จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 317 เจียงชิวไป๋
“ทะลวงสวรรค์แล้วอย่างไร? โลกเหนือฟ้าอาจจะไม่ใช่สรวงสวรรค์ของวิถียุทธ์ก็เป็นได้” กัวอวี่ชิงเอ่ย “บนที่ราบทุ่งหญ้า เจ้ามีวิหารเทพหมาป่าอยู่ บนแผ่นดินใหญ่เสินโจว เจ้าก็เทียบเคียงกับเจ้าสำนักเทพทั้งเก้าแล้ว ยังไม่พออีกหรือ?”
ชายผมทองส่ายหน้า เอ่ยขึ้นอย่างผิดหวัง “นึกถึงในปีนั้น ท่านองอาจกล้าหาญดุจพยัคฆ์ แต่ตอนนี้ศิษย์พี่กลับทำตัวธรรมดาสามัญ อ้อมอกหญิงงามเป็นหลุมฝังศพวีรบุรุษจริงๆ ความอาจหาญไร้พ่ายของต้าเจ๋อเปี๋ยในวันวาน ถูกผู้หญิงคนนั้นกัดกร่อนไปจนหมดแล้วหรือ?”
“ก็แค่สัมผัสประสบการณ์ชีวิตแบบใหม่” กัวอวี่ชิงตอบกลับ
“เหอะๆ ท่านจะมาคุยเรื่องความหมายของชีวิตกับข้า? หัวข้อเช่นนี้น่าเบื่อเกินไปแล้ว ก็แค่เฉไฉไปเท่านั้น ข้าก็พูดได้เหมือนกัน การเทียบได้กับเจ้าสำนักเทพทั้งเก้าจะไปมีความหมายอะไร? ห้าปีก่อนหน้าข้าทำได้แล้ว ห้าปีมานี้ข้าก็เล่นจนเอียน…ข้ายังเยาว์วัยนัก ชีวิตยังอีกยาวไกล อย่างน้อยยังอยู่ได้อีกหลายร้อยปี มีชีวิตที่ยาวนานเช่นนี้ก็ต้องหาเรื่องสนุกทำบ้าง จะนั่งอยู่แต่ในบ่อคอยมองท้องฟ้าไม่ได้ ต้องออกไปดูโลกเหนือฟ้าเสียหน่อย ดูว่าท่ามกลางดาราสมุทรระยิบระยับมีชีวิตเช่นใดดำรงอยู่บ้าง และดาวเสินโจวที่เหมือนกับกรงนกนี้ แท้จริงแล้วเป็นลานทิ้งขยะที่เอาไว้ทิ้งของเหลือใช่หรือไม่” ชายผมทองตอบกลับคล้ายประชดประชัน
ใบหน้าของกัวอวี่ชิงปรากฏคลื่นอารมณ์ และหายไปแทบจะทันที
“ในมือของข้าไม่มีกุญแจสุสานราชาเซียน ศิษย์น้อง เจ้ากลับไปเถิด” เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
ชายผมทองเอี้ยวหน้ากลับมามองกัวอวี่ชิง เงียบงันลงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะ “ศิษย์พี่ ท่านรู้หรือไม่ ข้าไม่อยากใช้วิธีเช่นนี้รับมือกับท่านเลย เป็นท่านที่บีบข้าเอง”
“เจ้า…” กัวอวี่ชิงตกใจ เข้าใจขึ้นมาในทันที สีหน้าพลันเปลี่ยน ร่างไหววูบจะพุ่งตรงกลับไปยังหมู่บ้านปากเหยี่ยว
ชายผมทองก็ราวกับภูตผี เข้ามาขวางหน้าเขาไว้ ก่อนส่งฝ่ามือประทับออกมาเบาๆ ปะทะเข้ากับฝ่ามือของกัวอวี่ชิงจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น สกัดเขาเอาไว้ได้
“ข้าส่งคนไปเชิญครอบครัวของศิษย์พี่แต่เนิ่นๆ แล้ว ตอนนี้ท่านไปก็ไม่ทันหรอก วางใจเถอะ ข้าจะดูแลพี่สะใภ้ กับหลานชายหลานสาวทั้งสองในที่ราบทุ่งหญ้าเป็นอย่างดี รอให้ท่านนำกุญแจมาแลกเปลี่ยน” ชายผมทองกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
ร่างของเขาค่อยๆ จางลง จากนั้นก็หายไป
ตอนที่กัวอวี่ชิงคิดจะเข้าขวางก็ไม่ทันเสียแล้ว
ขณะที่ชายผมทองกำลังจะหายไปนั้นเอง
ทันใดนั้น…
ตูม!
คลื่นพลังอันน่าเกรงขามพุ่งมาจากหมู่บ้านปากเหยี่ยวที่อยู่ห่างออกไป
ตามด้วยเสียงร้องโหยหวน เสียงคำราม จากนั้นเงาหลายร่างก็บินทะยานออกมานอกหมู่บ้านราวกับดาวหาง
ต่อมายังมีลำแสงราวสายฟ้าสองสายกวดไล่มาอย่างรวดเร็ว
“หืม?” ชายผมทองที่เดิมทีร่างจางหายไปแล้วกลับปรากฏชัดขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าเขาปรากฏความเหนือคาดบางๆ
เสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ…
“มาเป็นแขกในอำเภอขาวพิสุทธิ์ของข้า กลับไม่ยอมมาทักทายกัน ช่างไร้มารยาทเสียจริงนา”
แสงดาบหมุนวน
เงาร่างหลายร่างที่บินอยู่ด้านหน้าต่างถูกแสงดาบนั้นฟาดฟัน ทยอยร่วงกราวลงพื้นดั่งนกกระจอกถูกธนูยิง ก่อนกลายเป็นร่างของจอมยุทธ์ชุดเกราะแห่งที่ราบทุ่งหญ้า บนตัวเต็มไปด้วยบาดแผล วิ่งหนีโซซัดโซเซ บนท้องฟ้าด้านหลัง เด็กหนุ่มผมสั้นชุดขาวใช้วิชาดาบเหินหาวไล่กวดตามมา
“น้องชาย?” เมื่อเห็น กัวอวี่ชิงก็รู้สึกยินดีทันที
พริบตาที่เห็นหลี่มู่ปรากฏตัว เขารู้ทันทีว่าภรรยาน่าจะปลอดภัยแล้ว
“ฮ่าๆ พี่ใหญ่ ไม่คิดว่าท่านจะมาปลีกวิเวกถึงหุบเขาลึกเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะคลื่นพลังตอนพี่สะใภ้ปะทะกับพวกหนูจากที่ราบทุ่งหญ้ากวาดมา วันนี้ข้าคงหาพี่ใหญ่ไม่เจอแล้ว” หลี่มู่ในวิชาดาบเหินหาวพุ่งมาด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็ลงมายืนอยู่ข้างกายกัวอวี่ชิง
ห่างออกไป ชายร่างใหญ่โตกำยำผู้หนึ่งคุ้มครองพี่สะใภ้หลิวจื่อหยวนรวมถึงเด็กอีกสองคนเดินตรงเข้ามา สีหน้าหลิวจื่อหยวนกระสับกระส่าย แต่หลังจากเห็นร่างของสามี จึงค่อยนับว่าโล่งอกลงแล้ว
“พี่ชิง” หลิวจื่อหยวนเรียก
คนหลายคนยืนอยู่ด้วยกัน
กัวอวี่ชิงกอดลูกสาวยายา มองลูกชายตัวน้อยในอ้อมอกภรรยา จิตใจที่เป็นกังวลจึงค่อยวางลงได้
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท…พวกเรา…” ร่างหลายร่างวิ่งโซซัดโซเซเข้ามา เอ่ยว่า “พวกเรา…พลาดไปแล้ว เป็นไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่กับจอมยุทธ์ดาบชิวอิ่น…”
พวกเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งจากวิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้า แต่ดันมาเจอกับยอดฝีมือเข้า
ชายผมทองผงกศีรษะ ก่อนเอ่ยสั่ง “ถอยไป”
ยอดฝีมือจากที่ราบทุ่งหญ้าที่ได้รับบาดเจ็บกว่าสิบนายทยอยกันถอยไปอยู่ด้านหลังเขา
“พ่ายแพ้ให้ไท่ไป๋อ๋องกับจอมยุทธ์ดาบ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดนัก ถึงอย่างไรก็เป็นผู้โดดเด่นวัยหนุ่มสาวแห่งฉินตะวันตก” สายตาของชายผมทองกวาดผ่านร่างหลี่มู่และชิวอิ่น ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มบางๆ มีเสน่ห์ทำให้คนรู้สึกตาพร่าบางอย่าง เขาพูดขึ้นราวกับคิดอะไรแปลกๆ ขึ้นได้ “อะฮ่า จู่ๆ ข้าก็คิดได้ หากพวกเจ้าสองคนตายไป ดวงชะตาของวิถียุทธ์ฉินตะวันตกในอีกร้อยปีข้างหน้าคงขาดแล้วกระมัง?”
“เจ้าเป็นใคร?” หลี่มู่มองเขาพลางถาม “เจ้ากับข้าไม่เคยมีความแค้นเคืองต่อกัน ทำไมต้องมาอวดดีต่อหน้าข้า?”
ชายผมทองมึนงง
“ท่านคือผู้นำวิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้า ผู้อาวุโส ‘เทพหมาป่าลมฝน’ เจียงชิวไป๋เจียงใช่หรือไม่?” ใบหน้าชิวอิ่นฉายแววตกใจ ถึงอย่างไรเขาก็โลดแล่นอยู่ในโลกวิถียุทธ์แผ่นดินใหญ่เสินโจวมาหลายปี ไม่เหมือนกับหลี่มู่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนัก เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของชายผมทองก็นึกถึงตำนานบางส่วนและคาดเดาออกมา
“สมแล้วที่เป็นศิษย์ของตาเฒ่าหลี่ แค่เห็นก็มองตัวจริงออก ไม่เหมือนเจ้าเด็กป่าเถื่อนคนนี้ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” ชายผมทองจ้องหลี่มู่แวบหนึ่ง และยิ้มบางๆ อีกครั้ง “ผู้อาวุโสอะไรกัน ข้าดูแก่มากหรือ? ใบหน้ามีเคราครึ้มเต็มไปด้วยแผลและขาดการบำรุงรักษาอย่างเจ้า ยังดูแก่กว่าข้าตั้งเยอะ อ้อ ใช่แล้ว จะว่าไปอาจารย์ที่แสร้งเป็นผีทำตัวเป็นเจ้านั่น แก่ตั้งขนาดนั้นแล้ว มีสัญญาณว่าจะลงโลงบ้างแล้วหรือยัง?”
เวรเอ๊ย คำพูดนี้มันช่าง
หลี่มู่อยากจะซัดเจ้าหน้าหล่อนี่ขึ้นมา
แน่นอนว่าเขาไม่ยอมรับหรอกว่าตนเองอิจฉา
ชิวอิ่นกลับกล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านอาจารย์ยังสุขภาพแข็งแรง อารมณ์แจ่มใสนัก ขอบคุณผู้อาวุโสเจียงที่เป็นห่วง”
หลี่มู่กระเถิบเข้าไปข้างๆ ชิวอิ่นอย่างแปลกใจ ถามว่า “เจ้าหน้าหยกคนนี้ ภูมิหลังยิ่งใหญ่นักหรือ? เจ้าถึงกลัวขนาดนี้”
ชิวอิ่นกดเสียงต่ำเอ่ย “ไม่ใช่กลัว แต่เพราะเป็นคนละรุ่นกัน เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับอาจารย์ข้า…ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้อารมณ์แปรปรวนมาก สังหารคนไม่เลือกหน้า เป็นถึงเทพมารชั้นหนึ่งในแผ่นดินนี้ ทางที่ดีเจ้าอย่าไปยั่วโมโหเขา”
หลี่มู่พูดไม่ออก
พูดมาตั้งเยอะ ไม่ใช่ว่าท่านกลัวหรือไรกัน
แต่ว่าคนที่อยู่รุ่นเดียวกับ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ย โดยพื้นฐานน่าจะเป็นพวกตัวประหลาดเฒ่ากันหมดแล้วสิ…อืม ยังจะมาเปลี่ยนรูปโฉมให้อ่อนเยาว์อย่างนี้ หลงตัวเองจริงๆ จิตใจวิปริตกระมัง
หลี่มู่ค่อนขอดอยู่ในใจ
“เจ้าไปเถอะ” กัวอวี่ชิงมองชายผมทองเจียงชิวไป๋ “มาฉินเพียงลำพัง ถูกพบโดยผู้สืบทอดของทุ่งปิดภูผา ถ้ายังไม่ไป อีกเดี๋ยว ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ ได้มาหาเจ้าแน่นอน เหตุใดต้องเอาตัวเองมาอยู่ในอันตราย”
“เหอะๆ นี่ศิษย์พี่เป็นห่วงข้าหรือ?” เจียงชิวไป๋ยิ้มเจิดจ้านัก ฟันขาวราวหิมะ “ต่อให้ตาเฒ่านั่นมาจะทำอะไรข้าได้…โลกหล้านี้ คนที่ทำอะไรข้าได้ นอกจากศิษย์พี่แล้วยังมีใครอีก?”
หลี่มู่ขนลุกซู่
ให้ตายเถอะ ทำไมเหมือนกำลังกระเง้ากระงอดกันเลย
“พี่ใหญ่ เจ้านี่เป็นศิษย์น้องของท่านหรือ?” หลี่มู่ถาม “แล้วทำไมยังส่งคนมาชิงตัวพี่สะใภ้กับหลานๆ อีก หรือว่า…” ในหัวหลี่มู่พลันมีความคิดเลยเถิดผุดขึ้นมามากมาย หรือว่าจะเป็นความแค้นจากรักสามเส้า? แล้วตกลงคือชายหญิงหรือว่าชายชาย?
กัวอวี่ชิงคุ้นเคยกับหลี่มู่ดี เมื่อเห็นสีหน้าเขาก็รู้ว่ากำลังคิดบ้าบออะไรอยู่ เฮ้อ น้องร่วมสาบานคนนี้อะไรก็ดีไปหมด แค่ความคิดรวดเร็วเกินไปหน่อย ในหัวสมองมีเรื่องเหลวไหลไร้สาระอยู่มากเกิน
“เป็นเพราะบางเรื่องเมื่อวันวานเท่านั้น” กัวอวี่ชิงตอบ จากนั้นหันไปพูดกับเจียงชิวไป๋ “แผนของเจ้าล้มเหลวแล้ว เชิญกลับไปก่อนเถิด เจ้าไม่มีโอกาสอีกแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ? ข้ายังอยากจะลองดูหน่อย ศิษย์พี่ปลีกวิเวกมาอยู่ในชนบทห้าปี พลังที่ฝึกฝนมายังเหลืออยู่เท่าใด?” ชายผมทองเจียงชิวไป๋บิดขี้เกียจ “ธนูรั้งจันทราไม่ได้อยู่ในมือท่าน ท่านขวางข้าไม่ได้หรอก”
หลี่มู่เห็นดังนั้น ก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้าทันที กล่าวขึ้นอย่างมีคุณธรรมน้ำมิตร “นี่ มาก่อเรื่องในพื้นที่ของข้า ถามข้าแล้วหรือยัง?”
เจียงชิวไป๋เหล่ตามอง หัวเราะคิกคักแล้วเอ่ย “ก็ได้ๆ สังหารเจ้าก่อนแล้วกัน”
เสียงยังไม่ทันขาด
หลี่มู่รู้สึกได้ถึงจิตสังหารเข้มข้นในฉับพลัน ขนพองสยองเกล้าไปทั้งตัว ร่างกายทำปฏิกิริยาแรกก่อนก้าวหนึ่ง ดาบบินทั้งยี่สิบสี่เล่มวนล้อมรอบกาย เวลาเดียวกัน ตราประทับห้าธาตุพลิกนภาพุ่งออกมาจากจุดหนีหวานกง ลอยอยู่เหนือศีรษะ ค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ ในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์เสริมพลังลงบนตัวเขาในพริบตา
ตูม!
กรงเล็บหมาป่าทองขนาดยักษ์ข้างหนึ่งโจมตีมาทันใด
ราวกับพลังพลิกฟ้าสะท้านดินระเบิดซัดลงมาบนร่างของหลี่มู่
หลี่มู่ที่งัดไพ่ตายออกมาจนหมดพลันรู้สึกว่าพลังมหาศาลที่ไม่สามารถควบคุมได้สายหนึ่งถาโถมเข้ามา ดาบวัฏจักรถลาลมทั้งยี่สิบสี่เล่มดีดกระเด็นออกไป ตราประทับห้าธาตุพลิกนภามีแสงเทพห้าสีไหลวน กระตุ้นค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ ขึ้นต้านทานกรงเล็บหมาป่าสีทองในพริบตาสุดท้าย
หลี่มู่ถูกกระแทกจนลอย
ร่างของเขากลายเป็นจุดดำจุดหนึ่งหายไปไกลลิบกลางอากาศ
“อ๊าก…เล่นทีเผลอนี่…ไร้ยางอาย…ข้าจะกลับมาแน่!”
กลางท้องฟ้าที่เมฆขาวลอยตามลม เสียงลากยาวของหลี่มู่ลอยมา
ดาบวัฏจักรถลาลมทั้งยี่สิบสี่ก็เหมือนนกน้อยที่คอยตามแม่ สติปัญญาดีนัก บินผ่าอากาศไล่ตามทิศทางที่หลี่มู่ลอยหายไป
เจียงชิวไป๋เผยสีหน้าแปลกประหลาด “เอ๋ เจ้าเด็กนี่ ทนมือทนเท้าดีเหมือนกัน”
มือของชิวอิ่นกำอยู่ที่ด้ามดาบ
กัวอวี่ชิงยื่นมือกดไว้ ส่ายศีรษะพร้อมบอก “หลี่มู่ไม่เป็นอะไรหรอก” สายตาของเขาเฉียบคมยิ่งนัก มองออกว่าหลี่มู่เพียงแค่ถูกซัดลอยออกไป แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่พบกันเสียนาน พลังแท้จริงของน้องชายร่วมสาบานคนนี้เพิ่มขึ้นแล้ว พริบตาเมื่อครู่แสดงพลังของปฐมเทวะออกมาชัดๆ
ชิวอิ่นตอนนี้ค่อยวางใจลงบ้าง
กัวอวี่ชิงมองไปทางเจียงชิวไป๋ เอ่ยว่า “ศิษย์น้อง อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ”
เจียงชิวไป๋หัวเราะร่า “ข้าจะบีบให้ท่านต้องลงมือนี่ล่ะ ทำไมหรือ? ศิษย์พี่ ความองอาจสมัยนั้นของท่านหายไปไหนแล้ว ตอนนี้จะทะเลาะกัน ท่านยังมาพูดจู้จี้อยู่นานสองนาน มาสิ ลงมือเลย”
“ได้” กัวอวี่ชิงผงกศีรษะ
เขารู้ วันนี้ตนเองไม่ลงมือไม่ได้แล้ว
ชิวอิ่นกับหลี่มู่ล้วนไม่ใช่คู่มือของศิษย์น้อง
กลิ่นอายพลังที่ยิ่งใหญ่และลึกลับกลุ่มหนึ่งไหลวนออกมาช้าๆ จากในกายของเขา
มหาศาล กว้างใหญ่ ผ่านโลกมาโชกโชน และคมกริบ
ทั่วร่างกัวอวี่ชิงประหนึ่งเปลี่ยนไปในพริบตา
ชิวอิ่นที่อยู่อีกด้าน สายตาตกอยู่บนร่างของกัวอวี่ชิง
ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าชายร่างสูงใหญ่ที่แต่งกายเป็นนายพรานล่าสัตว์คนนี้เป็นใครกันแน่…ในเขาขาวพิสุทธิ์ เทพผู้ยิ่งใหญ่สองคนมาพบกัน เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทั่วทั้งสามจักรวรรดิใหญ่แห่งแผ่นดินใหญ่เสินโจวและสำนักเทพทั้งเก้า จะต้องสั่นสะเทือนแน่กระมัง