จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 80 เจ้าเป็นใคร
“ข้า…” ขอทานเฒ่าอับจนคำพูดต่อไป โกรธจนอกแทบแตก พูดพลางกัดฟันกรอด “เห็นทีเจ้าจะเจ็บน้อยไป”
หลี่มู่ไม่สนใจ
เขาโคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’ เข้าสู่สภาวะกระตุ้น ปรับจังหวะการหายใจ พลังฟื้นฟูตัวเองที่น่ากลัวของหลี่มู่ปรากฏชัดเจน บาดแผลที่เลือดไหลรินแทบจะแค่ไม่กี่อึดใจก็สมานตัวดีแล้ว
พลังก็ฟื้นกลับคืนมาเยอะเช่นกัน
เขากัดฟันพลางกำด้ามกระบี่ ก่อนชักกระบี่ที่เสียบคาอยู่ในร่างออกมาทันทีอย่างใจเด็ดแล้วถือเอาไว้
เขาประเมินอยู่ครู่หนึ่ง น้ำหนักพอใช้ได้
กระบี่โบราณวัสดุคล้ายหินผาสีขาว มีรอยธรรมชาติเป็นทางๆ เหมือนลวดลายของหิน ตัวกระบี่สัมผัสแล้วอุ่นเหมือนหยกเนื้อดี คมกระบี่ดูแล้วก็คมกริบยิ่ง
‘กระบี่เล่มนี้ค่อนข้างประหลาด บางทีอาจจะฟันหนังของเจียวเข้า’
หลี่มู่ได้ความคิด
ภายใต้พลังฟื้นตัวของกายเนื้ออันน่ากลัว เลือดจากบาดแผลที่สะบักไหล่หยุดลงแล้ว
หลี่มู่กัดฟัน ใช้กระบี่ต่างดาบลงมืออีกครั้ง
และในตอนนี้เอง เจียวยักษ์สะบัดหัวมหึมาของมัน ดิ้นรนออกมาจากข้างหุบผาเช่นกัน
เกล็ดทั่วร่างมันหลุดร่วงไปไม่น้อย
โดยเฉพาะเขาบนหัวที่หักไปแล้วท่อนหนึ่ง มีเลือดไหลออกมาจางๆ ดูแล้วน่าสังเวชนัก
ในขณะเดียวกัน หลี่มู่ก็พุ่งมาสังหาร
ศัตรูเมื่อได้พบหน้า ต่างก็ยิ่งเพิ่มความเคืองแค้น
การต่อสู้ครั้งใหญ่เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ครืน ตูม ตูม!
ฟ้าดินแหลกลาญ คลื่นน้ำซัดโหม
พวกขอทานเฒ่าคนอื่นๆ ยืนดูการต่อสู้อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ดูกันอย่างที่เรียกว่าอึ้งตาค้าง
อีกายักษ์บินหมุนวนอยู่กลางท้องฟ้า โฉบลงมากระแทกก้อนหินหลายก้อนบนพื้นออกไป
จากนั้นเสียงครางแผ่วเบาก็ดังออกมาจากซอกหิน
นักพรตตาบอดคลานออกมาจากกองหินนั้น
ที่แท้เขายังไม่ตาย
แต่ว่าสภาพน่าอนาถ เลือดท่วมร่าง ไม่ได้ดีไปกว่า ‘ใจมาร’ หลิงลี่เลย
อีกายักษ์ตัวนั้นเหมือนถูกเขาเรียกมา หลังจากนำเขาออกมาจากซอกหินก็คุ้มครองอยู่ข้างกายไม่ขยับไปไหน
เขาเบิกตามองการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไป
หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป
ครืน!
เจียวยักษ์กระแทกเข้ากับข้างหุบผาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ร่างมหึมาของมันประทับเป็นรอยลึกเหมือนเชือกที่หุบผา ฝังแน่นลงไปในนั้น มันหน้ามืดตาลาย มุมเขาหักไปอีกหลายซีก ขาคู่หน้าฉีกเป็นแผล แม้ดิ้นรนสุดชีวิตแต่ก็หลุดออกมาไม่ได้
ส่วนเสื้อคลุมชุดดำชุดนั้นที่โจวเข่อเอ๋อร์มอบให้หลี่มู่ก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปลิดปลิวไปในอากาศอีกแล้ว ทั่วร่างเขาแทบจะเปล่าเปลือยทุกส่วน
เนื้อตัวล่อนจ้อนอีกแล้ว
“ยอมไม่ยอม?”
เขาเหยียบไปที่หัวของมัน ชกไปหมัดแล้วหมัดเล่าพลางตวาดถามเสียงดัง
เจียวยักษ์ส่งเสียงร้องอย่างโมโห ต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่ยอมใช่ไหม? เจ้าทำชุดข้าเสียหายไปสองชุดแล้ว…จะต้องชดใช้ข้า ข้าจะรีดเลือดเจ้าออกมาสักหน่อยก่อน”
หลี่มู่ตวัดกระบี่โบราณฟันไปที่หัวของเจียว
เคร้ง!
สะเก็ดไฟสาดกระจายไปทั่ว
กระบี่นี้ราวกับฟันไปบนเหล็กกล้า ฝ่ามือของเขาถูกสะเทือนจนชา
แต่ว่าหัวของเจียวก็เกิดเป็นรอยแผลยาวประมาณหนึ่งนิ้วมือ
ฉัวะ!
เลือดสาดกระจายออกมาจากแผล
เลือดสดพุ่งเข้าใส่หน้าหลี่มู่และอาบย้อมทั้งร่างเขา
พูดแล้วก็แปลก แค่บาดแผลเล็กๆ ยาวประมาณหนึ่งนิ้วมือเท่านั้น แต่เลือดพุ่งออกมากมายเหมือนกับก๊อกน้ำความดันสูง แทบจะในชั่วพริบตา หลี่มู่เหมือนถูกงมขึ้นมาจากสระเลือด ร่างเปลือยชุ่มโชกไปด้วยเลือดเจียว
ซ้ำยังมีเลือดเจียวบางส่วนกระเด็นเข้าไปในปาก
หลี่มู่กลืนมันลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เอ๋? หวานนี่?”
เขาตกใจเล็กน้อย
เลือดเจียวกลับมีรสหวานหอมเหมือนน้ำผึ้ง
“เลือดเจียวเชียวนะ…ของวิเศษ ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่ช่างทำเสียของจริงๆ อาบร่างเสียเปล่าแล้ว” ขอทานเฒ่าที่คอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ จากที่ไกลตาเขียวปัด
ส่วนสุนัขสีน้ำตาลราวเห็นเนื้อรสโอชาที่สุดในโลกหล้า มันเห่าออกมาก่อนจะพุ่งไปราวกับสายฟ้า
โจวเข่อเอ๋อร์ จอมเวทวัยกลางคน…และนักพรตตาบอดที่นอนใกล้ตายอยู่บนพื้นต่างใจหวั่นไหว
นี่คือเลือดเจียวเชียวนะ
เลือดเจียวที่มีพลังราวโชควาสนา
ลมหายใจของทุกคนกระชั้นถี่
ตอนนี้เอง มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เกิดขึ้น
แสงสีขาวจากที่ไกลโพ้นมาปรากฏอยู่ใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว
กลับเป็นผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงที่ลอบทำร้ายหลี่มู่ก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา
แต่เขาชายหนุ่มที่ลอบทำร้ายหลี่มู่และได้เขาเจียวไป สีหน้ากลับไม่ได้ดูได้ใจสักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกลับย่ำแย่มาก ทั้งยังแฝงด้วยความโมโห ขาที่หักดีขึ้นเล็กน้อย แต่นอกจากนั้นบนร่างยังมีรอยแผลจากดาบคมฟันเข้าอีกหลายแห่ง เหมือนผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ สภาพก็น่าอนาถ
อีกทั้งสิ่งที่ควรแก่การสังเกตคือ ครั้งนี้เขาไม่ได้กลับมาคนเดียว
ข้างหลังเขามีร่างเงาสามสี่ร่างกระโดดอยู่บนหุบผาดุจสายอัสนี สำแดงท่าร่างเลิศล้ำ ว่องไวยิ่งนัก ตรงมาจากทิศต่างๆ อย่างรวดเร็ว คล้ายว่าจะล้อมไป๋หรูซวงเอาไว้ได้จากทุกด้าน
ชายชราในนั้นคนหนึ่งอายุราวห้าสิบกว่า ร่างกำยำ ผมสีดอกเลา สีหน้าเหี้ยมโหด หน้าผากมีรอยแผลเป็นรูปกากบาท หลังแบกค้อนเหล็กติดโซ่สีดำขนาดยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางสี่สิบฉื่อ ยามร่วงลงบนพื้นเสียงดังตึง ผืนดินสั่นสะเทือน
“ไป๋หรูซวง มอบเขาเจียวออกมาเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ชายชราผู้มีแผลเป็นรูปกากบาทเอ่ยพร้อมหัวเราะเสียงเย็น
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ร่างเงาอื่นๆ อีกหลายร่างปรากฏตัวอยู่รอบๆ
บนร่างของทุกร่างต่างมีหมอกกำลังภายในที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แม้ต่างสีสันกัน แต่ระดับความแข็งแกร่งของกลิ่นอายชวนให้คนหวาดผวา เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือชั้นยอดขั้นรวมจิต
หนึ่งในนั้นมีหลายคนที่หมอกแสงกำลังภายในแทบจะเป็นรูปร่าง เกรงว่าคงก้าวเข้าสู่ประตูของยอดฝีมือชั้นยอดแล้วแน่นอน
คนพวกนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังไล่สังหารไป๋หรูซวง
จากนั้นไป๋หรูซวงหนีกลับมาที่นี่
“ผู้อาวุโสเว่ย”
โจวเข่อเอ๋อร์หน้าเปลี่ยนสี
นางจำได้ว่าชายชราที่มีแผลเป็นรูปกากบาทก็คือผู้อาวุโสเว่ยชง หนึ่งในผู้อาวุโสทั้งสิบสองของสำนักดับนิวรณ์
ผู้อาวุโสทั้งสิบสองของสำนักดับนิวรณ์ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอดขั้นปรมาจารย์ทั้งสิ้น
ตำแหน่งผู้อาวุโสอำนาจและฐานะในสำนักดับนิวรณ์อยู่เหนือผู้คุมกฎซ้ายขวาอย่างนางและหลิงลี่ อีกทั้งสิ่งที่ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นก็คือ ภายในสำนักดับนิวรณ์ยังมีฝักฝ่ายต่างๆ ฝ่ายของผู้อาวุโสเว่ยกับฝ่ายที่นางและหลิงลี่อยู่ความสัมพันธ์ตึงเครียดกันเป็นอย่างมาก
เหตุใดเว่ยชงจึงมาปรากฏอยู่ที่นี่?
หรือจะเป็นเพราะคู่สามีภรรยาต้าเจ๋อเปี๋ยแห่งที่ราบทุ่งหญ้า?
ไม่น่าเป็นเช่นนั้น
ก่อนหน้านี้นางปล่อยข่าวออกไปโดยใช้เส้นสายของฝ่ายตัวเอง ตามหลักแล้วคนที่ตามมาหลังจากได้รับข่าวแล้วควระจะเป็นพวกผู้อาวุโสหลิวอวิ๋นเฟยฝ่ายตัวเองสิถึงจะถูก แต่ตอนนี้…
ไยสำนักจึงส่งเว่ยชงมา?
เกิดข้อผิดพลาดที่ไหนกัน?
โจวเข่อเอ๋อร์กวาดสายตามา จำได้ทันทีว่าผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนคนอื่นๆ ข้างกายเว่ยชงล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดที่แข็งแกร่งมากในฝ่ายของเขา จัดการยากอย่างยิ่ง
“เจียวยักษ์อยู่ที่นี่ เขาเจียวเป็นของที่ไม่มีค่าที่สุด ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์หลี่มู่คนนั้นได้ไปมากยิ่งกว่า ผู้อาวุโสเว่ยไยจึงเอาพิมเสนมาแลกกับเกลือ” ไป๋หรูซวงถามด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้ม
เขากำลังปัดสวะให้หลี่มู่
ไม่ต้องให้เขาพูด เวลานี้พวกเว่ยชงก็สังเกตได้ถึงสถานการณ์รอบๆ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นเจียวกระแทกเข้าไปในหุบผา ดิ้นรนออกมาจากหินที่ทับเอาไว้ไม่ได้ ไม่มีพลังที่จะโจมตีกลับเลย เลือดเจียวที่แฝงด้วยคลื่นพลังมหาศาลพุ่งออกมาจากหัวของมัน ในดวงตาของผู้อาวุโสเว่ยหน้าบากก็ฉายแววละโมบ
“เจียว? ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง ที่นี่มีเจียวตัวเป็นๆ อยู่ด้วย…ฮ่าๆๆ ได้มาโดยไม่ต้องเปลืองแรงจริงๆ”
เว่ยชงหัวเราะเสียงดังลั่น
ในหกสำนัก สำนักดับนิวรณ์ก็ไม่นับว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมอะไร
พวกเว่ยชงแต่เดิมก็เดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืนมาอำเภอขาวพิสุทธิ์เพราะต้าเจ๋อเปี๋ยแห่งที่ราบทุ่งหญ้า
หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ ผู้แข็งแกร่งระดับต่างๆ ของสำนักดับนิวรณ์ทั้งหมดเกือบร้อยคนเพิ่งจะมาถึงนอกเมือง ในตอนที่เตรียมจะเข้าเมือง กลับบังเอิญพบกับผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงที่หนีมา
สำนักดับนิวรณ์และสำนักหมาป่าสวรรค์เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันในสำนักทั้งหก แต่เว่ยชงมีภาระหน้าที่ ไล่ล่าสังหารสามีภรรยาคู่นั้นสำคัญกว่า ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงแค่สกัดไว้พอเป็นพิธีเท่านั้น แต่ระหว่างที่ปะทะกันก็ค้นพบโดยบังเอิญและน่าตกใจว่าไป๋หรูซวงได้รับบาดเจ็บ ‘กระบี่หมาป่าสวรรค์’ หาย ซ้ำยังมีของวิเศษที่สงสัยว่าจะเป็นเขามังกร
ดังนั้นเว่ยชงจึงจริงจังขึ้นมาทันที
หลังสู้กันรอบหนึ่ง ไป๋หรูซวงที่ขาหักข้างหนึ่งสลัดไม่หลุด
สถานการณ์ของเขาย่ำแย่ บาดเจ็บติดต่อกัน ทำให้พวกเว่ยชงบีบเขาจนมาถึงที่นี่
ไป๋หรูซวงยืนอยู่ริมแอ่งน้ำ และค้นพบอย่างตกตะลึงว่าภายใต้สภาพที่บาดเจ็บหนักเช่นนั้น หลี่มู่ที่ตนลอบทำร้ายไปหนึ่งกระบี่ไม่เพียงแต่ไม่ตายในคมเขี้ยวเจียว ซ้ำยังเอาชนะเจียวได้อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วใช้เลือดของมันอาบกาย…
ขุนนางเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์เป็นตัวประหลาดชัดๆ
มีเสี้ยวขณะชั่ววูบหนึ่งที่ไป๋หรูซวงพลันรู้สึกเสียใจ
เขาเคยเห็นการต่อสู้ของหลี่มู่กับเจียวยักษ์ นั่นไม่ใช่วิธีการต่อสู้ของมนุษย์เลย เขาเจียวแน่นอนว่าล้ำค่ายิ่ง แต่พูดตามตรง ล่วงเกินตัวประหลาดเช่นหลี่มู่เพื่อของท่อนหนึ่งแค่นี้ ตกลงแล้วมันคุ้มค่าจริงหรือไม่?
ส่วนพวกเว่ยชงไม่เห็นการต่อสู้ครั้งนี้
พวกเขาเห็นแค่ผลลัพธ์สุดท้าย
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ความประหลาดและน่ากลัวของหลี่มู่
ร่างมหึมาดุจขุนเขาของเจียว อีกทั้งเลือดเจียวที่แฝงด้วยกลิ่นหอมแปลกและคลื่นพลังพวยพุ่งกลุ่มนั้น ทำให้เว่ยชงและคนอื่นๆ จิตใจเต้นรัว ดวงตาลุกวาว น้ำลายใกล้จะไหลย้อยแล้วเต็มที
ของวิเศษฟ้าประทานเชียวนะ
ราคาของเจียวตัวนี้ไม่ด้อยไปกว่าสามีภรรยาคู่นั้นเลย
“ฮ่าๆ สวรรค์มีตาจริงๆ ข้าขอประกาศ เจียวตัวนี้อีกทั้งทุกสิ่งในตัวมันเป็นของสำนักดับนิวรณ์แล้ว” เว่ยชงเอ่ยอย่างกำเริบเสิบสาน
เขากวาดสายตามองพวกขอทานเฒ่าที่อยู่รอบๆ ด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยจิตสังหาร จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้คัดค้าน
“เด็กหนุ่ม เจ้ายังไม่ถอยไปอีก มอบเลือดเจียวที่เจ้าได้ไปมาให้หมด” เขามาถึงริมบึงน้ำ โคจรกำลังภายใน แล้วตวาดเสียงดังลั่น
เสียงกำเริบเสิบสานดังสะท้อนเหนือผืนน้ำราวสายฟ้าฟาด
ตอนนี้แผลยาวประมาณหนึ่งนิ้วมือบนหัวของเจียวเริ่มสมานตัว เลือดเจียวไม่พุ่งออกมาอีกแล้ว
หลี่มู่สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตรงหน้าผา
“อะไรนะ? ส่งเลือดเจียวให้?” เขาใช้สายตาราวมองคนโง่มองไปยังเว่ยชงพลางขมวดคิ้วพูด “เจ้าหน้าบาก เจ้าเป็นใคร?”
……………………………………………………