จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 215 ไม่เล่นตามบท
“งั้นรึ? น่าเสียดาย ท่านยายจ้าวมีธุระกลับไปก่อนแล้ว…ข้าส่งตัวให้ไม่ได้ ข้าจะดูซิว่าแม่นางฮวาใช้วิธีไม่เกรงใจอย่างไร” ลู่เสวี่ยตัดสินใจไม่ไว้หน้ากันไปข้างหนึ่งแล้ว อย่างไรเสียหอชิดสิเน่หาก็ไม่ต้องกลัวหอสดับเซียน
ฮวาเสี่ยงหรงขมวดคิ้วเล็กน้อย วิชาเต๋าจับกุมคนก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือ
นางกำลังจะลากตัวยายจ้าวคนตบซินเอ๋อร์ที่กำลังแอบซ่อนอยู่ออกมา
ในตอนนี้เอง กลับมีเสียงหนึ่งดังมา
“มารวมตัวอะไรกันที่นี่?” หัวหน้าหน่วยเลี้ยงรับรองหลิวเฉิงหลงเดินมาโดยมีผู้ดูแลทั้งหลายห้อมล้อม
ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี ต่างพากันทำความเคารพ เอ่ยปากทักทาย
หลิวเฉิงหลงอยู่ในหน่วยเลี้ยงรับรองพูดได้ว่าตำแหน่งเสมือนจักรพรรดิ ตัดสินชะตาชีวิตความเป็นตายของสตรีทั้งหลาย ถึงแม้เป็นผู้ดูแลเช่นลู่เสวี่ย ยามอยู่ต่อหน้าเขาก็แค่คนตำแหน่งเล็กๆ เท่านั้น
สืบสาวราวเรื่องเรียบร้อยแล้ว หลิวเฉิงหลงก็เอ่ยอย่างราบเรียบ “ในงานประกวดนางคณิกาอันดับหนึ่งกลับยังกล้าก่อเรื่องทำร้ายคน จงใจจะทำลายการใหญ่ของข้าหรืออย่างไร? ช่างบังอาจนัก ใครก็ได้ จับยายแก่ที่ทำร้ายผู้อื่นคนนี้ไปถ่วงแม่น้ำผงชาด”
“ไม่เอาๆๆ ข้าผิดไปแล้ว ใต้เท้า ไว้ชีวิตด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตด้วยเถิด…” ยายจ้าวเดิมทีแอบยิ้มหยันอยู่ที่มุมมืด แต่เมื่อได้ยินดังนี้ก็กลัวจนขาอ่อนคุกเข่าลงบนพื้น อ้อนวอนร้องไห้คร่ำครวญ ยังเหลือความกำเริบเสิบสานอวดดีเหมือนยามที่ตบซินเอ๋อร์เสียที่ไหน
ทว่าในสายตาของหลิวเฉิงหลง การสังหารยายแก่คนหนึ่งไม่ต่างอะไรกับขยี้มดปลวก
จะไว้ชีวิตนางเสียที่ไหน?
หนำซ้ำก็ไม่มีใครช่วยขอร้องให้นางด้วย
ยายจ้าวคนนี้ติดตามอยู่ข้างกายลู่เสวี่ย ปกติกำแหงยิ่งนัก ใจจืดใจดำ ด่าทอลงโทษแม่นางรอบกายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำ ซ้ำยังสร้างศัตรูไว้มาก ไม่เป็นที่รักใคร่ของใครๆ
องครักษ์ของหน่วยเลี้ยงรับรองเดินมา ยัดหญิงแก่คนนี้ลงในกระสอบ เพียงชั่วครู่ก็จากไป
ผู้ดูแลลู่เสวี่ยแห่งหอชิดสิเน่หาและลู่หงซิ่วตกใจกลัวจนหน้าซีดไปในทันที
ใต้เท้าผู้ดูแลแสดงให้เห็นชัดแล้วว่าจะปกป้องฮวาเสี่ยงหรง
คืนวันนี้ทิศทางลมไม่ถูกต้อง เช่นนี้คือเตะตอเข้าอย่างจัง ต้องซวยกันแล้ว
“แม่เล้าลู่ เจ้าก็เป็นคนเก่าคนแก่ของหน่วยเลี้ยงรับรองแล้ว ไยจึงเลอะเลือนแบบนี้อีก? ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้กลับยุแยงลูกน้องให้ก่อเรื่องท้าทาย?” หลิวเฉิงหลงมองไป
ลู่เสวี่ยพูดทั้งหน้าซีดขาว “ใต้เท้า ข้า…อันที่จริง…ข้า…”
“เอาละ ประเดี๋ยวการแข่งขันจบลง เจ้าไปขอโทษแม่เล้าไป๋ที่หอสดับเซียนด้วยตัวเองก็แล้วกัน” หลิวเฉิงหลงเอ่ยเสียงเรียบ
เขาสายตาเฉียบคมยิ่งนัก เกิดอะไรขึ้นแค่มองดูก็รู้แล้ว ทำไมจะไม่รู้ว่าลู่เสวี่ยคิดอะไรอยู่ แล้วจะฟังนางแก้ตัวหรืออย่างไร?
แต่ว่า ก่อนหน้านี้องค์ชายสองตบรางวัลให้ลู่หงซิ่วหนึ่งแสน จุดประสงค์ตอนนั้นแน่นอนว่าเพื่อกดฮวาเสี่ยงหรงลง ถึงอย่างไรลู่หงซิ่วก็เป็นคนที่องค์ชายสองไว้หน้า ไม่ใช่คนที่เขาจะเที่ยวจัดการส่งเดชได้ ดังนั้นกับลู่เสวี่ยที่เกะกะระราน หลิวเฉิงหลงก็ไม่ได้ว่ากล่าวรุนแรงเกินไป
สังหารยายแก่คนหนึ่ง นับว่าให้คำตอบกับฮวาเสี่ยงหรงต่อหน้าสาธารณชนแล้ว
“เจ้าค่ะ” ลู่เสวี่ยก็ทำได้แค่กล้ำกลืนยอมรับ
ยังดีที่ไม่มีการลงโทษอะไรน่ากลัวขึ้นไปอีก
“แยกย้ายกันไปเถอะ” หลิวเฉิงหลงโบกมือ
คนของหอคณิกาต่างๆ ที่มารวมตัวกันแยกย้ายไปทันที
ใครต่างก็มองออก ใต้เท้าผู้ดูแลหยิบยื่นไมตรีให้ฮวาเสี่ยงหรง
สายตาของหลายคนที่มองฮวาเสี่ยงหรงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ช่วงนี้เรื่องอะไรดีๆ ล้วนเกิดกับฮวาเสี่ยงหรงทั้งนั้น อันดับแรกก็ได้รับความชื่นชอบจากหลี่มู่ ต่อมายังโด่งดังเป็นพลุแตกในงานประกวด ได้รับรางวัลสถิติใหม่ แม้แต่หัวหน้าหลิวยังมองนางสูงขึ้น
ช่างโชคดีจริงๆ!
ผู้คนแยกย้าย
หลิวเฉิงหลงกลับไม่จากไป
“ใต้เท้า” ฮวาเสี่ยงหรงคารวะเล็กน้อย
สาวใช้ซินเอ๋อร์และคณิกาสาวพรหมจรรย์ทั้งสี่ของหอสดับเซียนก็ไม่กล้าเพิกเฉย รีบคารวะบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่กุมชะตาของสตรีในหน่วยเลี้ยงรับรองนับพันนับหมื่นอย่างเคารพนอบน้อมทันที
“อืม บทเพลงและการร่ายรำของแม่นางฮวาน่าตื่นตะลึงนัก เมื่อก่อนข้าละเลยไปแล้ว ไม่คิดว่าในหน่วยเลี้ยงรับรองเมืองฉางอันจะมีคนงดงามราวเทพเซียนอยู่ด้วย” หลิวเฉิงหลงแย้มยิ้มน้อยๆ
“ใต้เท้าชมเกินไปแล้ว” ฮวาเสี่ยงหรงตอบด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
หากเปลี่ยนเป็นอดีต ยามพบใต้เท้าหัวหน้าหน่วยเลี้ยงรับรองผู้นี้ ในใจของนางจะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่นับจากได้พบกับหลี่มู่ ผ่านเรื่องราวมามากมาย จิตใจนางตอนนี้เปลี่ยนไปนานแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับหลิวเฉิงหลงอีกครั้งจึงนิ่งสงบเป็นอิสระ
“แม่นางฮวาความสามารถชวนตะลึงนัก” หลิงเฉิงหลง “ข้ากลับไม่รู้ว่าแม่นางฮวาเป็นจอมเวทที่พลังฝึกล้ำลึกด้วย”
“ก็แค่วิชาเล็กน้อย ไม่ควรค่าที่จะเอ่ยถึง ใต้เท้า หลังจบการประกวดนางคณิกาอันดับหนึ่ง ข้าอยากไถ่ตัวถอนชื่อออกจากทะเบียนให้ตัวเองและซินเอ๋อร์ ใต้เท้าโปรดอำนวยความสะดวกด้วย” ฮวาเสี่ยงหรงเอ่ย แต่เดิมนางคิดจะไปจากหน่วยเลี้ยงรับรองนานแล้ว แต่เพื่อตอบแทนไป๋เซวียนถึงได้รับปากเข้าร่วมการแข่งขัน และลากยาวมาจนถึงตอนนี้
“อ้อ เรื่องนี้รึ…รอการประกวดคณิกาอันดับหนึ่งจบค่อยว่ากันเถิด แต่เรื่องถอนชื่อจากทะเบียนหน่วยเลี้ยงรับรอง ปกติแล้วจะยุ่งกว่าหอคณิกาทั่วไปเล็กน้อย เพราะต้องใช้เอกสารจากราชสำนัก” หลิวเฉิงหลงไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ ยกเรื่องมาอ้างเล็กน้อย
คิ้วของฮวาเสี่ยงหรงขมวดเบาๆ ประกายเย็นเยือกดุจแสงจันทร์ฉายผ่านบนใบหน้าแล้วหายวับไป
นางฝึกฝนวิชาก่อนกำเนิด สัญชาตญาณว่องไวเป็นที่สุด นางสัมผัสได้ว่าหัวหน้าหน่วยเลี้ยงรับรองมาปรากฏตัววันนี้ น่ากลัวว่าจะไม่มาดี
ก่อนนี้ฮวาเสี่ยงหรงเป็นดอกไม้บอบบางบานสะพรั่งท่ามกลางสายลม งดงาม อ่อนโยน เปราะบาง เหมือนจะซ่อนความหวาดกลัวต่อโชคชะตาที่ไม่อาจรู้ได้ไว้เสมอ ความงดงามของนางไม่มีอันตรายใดแฝงอยู่ เหมือนกับคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ยอมรับความลำบาก อ่อนโยนเปี่ยมคุณธรรม แต่นางในตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของบุคลิกลักษณะ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของนิสัยเสียมากกว่า ทั้งเย็นชาและห่างเหิน ทำให้คนต้องแหงนหน้ามอง ประดุจเซียนผู้สูงส่งไร้มลทิน ให้ความรู้สึกเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ต่อให้เป็นบุคคลระดับหลิวเฉิงหลง ยามเผชิญหน้ากับนางก็ตรึกตรองก่อนแล้วค่อยพูดโดยไม่รู้ตัว
“แค่เดินเอกสารตามปกติ ขั้นตอนไม่ยากกระมัง? หน่วยเลี้ยงรับรองแต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีแบบอย่างที่นางคณิกามีชื่อไถ่ตัว” ฮวาเสี่ยงหรงขมวดคิ้วมองหลิวเฉิงหลง เอ่ยว่า “ขอแค่หัวหน้าหลิวพยักหน้า ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแล้ว”
หลิวเฉิงหลงยิ้มๆ “โดยปกติไม่มีปัญหาอะไร แต่กลัวว่าจะมีคนใหญ่คนโตบางคนไม่ยินยอม…ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้เองจริงๆ”
“คนใหญ่คนโต?”
“ใช่แล้ว อ้อ แม่นางฮวาตอนนี้สะดวกหรือไม่ ที่หอโอบจันทร์มีผู้สูงศักดิ์ท่านหนึ่งอยากพบแม่นางฮวาสักหน่อย หากผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นเอ่ยปาก แม่นางฮวาอยากถอนทะเบียนก็ง่ายขึ้นเยอะ” หลิวเฉิงหลงสบโอกาสพูด
ฮวาเสี่ยงหรงสีหน้าเคร่งขรึม ส่ายหน้าแล้วตอบไปอย่างไม่ต้องคิด “ใต้เท้าโปรดอภัย ข้าไม่อยากพบแขกอื่น”
คนที่หลิวเฉิงหลงเรียกว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ได้ จะต้องเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่นางก็ยังคงเลือกปฏิเสธโดยไม่ลังเล
เพราะในใจของนางมีคนที่สำคัญยิ่งกว่า
หลิวเฉิงหลงตะลึง คิดไม่ถึงว่าฮวาเสี่ยงหรงจะปฏิเสธโต้งๆ แบบนี้ ไม่ไว้หน้าตนแม้แต่น้อย ในใจค่อนข้างโมโห แต่ก็จะโมโหไม่ได้ ในเมื่อเป็นสตรีที่องค์ชายสองถูกตาต้องใจ วันข้างหน้าอยู่ข้างกายองค์ชายจะต้องได้รับความโปรดปรานมากแน่ หากนางยุแยงข้างหมอนสักหน่อย นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ตนจะแบกรับได้
“แม่นางฮวาโปรดทบทวนดูอีกที ผู้สูงศักดิ์ท่านนี้ฐานะไม่ธรรมดา เกรงว่าในจักรวรรดิฉินตะวันตกไม่มีเรื่องใดที่เขาจัดการไม่ได้ ผู้สูงศักดิ์แค่อยากพบแม่นางฮวาและนั่งดื่มชาด้วยเท่านั้น จะไม่มีเรื่องอื่นใดเกิดขึ้น” หลิวเฉิงหลงโน้มน้าวอย่างอดทน
แต่ฮวาเสี่ยงหรงทำแค่ส่ายหน้า ท่าทีเด็ดเดี่ยว
หลิวเฉิงหลงยิ้มเล็กน้อย เปลี่ยนวิธีพูดไปว่า “ตามที่ข้ารู้มา ช่วงนี้คุณชายหลี่ก่อปัญหาไม่น้อย ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะไม่เป็นสองรองใคร แต่ถึงอย่างไรก็หัวเดียวกระเทียมลีบ หากมีผู้สูงศักดิ์ท่านนี้ลงมือช่วยเหลือละก็ จะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
นับว่าใช้ผลประโยชน์เข้าล่อแล้ว
หลิวเฉิงหลงคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย มองทะลุจิตใจคน รู้ว่าตอนนี้ฮวาเสี่ยงหรงสนใจสิ่งใดที่สุด รับมือกับหญิงคณิกาที่อ่อนต่อโลกนั้นง่ายแสนง่าย ถ้าพูดถึงกุศโลบายและความเจ้าเล่ห์ ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
ฮวาเสี่ยงหรงเอนเอียงขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ
หากช่วยพี่มู่ได้ บางทีอาจจะควรทบทวนสักนิด?
“ผู้สูงศักดิ์ท่านนั้น…ทำไมจึงอยากเจอข้า?”
นี่เป็นประโยคไร้สาระ ยังจะเพื่ออะไรได้อีก? แต่เมื่อถามออกมาก็เผยให้เห็นความหวั่นไหวในใจของนางแล้ว
หลิวเฉิงหลงมั่นใจ รู้ว่าตัวเองจับความคิดจิตใจของฮวาเสี่ยงหรงได้อย่างแม่นยำแล้ว เขาแย้มยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “แม่นางฮวาไม่จำเป็นต้องกังวล เป็นแค่ชายมากความสามารถที่ชื่นชมแม่นางฮวา แค่ดื่มชาสักแก้วและพูดคุยกันเท่านั้น” เขาพยายามพูดอย่างสงบนิ่ง ขจัดความระแวดระวังของฮวาเสี่ยงหรง
ทว่าเรื่องกลับไม่ดำเนินต่อไปตามความคิดของเขาสักนิด
หลังจากฮวาเสี่ยงหรงทบทวนดู จู่ๆ กลับเปลี่ยนใจ ตอบอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ขอโทษด้วยใต้เท้า ข้าไม่ไป”
เพราะนางพลันนึกถึงคำที่พี่มู่พูดเอาไว้ได้
วันนั้นหยวนอู่จากหน่วยเลี้ยงรับรองใช้ความปลอดภัยของซินเอ๋อร์และพี่น้องในหอสดับเซียนมาข่มขู่นาง จนนางเกือบโดนทำร้าย ภายหลังหลี่มู่พูดถึงเรื่องนี้ ก็ได้กำชับนางอย่างจริงจังว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก่อนอื่นนางต้องเชื่อเขา อย่าสงสัยว่าเขาจะรับมือได้หรือไม่ และอย่าใช้ความคิดเสียสละตนแก้ปัญหาโดยพลการ ไม่ว่าจะเจอเรื่องเดือดร้อนใดๆ ต้องบอกเขา จากนั้นสองคนค่อยหารือแก้ปัญหาด้วยกัน
นี่คือความเคารพอย่างหนึ่ง และเป็นการเชื่อใจอย่างหนึ่งเช่นกัน
เสี้ยวขณะที่ฮวาเสี่ยงหรงจิตใจสั่นคลอนเมื่อครู่ก็นึกถึงประโยคนี้ทันที
ใช่แล้ว นางควรเชื่อพี่มู่
สองคนคบหากัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเชื่อใจ
พี่มู่ไม่ได้พูดเช่นนี้แค่ครั้งเดียว
ฮวาเสี่ยงหรงกล่าวจบก็ไม่อยากพูดกับหลิวเฉิงหลงให้มากความ หันกายเข้าไปในกระโจมทันใด
หลิวเฉิงหลงอึ้งไป
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ไม่เล่นตามบทนี่นา
ผู้ดูแลคนสนิทข้างกายสองสามคนเห็นภาพนี้ก็แค่นเสียงเย็น ทำท่าจะบุกเข้ากระโจมเพื่อบังคับพาไป แต่หลิวเฉิงหลงโบกมือห้ามพวกเขาเอาไว้
………………………