จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 341 ความลับของเจียงชิวไป๋
ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงโกรธจนถึงขีดสุด
เดิมทีพวกเขาประนีประนอมไปแล้ว ไม่อยากให้ถึงขั้นตายจริง แต่การเหยียดหยาม เหน็บแนม รวมไปถึงท่าทีต่อให้ต้องตัวตายก็จะขวางพวกเขาเอาไว้ด้านนอกวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเจียงชิวไป๋ ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าและอัปยศอดสูมาก
“สังหาร”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตายเสียเถอะ”
ทั้งคู่ไม่ลังเลอีก สำแดงกระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัว มุ่งไปสังหารเจียงชิวไป๋
บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านี้ พลังฟ้าดินชัดเจน กฎเกณฑ์วิจิตรตระการ ยิ่งสามารถเสริมพลังให้วิชาของพวกเขา ให้สำแดงพลังได้ร้ายกาจกว่าปกติหลายเท่า
“เหอะๆ ข้าบอกแล้ว เมื่อเข้ามา ก็ไม่ต้องคิดจะเดินออกไปอีก…”
เจียงชิวไป๋ยิ้มบางๆ พลางเอ่ย
เขาเป็นเหมือนคนพายเรือที่เผชิญหน้าผืนน้ำกว้างใหญ่ท่ามกลางพายุฝน ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน มือข้างหนึ่งกดลงบนแขนข้างที่ขาดไป แล้วออกแรงฉับพลัน เสียงกร๊อบดังขึ้น บริเวณแขนขาดที่เริ่มงอกมาใหม่ กระดูกป่นละเอียดทันที เลือดสดทะลักออกมา นิ้วมือเขาแตะเลือดสดของตนจนชุ่ม
“ใช้นิ้วแทนพู่กัน ใช้เลือดต่างหมึก ใช้ผืนฟ้าต่างกระดาษ ใช้ใจต่างจิต…วาดผืนดินคุมขัง!”
ปากของเขาร่ายท่วงทำนองโบราณ ยกมือขึ้นราวกับค่อยๆ โบกเขียน ใช้ความว่างเปล่าตรงหน้า วาดสัญลักษณ์ประหลาดออกมาหนึ่งอย่าง
เลือดสดดุจน้ำหมึกย้อมลงบนแผ่นกระดาษ จับตัวค้างอยู่บนความว่างเปล่า
สัญลักษณ์นั้นแผ่แสงสีทองออกมา ประหนึ่งกำแพงแสงสีทองแผ่ขยายบนอากาศ คลื่นยักษ์และปราณกระบี่แสงกระบี่ของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงซัดเข้าใส่กำแพงสีทองนี้ ก็เหมือนวัวโคลนจมลงทะเลอย่างไรอย่างนั้น หายไปไร้ร่องรอยเสมือนผ่านกำแพงแสงข้ามไปยังมิติอื่น ไม่สะเทือนกำแพงแสงนี้เลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงเท่านี้ กำแพงแสงยังคงแผ่ขยาย ยืดออก พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ดิ่งลงยังนรกขุมที่เก้า ยื่นออกไปซ้ายขวา กางออกมาเป็นเส้นโค้งบนความว่างเปล่า สุดท้ายกลายเป็นทรงรีขนาดใหญ่ ไม่ต่างจากคุกกำแพงทองตรงหน้าผู้ใช้คลื่นวารีและป้านกู้เซิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ขังสองสุดยอดวิถียุทธ์แห่งเก้ายอดคนเอาไว้ด้านใน
“อะไรกัน?” ผู้ใช้คลื่นวารีตกใจมาก
มือของกู้ป้านเซิงกุมแสงกระบี่ไว้ “เขากำลังเผาผลาญแหล่งพลังชีวิต…บ้าไปแล้วหรือ?”
ด้านนอกกำแพงแสงสีทอง เลือดสดที่ไหลจากแขนขาดของเจียงชิวไป๋ ลอยออกมาไม่หยุดราวกับถูกสูบก็มิปาน สีหน้าเจียงชิวไป๋ขาวซีดดุจกระดาษ แขนข้างเดียวโบกสะบัด ใช้นิ้วจุ่มเลือดสดของตน ร่ายทำนองคำสาปโบราณบางอย่างไม่หยุดหย่อน และวาดสัญลักษณ์เลือดประหลาดกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ครั้นผลักฝ่ามือออกไป สัญลักษณ์ที่แข็งตัวตกลงบนกำแพงแสงทองและถูกแสงทองกระตุ้น มันก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา กลายเป็นงูสีเลือดตัวเล็กแหวกว่ายอยู่ในแสงสีทองนั้น…
กู้ป้านเซิงและผู้ใช้คลื่นวารีตระหนักได้ทันที เจียงชิวไป๋ใช้แหล่งพลังชีวิตของตนเองเป็นสื่อกลาง แสดงวิชาลับสุดยอดบางอย่างที่น่ากลัวเกินบรรยาย
พวกเขาสองคนรู้สึกได้ถึงความหวาดผวา
จ้าวสำนักวิหารเทพหมาป่าคนนี้ โหดเหี้ยมไร้ปรานีถึงระดับนี้เลย?
การเผาแหล่งพลังชีวิต ไม่เพียงเป็นความทุกข์ทรมานที่เจ็บปวดที่สุดบนโลก แต่ยังทำให้วิญญาณแตกซ่าน ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ตลอดกาล และอาจเหลือจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่งไว้ ต้องทรมานทุกๆ ชาติไป เรียกได้ว่าเป็นการลงโทษที่ทุกข์ทนที่สุดบนโลกมนุษย์ ต่อให้เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดวิถียุทธ์ ก็ยังไม่อาจทนรับผลที่ตามมาเช่นนี้ได้
“คลื่นทะเลลึกผ่องแผ้ว จิตมังกรวังวารี…โจมตี!” ผู้ใช้คลื่นวารีสำแดงท่าไม้ตาย เรียกระดมคลื่นทะเลสีน้ำเงินที่ไร้ขอบเขต ด้านในมีสิ่งมีชีวิตในทะเลที่สูญพันธ์ไปแล้วหลายประเภท ส่งเสียงร้องแหลมและเสียงคำรามออกมา พลางพุ่งเข้าใส่กำแพงแสงทอง
กู้ป้านเซิงทำปางมือ ฝ่ามือหันหากันที่หน้าอก เรียกกระบี่โบราณสีดำเล่มหนึ่งออกมา รูปทรงโบราณเรียบง่าย เหมือนแท่งศิลายาวๆ แท่งหนึ่ง ด้านหนึ่งดำ ด้านหนึ่งขาว หยินหยางสองสี คมทั้งสองด้านเต็มไปด้วยลายสลักหินกระดำกระด่าง สองมือเขาจับกระบี่ศิลาหยินหยาง กระตุ้นกฎเกณฑ์นับหมื่นพัน นี่คือ ‘กระบี่ศิลาโบราณเทพมารหยินหยาง’ สมบัติของสำนักฟ้าครามจากแผ่นดินสุดแดนใต้ ตีขึ้นจากหินดาวตกนอกพิภพก้อนหนึ่ง มีพลานุภาพที่น่ากลัวถึงขีดสุด
“เทพมารตัดสะบั้น!”
กู้ป้านเซิงลงมือ ก็เป็นกระบวนท่าสูงสุด
กำแพงแสงทองถูกกระแทกจนสั่นกระเพื่อม ประดุจจะพังทลายลงได้ทุกเวลา ทว่างูตัวเล็กสีเลือดที่แหวกว่ายอยู่ด้านในแสงทองอย่างบ้าคลั่งคล้ายกำลังเขียนตำราเทพไร้นาม แผ่พลานุภาพอัศจรรย์ออกมา ซ่อมแซมกำแพงแสงทองใหม่อีกครั้ง การโจมตีทั้งหมดของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงกลายเป็นวัวโคลนจมลงทะเล เหมือนกับว่าพลัง กฎเกณฑ์ และแสงใดๆ เพียงแค่ผ่านกำแพงแสงทองเข้าไปก็ล้วนสูญสลายจนหมดสิ้น
“กายคือเทียน จิตคือเปลวไฟ จิตวิญญาณของข้า ขอบูชาแด่เทพหมาป่า!”
เจียงชิวไป๋ยืนด้วยขาข้างเดียว ประตูตรงกลางสุดของวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้านหลังเปิดออกสมบูรณ์แล้ว แสงสีทองเอ่อล้นออกมา ร่างกายพิกลพิการของเขาดุจหินโสโครกที่ตั้งทวนกระแสน้ำ ไม่ขยับแม้เพียงน้อย ทรหดทนทาน ตั้งตรงไม่หวั่นไหวราวขุนเขา สูงส่งราวผาชัน
ใบหน้าของเขาแก่ชราลงในฉับพลัน
ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาไร้ใดเทียมมีรอยเหี่ยวย่น ดวงตากระจ่างใสเริ่มชรา ถุงตาปรากฏ ผิวหนังแห้งแตก
ใช้กายดั่งเทียน ใช้จิตวิญญาณดั่งไฟ เผาไหม้ เผาไหม้ เผาไหม้!
วิหารเทพหมาป่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งของที่ราบทุ่งหญ้า หมาป่าขาว คนเลี้ยงสัตว์ และชนเผ่าแห่งท้องทุ่งหญ้า จะยอมให้คนนอกมาดูหมิ่นได้อย่างไร?
จ้าววิหารเทพหมาป่า จำต้องลงทัณฑ์
ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม
แม้ใบหน้าของเจียงชิวไป๋ชราลงอีก แต่จิตวิญญาณของเขากลับหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ในดวงตาชรานั้นเปล่งประกายแสงสว่าไสว ราวกับมีเปลวไฟกำลังแผดเผาอยู่จริง
ภายในกรงขังกำแพงแสงทอง ผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงสังหรณ์ใจไม่ดียิ่งนัก จากการที่เจียงชิวไป๋สูบเลือดตนออกมา วาดสัญลักษณ์โบราณแปลกๆ ส่งไปยังกำแพงแสงทอง กรงขังนี้ก็ไม่เพียงแต่ขังพวกเขาไว้ด้านในอีก แต่เริ่มส่งพลังหล่อหลอมกดดันที่น่ากลัวออกมา หมายจะหลอมพวกเขาสองคนที่อยู่ในนี้ทั้งเป็น
ผู้แข็งแกร่งทั้งสองออกกระบวนท่าสุดยอดต่างๆ อย่างคลุ้มคลั่ง คิดจะทำลายกรงขังกำแพงทองนี้
การร่วมมือโจมตีของเก้ายอดคน จะน่ากลัวสักเพียงไหน?
มีหลายครั้งที่เกือบจะถูกพวกเขาโจมตีจนกำแพงแสงทองพังลง
ทว่าเจียงชิวไป๋ใช้นิ้วกดทะลุหน้าอกตนเอง ดูดเลือดจากหัวใจออกมาวาดสัญลักษณ์ติดต่อกันหลายสิบวง แล้วส่งเข้าไปยังกำแพงแสงสีทอง เหนี่ยวนำพลังแสงทองที่แผ่ออกจากประตูวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้านหลังมา พริบตาเดียวกรงขังกำแพงแสงทั้งหมดก็แข็งแกร่งตีไม่แตก การโจมตีอันบ้าคลั่งของผู้ใช้คลื่นวารีและกู้ป้านเซิงจึงยากจะสั่นคลอนได้อีก
ผมยาวสีทองทั้งศีรษะของเจียงชิวไป๋ เปลี่ยนเป็นสีขาวหิมะในพริบตา
ชั่วขณะที่ความหนุ่มสาวโรยรา กระทั่งวีรบุรุษยังผมขาว
เวลาเดียวกัน ด้านหลังเจียงชิวไป๋ มีภาพมายาของสัตว์แปลกพิลึกตนหนึ่งปรากฏขึ้นวูบวาบ
เป็นสัตว์ยักษ์ตัวสีเหลืองทอง รูปร่างคล้ายหมาป่า ดูราวกับสัตว์ยักษ์โบราณ แต่แขนหน้ากลับสั้นกุด หน้าตาดุดันเหี้ยมเกรียม แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายที่ยากจะเปรียบออกมา ขณะเดียวกันก็มีพลังวิญญาณอย่างหนึ่งที่ให้ความรู้สึกคาดเดาได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะในดวงตาคู่นั้น มีประกายแห่งสติปัญญาวูบไหว ประดุจสามารถมองทะลุใจคนในแวบแรก และราวกับปิดบังความจริงจากใครก็ตามบนโลกใบนี้ได้
ครั้นเจียงชิวไป๋เสียเลือดจำนวนมาก สีหน้ายิ่งซีดขาวลงทุกที สัตว์ยักษ์ประหลาดสีเหลืองทองตนนี้ก็ยิ่งปรากฏชัดเจนมากขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงอึ้งตะลึงพร้อมกัน
“จ้าววิหารเทพหมาป่าที่เลื่องลือทั่วฟ้าดิน หนึ่งในเก้ายอดคนใต้หล้า ฮ่าๆ ที่แท้ก็คือปีศาจร้ายตนหนึ่ง” ผู้ใช้คลื่นวารีหัวเราะขึ้นมา
กู้ป้านเซิงก็ตกตะลึง “ที่แท้วิหารเทพหมาป่าก็เป็นที่อยู่ของพวกปีศาจร้าย เหมือนกับจวนปีศาจสวรรค์ไม่ผิด แต่กลับมาปกครองชนเผ่าหมานคนเลี้ยงสัตว์แห่งทุ่งหญ้า…ข่าวนี้หากแพร่งพรายออกไป น่ากลัวว่าจะสั่นสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน แล้วความศรัทธาของชนเผ่าในที่ราบทุ่งหญ้าก็จะพังทลายลงทันทีกระมัง”
นี่เป็นความลับยิ่งใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดบนโลกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หากไม่ใช่เพราะเจียงชิวไป๋ใช้ร่างตน เผาไหม้พลังชีวิต เริ่มควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ และค่อยๆ รักษารูปร่างมนุษย์เอาไว้ได้ยากแล้วละก็ ความลับนี้ก็ไม่มีทางที่จะเปิดเผยออกมา
“ทุกสรรพสิ่งล้วนมีวิญญาณ คนและปีศาจ ต่างกันตรงไหน? แม้ข้าเป็นปีศาจ แต่ก็คอยปกปักรักษาที่นี่ ส่วนคนอย่างพวกเจ้า กลับสร้างหายนะให้แก่ชาวประชา พวกเจ้ายังมีหน้ามาหัวเราะข้าเช่นนั้นหรือ? ”
บนใบหน้าของเจียงชิวไป๋ เริ่มปรากฏขนสัตว์สีทองงอกออกมา
ร่างกายของเขาโค้งค่อมลง พื้นที่บนร่างบางส่วนงอกขนสัตว์
เพราะเสียพลังฝึกไป จึงยากจะรักษาร่างมนุษย์เอาไว้ ค่อยๆ เผยร่างที่แท้จริงของตนเองออกมา
อายุขัย แทบจะเผาไหม้จนถึงจุดสุดท้ายแล้ว
ทว่า เขากลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังคงดึงเลือดสดและไขกระดูกจากร่างของตนออกมาไม่หยุด ใช้ร่างเป็นเทียน ใช้จิตดั่งไฟ เร่งพลังกรงขังกำแพงแสงทองจนสูงสุด งูน้อยสีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนแหวกว่ายและวิวัฒนาการอยู่ในกำแพงแสง เหนี่ยวนำแสงทองจากวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามาแปลงเป็นพลังหล่อหลอมกดดัน ค่อยๆ บดขยี้สองจากเก้ายอดคนใต้หล้าด้านในกำแพง
ผู้ใช้คลื่นวารีกับกู้ป้านเซิงหมดปัญญาจะต่อต้าน ถูกพลังกดดันไร้รูปร่างกดเอาไว้ที่เดิม ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“ศิษย์พี่…” ในดวงตาชราของเจียงชิวไป๋ มีหยาดน้ำตาไหลริน
นี่เป็นเลือดส่วนสุดท้ายในร่างกายของเขาแล้ว
สายตาของเขามองลอดกรงขังสีทอง ลอดผ่านชั้นเมฆขาว ทะลุผ่านบันไดหยกขาว ประตูใหญ่ของทางเดิน…กระทั่งมองผ่านโลกใบนี้ออกไปยังความว่างเปล่าไกลๆ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ดูราวกับต้องการจะเห็นใบหน้านั้นที่อยากเห็นมากที่สุด
“ตอนนั้นที่อยู่ในฟ้านิจนิรันดร์ วันเวลาที่ประคับประคองกันและกัน ท่านอาจจะลืมไปนานแล้ว…”
“ท่านกลายเป็นจ้าววิหารเทพหมาป่า ข้ายอมหลบซ่อนอยู่ในเงามืดด้านหลังความรุ่งโรจน์ของท่าน”
“ท่านบุกฝ่าทั่วที่ราบทุ่งหญ้า สั่นสะเทือนฟ้าดิน ข้าก็ยอมเป็นเงาของท่าน…”
“ท่านไปจากที่ราบทุ่งหญ้าเพื่อหญิงคนนั้น ข้ารู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ข้าจึงอยู่ ปกป้องวิหารเทพหมาป่าเพื่อท่าน ปกป้องบ้านที่เคยเป็นของพวกเราแห่งนี้ แต่ตอนนี้…”
“ศิษย์พี่ ตอนนี้ข้า ทำได้ถึงเพียงเท่านี้แล้ว”
น้ำตาเลือดหยดลงมาจากใบหน้าเจียงชิวไป๋ ย้อมเมฆขาวผืนใหญ่จนเป็นสีแดง
เสียงยังไม่ทันขาดห้วง
ร่างของเจียงชิวไป๋เปลี่ยนเป็นร่างสัตว์อย่างสมบูรณ์
สิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับหมาป่ายักษ์สีเหลืองทองจางๆ ตัวหนึ่ง เพียงแต่แทบจะไม่มีขาหน้า
ไม่ใช่หมาป่า
“นี่มันเป้ย[1]!” ผู้ใช้คลื่นวารีตะโกนขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
กู้ป้านเซิงก็ตกตะลึง พลันคิดอะไรบางอย่างได้
เจียงชิวไป๋มีร่างเป็นปีศาจ ร่างของเขาเป็นเป้ย สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่แต่ในตำนานเล่าขาน
เช่นนั้นก็หมายความว่า เขาไม่ใช่จ้าววิหารเทพหมาป่าที่แท้จริง
เพราะจ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่า ควรจะเป็น…หมาป่าตัวหนึ่ง?
………………………………….
[1] เป้ย สัตว์ในตำนานของจีน มีรูปร่างคล้ายหมาป่า แต่ขาหน้าสั้นมาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง จึงเกาะอยู่บนหลังของหมาป่าเพื่อดำรงชีวิต แม้ดุร้ายไม่เท่าหมาป่า แต่มีสติปัญญาสูง มักจะคอยช่วยหมาป่าออกอุบายต่างๆ จึงมีสำนวนจีนที่ว่า หมาป่าและเป้ยร่วมคิดอุบายชั่ว