จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 246 เจ้าก็ใช้วิชานี้ได้เหมือนกัน?
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ฉู่หนานเทียนอึ้งเล็กน้อย
ค่ายกลนอกเรือนซอมซ่อไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เขามองไม่ออก รู้สึกแค่พลังมหาศาลไร้ที่ติ โครงสร้างแน่นหนา เป็นธรรมชาติ มองช่องโหว่ไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
เขาลองทำลายหลายครั้ง กระทั่งสุดท้ายตัดสินใจใช้กระบี่เหยี่ยวถลาลมโจมตี แต่ก็ไม่มีผลใดเลย ไม่ว่าจะใช้พลังมากแค่ไหนก็เหมือนหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ยามใช้กระบี่โจมตี กระบี่ก็เกือบจะจมหายไปในค่ายกลด้วย
สุดท้ายดีที่เขาสำแดง ‘ท่ากระบี่เหินหาว’ ถึงได้ชิงกระบี่เหยี่ยวถลาลมกลับมาได้
“ให้ช่วยอะไรหรือไม่?” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างๆ
ฉู่หนานเทียนหันไปมอง
กลับเป็นเด็กหนุ่มที่ดูแล้วอ่อนเยาว์เป็นอย่างมาก สวมชุดขาวทั้งร่าง ผมสั้น คิ้วเข้มตาโต ดูเก่งกล้าองอาจ แต่ใบหน้ากลับประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคู่นั้นจ้องกระบี่เหยี่ยวถลาลมซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของเขาเขม็ง เหมือนคนหิวโซเห็นอาหารเลิศรส น้ำลายแทบจะไหลออกมาแล้ว
“เจ้าทำลายค่ายกลนี่ได้?” ในใจของฉู่หนานเทียนเกิดความไม่พอใจเล็กๆ ท่าทีของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่ชอบใจมาก
เด็กหนุ่มพยักหน้า “ได้ๆๆ ได้แน่นอน แต่ว่าข้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง กระบี่ของเจ้ามีวาสนากับข้า ให้ข้ายืมเล่นสักสามสี่วันได้หรือไม่”
ฉู่หนานเทียนโมโหทันที
กระบี่เหยี่ยวถลาลมเป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักกระบี่สวรรค์ เขาทำภารกิจของสำนักไปไม่รู้ต่อเท่าไหร่ จนได้คุณูปการ จากนั้นอาศัยความสัมพันธ์ของตนกับปู่เล็กถึงได้กระบี่เล่มนี้มา ปกติจะหวงไม่ยอมวางมือ ใช้กระบี่ฟาดฟันฝ่าไปในจักรวรรดิฉินตะวันตก และได้ฉายาว่า ‘กระบี่เทพเหยี่ยวถลาลม’ คิดจะยืมไปเล่นสักหน่อยงั้นรึ?
“ให้ยืมเล่น? ก็ได้ แต่ว่าเจ้าทำลายค่ายกลนี่ได้จริงๆ หรือ?” ฉู่หนานเทียนหัวเราะเสียงเย็น ในใจเกิดจิตสังหารขึ้นมาแล้ว ขอแค่ทำลายค่ายกลนี่ได้ เขาก็จะสับเจ้านี่ให้เละเสีย
“ได้อยู่แล้ว” เด็กหนุ่มตอบ “เจ้าพูดคำไหนคำนั้น?”
ฉู่หนานเทียนกล่าว “คำไหนคำนั้นแน่นอน…” ยังพูดไม่ทันจบ ‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงที่อยู่ข้างๆ สีหน้ากลับราวเห็นผี กระแอมแล้วเดินมาพูดเสียงต่ำว่า “นายน้อย มันก็คือหลี่มู่”
ฉู่หนานเทียนอึ้งไป ดวงตาฉายประกายเย็นเยือกทันที “เจ้าก็คือหลี่มู่?”
หลี่มู่พยักหน้ารับ “ใช่แล้วๆ กระบี่ของเจ้าไม่เลว…”
“ตาย”
ฉู่หนานเทียนพุ่งพรวดออกไป มาถึงหน้าหลี่มู่ในเสี้ยวพริบตา ร่างราวอัสนีบาตก็ไม่ปาน กระบี่เหยี่ยวถลาลมที่แต่เดิมอยู่ในฝักมาอยู่ในมือไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ที่ด้ามกระบี่ ปีกเหยี่ยวซึ่งเดิมหุบอยู่สยายออก ประกายกระบี่พุ่งออกมาจากปากเหยี่ยว ความรู้สึกคมกริบและพลังทำลายล้างปะทะเข้ามาหา
เขาเคยถูกคนอื่นหยอกเล่นแบบนี้เมื่อไหร่?
“วิชากระบี่ยอดเยี่ยมมาก” หลี่มู่ดวงตาวาววับ
เด็กหนุ่มคนนี้ดูแล้วอายุยังอ่อนเยาว์นัก เพลงกระบี่กลับไม่ธรรมดา เหนือกว่าธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์มาก ท่าทางคงจะได้รับการถ่ายทอดจากผู้มีชื่อเสียง
เขายกมือขึ้น กำกระบี่เอาไว้ในมือ
เมื่อข้อมือสะบัดเล็กน้อย พลังกล้าแกร่งก็ปะทุ
ฉู่หนานเทียนตื่นตะลึงและยากจะเชื่อ กระบี่เหยี่ยวถลาลมไม่อาจฟันมือของอีกฝ่ายได้ ในขณะที่ตกใจ ก็รู้สึกว่าเพียงพลังมหาศาลเกินต้านทานกลุ่มหนึ่งพลันทะลักมาจากตัวกระบี่ ข้อมือเขาปวดแปลบจนถือกระบี่เหยี่ยวถลาลมเอาไว้ไม่อยู่ บริเวณหูโข่วแตกออก เลือดสดๆ ไหลรินทันที
ส่วนกระบี่เหยี่ยวถลาลมตกไปอยู่ในมือของศัตรู
“วัสดุของกระบี่ที่ฝึกฝนไม่เลว” หลี่มู่ประเมินกระบี่เหยี่ยวถลาลม พลังจิตวิญญาณแค่กวาดก็รู้วัสดุที่ใช้สร้างกระบี่เล่มนี้ ซึ่งล้วนเป็นของชั้นยอดทั้งสิ้น แต่ว่าค่ายกลดาราวิชาเวทที่สลักเอาไว้ในตัวกระบี่หยาบกระด้างเกินไป เขาจึงถามอย่างสงสัย “วิชากระบี่ของเจ้ากลิ่นอายคล้ายกับธรรมจารย์กระบี่สวรรค์ หรือเจ้าจะเป็นคนของสำนักกระบี่สวรรค์?”
ฉู่หนานเทียนตอนนี้ทั้งตกใจทั้งโกรธ ยากจะเชื่อว่าหลี่มู่ชิงกระบี่เหยี่ยวถลาลมไปได้ในชั่วกระบวนท่าเดียว ครั้นได้ยินดังนั้นก็เชิดหน้าขึ้นตอบว่า “ข้าคือหนึ่งในผู้สืบทอดสำนักกระบี่สวรรค์รุ่นปัจจุบัน ธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ก็แค่ศิษย์นอกสำนักทั่วไปเท่านั้น จะเทียบกับได้อย่างไร ข้า…”
“อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” หลี่มู่ตาเป็นประกาย เอ่ยตัดบทอีกฝ่าย “พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าก็ใช้ท่ากระบี่เหินหาวในวิชา ‘กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่า’ ของธรรมาจารย์กระบี่สวรรค์ได้เหมือนกัน?”
ฉู่หนานเทียนแค่นเสียงเย็นและตอบว่า “ ‘กระบี่สวรรค์สามสิบหกท่า?’ ก็แค่เพลงกระบี่ขยะเท่านั้น…แก่นแท้ของท่ากระบี่เหินหาวที่แท้จริง ลูกศิษย์นอกสำนักคนหนึ่งจะเข้าถึงได้อย่างไร?”
หัวหน้าโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์และศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่อีกด้านหนึ่งสีหน้าย่ำแย่ทันที
ถึงแม้วิชายุทธ์ของโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์จะเทียบกับวิชาสืบทอดแท้จริงของสำนักกระบี่สวรรค์ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสาขาย่อยของสำนักกระบี่สวรรค์ พวกเขาล้วนภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของสำนักกระบี่สวรรค์ ทว่าฉู่หนานเทียนกลับไม่มองโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์เป็นพวกเดียวกันเลย
หลี่มู่หัวเราะลั่น “เจ้าคนนี้นี่นะ ความฉลาดทางอารมณ์ต่ำเสียจริงๆ ท่าทางจะถูกตามใจจนเสียนิสัย” พูดแล้วก็โยนกระบี่เหยี่ยวถลาลมไปให้ฉู่หนานเทียน “เช่นนั้นก็สำแดงท่ากระบี่เหินหาวให้ข้าดูสักหน่อย เจ้าเข้าถึงแก่นแท้ได้มากน้อยแค่ไหน”
ฉู่หนานเทียนรับกระบี่ไว้ อึ้งไปอีกรอบ
เขาคิดไม่ถึงว่าศัตรูจะคืนกระบี่เหยี่ยวถลาลมให้ตนง่ายๆ เช่นนี้
หรือคนคนนี้จะเป็นคนปัญญาอ่อน?
แต่ว่าจิตสังหารในใจเขายิ่งพุ่งสูงขึ้น
ฉู่หนานเทียนจิตใจสงบนิ่ง โคจรวิชากระบี่สวรรค์ เก็บความคิด กลิ่นอายทั่วร่างสงบมั่นคง ไม่พลุ่งพล่านเช่นก่อนหน้านี้ ถึงเด็กหนุ่มดื้อดึงผู้นี้นิสัยจะเสียไปบ้าง แต่พลังฝึกวิถียุทธ์แข็งแกร่งมากทีเดียว
หลี่มู่พยักหน้ากล่าวชมเชย “ใช่ๆๆ แบบนี้แหละ แสดงได้ดี”
“ตาย” ฉู่หนานเทียนออกกระบี่อีกครั้ง
กระบี่ดุจเมฆาเคลื่อนคล้อย พลังดั่งสายอัสนีฟาดผ่า
ครั้งนี้ฉู่หนานเทียนสำแดงวิชากระบี่ของตนออกมาอย่างเต็มที่
พื้นที่เล็กๆ แต่สำแดงวิชาเลิศล้ำออกมาได้
กระบวนท่ากระบี่ติดต่อกันเป็นชุด ต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุดราวแม่น้ำไหลบ่า
หลี่มู่กลับยืนนิ่งราวศิลา สองมือสกัดกั้นกระบวนท่ากระบี่ไม่หยุด เขาแน่นิ่งดุจศิลาดั่งขุนเขา ไม่ขยับไปจากจุดเดิม จิตสังหารท่ากระบี่บ้าคลั่งใดๆ เมื่อมาถึงเบื้องหน้าล้วนแต่ถูกกันไว้ทั้งสิ้น ยากจะทะลวงผ่านมาได้
“ไม่ไหวๆ ห่างชั้นเกินไป…ฮ่าๆ ท่ากระบี่เหินหาวของเจ้าเล่า?” หลี่มู่ส่ายหัว
เพลงกระบี่ของสำนักกระบี่สวรรค์เยี่ยมยอดจริงๆ แต่สำหรับเขา มันกลับไม่มีค่าให้อ้างอิงอะไรมากมายนัก
สิ่งที่เขาสนใจจริงๆ ก็ยังเป็นกระบวนท่ากระบี่สังหารกระบวนท่านั้น
มีเพียงกระบวนท่านี้เท่านั้นถึงจะมีเงื่อนงำรางๆ ที่เกี่ยวกับหลักเต๋าอันยิ่งใหญ่บ้าง
ฉู่หนานเทียนสีหน้าเคร่งเครียด ความโกรธแค้นในดวงตาทะลักล้นอีกครั้ง
เมื่อโจมตีไม่สำเร็จ ในใจเขาก็เริ่มร้อนรน
ความแข็งแกร่งของหลี่มู่ทำให้เขาตะลึง ศัตรูที่คิดว่าจัดการได้ง่ายดาย กลับแสดงความแข็งแกร่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงและไม่อาจเข้าใจได้ เพลงกระบี่ที่ตนทระนงและภาคภูมิใจที่สุด ต่อให้เป็นความคมของกระบี่เหยี่ยวถลาลมก็ฟันแม้แต่มือของศัตรูไม่เข้า?
“กระบี่เหินหาว!”
ฉู่หนานเทียนในที่สุดก็สำแดงกระบวนท่าสังหาร
ปราณแท้ฟ้าประทานกลุ่มหนึ่งในกายไหลวน กำลังภายในแผ่ระลอก สองมือประสานปางมือวิชากระบี่ที่แปลกประหลาด ครั้นปราณแท้จริงฟ้าประทานห่อหุ้มกระบี่เหยี่ยวถลาลมเอาไว้ ตัวกระบี่ก็พลันสั่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นส่องประกายพิลึกแล้วลอยอยู่ข้างหน้าฉู่หนานเทียน นี่ไม่ใช่วิชาลัดใช้ด้ายบังคับกระบี่ ซึ่งยอดฝีมือโรงฝึกยุทธ์กระบี่สวรรค์ใช้ปราณควบคุมเส้นด้าย แต่เป็นท่ากระบี่เหินหาวที่แท้จริง
หลี่มู่ดวงตาวาววาบ
เนตรสวรรค์ที่หว่างคิ้วเปิดออก สำรวจวิธีโคจรกำลังภายในข้างในกายของฉู่หนานเทียนในเสี้ยวขณะนี้ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในกระบี่เหยี่ยวเหินหาว
กระบี่เหินหาว
นี่คือกลวิชากระบี่เซียนในตำนาน
บนโลกมนุษย์ ในตำนานเรื่องเล่านับไม่ถ้วน เซียนกระบี่เป็นที่นิยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ใน ‘เซียนกระบี่พิชิตมาร’ ภาพหลี่เซียวเหยาขี่กระบี่เหินหาวดึงดูดเด็กหนุ่มเลือดร้อนไม่รู้เท่าไหร่ เนื้อเพลงที่สวีเว่ยร้องในท่อน ‘เคยคิดอยากถือกระบี่ท่องยุทธภพ ประสบความเจริญรุ่งเรืองของโลก’ ก็สร้างความฝันจอมยุทธ์ให้กับเด็กหนุ่มสาวมากมายเช่นกัน
หลี่มู่มองเห็นต้นแบบของวิธีบินทะยานด้วยกระบี่ในท่ากระบี่เหินหาว
ในเรื่องกระบี่เทพสังหาร วิชาที่ลูกศิษย์สำนักเมฆาเขียวฝึกฝนเป็นก้าวแรกเข้าสู่สำนัก ก็คือบังคับวัตถุ
ซินแสเฒ่าก็เคยบอกเอาไว้ ในห้วงจักรวาลดาราสมุทร สุดท้ายแล้วกลวิชาของเทพเซียนก็อยู่ที่คำว่า ‘บังคับ’ บังคับตัวเอง บังคับวัตถุ บังคับเต๋า แล้วบังคับตัวเองอีกที นี่คือเคล็ดลับสี่ขั้นของคำว่า ‘บังคับ’ ของซินแสเฒ่า ส่วนตอนนี้ถึงแม้หลี่มู่จะบังคับเรียกวัตถุได้ แต่นี่ยังไม่ถึงแม้แต่ขั้นที่เป็นพื้นฐานที่สุดของ ‘บังคับวัตถุ’ เลย
ท่ากระบี่เหินหาว สำหรับหลี่มู่แล้วนับว่าสำรวจเคล็ดลับ ‘บังคับ’ ได้แล้ว
ดังนั้นเขาถึงได้สนใจถึงขนาดนี้
ภายใต้การสั่นไหวของกระบี่เหยี่ยวถลาลม เหมือนจะเกิดการเชื่อมต่อจิตวิญญาณที่แน่นแฟ้นกับฉู่หนานเทียนขึ้น ทุกครั้งที่สั่นก็จะเกิดคลื่นอากาศที่เหมือนฝุ่นขึ้นชั้นหนึ่ง สั่นสะเทือนจนท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกระจก…
ฟิ้ว!
กระบี่เหยี่ยวถลาลมแค่สั่นไหวก็มาถึงเบื้องหน้าหลี่มู่ตามการชี้นำของฉู่หนานเทียน ประหนึ่งละเลยซึ่งมิติ
ความเจ็บปวดราวเข็มทิ่มแทงทำให้ผิวของหลี่มู่เจ็บปวดยิ่ง
ด้วยความเร็วของกระบี่เหยี่ยวถลาลม หากหลี่มู่ไม่เบิกเนตรสวรรค์ กระทั่งว่าคงตั้งตัวไม่ทันเลย
เขาใช้สองมือต้านกระบี่นี้เอาไว้
ฉัวะ!
กระบี่เหยี่ยวถลาลมแทงฝ่ามือของหลี่มู่ ปลายกระบี่ทะลุมาจากหลังมือข้างหนึ่งของเขา
“ฮ่าๆ ตายซะ” ฉู่หนานเทียนลิงโลด ในที่สุดก็ทำร้ายหลี่มู่บาดเจ็บได้ นี่ทำให้เขาตื่นเต้นยินดีนัก
ส่วน ‘กระบี่เทพเบิกฟ้า’ จางเฉิงเฟิงและคนอื่นที่อยู่ข้างๆ ก็ส่งเสียงร้องยินดีอย่างอดไม่ได้
แต่ทว่า ไม่นานนักเสียงร้องลิงโลดก็หยุดชะงัก
เพราะหลังจากกระบี่เหยี่ยวถลาลมทะลุแค่มือของหลี่มู่ ก็ยากจะทะลุลงไปได้อีก ส่วนสีหน้าของเขาก็ยิ่งไม่มีแววความเจ็บปวดแม้แต่น้อย กลับเต็มไปด้วยความพอใจและเบิกบานเสียด้วยซ้ำ เขาดึงมือออกมา ใช้มือข้างที่ถูกแทงทะลุเป็นรูแต่ไร้เลือดกำด้ามกระบี่เหยี่ยวถลาลมไว้อย่างง่ายดาย
หวึ่ง หวึ่ง หวึ่ง!
กระบี่เหยี่ยวถลาลมดิ้นรนสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่หนีไม่พ้นมือของหลี่มู่
“เยี่ยม นี่สิถึงจะเป็นท่ากระบี่เหินหาวที่แท้จริง การบังคับวัตถุที่แท้จริง” หลี่มู่หัวเราะ ไม่รู้รูไร้เลือดบนฝ่ามือที่กำกระบี่สมานตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่นิดเดียว บาดแผลอีกข้างหนึ่งก็หายไปเช่นกัน
ความเร็วในการสมานตัวที่น่าพรั่นพรึง
แม้แต่เลือดที่ไหลรินก็ไหลย้อนเข้าไปในกายเขาจากทางปากแผล
ฉู่หนานเทียนมองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง และไม่อาจเข้าใจได้เลย
ส่วนหลี่มู่ก็ขี้เกียจจะห้ำหั่นกับเขาต่อไป
เสี้ยวขณะเมื่อครู่ เขาสำรวจแก่นแท้ของท่ากระบี่เหินหาวไปเกือบจะสำเร็จแล้ว เมื่อพลังวิญญาณหลั่งไหลมาก็ลบพลังจิตวิญญาณที่อยู่ในกระบี่เหยี่ยวถลาลมของฉู่หนานเทียนทันที จากนั้นกระตุ้นค่ายกลดาราวิชาเวทในกระบี่ แล้วลอกเลียนแบบจำลองเส้นทางการโคจรกำลังภายในและวิชาไว้ข้างใน
เรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว
วู้ม วู้ม วู้ม!
กระบี่เหยี่ยวถลาลมสั่นเบาๆ ลอยอยู่ข้างหน้าหลี่มู่ พร้อมแผ่รัศมีสนิทสนมกับหลี่มู่ราวกับเด็กว่าง่าย จากนั้นจึงบินฉวัดเฉวียนไปในตรอกไล่หมู่ตามใจหลี่มู่ รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด ไม่ต่างจากดาวตก แสงกระบี่ส่องประกายสว่างพร่างพราย
เป็นท่ากระบี่เหินหาวนั่นเอง!
“เจ้า…ทำไมเจ้าถึงใช้วิชากระบี่เหินหาวได้?”
…………………