จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 293 บรรยากาศคุกรุ่น
เนตรสวรรค์กวาดผ่าน มองทะลุบันทึกเก่าที่ดูโบราณยิ่ง หลี่มู่มองเห็นว่าข้างในของบันทึกจากวัสดุประหลาดเล่มนี้มีชั้นประกบซ้อนอยู่ด้วย ข้างในชั้นซ้อนเป็นภาพพิลึก เหมือนจะเป็นแผนที่ดาว แต่ก็เหมือนภาพทิวทัศน์ ซับซ้อนเข้าใจยาก แต่ตัวอักษรด้านบนสุดต่างหากถึงจะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลี่มู่ตกตะลึงอย่างแท้จริง
ภาพไท่เสวียนผมขาว
ภาพผืนนี้มีชื่อว่า ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’
เหตุที่หลี่มู่อึ้งตะลึง เป็นเพราะอักษรเหล่านี้ไม่ใช่ตัวอักษรของโลกใบนี้
แต่เป็น…ตัวอักษรจีนของโลก
“เป็นไปได้อย่างไร?”
หรือจะมีของจากยุคโบราณบนโลกลอยมาถึงดาวดวงนี้?
หลี่มู่ทั้งตกใจและแปลกใจ
นี่เป็นการค้นพบที่ไม่คาดคิดจริงๆ
เขาโคจรเนตรสวรรค์ สังเกตอย่างละเอียด
ไม่นานก็ค้นพบอะไรใหม่
‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ ในวัสดุโบราณยิ่งชัดเจนขึ้นทุกที แต่หลี่มู่มองเห็นว่าก่อนนี้ตัวเองดูผิดไปแล้ว นั่นไม่ใช่ชั้นซ้อน แต่เป็นงานฝีมือที่ประณีตอัศจรรย์อย่างยิ่ง ผสาน ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ ลงในวัสดุของ ‘ทฤษฎีนึกนิมิตบูชาเก้าสวรรค์’ โดยตรง
ดังนั้น ต่อให้ฉีกบันทึกเล่มนี้ไปก็ไม่มีทางหา ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ พบ มีเพียงการกวาดมองทะลุผ่านด้วยเนตรสวรรค์เท่านั้นถึงจะมองเห็นได้
มิฉะนั้นละก็ ในเมื่อภาพนี้เป็นของสมบัติล้ำค่าของเชื้อพระวงศ์จักรวรรดิฉินตะวันตก ขนาดจักรพรรดิฉินตะวันตกยังเอ่ยปากชม พวกผู้แข็งแกร่ง อัจฉริยะ และผู้มีฐานะสูงมากอำนาจของราชวงศ์มากมายจะต้องศึกษากันแล้วแน่นอน หากเป็นแค่ชั้นซ้อนชั้นหนึ่งคงมีใครค้นพบไปนานแล้ว ไม่มีทางตกอยู่ในมือองค์หญิงเบื้องหลังหวางเฉินผู้ล้มเหลวคนนั้น แล้วสุดท้ายก็ส่งต่อมาถึงตนแน่นอน
‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ น่าจะเป็นสิ่งที่เหล่าเชื้อพระวงศ์บอกว่าแฝงไว้ด้วย ‘แก่นแท้พลังฟ้าดินสูงสุดของยุคสมัย’ กระมัง หรือก็คืออดีตมีคนเคยมองทะลุเห็นภาพนี้ แต่ภายหลังแก่นแท้ของภาพหายสาบสูญ คนรุ่นหลังจึงไม่รู้แม้แต่การมีอยู่ของ ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ แล้ว
หลี่มู่ไม่สับสนว่าทำไมบนภาพถึงมีตัวอักษรของโลกอีกต่อไป
เขาเริ่มขบคิดว่าใน ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ จะแฝงแก่นแท้อะไรเอาไว้
ความสงสัยใคร่รู้ของเขาสูงมากทีเดียว
เขาชอบขบคิดเรื่องที่แฝงไว้ด้วยความลึกลับพิสดารเช่นนี้เป็นที่สุด
“เหมือนจะเป็นภาพนึกนิมิตร…ภาพนึกนิมิตรที่มาจากโลก?”
ถึงแม้วิชานึกนิมิตบางอย่างก่อนหน้านี้ หลี่มู่ฝึกฝนแล้วไม่ได้ผลใดๆ แต่ด้านวิธีนึกนิมิตรเขากลับรู้แจ้งดีแล้ว ครั้นดูให้ละเอียดก็พบว่า ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ ภาพนี้น่าจะเป็นภาพนึกนิมิตรเช่นกัน
การค้นพบนี้ทำให้หลี่มู่ผิดหวังเล็กน้อย
เพราะการทดลองก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เขาไม่มีพรสวรรค์ด้านการนึกนิมิตรเลยแม้แต่น้อย
แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองมันอีกสักนิด
ในเมื่อเป็นภาพที่ซ่อนความหมายเอาไว้ลึกซึ้งและมีอุบายมากถึงเพียงนี้ ซ้ำยังมีความเกี่ยวข้องกับโลกอีก ถึงมองสักนิดก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมาย
หลี่มู่กวาดเนตรสวรรค์ศึกษาอย่างละเอียด
บน ‘ภาพไท่เสวียนผมขาว’ พื้นดำสนิทราวผืนฟ้าดวงดาวอันมืดมิด แสงสีขาวนับไม่ถ้วนเรียงรายเต็มไปหมดด้วยวิธีแปลกที่ไร้ลำดับขั้นตอน ในนั้นยังมีบางสีสันกระจัดระจาย เหมือนภาพสะบัดหมึกแบบเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ในยุคปัจจุบัน ประหลาดพิลึกเป็นอย่างมาก
ตอนแรกเขามองอะไรไม่ออก
แต่ไม่นาน หลี่มู่ก็พลันรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าหายไป ภาพนั้นกลายเป็นห้วงจักรวาลที่ลึกล้ำและกว้างไพศาล ตัวเขาทั้งตัวจมดิ่งในท้องฟ้าดาราผืนนี้ทันที จมดิ่งชั่วนิจนิรันดร์ จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ…
หลี่มู่เข้าสู่สภาวะฌานแล้ว
……
“แม่นางฮวา”
สวี่เอ้อร์คำนับอย่างนอบน้อม
ชิงเฟิงพาเขามาพบซ่างกวนอวี่ถิงที่เรือนด้านหลังที่ว่าการ
“พี่สวี่เอ้อร์ ท่านมาได้อย่างไร? มากับท่านแม่ไป๋หรือ? นางอยู่ที่ไหน?” เมื่อได้พบคนเก่าคนแก่ ซ่างกวนอวี่ถิงดีใจมาก ตื่นเต้นมาก
“ท่านแม่ไป๋ไม่ได้มา ข้ามาเพื่อส่งจดหมายขอรับ” สวี่เอ้อร์เคารพนบนอบอย่างยิ่ง
ตอนนั้นที่ฮวาเสี่ยงหรงอยู่หอสดับเซียน นางอ่อนโยนมีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้คน ช่วยคนในหอสดับเซียนเอาไว้มากมาย สวี่เอ้อร์ก็เป็นคนที่เคยได้รับบุญคุณจากฮวาเสี่ยงหรงเช่นกัน เห็นนางมีชีวิตไม่เลว ในใจของเขาก็รู้สึกดีใจแทนหญิงผู้งดงามจิตใจดีคนนี้
เป็นเด็กสาวที่อ่อนโยนมีเมตตาเหมือนกันแท้ๆ เหตุใดชะตาชีวิตของพี่ฉิงเอ๋อร์ถึงได้รันทดขนาดนั้น?
ซ่างกวนอวี่ถิงได้ยินว่าไป๋เซวียนไม่มาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางถามขึ้นอีกว่า “ท่านแม่ไป๋กับพี่น้องทุกคนสบายดีหรือไม่?” ในอดีตยามอยู่หอสดับเซียน นางมีสหายรู้ใจอยู่บ้าง
“ทุกคนสบายดี เพียงแต่…” สวี่เอ้อร์ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเล่าเรื่องการตายของฉิงเอ๋อร์ให้ฟัง
ซ่างกวนอวี่ถิงได้ยิน สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปทันที
“เป็นไปได้อย่างไร น้องฉิงเอ๋อร์นาง…” นางรับได้ยากอยู่บ้าง
ตอนนั้นหลังจากที่นางไปจากหอสดับเซียน ท่านแม่ไป๋เซวียนก็ให้ฉิงเอ๋อร์เป็นดาวดวงใหม่ของหอสดับเซียนแทน ช่วงเวลานั้นจึงให้ฉิงเอ๋อร์ติดตามศึกษาขอคำชี้แนะจากนาง ทั้งสองแม้จะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่ซ่างกวนอวี่ถิงก็ชื่นชมเด็กสาวคนนี้มาก ข้างนอกอ่อนโยน ข้างในแข็งแกร่ง จิตใจดีมีเมตตา ความรู้ความสามารถสูง คิดไม่ถึงว่า…วาสนาจะเล่นตลก ชะตาชีวิตเย็นชา
สวี่เอ้อร์ทนไม่ไหว พูดมากอีกประโยคว่า “แม่นางฮวา ท่านต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้แม่นางฉิงเอ๋อร์นะขอรับ คุณชายหวงนั่น ไม่ใช่มนุษย์ชัดๆ…”
ในฐานะที่เป็นบุคคลตำแหน่งเล็กๆ เขาไม่รู้ว่าประวัติความเป็นมาของหวงเหวินหย่วนน่ากลัวเพียงใด
ใบหน้าของซ่างกวนอวี่ถิงฉายแววขบคิด
……
ยังห่างจากอำเภอขาวพิสุทธิ์อีกประมาณหนึ่งร้อยลี้
หวงเหวินหย่วนนั่งอยู่บนหลังม้า มือถือน้ำเต้าสุรา ท่าทีสง่างามมีเสรี มองภูเขาสายน้ำรอบๆ มีความรู้สึกอิสระเหมือนท่องไปในโลกหล้า ดั่งนกโบยบินออกจากกรง เขาฝึกฝนอย่างลำบากตรากตรำในทุ่งปิดภูผามาหลายสิบปี มีความสุขเทียบกับเวลาที่ก้าวเข้าสู่โลกภายนอกแค่ไม่กี่สิบวันครั้งนี้เสียที่ไหน?
จากเมืองฉางอันถึงอำเภอขาวพิสุทธิ์ ความเร็วปกติก็แค่สองวันเท่านั้น แต่หวงเหวินหย่วนนำองครักษ์ บ่าวรับใช้ และสาวใช้อีกหลายคนชมทิวทัศน์มาตลอดทาง ดื่มๆ กินๆ เที่ยวเล่น เดินทางมาจนสี่วันแล้วยังไม่ถึงที่หมาย
“เหล้าสองกาท่องทั่วหล้า กระบี่หนึ่งเล่มท่องในป่าเขา ฮ่าๆๆ”
หวงเหวินหย่วนขี่ม้า รู้สึกว่าตัวเองสง่างามยิ่งนัก
ดื่มสุราถือกระบี่พเนจร หญิงงามรู้ใจตามข้างหลัง
นี่สิถึงจะเป็นชีวิตที่เขาต้องการ
“คุณชาย การเดินทางของเราช้าไปหน่อยแล้ว” ชายชราผมขาวตาเดียวอดเตือนไม่ได้
ชายชราคนนี้ร่างกายกำยำดั่งสิงโตคลั่ง ใบหน้ามีรอยแผลเป็นลึกถึงกระดูกลากไปจนถึงมุมปาก เหมือนมีคนใช้ดาบบั่นคอเกือบขาด ตาข้างเดียวก็ถูกแผลดาบกัดกิน ถึงแม้ผมจะหงอกขาว แต่ดูแล้วโหดเหี้ยมเป็นที่สุด
“ไม่รีบๆ หึๆ” หวงเหวินหย่วนตอบอย่างมีความสุข
เขาสั่งให้สาวใช้ตั้งโต๊ะสุราข้างทาง รินเองดื่มเอง
“แกว๊ก!”
เสียงนกกระเรียนดังมาจากฟ้า
เห็นกระเรียนขาวตัวยักษ์สยายปีกอยู่เหนือหัวพวกหวงเหวินหย่วน ก่อนบินร่อนลงมา บนหลังของมันมีชายชราผมเคราขาว หลังแบกกระบี่ ท่าทางราวเซียน สูงส่งไร้มลทิน เหมือนกับเซียนชราก็ไม่ปาน ใบหน้าเขามีเลือดฝาด ดูมีเมตตากรุณา ผมขาวใบหน้าอ่อนเยาว์
“ผู้อาวุโสหลิว” หวงเเหวินหย่วนลุกขึ้นยืน
“เหวินหย่วน ไยเจ้ายังไม่ถึงอำเภอขาวพิสุทธิ์อีก ข้าได้รับคำฝากฝังจากผู้อาวุโสหวงให้ไปหาเจ้าที่อำเภอขาวพิสุทธิ์ และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเจ้าระหว่างทาง” ผู้ชราหน้าเด็กผมขาวมีชาติกำเนิดจากสำนักเทพทุ่งปิดภูผา เป็นผู้อาวุโสนอกสำนักที่พลังแท้จริงล้ำลึก
ผู้อาวุโสหวงที่เขาเอ่ยถึงคือปู่ของหวงเหวินหย่วน รองเจ้าสำนักที่มีอำนาจมากคนหนึ่งแห่งสำนักเทพทุ่งปิดภูผาของจักรวรรดินั่นเอง
“ตลอดทางข้าสัมผัสกับทิวเขาสายน้ำ รับรู้ชีวิตมนุษย์” หวงเหวินหย่วนตอบโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ผู้อาวุโสหลิวเห็นท่าทางของหวงเหวินหย่วนก็พอเดาอะไรได้ ทุ่งปิดภูผาจะส่งลูกศิษย์ที่โดดเด่นบางคนออกมาภายนอกเพื่อฝึกฝนทุกปี หลายคนล้วนหลงระเริงกับแสงสีของโลกโลกีย์ ติดกับอยู่ในนั้น ตัวอย่างแบบนี้มีให้เห็นไม่น้อย
“ในอำเภอขาวพิสุทธิ์มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสหวงให้เจ้ารับตำแหน่งขุนนางเมืองให้เร็วที่สุด แล้วควบคุมอำนาจทั้งอำเภอเสีย” ผู้อาวุโสหลิวนามว่าหลิวฉง ในอดีตไม่ใช่คนของทุ่งปิดภูผา แต่เป็นผู้ฝึกไร้สังกัด ภายหลังเข้าร่วมทุ่งปิดภูผาจากการชักนำโดยปู่ของหวงเหวินหย่วน ดังนั้นจึงฟังคำสั่งจากปู่เขา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีมาก และก็ตามใจหวงเหวินหย่วนเป็นอย่างมากด้วย
“เรื่องใหญ่? เรื่องใหญ่อะไร?” หวงเหวินหย่วนถามอย่างแปลกใจ
ผู้อาวุโสหวงฉงตอบ “กระจกสำรวจพิภพของสำนักจับสัมผัสได้ว่าอำเภอขาวพิสุทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่กำลังจะเกิดขึ้น…”
“อะไรนะ?” หวงเหวินหย่วนนิ่งอึ้ง
นี่เป็นเรื่องใหญ่หลวงยิ่งจริงๆ
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่?
นี่เป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียวเชียว
เหตุที่เก้าสำนักเทพเป็นเก้าสำนักเทพได้ก็เพราะต่างยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์เอาไว้แห่งหนึ่ง เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกฝนของแต่ละสำนัก ดังนั้นถึงได้ฝึกฝนผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือออกมาไม่ขาดสาย สามารถครอบครองใต้หล้า ประโยชน์ของแดนศักดิ์สิทธิ์มีมากมายต่างๆ นานา พูดได้ว่าจินตนาการยาก แต่ก็มีน้อยมากเช่นกัน
การถือกำเนิดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เป็นเรื่องที่จะทำให้ทั้งแผ่นดินใหญ่สั่นคลอนแน่นอน
แม้แต่สำนักเทพทั้งเก้ายังอยากได้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่เสียจนเนื้อตัวสั่น
แต่ปัญหาคือ แดนศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นง่ายดายแบบนั้นเสียที่ไหน?
“มีเรื่องแบบนี้จริงๆ? ไม่ได้เข้าใจผิดกระมัง?” หวงเหวินหย่วนค่อนข้างเชื่อได้ยาก
หลิวฉงตอบไปว่า “เรื่องนี้ไม่มีทางผิดเด็ดขาด รองเจ้าสำนักหวงตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง อันที่จริงก่อนหน้านี้ครึ่งเดือนก็มีระลอกคลื่นแบบนี้แล้ว ดังนั้นผู้อาวุโสจึงส่งเจ้ามาอำเภอขาวพิสุทธิ์ หากดินแดนแห่งโชควาสนาก่อเป็นรูปเป็นร่างโดยสมบูรณ์ และเจ้ายึดมาอยู่มือของเจ้าได้แล้วละก็ จะดีต่อการฝึกในภายภาคหน้าของเจ้าอย่างมหาศาล”
ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
หวงเหวินหย่วนเข้าใจทันทีว่าทำไมท่านปู่ถึงได้ให้ตนมาที่ไกลกันดารแห่งนี้
เขาเข้าใจความหวังดีของผู้อาวุโสผิดไปแล้วจริงๆ
“เช่นนั้นพวกเรารีบไปอำเภอขาวพิสุทธิ์เถอะ จะต้องยึดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดใหม่แห่งนี้มาไว้ในกำมือของพวกเราให้ได้ ก่อนที่คนอื่นจะไหวตัวทัน” หวงเหวินหย่วนอดรนทนไม่ไหวทันที
หลิวเฉิงเอ่ย “ดี ข้ามาก็เพื่อช่วยเจ้า ได้ยินมาว่าขุนนางเมืองคนปัจจุบันคือหลี่มู่ที่ฆ่าองค์ชายสองคนนั้น เจ้านี่จะต้องกำจัดทิ้งเสีย พวกเรายึดครองที่นี่ ส่งหัวมันไปให้เชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตก ได้ประโยชน์สองอย่างในคราเดียว เจ้าเหวินหย่วนก็จะชื่อเสียงดังก้อง นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง”
หวงเหวินหย่วนหัวเราะดังลั่น “ใช่แล้ว ผู้อาวุโสหลิวพูดได้ถูกต้องที่สุด แต่ว่าข้าไม่เพียงจะสังหารหลี่มู่ แต่จะแย่งผู้หญิงของมันมาด้วย ข้างกายมันมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อฮวาเสี่ยงหรง รูปโฉมงดงามหยาดเยิ้ม ไร้ผู้ใดเทียบเทียม ข้าต้องได้ตัวนางมา”