จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 86 ทลายฟ้า
ส่วนตอนนี้ ปัญหายากที่สุดที่วางอยู่ตรงหน้าเขาก็คือ หลังจากกระดูกแตกร้าวก็ไม่ได้ดัดให้เข้าที่อย่างถูกต้อง ทำให้รูปร่างของแขน ขา และกระดูกสันหลังประหลาดไป เมื่อครู่หลังจากโคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’ กระดูกในร่างกายจึงประสานกันเล็กน้อยเหมือนตัวต่อที่เอามาต่อกันมั่วๆ
นี่ทำให้ร่างกายของเขาตอนนี้บิดงออย่างประหลาด
และทำให้เขายืนขึ้นไม่ได้ เหมือนกับตัวประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากหลี่มู่ครุ่นคิดไปชั่วขณะหนึ่งก็ตัดสินใจได้
เขาทำสิ่งที่น่าตกใจนัก…ใช้หมัดขวารูปร่างประหลาดนั่นทุบกระดูกแขนซ้ายและฝ่ามือซ้ายทีละเล็กทีละน้อย ทั้งหมดหักและแหลกละเอียด
กร๊อบ กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกชวนให้คนใจสั่น
ความเจ็บปวดมหาศาลราวกับน้ำป่าไหลบ่า เข้ากลืนกินหลี่มู่ในชั่วพริบตา
หยาดเหงื่อเม็ดโตไหลรินมาจากหน้าผากของเขา
ความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยายทำให้ภาพเบื้องหน้ามืดดำ แทบจะหมดสติไป
แต่เขาก็ไม่ลังเลและไม่หยุดยั้งแม้แต่น้อย
สุดท้าย กระดูกแขนซ้ายทั้งหมดก็ถูกเขาทุบจนแตกละเอียดราวทำร้ายตัวเอง
หลี่มู่หายใจกระชั้นถี่ จากนั้นก็เริ่มโคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’ อีกครั้ง และดูดซับพลังวิญญาณในฟ้าดินมารักษาอาการบาดเจ็บของแขนซ้าย
ยามพลังวิญญาณไหลเข้ามา แขนซ้ายก็เริ่มฟื้นคืนความรู้สึกบ้างเล็กน้อย หลี่มู่ใช้มือขวาที่รูปร่างผิดปกติดัดกระดูกที่แตกร้าวพวกนั้น จากนั้นก็เริ่มฝืนใช้ความรู้สึกที่เหลืออยู่อย่างเดียวขยับข้อต่อและกระดูกนิ้วของแขนซ้ายเอง
จากวิธีนี้สามารถหาวิธีประสานกระดูกได้อย่างถูกต้อง
ขั้นตอนนี้ยาวนานยิ่งนัก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แขนซ้ายรูปร่างปกติไม่บิดงอก็ปรากฏขึ้น
หลี่มู่หายใจเอากลิ่นอายสกปรกออกมายาวๆ
เขารู้ ตัวเองทำสำเร็จแล้ว
ต่อมา แผนของเขาก็ง่ายดายมาก
นอกจากกระดูกแขนซ้ายขวาที่เกิดขึ้นใหม่ดีแล้ว เขาก็ทุบแขนขวา ขาซ้าย ขาขวา อีกทั้งกระดูกสันหลัง ซี่โครง และกระดูกส่วนอื่นๆ ตามลำดับ จากนั้นก็ใช้วิธีเดียวกันดัดให้เข้าที่ ทำให้พวกมันประสานกันด้วยวิธีและองศาที่ปกติ
นี่แทบจะเป็นการทุบกระดูกทั้งร่างนอกจากกะโหลกศีรษะให้แหลก
จากนั้นก็ใช้พลัง ‘วิชาก่อนกำเนิด’ ทำให้กระดูกที่หักแตกงอกขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากดัดให้เข้าที่
พื้นฐานเริ่มต้นของแผนนี้คือหลี่มู่มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งและความสามารถในการฟื้นตัว
พลังชีวิตที่แข็งแกร่ง สามารถรับประกันว่าหลังจากกระดูกโดนทุบจนแตกละเอียดหมดแล้วเขาจะไม่เป็นลมหมดสติไป
ส่วนพลังฟื้นตัวที่พิสดาร รับประกันได้ว่าหลังจากดัดกระดูกที่แตกหักก็จะประสานงอกขึ้นใหม่ในเวลาอันสั้นที่สุด
หลี่มู่มองแขนซ้ายของตนที่ฟื้นฟูแล้ว ไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย
เขาใช้แขนซ้ายทุบกระดูกทั้งหมดของแขนขวา
จากนั้นโคจร ‘วิชาก่อนกำเนิด’
ทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้
เวลาผ่านไปช้าๆ ท่ามกลางเสียงแตกหักของกระดูกและเสียงหยดเหงื่อไหลกระทบลงพื้นเพราะความเจ็บปวด
หลายครั้งระหว่างนั้น หลี่มู่เจ็บปวดจนหน้าซีดขาวราวกระดาษ
เขาใช้พลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งฝืนตัวเองเอาไว้ไม่ให้สลบไป
ทุบกระดูกตัวเองให้แหลกอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ดัดรูปร่าง ประสานใหม่ไม่หยุด
ขั้นตอนนี้ราวกับปั้นตุ๊กตาดินเหนียวอย่างไรอย่างนั้น
ทุบตัวของตุ๊กตาให้แหลก แช่ในน้ำให้นิ่มจนกลายเป็นดินเหนียว ปั้นแขนขาขึ้นใหม่ ก่อนจะรอให้แห้ง…ไม่ต่างอะไรกับปั้นขึ้นใหม่เลยแม้แต่น้อย
คนปกติอย่าว่าแต่ทดลองเลย เกรงว่าแค่คิดก็กลัวจนหน้าซีดเผือดแล้ว
แต่หลี่มู่กลับยืนหยัดต่อไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เวลาผ่านไปหนึ่งคืน
ฟ้ายังไม่ทันสาง
กระดูกที่หลี่มู่ทุบจนแตกท่อนสุดท้ายในกายประสานกันดีจากพลังของ ‘วิชาก่อนกำเนิด’
เขาสัมผัสความรู้สึกอันสุดแสนวิเศษที่สามารถควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง ก่อนจะยืนขึ้นมาช้าๆ
ไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้ว
พิษของเลือดเจียวก็ขจัดออกไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ในร่างมีพลังใหม่กำลังซัดโหมอยู่
นี่คือการเกิดใหม่
ในหัวของหลี่มู่นึกอะไรขึ้นได้ทันที ไม่ลังเลอะไรอีกต่อไป เริ่มออกท่า ‘หมัดยุทธ์แท้’ ทันที
ตั้งท่ายืนแรกเริ่ม
‘ค้อนทะยานฟ้า’
‘ลิ่มสวรรค์’
นี่คือกระบวนท่าใน ‘หมัดยุทธแท้’ ที่เขาสามารถใช้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ในตอนนี้
หนึ่งกระบวนหนึ่งรูปแบบสำแดงออกมาอย่างไหลลื่น หลี่มู่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับเป็นความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
ระหว่างที่ออกกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง ข้างในกายก็มีเสียงลั่นเปรี๊ยะราวกับถั่วระเบิดดังออกมาไม่ขาดสาย
นี่คือเสียงกระดูกที่เกิดใหม่กำลังปรับสภาพให้เข้ากับร่างกาย
พลังมหาศาลกำเนิดขึ้นในกาย
หลี่มู่ถึงขั้นรู้สึกว่าพลังมหาศาลกำลังจะเอ่อท่วมตนเองจนมิด ความน่ากลัวเกินจริงจนถึงขีดสูงสุด และสิ่งที่ยิ่งเกินจริงกว่าก็คือ พลังนี้แผ่มาเป็นระลอกคลื่นต่อเนื่อง กำเนิดพลังใหม่ไม่หยุดเสมือนไม่มีวันสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
“ความเร็วในการฟื้นฟูเร็วกว่าที่คิดไว้ อีกทั้งยังเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย”
หลี่มู่ประหลาดใจ
นี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝัน
เขาออกกระบวนท่าไม่หยุด โดยเฉพาะ ‘ค้อนทะยานฟ้า’ และ ‘ลิ่มสวรรค์’ สองกระบวนท่านี้ จากการสำแดงติดต่อกัน เลือดลมในกายปั่นป่วน สภาพร่างกายดีขึ้นเรื่อยๆ พลังมหาศาลทำให้เขารู้สึกถึงแรงผลักดันที่ประหนึ่งทำให้เกิดท้องฟ้ากัมปนาท
ไม่รู้ว่าสำแดงกระบวนท่าของ ‘ค้อนทะยานฟ้า’ และ ‘ลิ่มสวรรค์’ ติดต่อกันอีกกี่รอบ สุดท้ายหลี่มู่รู้สึกว่าพลังและเลือดลมในกายซัดโหมจนถึงจุดสูงสุดอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาคำรามออกมา สำแดง ‘ทลายฟ้า’ กระบวนท่าที่สามของ ‘หมัดยุทธ์แท้’
ความรู้สึกอึดอัดหนักหน่วงเหมือนครั้งก่อนๆ แผ่ซ่านมา แต่เพียงชั่วพริบตาก็ถูกพลังของร่างกายขจัดออกไปหมด
ท่วงท่าที่แต่ก่อนไม่อาจทำได้ หลี่มู่สำแดงมันออกมาอย่างสมบูรณ์ในรวดเดียว
รอบที่หนึ่ง
รอบที่สอง
รอบที่สาม สี่…จนรอบที่สิบกว่า
หลี่มู่ออกท่า ‘ทลายฟ้า’ ติดๆ กันหลายสิบรอบ จนกระทั่งความรู้สึกเหนื่อยสายตัวแทบขาดแผ่มา เขาจึงหยุดลงอย่างช้าๆ
ปลอดโปร่ง
โล่งสบาย
หลี่มู่มีความรู้สึกอยากร้องคำรามอย่างอดไม่ได้
เขาสงบจิตใจลงแล้วสำรวจร่างกายของตัวเอง จึงพบว่าผิวหนังที่แต่เดิมเกิดใหม่เป็นสีออกแดงอมชมพู ไม่รู้ว่ามีขี้ไคลเหมือนคราบน้ำมันสีดำส่งกลิ่นเหม็นเสียดแทงจมูกปกคลุมแทบจะทุกตำแหน่งของร่างกายเมื่อใด แม้แต่ในที่ลับบางที่ก็ผุดออกมา ทั้งตัวราวกับว่าทาด้วยโคลนเน่า
‘นี่คือสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ผ่านการผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้วอีกรอบ’
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ฝึกฝน ‘หมัดยุทธ์แท้’ สองกระบวนท่าแรกได้ ปรากฏการณ์ที่คล้ายกันก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นหลี่มู่จึงไม่ตกใจ
ทุกครั้งที่ฝึกฝนกระบวนท่าใหม่ของ ‘หมัดยุทธ์แท้’ สำเร็จ ก็เท่ากับการผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น
และก็เท่ากับการยกระดับชีวิตด้วยเช่นกัน
หลี่มู่รู้ว่าหลังจากเผชิญกับเคราะห์ความเป็นความตายครั้งนี้ พลังของเขายกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ตอนนี้เขาถึงจะมีเวลาสำรวจรอบๆ ถ้ำที่ตนอยู่
อาศัยแสงอ่อนๆ จากกองไฟ หลี่มู่ค้นพบอย่างตื่นตะลึงว่าที่แท้พื้นที่แห่งนี้ไม่ใช่ถ้ำ แต่เป็นเส้นทางธรรมชาติที่กระแสน้ำกัดเซาะจนเป็นทางน้ำภายในภูเขา เพียงแต่ตอนนี้เหมือนจะอยู่ในช่วงแล้ง ดังนั้นระดับน้ำจึงลดลง ทำให้ผนังและพื้นหินโผล่ออกมาเหมือนเป็นถ้ำ
เหนือหัวมีหินย้อยรูปร่างประหลาด ขาวสะอาดดุจหยก
ห่างจากหลี่มู่ไปประมาณสามสี่จั้งเป็นหินผาลาดเอียง ในท้องน้ำลึกลงไปยิ่งกว่า น้ำบาดาลที่มีไอเย็นถาโถมไหลบ่าไปยังนอกถ้ำ
หลี่มู่อุดจมูกเดินมาถึงริมฝั่งธารน้ำในถ้ำ ก่อนวักน้ำเย็นล้างคราบสกปรกบนร่างออก
น้ำเย็นสดชื่นราวน้ำพุใต้บาดาล
หลังจากหยั่งระดับความลึกและความเร็วของกระแสน้ำแล้ว เขาก็กระโดดลงไปดำผุดดำว่ายอาบน้ำอย่างสบายใจ
‘แม่น้ำสายนี้น่าจะเป็นต้นน้ำของหนึ่งในน้ำตกเก้ามังกร’
หลี่มู่ครุ่นคิด
เขาว่ายไปตามน้ำในถ้ำประมาณร้อยกว่าจั้ง ก็รู้สึกว่ากระแสน้ำยิ่งไหลแรงขึ้น เสียงกึกก้องของน้ำตกดังเลื่อนลั่น กลุ่มแสงสว่างรำไรส่องมา เห็นได้ชัดว่ามาสุดสายแม่น้ำแล้ว หรือก็คืออยู่ใกล้น้ำตกแล้วนั่นเอง
ผ่านม่านน้ำไป สามารถมองเห็นท้องฟ้าข้างนอกมีแสงสว่างรำไรได้รางๆ
น่าจะเป็นเวลารุ่งสางแล้ว
หลี่มู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนจากไป
เขากลับมายังที่เดิม และเริ่มรอคอย
เพราะกัวอวี่ชิงพูดเอาไว้ว่าเขาจะกลับมา
หลี่มู่ก็อยากรู้ว่าชายหนวดเคราครึ้มมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่แม่น้ำใต้บาดาลแห่งนี้
พูดแล้วก็แปลกเสียจริง ทำไมในภูเขาที่หินผาแข็งแกร่งถึงได้มีทางน้ำใต้บาดาลไหลออกมาเช่นนี้ นี่ไม่ตรงกับความรู้ทั่วไปของหลักฟิสิกส์เลย
หลี่มู่มีความบุ่มบ่ามอยากจะหาทวนน้ำขึ้นไปหาต้นน้ำ
ไม่นานนัก ความรู้สึกหิวก็จู่โจมเข้ามาเหมือนน้ำป่าไหลหลาก
ทุกครั้งหลังจากที่ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นก็เป็นเช่นนี้ หลี่มู่มีความรู้สึกว่าหากเจียวยักษ์ตัวนั้นมาปรากฏอยู่ข้างหน้าตอนนี้ ตนก็กินมันทั้งเป็นได้เลย
“ในทุกกระบวนท่าของ ‘หมัดยุทธ์แท้’ แฝงไว้ด้วยจิตสูงสุดแห่งวิถียุทธ์ อย่างเช่นวิชาตัวเบาในท่า ‘ลิ่มสวรรค์’ ใน กระบวนท่าที่สาม ‘ทลายฟ้า’ นี่จะมีความลึกล้ำอะไรแฝงอยู่กัน?”
หลี่มู่พยายามเบนความสนใจไปจากความหิว
เขาหลับตาลง สัมผัสอย่างละเอียด คิดจะเข้าใจให้ถ่องแท้
แต่ครั้งนี้เขากลับสัมผัสถึงแก่นแท้วิถียุทธ์ของท่า ‘ทลายฟ้า’ ไม่ได้
“เรื่องนี้แปลก”
หลี่มู่ลุกยืนขึ้น กำลังจะออกท่า ‘ทลายฟ้า’ มาเรียนรู้ทำความเข้าใจ ในตอนนี้เอง ตรงปากทางเข้าน้ำตกไกลๆ มีร่างเงาคนร่างหนึ่งวูบไหว ร่างกำยำแบกห่อผ้าหนังสัตว์ใบใหญ่ ทั่วร่างมีไอกำลังภายในห้อมล้อม ทะลุผ่านม่านน้ำหนาที่มีแรงปะทะน่าหวาดกลัวเข้ามาถึงในถ้ำ
กัวอวี่ชิงกลับมาแล้ว
“นั่นใคร?…เจ้า…ไม่น่าเชื่อ…” เสี้ยวขณะที่กัวอวี่ชิงเข้ามาในถ้ำ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันควัน เขากำลังจะตวาดถาม แต่จากที่มองดูก็พบว่าเงาที่ยืนอยู่ในถ้ำคือหลี่มู่ จึงตกใจจนไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองทันที
“ผู้อาวุโส พวกเราพบกันอีกแล้ว” หลี่มู่ทำความเคารพ
“เจ้า…หายดีอย่างสมบูรณ์แล้ว นี่เป็นไปไม่ได้ บาดแผลของเจ้าสาหัสถึงขนาดนั้นแท้ๆ เจ้า…” กัวอวี่ชิงไม่ใช่คนที่ตกใจอะไรกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เขาเคยประสบเหตุการณ์นองเลือดและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่างๆ มามากกว่าคนทั่วไปมาก แต่ตอนนี้เขาก็ยังตื่นตะลึงกับหลี่มู่ที่แข็งแรงมีชีวิตชีวาเบื้องหน้า
“ต้องขอบคุณที่ผู้อาวุโสช่วยเหลือ”
หลี่มู่พูด
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของอีกฝ่ายอยู่ในการคาดเดาของเขา
เขาฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ในคืนเดียว มองจากมุมไหนก็เป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจเชื่อได้
กัวอวี่ชิงเก็บสีหน้าตื่นตะลึงลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขึ้นว่า “ท่าทางของที่ข้าเตรียมมาจะไม่ได้ใช้งานแล้ว นี่เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ” เขาเปิดห่อผ้าหนังสัตว์กันน้ำออก ข้างในห่อสมุนไพรสดใหม่เอาไว้มากมาย และยังมีเครื่องมือโลหะบางอย่าง มองไปแล้วเหมือนอุปกรณ์ผ่าตัดบนโลก
เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมของมากมายเพื่อนำมารักษาอาการบาดเจ็บของหลี่มู่
หลี่มู่ซาบซึ้งใจ
ในขณะเดียวกันเขาก็แปลกใจเล็กน้อย
หรือกัวอวี่ชิงผู้นี้จะเป็นหมอ?
……………………………………………………