จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 279 เทพปีศาจนอกพิภพ
จิตแห่งกระบี่ธุลีแดง ยังคงอยู่เพื่อเซียนกระบี่
หลังจากที่หลี่กังฟันครั้งที่สามออกไป สังหารขั้นเหนือมนุษย์ก้าวสองไปอีกหนึ่ง องค์ชายสองที่ต่อให้ต้องสูญเสียขั้นเหนือมนุษย์ทั้งหมดไป แต่หากสังหารหลี่กังได้ก็ถือว่าได้กำไรแล้วนั้น ตอนนี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยความร้ายกาจ ราวใบไม้แน่นขนัดที่กำลังจะร่วงโรยลงมา
“หนี!”
“ถอยก่อน!”
“ต้านทานไม่ได้!”
ไม่ต้องมีคำสั่งจากองค์ชายสอง ขั้นเหนือมนุษย์ที่เหลืออีกสองคนต่างถอยหนีราวกับสุนัขไร้บ้านก็มิปาน ความกล้าหาญในการต่อสู้หายไปจนหมดสิ้น
จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้
หากพลังแท้จริงห่างกันไม่มาก พวกเขายังพอสู้อย่างมีความหวังได้ ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ พวกเขารับกระบี่ของหลี่กังไม่ได้แม้แต่ทีเดียว ห่างชั้นกันเกินไป เหมือนมดปลวกเผชิญหน้ามังกรยักษ์ จะทำอย่างไรได้? หากสู้ต่อก็ไม่ต่างจากเดินเข้าไปตาย ได้ไม่คุ้มเสีย
ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองแม้จะดีกับพวกเขาไม่เลว และเป็นนายที่พวกเขาสาบานตนว่าจะสวามิภักดิ์ด้วย แต่เมื่อเทียบกับชีวิตแล้วกลับไม่อาจนับเป็นอะไรได้…
พวกเขาเป็นขั้นเหนือมนุษย์ ขั้นเหนือมนุษย์ที่สูงส่ง ไม่ใช่ทหารเดนตาย
หลี่กังหนึ่งกระบี่ดับหนึ่งชีวิต สวมเกราะแสงกระจกสยบฟ้า รอบกายมีแสงกระบี่ทลายฟ้าพันรอบ ดูราวกับราชาสวรรค์เทพสงคราม
“องค์ชาย ยังจะสู้กันอีกหรือไม่?”
หมวกเกราะของหลี่กังเปิดออก ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกสลักมีความเชื่อมั่นและอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวไว้ องค์ชายสองไม่คู่ควรจะพูดว่ายอมจำนนนกับเขา เวลานี้ได้รับการยืนยันแล้ว คนอย่างเซียนกระบี่ธุลีแดง มีเพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้นถึงจะสั่งการได้ กับแค่ราชบุตร จะมีคุณสมบัติอะไรให้เขาสวามิภักดิ์ด้วย?
“ข้ารับสั่งจักรพรรดิฉิน ยืดถือคุณธรรม สังหารพวกกบฏ จะถอยหนีได้อย่างไร? หลี่กังเจ้าขัดราชโองการเช่นนี้ จะทำชั่วไปได้อีกนานแค่ไหน?” องค์ชายสองพูดอย่างเดือดดาล
เขายกมือขึ้น ราชโองการจักรพรรดิที่อยู่กลางอากาศลอยลงมาอยู่ในมือ สาดแสงสีเหลืองทองปกคลุมทั่วทั้งร่างเขา เขากัดฟันดูดซับพลังในราชโองการนี้เข้าไปในร่างตนทั้งหมด
วิชาเทพ ‘เคล็ดมังกรทะยาน’ ที่ราชวงศ์ฝึกฝนนั้นมีพลานุภาพยิ่งใหญ่ ราชโองการที่จักรพรรดิให้มาก็ลงวิชาเคล็ดมังกรทะยานไว้ด้วย ด้านในมีพลังแก่กล้าหอยู่ บรรดาราชนิกุลที่ฝึกเคล็ดมังกรทะยานมา ต่างสามารถดูดซับพลังด้านในราชโองการได้ และนี่เป็นอีกหนึ่งความสามารถของราชโองการแห่งจักรพรรดิฉินตะวันตก
เมื่อดูดซับพลังของราชโองการ บวกกับพลังฝึกที่มีอยู่ องค์ชายจะสองสามารถระเบิดการโจมตีสังหารได้
ทว่า การกระทำต่อมาของหลี่กังกลับทำลายความมั่นใจขององค์ชายสองไปจนหมดสิ้น
ประกายแสงสีเหลืองทองสายหนึ่งบินออกไปจากมือของหลี่กัง พริบตาเดียวก็ขึ้นไปอยู่กลางอากาศ แผ่ความน่าเกรงขามดุจอำนาจสวรรค์ของราชวงศ์ออกมา ราวกับราชาสวรรค์ผู้สูงส่งลืมตาขึ้นกวาดมองลงมายังสรรพสิ่งบนพื้นพิภพ กลิ่นอายที่ชวนให้คนหวาดผวาแผ่กระจาย
“ด้วยอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิ แจ้งราชโองการ ฉินฝานราชบุตรลำดับสองแห่งข้า มีฐานะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ใจกลับคิดคด สมคบคิดกับขุนนางนอก แทรกแซงอำนาจการทหาร แอบซ่องสุมนักรบเดนตาย ลอบสังหารขุนนางใหญ่…ขอสั่งการเจ้าเมืองฉางอันหลี่กังให้จัดการแทนข้า สังหารองค์ชายสองฉินฝาน แล้วจงส่งศีรษะกลับมาเมืองหลวง จบราชโองการ!”
เสียงที่น่าเกรงขามและไร้ซึ่งความรู้สึกอย่างมนุษย์ สะท้อนกังวานบนท้องฟ้าเหนือเมืองฉางอัน
เสียงนี้เหมือนกับราชโองการขององค์ชายสองก่อนหน้าไม่มีผิดเพี้ยน
นี่ก็เป็นราชโองการอีกฉบับ
ยิ่งกว่านั้นเนื้อหาด้านในยังตรงกันข้ามกับราชโองการฉบับก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
เสียงน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่นี้กังวานอยู่ระหว่างแผ่นฟ้ากับผืนดิน กลิ่นอายพลังกดดันของจักรพรรดิไม่ได้ด้อยกว่าราชโองการก่อนหน้าขององค์ชายสองแม้แต่น้อย
การเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างกะทันหันนี้ ทำเอาชาวเมืองฉางอันสับสนถึงที่สุด
รวมไปถึงพวกที่อยู่ในโถงหอบวงสรวงของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุ และตัวหลี่มู่ด้วย
ราชโองการสองฉบับ?
หลี่มู่เงยหน้ามองบนฟ้า
เขาไม่รู้ว่าราชโองการฉบับนี้จริงหรือปลอม แต่เมื่อพิจารณาจากกลิ่นอายและพลังอำนาจ ก็ไม่พบพิรุธใดๆ เลย อีกทั้งเมื่อมองสีหน้าขององค์ชายสองบนหอสูงไกลออกไป น่ากลัวว่าจะไม่ใช่ของปลอมแน่
โอ้โห น่าสนใจ!
นี่มันน่าสนใจจริงๆ!
จักรพรรดิฉินตะวันตกเล่นตลกอยู่กระมัง ถึงได้ออกราชโองการสองฉบับที่แตกต่างกันสิ้นเชิงแบบนี้
หรือว่าราชสำนักฉินตะวันตกวุ่นวายจนถึงระดับที่ว่าใครก็หยิบเอาราชโองการมาเที่ยวข่มขู่คนอื่นได้แบบนี้แล้ว?
“บังอาจ หลี่กัง เจ้ากล้าประกาศราชโองการปลอมเชียวหรือ?” องค์ชายสองหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล
หลี่กังนิ่งสงบ ไม่สะทกสะท้าน และเอ่ยกลับว่า “ฉินฝาน ภายใต้พระราชโองการ เจ้าคิดจะขัดขืนเช่นนั้นหรือ?”
องค์ชายสองหัวเราะเย็นชา “เจ้ามันขุนนางปลิ้นปล้อนจริงๆ บิดาข้ารับสั่งให้สังหารเจ้า ช่างปราดเปรื่องโดยแท้ แต่เจ้ากลับกล้าหาญชาญชัย ปลอมราชโองการขึ้นมาเพื่อให้ร้ายองค์ชาย ยังมีเรื่องอะไรที่เจ้าไม่กล้าทำอีกบ้าง? ดูท่าเจ้าคงไปมีนอกมีในกับซ่งเหนือแล้วกระมัง?”
“พาดพิงเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ความ” หลี่กังชูกระบี่ขึ้น กล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ภายใต้พระราชโองการ จะให้เจ้าดูหมิ่นต่อไปได้อย่างไร ข้าไม่อยากให้มือต้องเปื้อนเลือดของเชื้อพระวงศ์ แต่หากเจ้ายังโง่เขลาเบาปัญญา กระบี่ธุลีแดงก็จะไม่ละเว้น”
กระบี่ยาวชี้มา ปราณกระบี่จิตกระบี่ไหลเวียน
ขอบเขตจิตกระบี่ธุลีแดงหมุนวนออกมา ประสานกับราชโองการที่ลอยอยู่บนฟ้า สนามพลังน่าพรั่นพรึงที่ไม่มีใครควบคุมได้แผ่ขยาย ปิดผนึกพื้นที่ในรัศมียี่สิบลี้จากโรงฝึกยุทธ์พลังพายุทันที พลังฟ้าดินแทบจะแน่นิ่งไป ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของหลี่กังแล้ว
ปิดผนึก จองจำ
หนีไปไหนไม่ได้
ในพริบตา องค์ชายสองก็กลายเป็นนกในกรงไปเสียแล้ว
สีหน้าเขาบิดเบี้ยว
“หลี่กัง เจ้าขุนนางชั่ว” องค์ชายสองตกใจระคนโกรธ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย
เรื่องของราชโองการนั้น เขาแจ่มแจ้งอยู่แก่ใจ
ตนเองสามารถเข้าไปเอาราชโองการฉบับหนึ่งจากตำหนักสารบรรณกลางมาได้ พี่ชายที่เป็นองค์รัชทายาทย่อมนำออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นสุนัขนำทางขององค์รัชทายาทอย่างหลี่กังมีราชโองการฉบับหนึ่งในมือ จึงไม่ใช่เรื่องควรค่าให้ตกใจอะไร
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ราชโองการเป็นของจริงหรือปลอม
แต่อยู่ที่โอกาสสำคัญขององค์ชายสองกำลังค่อยๆ หายไปแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าตนเองคือผู้ล่า ยกกองกำลังมากมายเข้ามาในเมืองฉางอัน ออกไล่ล่าโดยที่มั่นใจกว่าเก้าส่วน จะได้เสวยสุขกับชัยชนะในตอนท้าย แต่ตอนนี้ดูแล้ว ตัวเขาเองต่างหากที่เหมือนเหยื่อมากกว่า หรืออาจเพราะก่อนหน้าที่จะเข้าเมืองฉางอันโดยอาศัยข้ออ้างสังหารพวกตระกูลถัง ด้วยคิดว่านี่เป็นแผนที่สมบูรณ์ที่สุด หลี่กังกับองค์รัชทายาทก็เริ่มวางกับดักรอเขาอยู่แล้ว?
ความรู้สึกของการตกหลุมพรางเช่นนี้ ทำให้องค์ชายสองเดือดดาลมากที่สุด
เขาตระหนักได้ว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งแล้ว
“เจ้าบีบบังคับข้าเอง…” ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายสองดุดัน ดวงตามีประกายชั่วร้ายวาบผ่าน เสมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
จู่ๆ เขาก็ลงมือ
กรงเล็บมังกรทองสองข้างปรากฏขึ้น กระแทกขั้นเหนือมนุษย์สองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ข้างกายระเบิดกลางอากาศทันใด
ฝนโลหิตสาดกระเซ็น
ขั้นเหนือมนุษย์สองคนที่เพิ่งสู้ถวายชีวิตให้องค์ชายสอง ยังไม่ทันพักหายใจหายคอ และไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ตายไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว แม้กระทั่งเสียงร้องยังไม่มี
เลือดสดๆ สาดกระจายกลางฟ้า
ใบหน้าหล่อเหลาไร้ใครเทียมขององค์ชายสอง เวลานี้ดุร้ายราวกับภูตผีปีศาจ
หลี่กังที่ไม่สะทกสะท้านมาตลอด บัดนี้เผยอาการตกใจเล็กน้อย
บนพื้นดิน หลี่มู่และจ้าวอวี่ที่แหงนหน้ามองอยู่ตลอดจนแทบจะเป็นโรคกระดูกสันหลังต้นคออักเสบ หันมาสบตากันอย่างมึนงงเล็กน้อย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่าองค์ชายสองเห็นว่าหนีไม่รอดแล้ว จึงสังหารคนสนิททิ้งก่อน แล้วคิดจะฆ่าตัวตายตาม?
หยิ่งทระนงเพียงนั้นเลยหรือ?
ต้องมองใหม่เสียแล้ว
“เจ้าก็ตายตามไปด้วย” องค์ชายสองสีหน้าเหี้ยมโหด พลิกฝ่ามือซัดไปที่ร่างของหลิวเฉิงหลง
ตูม!
หลิวเฉิงหลงก็ไม่ทันตอบสนองเช่นกัน ร่างกายระเบิดเป็นชิ้นๆ ราวกับแตงโมโดนทุบ
เจ้านี่บ้าไปแล้วหรือ?
หลี่มู่กับจ้าวอวี่มองแวบหนึ่งอีกครั้งอย่างรู้กันดี
คิ้วของหลี่มู่เลิกขึ้นเล็กน้อย คล้ายตระหนักได้ถึงบางอย่าง
“วันนี้ ทั้งเมืองฉางอันจะลงหลุมไปพร้อมกับเจ้า” องค์ชายสองบ้าคลั่งไปแล้ว
เขาทำปางมือหลายต่อหลายท่า ซัดออกไปแต่ละมุมของเมืองฉางอัน
ตูม เปรี้ยง!
พลันเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นแทบทุกที่ แผ่นดินสั่นไหว ในแต่ละจุดมีกลิ่นอายแห่งความตายพรั่งพรูออกมา เสียงร้องครวญครางดังขึ้นในพื้นที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น เศษเนื้อปลิวกระจายในพริบตา ไม่รู้มีคนจำนวนเท่าไรที่ถูกคลื่นพลังจากการระเบิดกะทันหันจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ
เพียงพริบตาเดียว ไม่รู้ว่ามีคนตายไปมากเท่าใด
องค์ชายสองเปิดปาก พ่นกลุ่มแสงสีเลือดออกมา มันลอยขึ้นและแปรเปลี่ยนเป็นรูปปั้นสีเลือดขนาดเท่าฝ่ามือ ร่างเป็นคนหัวเป็นแพะ เขาคู่ของแพะม้วนงอ ดูพิลึกชั่วร้าย โหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัว วัสดุที่ทำเหมือนจะเป็นผลึกสีแดงลึกลับบางอย่างซึ่งกำลังเปล่งแสงประหลาด ประหนึ่งสร้างขึ้นจากเลือดของสิ่งมีชีวิตนับล้าน
“ขอใช้กระดูกและเลือดของสิ่งมีชีวิตเป็นเครื่องสังเวย แด่เทพแพะเมฆาดำผู้สูงส่ง โปรดตอบรับการอัญเชิญของทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ต่อท่านที่สุด…” องค์ชายสองร่ายทำนองเก่าแก่โบราณ สีหน้าไม่ต่างจากสาวกลัทธิปีศาจผู้บ้าคลั่ง
คลื่นวนโลหิตกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะองค์ชายสอง
มิติบิดเบี้ยว
ราวกับน้ำวนใจกลางสมุทร หลุมดำมืดมิดเผยออกมา
ด้านหลังหลุมดำเชื่อมต่อกับจักรวาลและผืนดารา
พลังชั่วร้ายที่เก่าแก่กลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากผืนฟ้าดวงดาวด้านหลังหลุมดำ
ในเวลาเดียวกัน คลื่นพลังที่ลอยอยู่กลางอากาศ เศษเนื้อและกระดูกของศพโดยรอบ ก็กลายเป็นพลังสีแดงชั่วร้ายลอยเข้าไปรวมกันที่กึ่งกลางหลุมดำ ราวกับกำลังถูกกลืนกินก็มิปาน ดาวลอบสังหารซุนหมิง นักพรตคิ้วยาว และพวกมู่ชิงที่ตายไปในก่อนหน้า ขั้นเหนือมนุษย์ซึ่งถูกองค์ชายสองสังหาร และยังมีเหล่าประชาชนเมืองฉางอันที่เคราะห์ร้ายในพื้นที่ต่างๆ ทั้งร่างศพและเลือดกระดูกกลายเป็นทะเลเลือดเนื้อสายยาวลอยเข้าไปยังน้ำวนหลุมดำ…
ภาพฉากพิสดาร โหดร้ายทารุณ และชั่วร้าย
“สังเวยเลือดเนื้อ? เจ้า…ติดต่อกับเทพปีศาจนอกพิภพ?”
หลี่กังหน้าถอดสี
นี่มันเรื่องใหญ่เสียแล้ว
ทั้งร่างขององค์ชายสองมีความชั่วร้ายสีเลือดแผ่เป็นเส้นปกคลุมลงมาหนาทึบ เขากำลังยิ้มอย่างร้ายกาจ
“โลกใบนี้ เดิมทีก็อยู่ในการควบคุมของเทพปีศาจนอกพิภพ เป็นแค่ของเล่นของเทพปีศาจนอกพิภพเท่านั้น…ข้าเป็นถึงคนที่ฟ้าเลือก ข้าได้รับการเลือกจากเทพแพะ และกลายเป็นผู้ส่งสารแห่งเทพ กฎเกณฑ์ใดๆ บนโลกใบนี้จะมาผูกมัดข้าได้อย่างไร? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งหมด!”
เวลานี้เอง ท่ามกลางผืนฟ้าดวงดาวที่อยู่ตรงข้ามกับหลุมดำ ดวงตาสีแดงขนาดยักษ์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้น เย็นเยียบและไม่มีความรู้สึกของมนุษย์อยู่แม้เพียงนิด ราวกับทะเลเลือดสุดลูกหูลูกตา เสียงเทพปีศาจเจ้าชีวิตดังลอดออกมาจากหลุมดำที่บิดเบี้ยว เสมือนพายุแห่งจิตอย่างไรอย่างนั้น
“ข้าทาสผู้ต้อยต่ำ อัญเชิญข้ามาด้วยเรื่องใด?”
เสียงเฉยชาดังขึ้นทั่วเมืองฉางอัน
หลี่มู่ใจสั่นสะท้าน
เทพปีศาจนอกพิภพ?
สิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่บนดาวแห่งวิถียุทธ์ดวงนี้?
นี่คือเรื่องที่ซินแสเฒ่าเคยเล่าไว้ สิ่งมีชีวิตเก่าแก่ในทะเลดวงดาว ชนเผ่าในจักรวาลที่ท่องไปทั่วดาราสมุทรนั่นน่ะหรือ?