จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 360 การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากหลี่มู่
ก่อนหน้านี้สองวัน
ทุ่งปิดภูผา
ระหว่างเดินทางกลับ ชิวอิ่นรู้ข่าวว่า ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ยผู้เป็นอาจารย์สู้ศึกจนตัวตาย เขารีบกลับไปทุ่งปิดภูผาอย่างมารคลั่ง อยากจะเห็นร่างของอาจารย์ ว่ากันว่าหลี่พั่วเยวี่ยกับเต้าฉงหยางสู้กัน ท้ายที่สุดแม้ถูกลอบโจมตีตายไปพร้อมกัน แต่ก็ยังคงเหลือร่างบางส่วน สุดท้ายถูกส่งมาที่ทุ่งปิดภูผาเพื่อเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ เอาไว้เคารพบูชา
รองเจ้าสำนัก ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้มารับชิวอิ่นที่นอกเมืองปิดภูผาด้วยตัวเอง
“ก่อนสิ้นใจเจ้าสำนักทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้ ให้เจ้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักแทน ครึ่งปีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมา เหล่าสหายอยากจะไปเขาเมืองมรกตล้างแค้น ตอนนี้รอแค่เจ้านำทัพแล้ว” ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ท่าทางคับแค้นใจ
ด้านหลังเขามียอดฝีมือของทุ่งปิดภูผาตามอยู่หลายสิบคน
ชิวอิ่นเอ่ยขึ้นว่า “ร่างของอาจารย์อยู่ที่ใด?”
หวงเซิ่งอี้ตอบ “ ‘หมัดเทพทลายฟ้า’ สวีเซิ่งจากสำนักขุนคีรีเป็นผู้นำกลับมา ยังไม่ได้ยืนยัน เจ้าสนิทสนมกับเจ้าสำนักที่สุด เป็นลูกชายบุญธรรมของเขา ว่าจะให้เจ้าไปยืนยันอยู่พอดี หากเป็นร่างของเจ้าสำนักจริงๆ ก็จำต้องรีบทำพิธีโดยเร็วที่สุด”
ไม่นานนักก็มาถึงวิหารใหญ่ทุ่งปิดภูผาตรงใจกลางของเมืองปิดภูผา
ชิวอิ่นโกรธแค้นเศร้าโศกอย่างที่สุด ยามมาถึงโถงใหญ่ที่แขวนชุดไว้ทุกข์เอาไว้สูง กลิ่นของเทียนและตะเกียงอบอวล บนแท่นน้ำแข็งสูงกลางหมู่มวลดอกไม้ตรงกลางสุด แขนข้างที่ขาดดำเกรียมจนไม่อาจจำสภาพเดิมได้วางอยู่ กลิ่นอายวิถียุทธ์เฉพาะตัวเป็นกลุ่มเป็นสายกระจายออกมาจากแขนที่เหมือนถูกเผาจนไหม้เกรียมข้างนี้
ด้วยพลังฝึกของ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ยที่เป็นเก้ายอดคน ต่อให้ตายร่างก็ไม่มีทางเน่าสลาย เหมือนดั่งทหารเทพ แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย เขาร่วมมือกับเต้าฉงหยางจัดการผู้ลอบโจมตีและเทพปีศาจนอกพิภพให้ตายตกไปด้วยกัน เท่ากับเป็นการระเบิดตัวเอง ดังนั้นจึงเกือบจะไร้ซึ่งซากร่าง
ชิวอิ่นพุ่งมาหน้าเวทีน้ำแข็ง น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
เขาเป็นลูกผู้ชายองอาจแกร่งกล้าที่อหังการในยุทธจักรทิศพายัพ หลั่งแต่เลือด ไม่เคยหลั่งน้ำตา ทว่าในตอนนี้กลับกลั้นน้ำตาไม่ได้
รอจนพิจารณาเศษซากร่างอย่างละเอียดแล้ว ความหวังเสี้ยวสุดท้ายในใจของชิวอิ่นก็สลายไป
จากภายนอกไม่อาจแยกแยะอะไรได้ แต่กลิ่นอายของอาจารย์ เขาเคยคุ้นเป็นที่สุด กลิ่นอายของกฎเกณฑ์วิถียุทธ์อันเป็นเอกลักษณ์ในกระดูกนั้น ผู้อื่นไม่อาจปลอมแปลงขึ้นมาได้เลย ร่างนี้เป็นท่านอาจารย์จริงๆ อาจารย์…จากไปแล้วจริงๆ
ชิวอิ่นรู้สึกแค่ภาพเบื้องหน้ามืดดับ จะยืนยังยืนไม่อยู่
ตอนที่ได้ยินข่าวว่าอาจารย์จากไป เขายังเหลือความหวังอยู่บ้าง อาจารย์เป็นบุคคลราวเทพเซียน จะแตกดับง่ายๆ แบบนั้นได้อย่างไร? เขารู้สึกว่าอาจารย์แกล้งตายเพื่อรับมือกับเรื่องบางอย่าง แต่ตอนนี้…ชิวอิ่นตระหนักได้ว่าอาจารย์ตายแล้วจริงๆ
“เป็นอย่างไร ใช่กระดูกของเจ้าสำนักจริงๆ หรือไม่?” ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ถามอยู่ข้างๆ อย่างร้อนรน
ชิวอิ่นสีหน้าเรียบนิ่งเฉยชา กลิ่นอายในร่างกายปั่นป่วน แม้แต่ยืนก็ยังยืนได้ไม่มั่น จู่ๆ ก็อ้าปากกระอักเลือดออกมา
พวกหวงเซิ่งอี้เห็นภาพนี้ก็รู้แล้ว คนที่อยู่บนแท่นน้ำแข็งคือ ‘เก้าสวรรค์ปิดชั้นฟ้า’ หลี่พั่วเยวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
ตำนานสายยุทธ์ที่แทบจะใช้พลังของตนคนเดียวสะกดชะตายุทธภพฉินตะวันตกมาตลอด ไม่นึกว่าจะแตกดับไปเช่นนี้จริงๆ?
ในใจของคนทั้งหลายต่างรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง
หวงเซิ่งอี้เอ่ย “เจ้าสำนักน้อย ในเมื่อยืนยันแล้วท่านก็ออกคำสั่งเถอะ พวกเรารีบไปโจมตีเขาเมืองมรกต ล้างแค้นให้กับเจ้าสำนัก”
“ใช่แล้ว”
“แก้แค้นให้เจ้าสำนัก”
“ขยี้เขาเมืองมรกตให้ราบ”
ในวิหารใหญ่ ยอดฝีมือทุ่งปิดภูผาทั้งหลายต่างคับแค้นเดือดดาล
ชิวอิ่นค้ำเวทีน้ำแข็งลุกขึ้น สายตากวาดผ่านร่างของคนพวกนี้ “ทำลายเขาเมืองมรกต? ทำไมกัน? อาจารย์สู้กับเต้าฉงหยางเป็นการนัดประลองที่ชอบธรรม ต่อให้ดับดิ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเมืองมรกต นี่เป็นเรื่องที่ประกาศต่อสาธารณะก่อนจะนัดประลอง อีกอย่าง ตามที่ข้ารู้มา หากไม่ใช่ว่าช่วงเวลาสุดท้ายบางสำนักสมคบคิดกับเทพปีศาจนอกพิภพลอบโจมตีสังหาร ท่านอาจารย์ก็ไม่มีทางดับดิ้น ณ สนามประลองแน่…”
“เจ้าสำนักน้อย ท่านหมายความอย่างไร?” สีหน้าของหวงเซิ่งอี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “จะไม่ล้างแค้นนี้ให้กับเจ้าสำนักรึ?”
ชิวอิ่นอ้าปากจะพูดอะไร จู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้ว ในอากาศมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมาจากนอกวิหารใหญ่
ด้านนอกพลันมีเสียงฆ่าล้างสังหารดังขึ้น
“หลานชิว รีบหนีไป หวงเซิ่งอี้สมคบคิดกับเทพปีศาจนอกพิภพ หักหลังสำนักแล้ว…” เสียงของ ‘หมัดเทพทลายฟ้า’ สวีเซิ่งดังเข้ามาจากด้านนอก
ชิวอิ่นหน้าเปลี่ยนสี
หวงเซิ่งอี้ถอยไปทันที ยอดฝีมือทุ่งปิดภูผาขนาบข้างมา ล้อมเขาเอาไว้ตรงกลาง รองเจ้าสำนักทุ่งปิดภูผาคนนี้หัวเราะเย็นชา “ชิวอิ่น เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดที่เจ้าสำนักกำหนดเอาไว้ แต่กลับไม่คิดจะล้างแค้นให้เขา ชักช้าร่ำรี้ร่ำไร เจ้าสำนักตายไปครึ่งปีเจ้าถึงจะปรากฏตัว พูดมา เจ้าสมคบคิดกับเทพปีศาจนอกพิภพ ขายเจ้าสำนัก คิดจะชิงตำแหน่งเจ้าสำนักทุ่งปิดภูผาใช่หรือไม่?”
ชิวอิ่นพลิกมือคว้าดาบที่สะพายไว้ด้านหลัง “หวงเซิ่งอี้ เจ้ากล้าทำเรื่องเลวทรามขนาดนี้เชียวรึ?”
เมื่อครู่เขาอยู่ในอารมณ์เศร้าโศกเกินไป จึงไม่ทันสังเกตว่าทั้งโถงใหญ่มีแต่ยอดฝีมือคนสนิทของ ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้ แต่ไม่เห็นเงาของผู้นำระดับสูงและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ของสำนักแม้แต่คนเดียว ตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัวก็ค่อนข้างสายไปเสียแล้ว
เสียงตะโกนรบราสังหารด้านนอกดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ร่างใหญ่โตกำยำ ท่วมเลือดตัว ชกหนึ่งหมัดเป็นแสงเทพทางหนึ่ง นำคนสิบกว่าคนบุกเข้ามา คำรามเสียงดังกล่าวว่า “หลานชิว ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกสารเลวหวงควบคุมที่นี่เอาไว้หมดแล้ว คนที่ภักดีต่อเจ้าสำนักก็ถูกเทพปีศาจนอกพิภพที่มันสมคบคิดด้วยสังหารสิ้น รีบตามข้าไปจากที่นี่…” เป็น ‘หมัดเทพทลายฟ้า’ สวีเซิ่งนั่นเอง
คนที่ติดตามอยู่ข้างหลังเขาคือลูกศิษย์ของสำนักขุนคีรี ยอดฝีมือจากสำนักใหญ่ต่างๆ ที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัย และยังมียอดฝีมือที่ภักดีต่อ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ย แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บ และยังมีบางคนยังไม่ได้ถอดเครื่องทรมานออก เห็นได้ชัดว่าเป็นนักโทษที่แหกคุกออกมาได้ไม่นาน
“หึ สวีเซิ่งสมคบคิดกับชิวอิ่น หักหลังเจ้าสำนัก มีโทษมหันต์นัก ใครก็ได้ สังหารพวกมันให้สิ้น” หวงเซิ่งอี้แค่นเสียงเย็น เพียงยกมือ ยอดฝีมือข้างหลังก็พุ่งออกไปราวคลื่น
ชิวอิ่นเก็บรักษาร่างอาจารย์ที่อยู่บนแท่นน้ำแข็งไว้ในมิติเก็บของทันที จากนั้นก็พลิกมือชักดาบ คำรามลั่น “ฆ่า”
แสงดาบพุ่งไปยังหวงเซิ่งอี้ดุจม่านน้ำ
แต่ยอดยุทธ์ข้างกายหวงเซิ่งอี้ต้านทานเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วยิ่ง
ศึกนองเลือดเปิดฉากในชั่วพริบตา
กลิ่นอายเทพมารเป็นกลุ่มๆ เริ่มหลั่งไหลทั้งในและนอกวิหารใหญ่
“ฮ่าๆ พวกคนทรยศมากันหมดแล้ว จัดการพวกมันไปพร้อมกันทีเดียว ฆ่ามันให้หมด ไม่ต้องเหลือแม้แต่คนเดียว” หวงเซิ่งอี้หัวเราะลั่น
บนสนามรบ เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทั้งยังไม่ได้ลงมือเอง
ขั้นครึ่งเทวะสี่คนของสำนักทุ่งปิดภูผา หนึ่งในนั้นตายในเงื้อมมือของรัชทายาทต้าเยวี่ย อีกสองคนคนหนึ่งพเนจรอยู่ภายนอก อีกคนถูกเทพปีศาจนอกพิภพสังหารเมื่อสามเดือนที่แล้ว ตอนนี้เขาคือผู้ที่มีพลังสูงที่สุด ทั้งยังมีเทพปีศาจนอกพิภพช่วยเหลือ ยอดฝีมือที่ภักดีต่อทุ่งปิดภูผาก็ถูกสังหารจนแทบสิ้นตั้งแต่ครึ่งปีก่อน ขอแค่ฆ่าชิวอิ่นได้ ทุ่งปิดภูผาก็จะตกเป็นของเขา
……
สองวันหลังจากนั้น
“ข้าอยู่ที่…สำนักขุนคีรี”
จดหมายเลือดมีแค่ไม่กี่คำนี้เท่านั้น
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวิถียุทธ์และพลังจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของชิวอิ่นที่คนอื่นไม่อาจลอกเลียนในรอยเลือดนี้
พี่รองไม่ได้กลับทุ่งปิดภูผาหรอกหรือ?
ทำไมถึงไปสำนักขุนคีรีอีก?
หลี่มู่ขมวดคิ้วมองจดหมายเลือด ในใจขบคิด
หลายวันมานี้เขาได้ยินข่าวจากฝ่ายต่างๆ มาไม่น้อย รู้ว่าสถานการณ์ในแผ่นดินตอนนี้วุ่นวายถึงขีดสุด โดยเฉพาะหลังจากปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยางสิ้นชีพ เขาเมืองมรกตที่เป็นหนึ่งในเก้าสำนักเทพก็แตกเป็นเสี่ยง เกลือเป็นหนอน เกิดศึกภายในไม่หยุดหย่อน เต้าเจินผู้ที่เต้าฉงหยางกำหนดไว้ให้รับตำแหน่งเจ้าสำนักถูกพวกรองเจ้าสำนักเต้าหลิงกดขี่ไล่สังหาร ต้องหนีเอาตัวรอดสุดขอบฟ้า กลายเป็นหนึ่งในเก้าสำนักเทพเพียงหนึ่งเดียวที่แตกแยกวุ่นวายในหลายพันปีมานี้
และตอนนี้…หรือทุ่งปิดภูผาจะเกิดศึกภายในเหมือนกัน?
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ละก็ สถานการณ์ของพี่รองพูดได้ว่าวิกฤตเป็นอย่างมาก
จะต้องรีบเดินทางไปสำนักขุนคีรี
หลี่มู่วางแผนในใจแล้ว
ถึงแม้เขาจะมีข้อเสียมากมาย และอยากจะพัฒนาอย่างเจ้าเล่ห์ในเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ แต่ตอนนี้พี่น้องเกิดเรื่องลำบาก หากนั่งนิ่งดูดายจะยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?
ไม่นานนัก หลี่มู่ก็สั่งให้คนไปเรียกเฝิงหยวนซิง หม่าจวินอู่ และเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยชิงเฟิงมา หลังจากมอบหมายหน้าที่ให้พวกเขาดูแลเรื่องในเมืองเรียบร้อยดีแล้ว ก็ไปอธิบายกับพี่สะใภ้หลิวจื่อหยวนว่าอาจต้องยืดเวลาเดินทางไปที่ราบทุ่งหญ้าออกไป จากนั้นสั่งให้คนมุ่งหน้าไปที่ราบทุ่งหญ้าส่งข่าวให้กับพี่ใหญ่กัวอวี่ชิง
“น้องสาม รีบไปช่วยคนสำคัญกว่า” หลิวจื่อหยวนนิสัยอ่อนโยนมีปัญญา แน่นอนว่าไม่มีปัญหาใดๆ
“คุณชายหลี่ ข้าไปกับท่านด้วย” เทพธิดาสงครามกัวชิงเยียนเสนอตัว
นับตามลำดับอาวุโสแล้ว นางเรียกกัวอวี่ชิงว่าท่านลุง เช่นนั้นหลี่มู่ที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับกัวอวี่ชิง นางควรเรียกว่าท่านอาถึงจะถูก แต่เทพธิดาสงครามกลับเหมือนจะไม่ตระหนักถึงจุดนี้เลย เรียกหลี่มู่ว่าคุณชายมาตลอด
หลี่มู่คิดๆ ดูแล้วก็ส่ายหน้า “เจ้าอยู่ที่เมืองนี่เถอะ ข้าพาหยวนโห่วไปด้วยก็พอแล้ว”
หลิวจื่อหยวนพลังแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีประสบการณ์มากมาย เป็นจอมยุทธ์หญิงที่ผ่านศึกใหญ่ในยุทธจักรมานับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน เพียงแต่หลายปีมานี้ไม่ได้เผยตัวในยุทธจักรก็เท่านั้น มีนางควบคุมค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ ก็ไม่ต้องกลัวศัตรูภายนอกหน้าไหนทั้งสิ้น อีกทั้งยังสยบไป๋ม่อโฉวผู้ไม่สงบเสงี่ยมคนนี้ได้ด้วย มีพี่สะใภ้ผู้นี้ดูแลทุกอย่างในเมืองขาวพิสุทธิ์ หลี่มู่วางใจเป็นอย่างมาก
ไปครั้งนี้เพื่อช่วยคน
ทำให้ชิวอิ่นหมดสภาพเช่นนี้ ต้องส่งจดหมายเลือดมา สถานการณ์ของเขาเกรงว่าจะอันตรายอย่างยิ่งยวด
สำนักขุนคีรีถึงแม้เป็นสำนักใหญ่ แต่ก็เกรงว่าจะต้านทานได้ไม่นาน
หลี่มู่วางแผนจะพาชิวอิ่นมาเมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์
ขอแค่มาอยู่ในเขาขาวพิสุทธิ์ ใต้ฟ้านี้ใครจะแตะชิวอิ่นได้?
ไม่ได้บุกไปสังหาร ฝืนปะทะซึ่งหน้าไม่ได้ ต้องคิดวางแผน ดังนั้นพาคนอื่นไปกลับจะเป็นภาระ
หยวนโห่วเชี่ยวชาญวิชาลวงตา มีความเร็วสูงยิ่ง ทั้งยังฝึกฝนวิชาปาจิ่วเสวียน กายเนื้อแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงเป็นผู้ช่วยได้
จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว หลี่มู่เพียงคิด ดาบบินยี่สิบเล่มก็พุ่งรวมตัวกันมา แปรเปลี่ยนเป็นดาบวัฏจักร ก่อนจะสำแดงวิชาดาบเหินหาว ร่างขยับเล็กน้อยก็พาหยวนโห่วหายไปจากเบื้องหน้าของทุกคน อากาศที่ตรงนั้นแผ่ระลอกคลื่นวงกลมเป็นชั้นๆ เหมือนถูกพุ่งทะลุผ่าน สักครู่หนึ่งถึงจะมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น เหนือกว่าความเร็วเสียงไปไกลแล้ว
ไป๋ม่อโฉวเห็นภาพเช่นนี้ก็แอบตะลึงไปเช่นกัน
……………………………………………………