จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 282 ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?
นัยน์ตาหลี่มู่พลันฉายประกายเย็นเยียบ
เห็นได้ว่าองค์ชายสองจับการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าท่าทางอันเล็กน้อยนี้ได้
เขาพอใจกับปฏิกิริยาของหลี่มู่มาก
องค์ชายสองยิ้มเยาะเย้ยบางๆ พลางเอ่ยขึ้นอีกว่า “อ้อ ใช่แล้ว ยังมีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นั้นที่สกุลหนิงอีก เหมือนว่าเจ้าจะดีกับพวกมันไม่น้อย อืม เช่นนั้นพวกมันก็ต้องตายด้วย ยังมีเด็กรับใช้ชื่อหมิงเยวี่ยนั่นอีก ได้ยินว่าเจ้ากำลังตามหามันจนทั่ว วางใจเถอะ เดี๋ยวเจ้าตาย ข้าจะตามหาแทนเจ้าเอง จากนั้นก็จะส่งซากลงไปหาเจ้า แล้วก็ที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ เห็นว่ายังมีคนสนิทบางคนอยู่อีก…อ้อ เกือบลืมไป ถังฮูหยินกับลูกสาวสองคน รวมทั้งสตรีพวกนั้นที่เจ้าปลอมเป็นคนใส่หน้ากากผียิ้มสีเงินประมูลมา ข้าจะส่งไปยังหน่วยเลี้ยงรับรองอีกครั้งดีหรือไม่?”
พลังชั่วร้ายของเทพปีศาจส่งผลให้องค์ชายสองเหี้ยมโหดไร้ความเป็นมนุษย์
คำพูดแบบนี้ทำเอาผู้คนที่โรงฝึกยุทธ์พลังพายุขนลุกขึ้นมาดื้อๆ
“ขอโทษ” หลี่มู่กล่าว
ทุกคนตะลึงงัน
จะคุกเข่าแล้วหรือ?
มุมปากองค์ชายสองยกยิ้ม “ขอโทษงั้นรึ? เหมือนว่าจะสายไปหน่อย ข้าไม่รับ…ข้า…”
หลี่มู่ตัดบทองค์ชายสอง พูดอย่างจริงจังว่า “ขอโทษด้วย เจ้าอาจจะวางท่าต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เดิมยังกะให้เจ้าสุขสำราญก่อนตายสักหน่อย แต่ปากเจ้าโคตรจะเหม็นเลย ทนไม่ไหวแล้ว”
พูดจบหลี่มู่ประกบสองมือ สิบนิ้วขยับไหวราวดอกบัวเบ่งบานทับซ้อนเป็นชั้นๆ ประสานปางมือออกมาเป็นชุด
ครืน ตูม ตูม!
โถงใหญ่หอบวงสรวงสั่นไหว
พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งที่เป็นดุจสัตว์ร้ายจำศีลอยู่ใต้พื้นดินเริ่มตื่นขึ้น และปลดปล่อยกลิ่นอายที่ชวนให้คนตัวสั่นออกมา
แสงเทพห้าสีพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ลอยมาอยู่เหนือศีรษะหลี่มู่
นั่นคืออะไร?
ทุกคนอึ้งตะลึง
“ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา…ตราปฐพี!”
หลี่มู่ตะโกนลั่น
ส่วนดินในตราประทับห้าธาตุพลิกนภาส่องแสงสีส้ม ตราประทับเทพปฐพีปรากฏออกมา อักขระเต๋าเก่าแก่โบราณล้อมรอบ พลังเพิ่มพูนขึ้น ก่อนจะกลายเป็นหินผามหึมาสูงหลายร้อยจั้งทับลงมายังองค์ชายสองทันที
“หึ สู้แบบสัตว์จนตรอก…”
องค์ชายสองแค่นเสียงเย็นเหยียดหยาม ยกมือซัดตราประทับฝ่ามือมังกรออกมา มังกรโลหิตทองคำรามพลางโจมตีไปยังหินผาสีส้ม หมายจะขยี้มันให้แหลกลาญ
แต่ทว่า…
ตูม!
ฝ่ามือหินผาทุบฝ่ามือมังกรโลหิตทองลงอย่างง่ายดายราวหินทุบไข่ จากนั้นก็ทุ่มลงมาอย่างไร้ปรานี ซัดองค์ชายสองลงมาจากกลางฟ้าเหมือนตบแมลงวัน จนกระแทกลงไปในทะเลทรายด้านล่างเต็มแรง ไม่รู้จมลงไปลึกเท่าไหร่
จ้าวอวี่อ้าปากค้าง
คนของโรงฝึกยุทธ์พลังพายุอ้าปากเหวอ
ถานเยี่ยนจือและเทพพยากรณ์ขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว
หลี่กังและสวีเซิ่งผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ระดับสูงสุด จอมยุทธ์เก่าแก่ในยุทธจักร จิตใจดั่งบ่อแห้งผากไร้คลื่นที่ไร้รูปร่าง เสี้ยวขณะนี้ก็เหมือนถูกหอบม้วนด้วยคลื่นคลั่งเช่นกัน
นี่ล้อกันเล่นใช่หรือไม่?
หรือว่าตาลายไปแล้ว
องค์ชายสองที่แทบจะใกล้เคียงกับเทพมาร สู้จนขั้นเหนือมนุษย์สุดยอดหมดสิ้นพลัง ก็ยัง…ถูก…ซัดจมดินในคราวเดียว…แบบนี้?
ตูม!
พายุทรายโหมสาดทั่วฟ้า
ร่างเงาโลหิตทองที่ทั่วร่างพันล้อมด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งออกมาจากพายุทราย
“ย้ากกก หลี่มู่ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น…” องค์ชายสองบินออกมาจากพายุทราย ใบหน้าเผยความโกรธแค้นหลังจากอึ้งตะลึง เพลิงชั่วร้ายปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ใจของทุกคนที่โรงฝึกยุทธ์พลังพายุสั่นสะท้านกันอีกรอบ
ไม่ตายจริงๆ ด้วย
แต่ว่าเป็นแบบนี้ต่างหาก…เหมือนจะเข้ากับตรรกะปกติแล้ว?
ทว่า…
ครืน!
หินสี่เหลี่ยมสีเหลืองส้มขนาดร้อยจั้งลอยขึ้นราวสายฟ้า ก่อนทุบลงมาอย่างรวดเร็วจนไม่สมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ใหญ่โตของมัน จากนั้นกระแทกหน้าองค์ชายสองที่พุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทุบเขากลับลงไปยังทะเลทรายอีกครั้ง
ปากของคนโรงฝึกยุทธ์พลังพายุอ้ากว้างจนจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว
หลี่กังและสวีเซิ่งสองคน ดวงตาตื่นตะลึงอย่างยากจะปิดเอาไว้
ใบหน้าของสุภาพบุรุษวาโยหวางเฉินฉายแววลิงโลด
ส่วนถังถังมองแผ่นหลังหลี่มู่ด้วยแววตาที่แทบจะใกล้เคียงกับคลั่งไคล้เลื่อมใส
หลังจากที่องค์ชายสองพูดว่าที่แท้หลี่มู่ก็คือคนสวมหน้ากากผีสีเงิน สายตาของถังถังก็จับจ้องอยู่ที่หลังของหลี่มู่ ไม่ละสายตาแม้แต่ชั่วขณะเดียว นางนึกถึงคืนสิ้นหวังและอัปยศคืนนั้นที่หน่วยเลี้ยงรับรอง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องโหวกเหวกของแขกที่มาหาความสุขบนถนนกลิ่นกำจาย มีเพียงตาคู่นั้นภายใต้หน้ากากผียิ้มสีเงินที่อบอุ่น มีเพียงมือคู่นั้นที่พึ่งพิงได้
ส่วนถังฮูหยินและฉินเจินต่างกระจ่างในทันที
คนสวมหน้ากากผียิ้มสีเงินช่วยถังฮูหยินจากกรงเล็บมารของพวกเหลียงอี้เฟยสี่คนนั้น ส่วนองค์หญิงฉินเจินก็หลุดพ้นจากการสังหารของสองผีดิบยมบาลเพราะเขา…หลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นึกถึงคนลึกลับสวมหน้ากาก ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และซาบซึ้งใจ แต่คิดไม่ถึงว่าคนลึกลับจะเป็นหลี่มู่นี่เอง
อันที่จริงสำหรับองค์หญิงฉินเจิน ในใจพลันมีบางสิ่งมลายไป และมีบางสิ่งกำลังเติบโตขึ้นมาแทน
“อ๊ากกก หลี่มู่ เจ้าสมควรตาย…” ท่ามกลางพายุทรายโหมกระหน่ำ องค์ชายสองพุ่งออกมาจากกองทรายอีกด้านหนึ่ง ทะยานฟ้าขึ้นมา
“กระดูกแข็งจริงๆ ยังทุบไม่ตายอีกหรือ?” หลี่มู่เพียงคิดก็ทะยานขึ้นฟ้า
ตูม!
ตราประทับปฐพีผุดจากพื้น ทุบศีรษะองค์ชายสองอย่างแม่นยำ ส่งเขากลับลงไปใต้ทะเลทรายอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หลี่มู่ก็ใช้พลังจิตวิญญาณเรียกดาบวัฏจักรที่ปักอยู่หน้าประตูโถงใหญ่มา ตัวดาบสั่นไหวแล้วแยกออกเป็นดาบบินยี่สิบสี่เล่ม รวดเร็วดุจสายฟ้า พุ่งตรงมายังใต้เท้าหลี่มู่ ก่อนประกอบกันเป็นดาบวัฏจักรอย่างสมบูรณ์อีกครั้งและพาเขาเหาะเหินไปในอากาศ
วิชาดาบเหินหาว
เหตุผลที่ว่าทำไมไม่ใช้ดาบวัฏจักรทั้งเล่มบินมา แต่ต้องแยกเป็นดาบบินทั้งยี่สิบสี่เล่มน่ะหรือ?
เพราะหลี่มู่รู้สึกว่าแบบนี้เท่กว่า
เขายืนอยู่กลางอากาศ ก้มลงมองทะเลทรายเบื้องล่าง
“กลับเข้าไปในโถงใหญ่ให้หมด”
หลี่มู่ตะโกนบอก
คนโรงฝึกยุทธ์พลังพายุและพวกฉินเจินพยุงหลี่กังกับสวีเซิ่งถอยกลับเข้าไปในโถงใหญ่
ด้านล่างทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พายุทรายกลุ่มหนึ่งม้วนตัวขึ้นมา ร่างขององค์ชายสองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ว่องไวดั่งสายอัสนี รวดเร็วดุจลำแสง
“ตราประทับปฐพี…เอ่อ ช่างเถอะ ตราประทับปฐพีเหมือนจะทุบเจ้านี่ไม่ตาย ตราประทับพลิกนภา ทุบมันเสีย!”
หลี่มู่ควบคุมให้ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาดูดตราปฐพีอันมหึมาเข้าไป เมื่อแสงเทพห้าสีหมุนวน ตราประทับพลิกนภาพลันขยายเป็นตราใหญ่ยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางสองจั้ง ก่อนทุบองค์ชายสองที่เพิ่งโผล่ขึ้นมากลับลงไปในทรายเต็มแรง
ทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้
องค์ชายสองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว
เขากระตุ้นพลังเทพมารอย่างบ้าคลั่ง คิดอยากจะหลุดพ้นไปจากทราย ทว่าเป็นไปไม่ได้เลย พอโผล่หัวออกมาตราประทับพลิกนภาก็ทุบลงบนหน้าจนมึนไปหมด ต้องจมลงไปในผืนทรายอีกครั้ง
เป็นไปไม่ได้
นี่เป็นไปไม่ได้
หลี่มู่ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้
ตราประทับนั่นเหมือนจะแฝงพลังที่เหนือกว่าขั้นเหนือมนุษย์เอาไว้ ถึงแม้จะยังไม่อาจปลดปล่อยออกมา แต่ก็สามารถข่มพลังเทพมารของเขาได้โดยสิ้นเชิง ทำให้เขาต้านทานไม่ได้เลย ต่อให้ใช้กลวิชา ท่าร่าง เคล็ดวิชาลับต่างๆ เปลี่ยนวิธีพยายามบุกฝ่าออกไป แต่ก็ถูกทุบกลับมาในทันที
องค์ชายสองตอนนี้หน้าบวมจมูกช้ำ
เขาสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้น หลังจากถูกตราประทับห้าสีทุบซ้ำไปซ้ำมา พลังเทพมารในกายของตนมีแนวโน้มจะถูกสะเทือนออกไปนอกร่างอยู่รางๆ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
องค์ชายสองคิดไม่ออก
เขาโมโหจนแทบคลั่งเต็มที
ชัยชนะยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า ทำไมหลี่มู่ถึงได้ซ่อนไพ่ตายอะไรแบบนี้ไว้ด้วย?
เขาพยายามลองโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเช่นกัน
ยังดีที่บริเวณนี้ถูกม่านพลังรุ้งของเทพมารปกคลุมกลายเป็นที่รกร้าง ถึงแม้จะถูกซัดจมลงไปในทราย เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวก็ไม่มีทางเป็นอันตรายไปได้ หากเป็นพื้นดินละก็ เขาในตอนนี้คงไม่เหลือแม้ครึ่งชีวิตแล้ว เพราะถึงอย่างไรขั้นเหนือมนุษย์ก็บินได้ แต่ดำดินไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ช่างน่าขบขันนัก
ในโถงใหญ่หอบวงสรวง ความคิดของคนส่วนมากยังหมุนตามไม่ทัน
การพลิกผันของสถานการณ์เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล
มีเพียงหลี่กังและสวีเซิ่งเท่านั้นที่นับว่าพอจะตั้งตัวกลับมาได้
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาทั้งสองจะหมดแรง พลังฝึกแทบจะกระจัดกระจาย แต่สายตายังคงเฉียบคมเช่นเคย เมื่อมองไปยังหอบวงสรวงที่ยังอยู่ในสมบูรณ์ท่ามกลางเศษเสี้ยวพลังการต่อสู้ ก็รู้ว่าต้องมีค่ายกลหรือของวิเศษที่ยอดเยี่ยมปกป้องที่นี่ไว้แน่ และตอนนี้เห็นหลี่มู่ถือของวิเศษห้าสีกระหน่ำทุบองค์ชายสอง องค์ชายสองหนีไปจับตัวประกันในโถงใหญ่ไม่ได้ ก็รู้ว่าสิ่งที่ปกป้องโถงใหญ่ไม่ใช่ของวิเศษห้าสีนั่น แต่เป็นค่ายกลต่างหาก
บนเสาหินและกำแพงหินรอบๆ โถงใหญ่ไม่มีลายค่ายกลดาราของจอมเวท แต่มีพลังค่ายกลแฝงอยู่ข้างในรางๆ ทั้งสองคนยังพอจะสัมผัสได้เล็กน้อย
หลี่มู่สลักเอาไว้?
หรือว่า…
หลี่กังตกอยู่ในห้วงความคิด
วันนั้นเขาพบหลี่มู่ บอกหลี่มู่ว่าจะสังหารองค์ชายผู้หนึ่ง ในนั้นมีจุดประสงค์แค่หนึ่งหรือสองส่วนคือหวังว่าจะได้พูดคุยกับสำนักเบื้องหลังหลี่มู่ ส่วนจุดประสงค์สำคัญอื่นๆ หลักๆ ยังอยู่ที่การหยั่งเชิง หลี่กังในตอนนั้นนึกว่าตัวเองวางแผนไม่พลาดแน่นอน ดังนั้นต่อให้สำนักเบื้องหลังหลี่มู่จะมีความสัมพันธ์กัน เขาก็ไม่กลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น
คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะดำเนินมาจนถึงตอนนี้ โอกาสชนะสุดท้ายอยู่ที่หลี่มู่จริงๆ
ขณะมองหลี่มู่บังคับของวิเศษห้าสี หลี่กังแอบนึกหวาดหวั่น เห็นทีสำนักเบื้องหลังเจ้าลูกเวรจะไม่ธรรมดา หรือจะเป็นสำนักเทพโบราณสำนักไหนที่เผยตัวอีกครั้งหลังจากไม่เคลื่อนไหวมาหลายพันปี? และเจ้าลูกเวรได้รับโอกาสแบบนี้ไป?
ส่วนความคิดของสวีเซิ่งง่ายกว่านั้นมาก
หลี่มู่ตกลงเป็นผู้บัญชาการสำนักตรวจการฝั่งพายัพแล้ว ขั้นตอนต่างๆ ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ มีบุคคลชั้นยอดแบบนี้คอยกำราบ พายัพยุทธจักรของจักรวรรดิต้องสงบมั่นคงแน่นอน
ตูม ตูม!
ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาทุบลงมาไม่หยุด
รอยตราประทับสี่เหลี่ยมแต่ละรอยประทับลงในทะเลทรายบริเวณหลายสิบลี้
‘เป็นฉากที่คุ้นจริงๆ รู้สึกเหมือนหนูน้อยชั้นอนุบาลกำลังเล่นเกมทุบตัวตุ่นอยู่เลย!’
หลี่มู่แยกเขี้ยวยิ้ม มีความสุข
สุดท้าย หลังจากโจมตีไปหลายร้อยครั้ง องค์ชายสองไม่อาจดิ้นรนได้อีกต่อไป จมูกเบี้ยวตาเหล่ หน้าบวมช้ำ นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในกองทรายเหมือนสุนัขตาย แม้แต่ลมหายใจยังรวยรินนัก
“คงไม่ได้แกล้งตายหรอกใช่ไหม?”
หลี่มู่ไม่วางใจ
เพื่อไม่ให้องค์ชายสองลอบโจมตีอีก หลี่มู่กัดฟัน ควบคุมตราประทับห้าธาตุพลิกนภาซัดไปที่ศีรษะขององค์ชายสองอีกหลายสิบที จวบจนฝ่ายตรงข้ามน้ำลายฟูมปากแขนขากระตุกเกร็งถึงได้หยุดมือ
หัวแข็งจริงๆ
เขาทอดถอนใจพลางหิ้วองค์ชายสองที่ราวกับสุนัขตายออกมาจากผืนทราย