่ไกลลิบ ไม่มีทางสะเทือนไปถึง
อีกทั้งในตอนนี้ดูไปแล้วขอทานเฒ่าก็เหมือนจะไม่มีแผนฉวยโอกาสช่วงวุ่นวายขโมยตัวหมิงเยวี่ยไปด้วย
เห็นตาเฒ่ากำลังมองหลี่มู่สู้กับเจียวด้วยแววตาเป็นประกาย
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอ หากหลี่มู่ทำให้เจียวบาดเจ็บได้จริงๆ ไม่สิ ที่ดีที่สุดคือทั้งสองต่างบาดเจ็บหนัก เขาก็จะพุ่งออกไปแบ่งผลประโยชน์ เอาเลือดมาเล็กน้อย ท่าทางเหมือนนั่งดูพยัคฆ์สู้กันอย่างไร้ยางอายชัดๆ
‘ตาแก่นี่’
หลี่มู่สบถด่าในใจ
แต่ว่าอยู่ในการต่อสู้จะวอกแวกได้อย่างไร?
ครืน ตูม ตูม!
ท่ามกลางละอองหมอกถาโถมตลบอบอวล หางของเจียวราวกับแส้เพลิงมรณะสีดำจากนรก ในที่สุดก็คว้าโอกาสเอาไว้ได้ ฟาดมายังร่างของหลี่มู่เต็มแรง
หลี่มู่ราวกับลูกเบสบอลที่โดนไม้เบสบอลหวดเข้า ลอยไปเสียงดังอีกครั้ง
ครืน!
บนหุบผาถูกกระแทกเป็นหลุมใหญ่ยักษ์ลึกกว่าสามจั้งทันที
“แค่ก แค่ก…”
หลี่มู่ตัวฝังอยู่ในหลุม การปะทะอันรุนแรงทำให้แขนขาของเขาชา ตอนที่ไอเอ็นกระดูกทั่วร่างปวดระบม
ตูม!
หางของเจียวโจมตีมายังหุบผาอีกครั้งราวกับเงาตามตัว
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
สัตว์ตัวนี้ท่าทางเหมือนจะฟาดให้หลี่มู่กลายเป็นหมูแผ่นคาหุบผา
ตึง ตึง ตึง!
หุบผาส่งเสียงสนั่นหวั่นไหวดังเลื่อนลั่น
ภายใต้พลังของเจียวยักษ์ตัวนี้ หุบผาสั่นไหวราวกับมนุษย์ที่รับการโจมตีไม่อยู่
หินผาก้อนใหญ่แต่ละก้อนๆ ร่วงลงจากหุบผา ประหนึ่งอุกาบาตพุ่งลงมาจากฟ้า ทั่วบริเวณน้ำตกระเกะระกะ ต้นไม้สูงเสียดฟ้าหักโค่นไปไม่รู้ต่อกี่ต้น
“พวกเราต้องไปช่วยไหม? ต้าหวง?”
ขอทานเฒ่าลูบคาง ท่าทีกังวลเล็กน้อย
“โฮ่ง”
สุนัขสีน้ำตาลตอบ
“คนอายุน้อยยังขาดประสบการณ์ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าตัวเล็กนี่จะโดนสับเป็นหมูบะช่อเอานา” ขอทานเฒ่าพูด
“โฮ่ง” ต้าหวงบอก
“แต่ว่าในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดใต้สุริยันจันทราทั้งสอง หากข้าลงมือรังแกเจียวตัวน้อยที่ยังแปลงเป็นมังกรได้ไม่สำเร็จ จะเป็นการรังแกกันไปรึเปล่า?” เขาถามขึ้นอีก
“โฮ่ง”
ต้าหวงขานตอบ
สุนัขสีน้ำตาลลายขาวตัวอ้วนโตก้มหัวลงไป จากนั้นก็ใช้ขาหน้าทั้งสองกุมหัว ท่าทางอับจนคำพูดเหมือนข้าต้องอับอายขายขี้หน้าเพราะเจ้า
ขอทานเฒ่าเอ่ยไม่ออก
“ช่วย…” เด็กรับใช้บัณฑิตน้อยหมิงเยวี่ยที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเอ่ยปากขึ้น
นางดึงแขนเสื้อของทานเฒ่าอย่างขลาดกลัว ร้องขออย่างอึกอัก
ใบหน้าของหมิงเยวี่ยน้อยไม่มีความสดใสใจกล้าที่ดูเอาแต่ใจอย่างในยามปกติ แต่กลับมีทีท่าที่มองไปแล้วชวนให้รู้สึกว่าอ่อนแอ ขี้ขลาด จิตใจดี เขินอาย น่าทะนุถนอม ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
‘นี่ถึงจะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางรึ?’
ขอทานเฒ่าทอดถอนใจเพียงลำพัง
ในสภาพแวดล้อมที่ไอมังกรเจียวปะทุ ภูตปีศาจในร่างถูกควบคุม ดังนั้นนางจึงแสดงนิสัยที่แท้จริงของตนออกมา โฉมหน้าที่แท้จริงของเด็กรับใช้คนนี้แท้ที่จริงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่จิตใจดี ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้อย่างนั้นหรือ?
อันที่จริงขอทานเฒ่าก็มองไม่ออกว่าภูตปีศาจที่สิงสู่อยู่ในกายของเด็กน้อยนี่มีความเป็นมาอย่างไร
สิ่งที่ทำให้เขายิ่งสงสัยก็คือ ดูจากทีท่าที่แสดงออกมาในตอนนี้ของเด็กน้อย นางยังจะให้เขาลงมือช่วยหลี่มู่ เช่นนั้นก็หมายความว่าถึงแม้ยามปกติภูตปีศาจจะควบคุมร่างกาย ยึดครองบุคลิกหลัก แต่นางก็ยังมีความรู้สึกและความทรงจำต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก กับหลี่มู่เจ้านายคนนี้ก็มีความรู้สึกเช่นกัน
นี่ก็หมายความว่าการมีอยู่ของภูตปีศาจลึกลับไม่ได้กัดกินสามจิตเจ็ดวิญญาณของนาง
ไม่สมเหตุสมผลเลย
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าร่างที่ภูตปีศาจยึดครองจนถึงระดับนี้แล้วกลับยังไม่เริ่มกัดกินวิญญาณของเจ้าของร่าง…เพราะภูตปีศาจล้วนเป็นสิ่งนอกรีตที่ทั้งชั่วร้ายและละโมบ พวกมันมักเอาวิญญาณและจิตใจของเจ้าของร่างมาเป็นอาหารและของบำรุง
“โฮ่ง!”
ต้าหวงยกอุ้งเท้าหน้า ชี้ไปยังสนามรบที่ประหนึ่งระเบิดปะทุอยู่ไกลออกไป
ความหมายชัดมาก ลงมือเข้าเถอะ อย่ามัวแต่ชักช้าเลย
ขอทานเฒ่าเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฮ้อ ตอนนั้นเพราะสำเร็จวิชาเทพ ไม่ได้ควบคุมพลัง หลังจากที่พลั้งสังหารผู้คนไปหลายหมื่น ข้าก็สาบานเอาไว้ว่าจะไม่ลงมืออีกต่อไป จะไม่สำแดงวิทยายุทธให้ผู้ใดได้เห็น โลกใต้สุริยันจันทราทั้งสองไม่อาจรับพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ของข้าได้…หากข้าลงมือ โลกนี้ก็จะเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง…”
ฟี้ ปู้ด!
ต้าหวงผายลมเสียงดังขัดคำพูดของขอทานเฒ่าอย่างป่าเถื่อนยิ่ง
มันมุดหัวเข้ากับขาหน้าอีกครั้ง
ทำอย่างไรดี?
คู่หูชราของมันหน้าไม่อายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
คำขี้โม้เช่นนี้ก็ยังพูดออกมาได้
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ขอทานเฒ่าโมโห
หมิงเยวี่ยดึงแขนเสื้อของเขาอย่างขลาดกลัวอีกครั้ง “ขอร้อง…ช่วย…” นางมองไปยังที่ไกลๆ อย่างเป็นกังวล เจียวที่โมโหฟาดหางใส่หุบผาจนแตกออกเป็นก้อนๆ แทบจะซัดเสียจนหุบเหวลึกพังทลายลง กำแพงหินกลายเป็นฝุ่นผง หลี่มู่ที่อยู่ในนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
“ก็ได้ เพื่อลูกศิษย์ในอนาคต…”
ขอทานเฒ่าเศร้าสร้อยระคนฮึกเหิมราวกับท้องผูก
แต่ทว่าในตอนนี้เอง การเปลี่ยนแปลงอันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ตูม!
ในหุบผาที่ถูกฟาดเป็นหลุมลึกลงไปสิบจั้ง อีกทั้งถล่มลงเป็นร้อยเป็นพันรอบแล้ว แสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา
“ว้ากกกก ไอ้ชั่ว เสื้อของข้าเพิ่งจะใส่ได้ไม่ถึงวัน”
หลี่มู่ตวาดอย่างโกรธแค้น
ทั่วร่างของเขาเปลือยเปล่า
หลี่มู่ล่อนจ้อนอีกครั้งเหมือนกับหมูตัวขาว
ร่างกายที่ผ่านการยกระดับจาก ‘หมัดยุทธ์แท้’ และ ‘วิชาก่อนกำเนิด’ แข็งแกร่งดั่งสัตว์ประหลาด ต่อให้โดนหางของเจียวฟาดเข้าอย่างมากก็แค่เจ็บเนื้อตัวเฉยๆ อีกทั้งพลังฟื้นฟูร่างกายของเขาก็น่าตื่นตะลึง กระดูกหักเป็นแค่เรื่องเล็กที่เกือบชั่วอึดใจก็สมานดีแล้ว ในการต่อสู้ที่ดูเหมือนน่ากลัวเช่นนี้เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
แต่ว่าเสื้อผ้าบนร่างกาย ต่อให้ตัวขี้ประจบเฝิงหยวนซิงตั้งใจตัดเย็บให้ ผ้าที่ใช้ล้วนเป็นผ้าชั้นยอด แต่ผ้าอย่างไรเสียก็คือผ้า ไม่อาจรับการโจมตีจากหางเจียวยักษ์ได้ จึงกลายเป็นฝุ่นผงปลิวไปหมดแล้ว
ท่อนบนล่างของหลี่มู่เปลือยเปล่าอีกครั้ง
เมื่อผู้แข็งแกร่งด้านกำลังกายสู้อย่างสาแก่ใจก็มักจะเจอกับความกระอักกระอ่วนที่หลีกเลี่ยงได้ยากเช่นนี้
อีกด้านหนึ่ง ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์เห็นภาพนี้ก็หน้าแดงอย่างอดไม่ได้ นางประคองหลิงลี่ถอยหลังหลบไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วเบนสายตาหนี
คนทั้งหลายที่นั่น มีนางเพียงคนเดียวที่เป็นสตรี
หลี่มู่ที่หลุดจากอันตรายมาได้ก็ราวกับสิงโตคลั่ง
เขาพุ่งเข้าไปก่อน มือทั้งสองจับหางที่ฟาดลงมาของเจียวไว้ พลังประหลาดในกายปะทุออกมารดุจน้ำป่า จากนั้นลากเจียวกลับหัวกลับหางราวกับเหวี่ยงเชือก ก่อนจะฟาดไปยังหุบผาอย่างแรง
ครืน ตูม!
ร่างมหึมายาวสองร้อยกว่าจั้งของเจียวยักษ์ถูกลากออกมาจากน้ำ กว่าครึ่งส่วนกระแทกเข้าไปในหุบผา
“อะไรกัน?” โจวเข่อเอ๋อร์ส่งเสียงอย่างตื่นตะลึง
นี่คือพลังอะไรกัน
ในโลกมนุษย์ไยจึงมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ด้วย?
นี่ไม่ใช่พลังของเทพมารปีศาจในตำนานหรอกหรือ?
ทำไมถึงมาปรากฏอยู่ในร่างของมนุษย์คนหนึ่งได้?
“โฮ่ง…สวรรค์!” สุนัขน้ำตาลพูดภาษาคนขึ้นมา
ขอทานเฒ่าตื่นจากความตื่นตะลึง เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาสะดุ้งตกใจแล้วรีบอุดปากเจ้าหมาน้ำตาล เพื่อไม่ให้เจ้านี่พูดภาษาคนอย่างน่าตกอกตกใจต่อ
ตูม ตูม ตูม!
หลี่มู่จับหางของเจียวยักษ์ เหวี่ยงมันไปมาเหมือนสะบัดเชือก ฟาดไปกับหุบผาไม่หยุด
หินผาทลายลงมา
“คืนชุดข้ามาซะ”
หลี่มู่โมโหสุดๆ
นาจาที่ยังเป็นเด็กเคยเลาะเอ็นราชามังกรน้อยมาทำเข็มขัดให้กับหลี่จิ้งผู้เป็นบิดา เรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจและชี้ทางสว่างให้กับเขา
เขาจะเลาะเกล็ดของเจียวตัวนี้ออกมาทำเสื้อเสีย
เสื้อจากวัสดุเช่นนี้ สวมใส่ไว้คงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เสื้อผ้าเสียหายจนต้องล่อนจ้อนตอนต่อสู้แล้วกระมัง?
……………………………………………………