จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 214 หยาดเยิ้มประเสริฐล้ำ
ไม่นานนัก การขับร้องร่ายรำของฮวาเสี่ยงหรงก็จบลง นางยืนอยู่กลางบันได งามเลิศไร้ใครเทียม แสงจันทร์จับตัวบนร่าง ราวภาพความฝันอย่างไรอย่างนั้น
รอบกายเงียบสงัด
จากนั้นไม่รู้ว่าใครโห่ร้องขึ้นก่อน เสียงโห่ยินดี เสียงร้องตกใจ เสียงตะโกนฮือฮาราวขุนเขาคำรามทะเลคลั่งดังขึ้นมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทำท่าจะกลบหน่วยเลี้ยงรับรองบนถนนกลิ่นกำจาย
สีหน้าของบางคนเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเพราะตื่นเต้นและตกตะลึง บางคนตะโกนโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าตะโกนอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าหลังจากดูระบำเซียนบนโลกมนุษย์แบบนี้ ในสถานที่แบบนี้ ก็ต้องตะโกนอะไรบ้างถึงจะแสดงอารมณ์ของตนออกมาได้
ทั่วทั้งถนนกลิ่นกำจายคึกคักฮือฮา
ผู้ที่อารมณ์เดือดพล่านเหมือนกันยังคนมีขุนนาง คหบดี และเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ด้านยุทธ์ตรงที่นั่งแขกผู้มีเกียรติหน้าเวทีหลัก รวมถึงในห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของภัตตาคารใหญ่ต่างๆ โดยรอบ ทั้งหมดแทบจะหมอบอยู่ตรงหน้าต่างห้อง ลมหายใจหอบกระชั้น ในดวงตาฉายแววตื่นตะลึง อยากครอบครอง รุ่มร้อน และมีอารมณ์ซับซ้อนต่างๆ
ไม่มีชายคนไหนไม่หวั่นไหวเพราะสตรีชุดขาวบนเวทีนางนั้น
และไม่มีหญิงคนไหนไม่อิจฉาสตรีชุดขาวบนเวทีที่ว่า
ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนที่จิตใจนิ่งสงบเพียงใด ตอนนี้ก็ยากจะควบคุมอารมณ์ของตนได้ ถูกเซียนที่งดงามประหนึ่งไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกบนเวทีช่วงชิงเอาวิญญาณไปแล้ว
สตรีผู้นี้น่าจะมีเพียงบนฟ้า บนโลกมนุษย์จะได้เห็นสักกี่หนกัน?
หลายคนใจหวั่นไหวแล้ว อยากจะกอดสตรีเช่นนี้เอาไว้ในอ้อมแขน ให้นางร้องไห้หรือยิ้มต่อหน้าตน ให้ทุกอย่างของนางเป็นของตัวเอง
ทว่า เมื่อคิดถึงตัวตนของผู้เป็นเลิศทั้งบู๊และบุ๋นที่ยืนอยู่ข้างหลังนางคนนั้น หลายคนก็ถอยแล้ว
หาเรื่องไม่ได้
เด็กหนุ่มชื่อหลี่มู่คนนั้นเป็นเทพสังหารที่โอหังไร้ซึ่งความหวาดกลัว
เทพขวางสังหารเทพ พุทธองค์ขวางสังหารพุทธองค์
แน่นอน ในนั้นก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ยอมแพ้ ในใจกำลังขบคิดว่าจะใช้วิธีอื่นให้ได้นางคณิกาชื่อดังคนนี้มาครอง แต่โบราณมา อำนาจ ทรัพย์ สุรา และเมถุนเป็นสิ่งที่ทำให้คนบ้าคลั่งได้อยู่แล้ว
ในหมู่คนที่หวั่นไหวเพราะฮวาเสี่ยงหรง ก็รวมไปถึงองค์ชายสองแห่งจักรวรรดิที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสองของ ‘หอโอบจันทร์’ ด้วย
เพียงพริบตาที่การร่ายรำจบลง เขาพลันผุดลุกขึ้น สายตาที่มองฮวาเสี่ยงหรงเผยความปรารถนาจะครอบครองที่พบเห็นได้ยาก เสี้ยวขณะนั้นเขากระทั่งเกิดความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากจะทิ้งแผ่นดินไปหาสาวงามขึ้นมา และยอมใช้ทุกอย่างที่มีตอนนี้แลกกับความรักของหญิงงามบนเวทีคนนั้น
มีสตรีงามแบบไหนที่เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ลิ้มรสกัน?
ต่อให้เป็นสตรีที่ตำแหน่งและฐานะสูงส่งกว่าฮวาเสี่ยงหรงพวกนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็แล้วแต่เขาจะเลือก เขาเคยคิดอย่างแน่วแน่ว่าสตรีบนโลกก็แค่โครงกระดูก มีเพียงฐานะอำนาจและพลังเท่านั้นถึงจะเป็นของที่จริงแท้และสมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ตอนนี้เขากลับใจหวั่นไหว
หวั่นไหวอย่างจริงแท้แน่นอน
หลิวเฉิงหลงที่อยู่ข้างๆ ก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาขององค์ชายสอง
“องค์ชาย จะให้ส่งฮวาเสี่ยงหรงไปเมืองฉินหรือไม่?” เขาลองถาม
องค์ชายสองนั่งลงช้าๆ ถอนหายใจยาว กล่าวว่า “ทำให้เงียบเชียบหน่อย อย่าให้คนอื่นรู้” ใจเขาหวั่นไหวแล้วจริงๆ แต่ด้วยสติสัมปชัญญะที่มีมายาวนาน เขาจึงยังระงับเอาไว้ได้ ตอนนี้การช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิดุเดือดเหมือนเพลิงโหมไหม้ หากรับนางคณิกาชื่อดังมาจริงๆ จะได้รับเสียงวิจารณ์อย่างมหาศาล ดังนั้น…คงต้องแอบเลี้ยงเอาไว้ในห้องทองคำเสียแล้ว
หลิวเฉิงตอบ “กระหม่อมเข้าใจแล้ว เพียงแต่…หลี่มู่ทางนั้น ด้วยกำลังของกระหม่อมเกรงว่าจะรับมือไม่ได้”
องค์ชายสองแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “แน่นอนว่ามีคนไปจัดการหลี่มู่แล้ว ตัวเองยังจะเอาตัวเองไม่รอด ไม่ต้องไปสนใจหรอก…หึๆ อีกทั้งคิดจริงหรือว่าปฏิเสธข้าติดๆ กันสามรอบ แล้วจะไม่ต้องจ่ายอะไรชดเชยบ้างเลย?”
……
บนเวทีหลัก ผู้ดูแลหน่วยเลี้ยงรับรองหกคนกำลังประกาศจำนวนตะกร้าดอกไม้เสียงดัง
“สมาพันธ์การค้าสมบูรณ์ผล ตบรางวัลแม่นางฮวาหนึ่งหมื่นตะกร้า…”
“สำนักบัณฑิตเสียงวิหคสวรรค์ ตบรางวัลแม่นางฮวาหนึ่งหมื่นตะกร้า…”
“สมาพันธ์การค้าเขาฉีซาน ตบรางวัลแม่นางฮวาห้าพันตะกร้า…”
“คุณชายจ้าวอู๋จี๋จากจวนสกุลจ้าว ตบรางวัลสามพันตะกร้า…”
“ที่ว่าการสำนักยุติธรรมเขตเมืองฝั่งตะวันออกตบรางวัลห้าพันตะกร้า…”
ผู้ดูแลทั้งหกล้วนเป็นผู้มีความสามารถด้านการพูดจาที่เลือกเฟ้นสรรหามาอย่างดี แต่ตอนนี้ปากแทบพอง รายงานออกมาไม่ไหวแล้ว กระดาษข้อความถูกส่งมาเป็นสาย กลายเป็นกองหนาต่อหน้าคนทั้งหก
“นายน้อยสมาพันธ์การค้าใต้หล้า ตบรางวัลหนึ่งแสนตะกร้า”
จำนวนที่น่าตกใจอีกจำนวนถูกประกาศออกมา ทั่วทั้งหน่วยเลี้ยงรับรองถนนกลิ่นกำจายฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
รางวัลหนึ่งแสนตะกร้าอีกแล้ว นี่บ้าไปแล้วกระมัง
หากรวมกับรางวัลจากฝั่งต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ต้องนับแล้ว ตะกร้าดอกไม้จากการแสดงครั้งนี้ของฮวาเสี่ยงหรงยืนยันได้แล้วว่าเกินสองแสนตะกร้า แซงหน้าลู่หงซิ่วแห่งหอชิดสิเน่หาแล้วอย่างแน่นอน ไม่ต้องไปนับแล้ว
อีกทั้งการตบรางวัลเป็นชุดนี้ยังไม่จบ
ฮวาเสี่ยงหรงเอ่ยขอบคุณบนเวทีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เหมือนสัมผัสได้ถึงสายตาของหลี่มู่ ฮวาเสี่ยงหรงเงยหน้าขึ้นมองไปยังหอเซียนโบยบิน ห่างกันเจ็ดแปดจั้ง สายตาของทั้งสองประสานกันจากไกลๆ ใบหน้าต่างประดับยิ้มอบอุ่น
แม้นกายไร้ปีกโบยบิน แต่สองใจเชื่อมประสานไม่แยกจาก
ต่อเนื่องหนึ่งก้านธูปเต็มๆ ถึงจะแจ้งจำนวนตะกร้าดอกไม้ที่ฮวาเสี่ยงหรงได้รับจบ สรุปรวมแล้วสามแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันตะกร้า จำนวนนี้เหลือเชื่อมาก แทบจะเป็นยอดรวมของตะกร้าดอกไม้ที่ได้ในปีก่อนๆ ตอนแรกผู้ดูแลที่รายงานจำนวนคิดว่ารวมผิด รวมยอดติดๆ กันหลายรอบถึงจะแน่ใจว่าไม่พลาด
บ้าคลั่ง!
หลังจากจำนวนสุดท้ายถูกประกาศออกมา บนถนนกลิ่นกำจายมีเสียงโห่ร้องยินดีดังทั่ว
จวบจนฮวาเสี่ยงหรงลงจากเวที นางคณิกาชื่อดังคนที่สิบเอ็ดขึ้นเวทีแนะนำตัวและเริ่มการแสดง คนมากมายก็ยังจมอยู่กับการแสดงของฮวาเสี่ยงหรง เนื้อหาการวิพากษ์วิจารณ์และบทสนทนาต่างๆ ยังคงเกี่ยวกับนาง ไม่มีใครสนใจการแสดงเลย เมินนางคณิกาชื่อดังคนที่สิบเอ็ดไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งถนนกลิ่นกำจายยังตกอยู่ในท่วงทำนองที่เหลืออยู่ของบทเพลงและการร่ายรำของฮวาเสี่ยงหรง
จนกระทั่งนางคณิกาชื่อดังคนที่สิบสองและสิบสามขึ้นเวที ผู้คนถึงจะตื่นจากความตกตะลึงอย่างช้าๆ
เพียงแต่หลังจากผ่านการแสดงแบบนั้นของฮวาเสี่ยงหรงไป ต่อให้การแสดงของนางคณิกาชื่อดังคนอื่นโดดเด่นเพียงไหน สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วก็เหมือนไร้รสชาติ สิ่งที่ทุกคนวาดหวังในใจคือแม่นางฮวาจะขึ้นมาแสดงบนเวทีอีกครั้ง นั่นถึงจะเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่สุด
ในใจของทุกคน ตำแหน่งนางคณิกาอันดับหนึ่งถูกกำหนดเอาไว้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากฮวาเสี่ยงหรง ยังจะมีใครมีคุณสมบัติอีก?
……
หลังเวที
รอบกระโจมของหอสดับเซียนเต็มไปด้วยคน
แม่นางลู่หงซิ่วแห่งหอชิดสิเน่หาถึงแม้จะมีผู้คนรายล้อม แต่ก็เป็นแค่เด็กสาวอายุสิบเจ็ดเท่านั้น สีหน้าในตอนนี้ซีดเผือด เก็บความผิดหวังและโกรธแค้นไม่มิด
รสชาติของการอยู่สูงส่งบนฟ้าแล้วร่วงลงมาบนดินเป็นอย่างไร?
ตอนนี้นางรับรสได้ดีเป็นอย่างยิ่ง
ดอกไม้หนึ่งแสนสามหมื่นตะกร้า ไม่ว่าอยู่ในการประกวดนางคณิกาอันดับหนึ่งครั้งใดก่อนหน้านี้ก็พูดได้ว่ายืนเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นก่อนที่ฮวาเสี่ยงหรงจะขึ้นเวที ทุกคนจึงแทบจะคิดว่าขาข้างหนึ่งของลู่งหงซิ่วเหยียบบนตำแหน่งคณิกาอันดับหนึ่งแล้ว
ทว่า เมื่อการแสดงของฮวาเสี่ยงหรงจบลง ทุกอย่างก็เหมือนกลายเป็นเรื่องตลก
ตะกร้าดอกไม้สามแสนกว่าตะกร้า นี่เป็นปาฏิหาริย์ชัดๆ
ตามกฎของที่ประชุม รางวัลตะกร้าดอกไม้ที่นางคณิกาได้รับจากการแสดงจะแบ่งให้กับหน่วยเลี้ยงรับรอง หอคณิกา และตัวนางคณิกาเองเป็นสัดส่วนเท่าๆ กัน ฮวาเสี่ยงหรงคนเดียวจะแบ่งได้หนึ่งแสนกว่าตะกร้าดอกไม้ เท่ากับหนึ่งแสนตำลึงทอง กลายเป็นเศรษฐีใหญ่ในชั่วข้ามคืน ทั้งยังได้ชื่อเสียงอีกมากมาย จินตนาการได้เลยว่า ในภายภาคหน้าคนที่ผู้คนจดจำก็คือฮวาเสี่ยงหรงผู้ร่ายรำได้งดงามชวนหลงใหล ไม่ใช่ลู่ซิ่วหงที่ทำลายสถิติตะกร้าดอกไม้เช่นกันแต่กลับถูกฮวาเสี่ยงหรงเหยียบเอาไว้
นี่จะไม่ให้ลู่ซิ่วหงแค้นได้อย่างไร?
คนที่ผิดหวังเหมือนกัน ยังมีลู่เสวี่ยแม่เล้าผู้ดูแลของหอชิดสิเน่หา
หากบอกว่าไม่อยากได้ตำแหน่งนางคณิกาอันดับหนึ่ง แต่หลังจากคนลึกลับนิรนามทุ่มหนึ่งแสนตะกร้า ใจทะเยอทะยานปรารถนาก็เหมือนราดน้ำมันไปบนกองเพลิง ลุกไหม้โหมแรงขึ้นมา ตอนนี้กลับถูกคนผลักลงจากยอดเมฆ ความสิ้นหวังหลังจากที่มีหวังเช่นนี้ช่างชวนให้คนใจสลายเสียจริงๆ
“ใช่แล้ว ข้าเป็นคนตบเอง แล้วจะทำไม?” เผชิญกับคำซักถามจากฮวาเสี่ยงหรง ลู่เสวี่ยเชิดหน้าอย่างลนลาน กัดฟันพลางเอ่ย “บ่าวข้างกายเจ้าไม่มีกฎระเบียบ ข้าสั่งให้คนตบปากสั่งสอน ผิดหรืออย่างไร?”
รอบๆ มีคนล้อมดู แม่เล้าและแม่นางทั้งหลายจากหอต่างๆ อยู่กันหมด
เมื่อครู่ฮวาเสี่ยงหรงแสดงเสร็จกลับมา รู้ว่าซินเอ๋อร์โดนรังแก ยังไม่ทันไปคิดบัญชี คนของหอชิดสิเน่หาก็มาพูดจาร้ายกาจถึงหน้ากระโจมหอสดับเซียนก่อน
ฮวาเสี่ยงหรงคลึงใบหน้าของซินเอ๋อร์เบาๆ อย่างปวดใจ ก่อนใช้วิชาเต๋ารักษาบาดแผลรักษาให้ซินเอ๋อร์
จากนั้นนางมองลู่เสวี่ย พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “สาวใช้ของข้าย่อมมีหอสดับเซียนควบคุมดูแล มือของแม่เล้าลู่จะยื่นยาวเกินไปหน่อยกระมัง อีกทั้งมาพูดจาบาดลึกเสียดแทงนอกกระโจมของข้า คนของข้าจะโต้เถียงไม่ได้หรือไร?”
“หึ เจ้าดูแลไม่ดี ข้าก็ช่วยเจ้าดูสักหน่อย” ลู่เสวี่ยหัวเราะเสียงเย็น “ทำไมรึ เพิ่งจะได้ดอกไม้มาสามแสนกว่าตะกร้า พอสะบัดหน้าลงจากเวทีก็รีบโอ้อวดวางอำนาจอย่างอดไม่ได้เลยรึอย่างไร? เจ้าลองไปสืบข่าวทั้งถนนกลิ่นกำจายดู หอชิดสิเน่หาไม่ใช่จะรังแกกันได้ง่ายๆ”
“ใครรังแกใคร ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ” สีหน้าของฮวาเสี่ยงหรงเรียบนิ่งจนน่ากลัว “ข้าจะไม่โต้เถียงอะไรกับเจ้าให้มากมาย หญิงเฒ่าคนไหนตบซินเอ๋อร์ ก้าวออกมาให้ซินเอ๋อร์ตบกลับ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบกันไป มิฉะนั้นถึงข้าจะใจดีมีเมตตา แต่ก็ไม่กล้ำกลืนฝืนทนให้ใครหน้าไหนมารังแก ถึงตอนนั้นอย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน”
การฝึกฝนวิชาแต่เดิมก็สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยคนได้อยู่แล้ว ทั้งยังอยู่กับหลี่มู่นานวันเข้า ฮวาเสี่ยงหรงจึงค่อยๆ ได้รับอิทธิพลจากนิสัยเผด็จการที่ปกติหลี่มู่แสดงออกมา พูดออกไปเช่นนี้แล้วทรงอำนาจเป็นที่สุด
…………………………………