จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 371 เจ้าตายแน่แล้ว
ทว่าจะร้องขอหรือคำรามอย่างโศกเศร้าเพียงไรก็ไร้ประโยชน์
อิ้งซานเสวี่ยอิงนั่งบนเก้าอี้หลับตาพักผ่อน ในหูของเขาเสียงดิ้นรนอย่างไร้แรงและเสียงคร่ำครวญของผู้อ่อนแอ ไม่ได้ทำให้เขาเห็นใจ แต่กลับเป็นเหมือนกับดนตรีอันน่าอภิรมย์ทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม
“พี่จิ้ง อย่าได้โทษคุณชาย…ชาติหน้าพวกเราก็จะเป็นสามีภรรยากันอีก” ตงเสวี่ยหันกลับมามองสามีของตน ชายซื่อๆ ที่จงรักภักดีขี้ขลาดของตนในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างยากลำบาก
ฉับ!
แสงดาบส่องกะพริบ
หัวอันงดงามของตงเสวี่ยถูกตัด เลือดสาดกระจาย
ตุบ
หัวร่วงลงบนกระดานไม้
ร่างของนางล้มลงท่ามกลางแอ่งเลือด
“ไม่…” หนิงจิ้งดวงตาแทบทะลักออกจากเบ้า ใจแหลกสลาย เหมือนถูกสูบวิญญาณออกไปทันที!
ไม่รู้ว่าพลังมาจากไหน เขาสลัดทหารที่คุมตัวอย่างบ้าคลั่งจนหลุด แล้วพุ่งไปยังข้างกายภรรยา กอดร่างท่วมเลือดเอาไว้เหมือนบ้าไปแล้ว
เขาเป็นบุตรอนุของตระกูล จากเล็กจนโตไม่มีใครเห็นค่า ประเดี๋ยวก็ทุบตีดุด่า ทั้งจวนตระกูลหนิงไม่มีใครมองเขาเป็นคน แม้แต่คนใช้ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยสัมผัสถึงความอบอุ่นเลย แต่หลังจากที่ตงเสวี่ยมายังสกุลหนิง ได้รู้จักกับเขา เขาถึงได้สัมผัสกับความอบอุ่นของมนุษย์ เขาพยายามนับครั้งไม่ถ้วนจนในที่สุดบิดาก็อนุญาตให้เขาแต่งงานกับตงเสวี่ย เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
ภายหลังตงเสวี่ยใช้ความอ่อนโยนและความละเอียดอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง ใช้สติปัญญาอันเฉียบแหลมเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขา ตำแหน่งในจวนค่อยๆ ยกระดับขึ้นทีละนิดๆ คนภายนอกหัวเราะเยาะเขาว่าภรรยาดุ เรื่องอะไรก็ตามล้วนแล้วแต่ภรรยา ไม่มีเกียรติของลูกผู้ชาย แต่คนพวกนั้นจะไปรู้อะไร?
ตงเสวี่ยเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกนี้
ภายหลังก็ได้รู้จักหลี่มู่เพราะความสัมพันธ์ของนางกับหลี่มู่
คุณชายก็เป็นคนดีเช่นกัน คนที่เป็นตำนานผู้นั้นดูแลเขากับภรรยาเป็นอย่างดี ทั้งยังสอนวิชาวรยุทธ์ให้กับเขา ปฎิบัติกับพวกเขาประดุจพี่น้อง
“เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าไม่มีทางเกลียดคุณชาย แต่ข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ ปกป้องเจ้าไม่ได้” ดวงตาของหนิงจิ้งไหลนองด้วยน้ำตาเลือด เขาหัวเราะ “ทั้งสองเชื่อมรักด้วยกัน เจ้าและข้าสัญญาเคียงคู่ไปร้อยปี ใครจากไปตอนเก้าสิบเจ็ด จะรออยู่ที่สะพานไน่เหอสามปี…คำสัญญาอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ข้าจะไม่ผิดคำสัญญาเด็ดขาด เสวี่ยเอ๋อร์ หนทางไปน้ำพุเหลืองข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว…รอข้านะ”
เขาวางร่างของตงเสวี่ยไว้ที่พื้นกระดาน ประคองศีรษะของนางมาแล้วต่อเข้าด้วยกัน
ทหารบางคนเมื่อเห็นภาพนี้ก็อดสงสารไม่ได้
อิ้งซานเสวี่ยอิงหรี่ตา ใบหน้าฉายแววเย็นชา
เหยียนหรูอวิ๋นผู้บังคับบัญชากองผลเหยี่ยวถลาลมแค่นเสียงเย็น “เหอะ พวกอ่อนแอ จะโทษก็โทษหลี่มู่เถอะ ใครใช้ให้พวกเจ้ารู้จักมันแต่มันก็ไม่ออกมาช่วยเล่า”
หลี่จิ้งไม่พูดอะไร เขาจัดร่างของภรรยาให้เรียบร้อย ก่อนจะหมุนตัวพุ่งเข้ามายังอิ้งซานเสวี่ยอิงทันที “ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”
ฉับ
ประกายแสงดาบส่องกะพริบ
หนิงจิ้งล้มลงกลางแอ่งเลือด
คนที่ลงมือคือเหยียนหรูอวิ๋นผู้บังคับบัญชากองกำลังเหยี่ยวถลาลม
หนิงจิ้งถึงแม้จะมีวรยุทธ์ที่หลี่มู่ถ่ายทอดให้ แต่พรสวรรค์ธรรมดา เวลาฝึกฝนสั้นมาก จะเป็นคู่มือให้กับผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์อย่างเหยียนหรูอวิ๋นได้อย่างไร? เขาจึงถูกสังหารในเสี้ยวพริบตา
“หึ ให้พวกเจ้าผัวเมียไปเป็นคู่นกเป็ดน้ำไร้ชีวิต” เหยียนหรูอวิ๋นหัวเราะเย็นชา
วันนั้นเขาถูกหลี่มู่ซัดกระเด็นในกระบวนท่าเดียวไปตรึงอยู่บนเสากระโดงเรือ ขายหน้าต่อพวกลูกน้อง เป็นการดูหมิ่นอย่างมหันต์ เคียดแค้นหลี่มู่เป็นที่สุด ดังนั้นยามที่สังหารคนสนิทของหลี่มู่พวกนี้ก็รู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง
“ใครก็ได้ ไปคุมตัวนังหญิงแพศยาหอสดับเซียนออกมา” เหยียนหรูอวิ๋นกำกระบี่อาบเลือดในมือพลางหมุนตัวคำราม
ทหารสองคนผลักไป๋เซวียนแห่งหอสดับเซียนที่ถูกมัดเอาไว้ขึ้นมา
“หลี่มู่ ผู้หญิงคนนี้เจ้าคงรู้จักกระมัง? ตอนนั้นเป็นนางที่ทำให้เจ้ากับฮวาเสี่ยหรงสมหวังกัน ฮี่ๆ ฉางอันมีสาวงามแพร้วเพริศ สุดประเสริฐงามเลิศไร้เทียมเทียบ งามพร้อมเพียบเพียงชายตานคราล่ม และจมชาติเพียงมองผ่านคราที่สอง…เจ้ารักฮวาเสี่ยงหรงมากมิใช่หรือ? หากนางรู้ว่าท่านแม่ของตัวเอง ตายต่อหน้าเจ้าแต่เจ้าก็ไม่ช่วย นางจะมองเจ้าอย่างไร? แม้แต่ท่านแม่ของผู้หญิงตัวเองยังช่วยไม่ได้ เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือไม่?”
เหยียนหรูอวิ๋นเหยียบไป๋เซวียนไว้ใต้ฝ่าเท้า กระบี่ยาวพาดไว้บนคอนาง
ไป๋เซวียนตัวสั่นงันงก
สตรีอายุสามสิบกว่าคนนี้ ทั้งงามทั้งเป็นผู้ใหญ่ มีความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่สาวแรกแย้มไม่มี ในเมืองฉางอันก็เป็นบุคคลมีชื่อเช่นกัน แต่นางสู้กับอำนาจของเชื้อพระวงศ์ได้อย่างไร? ตอนนี้นางพอจะรู้เลาๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“หนีไม่พ้นจริงๆ…หลี่มู่ ไม่ต้องออกมา ดูแลฮวาเอ๋อร์ให้ดี” ไป๋เซวียนรู้สันดานพวกชนชั้นสูงที่ว่าพวกนี้ดีเป็นที่สุด ต่อให้หลี่มู่ออกมานางก็ไม่รอดอยู่ดี นางไม่แค้นหลี่มู่ แค้นแต่ความเหี้ยมโหดของคนพวกนี้
ตรงข้าม
หน้าโถงใหญ่สำนัก คนทั้งหลายต่างทนไม่ได้อีกต่อไป
“อิ้งซานเสวี่ยอิงเจ้าเองก็เป็นเทวะ ไยจึงทำเรื่องชั่วช้าที่แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นรวมจิตยังดูแคลน?” ชิวอิ่นอดรนทนไม่ไหวแล้ว ตะโกนถามเสียงดัง
“หึๆ” อิ้งซานเสวี่ยอิงหัวเราะราบเรียบ “ชั่วช้า? อะไรคือชั่วช้า? เทพ พุทธองค์ทั้งหลายข้าฆ่าได้ ราชา อ๋อง ชนชั้นสูงข้าฆ่าได้ คนแก่เฒ่า เด็กผู้หญิง ลูกเด็กเล็กแดงข้าก็ฆ่าได้ สวมชุดเกราะพกอาวุธข้าฆ่าได้ มือเปล่าไร้อาวุธข้าฆ่าได้ เหยี่ยวองอาจบนสวรรค์ชั้นฟ้าฆ่าได้ มดปลวกในดินก็ฆ่าได้…สรรพชีวิตทั้งหลายล้วนฆ่าได้ทั้งสิ้น ชีวิตของข้าไม่มีอะไรที่ฆ่าไม่ได้”
เขาพูดอย่างมีเหตุผล
ชีวิตนี้ของเขาก็ผ่านมาจากการฆ่าล้างโดยตลอด
นอกจากการฆ่าล้าง เขาก็ไม่สนใจสิ่งอื่นอีก
ชิวอิ่นเอ่ยอย่างโมโห “ได้ เจ้ายกกองทัพมาก็เพื่อจับข้ามิใช่หรือ? ข้าไปกับเจ้า ปล่อยผู้บริสุทธิ์พวกนี้ไปเสีย” พูดแล้วเขาก็โคจรลมปราณ จะบินออกไปจาก ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาล’ ใช้ตัวเองแลกกับพวกไป๋เซวียน
น้องสามไม่รู้ไปไหน ออกมาไม่ได้
หากดูคนพวกนี้ตายไปต่อหน้า จะมีหน้าไปพบน้องสามได้อย่างไร?
แต่ว่า ร่างของชิวอิ่นเพิ่งจะลอยขึ้น มือข้างหนึ่งก็กดบ่าเขาเอาไว้ เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น “ข้าเอง”
“น้องสาม?” ชิวอิ่นหันกลับมา ก็เห็นหลี่มู่ในที่สุดก็ปรากฏตัวแล้ว
“น้องสามอย่าได้วู่วาม อิ้งซานเสวี่ยอิงคนนี้แข็งแกร่งไร้ขีดจำกัด เจ้า…ค่อยๆ วางแผน” ชิวอิ่นเห็นหลี่มู่จะออกไปก็ค่อนข้างร้อนใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้ตัวเองเสี่ยงภัยไม่เป็นไร แต่เปลี่ยนเป็นหลี่มู่เขากลับกังวล
พวกสวีเซิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็เตือนเช่นกัน
อิ้งซานเสวี่ยอิงแสดงให้เห็นชัดแล้วว่าจะบีบหลี่มู่ออกไป
หากหลี่มู่ก้าวออกไปจะต้องตายอย่างแน่นอน
หลี่มู่เอ่ย “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มั่นใจ”
เขาเพิ่งจะออกมา จึงยังไม่เห็นคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งตายไปแล้ว
ไป๋เซวียนไม่ใช่ญาติของเขา แต่ก็นับว่าเป็นสหาย
สหายตกที่นั่งลำบาก จะต้องช่วย
“ข้าไปกับเจ้า” ชิวอิ่นเอ่ย
หลี่มู่ร่างเพียงกะพริบก็แปลงเป็นแสงดาบบินออกไป “อย่าได้ร้อนใจ อยู่ที่นี่รอข้า”
พูดจบเขาก็อยู่ข้างนอกโถงใหญ่แล้ว
ขณะเดียวกัน บนเรือเหาะ เห็นหลี่มู่ในที่สุดก็ออกมา แต่ละคนมีปฏิกิริยาต่างกันไป
รัชทายาทกับเหยียนหรูอวิ๋นทั้งสองคน พอเห็นร่างของหลี่มู่ปรากฏขึ้นก็ใจสั่นโดยไม่มีเหตุผล ถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว เหมือนว่าแม้แต่ลมหายใจก็หอบถี่ขึ้น
ส่วนอิ้งซานเสวี่ยอิงกลับลุกพรวดขึ้น ร่างที่แต่เดิมสั่นโงนเงนเหมือนลมพัดก็จะสลาย จิตสังหารทะลักล้นขึ้นมาทันทีประดุจดาบคมกริบ จู่ๆ ร่างก็รางเลือน เสี้ยวขณะต่อมาก็มาปรากฏเบื้องหน้าหลี่มู่ ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วซัดฝ่ามือหนึ่งออกไปทันที
เร็ว
รวดเร็วยิ่งนัก
ขั้นเทวะ เพียงแค่ก้าวเดียวก็ไกลสุดขอบฟ้า
เขาไม่มีกะจิตกะใจพูดกับหลี่มู่ให้มากความ สำแดงกระบวนท่าสังหารไปเลยทันที กลัวว่าหลี่มู่จะหนีกลับเข้าไปใน ‘ค่ายกลแสงดารามหาจักรวาลอีก’ หลายวันมานี้ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่า หลี่มู่เด็กคนนี้จะเก็บเอาไว้ไม่ได้ อีกทั้งข่าวที่ส่งออกมาจากวังก็สั่งว่าต้องฆ่าหลี่มู่ให้ได้ ความสำคัญของเรื่องนี้อยู่เหนือล้อมสังหารสำนักขุนคีรี จับตัวชิวอิ่น
“ดี”
หลี่มู่ไม่หลบไม่หลีก ยกมือขึ้นชกหมัดออกไปหมัดหนึ่งกลางอากาศทันทีเช่นกัน
หมัดยุทธ์แท้•ค้อนทลายสวรรค์
ตราหมัดโปร่งแสงไร้ซึ่งควัน ไร้ซึ่งคลื่นพลังน่าหวาดหวั่นประทับเข้ากับฝ่ามือของอิ้งซานเสวี่ยอิง
โพละ!
เสียงเหมือนฟองอากาศแตก
อิ้งซานเสวี่ยอิงรู้สึกแค่พลังมากมายมหาศาลทะลักมาจากกลางฝ่ามือ สะเทือนจนครึ่งแขนของเขาชา ร่างก้าวถอยหลังกลางอากาศไปโดยไม่อาจควบคุม
ส่วนหลี่มู่ถอยหลังไปสามก้าวถึงจะยืนได้มั่น
“เหอะๆ?” ในดวงตาของอิ้งซานเสวี่ยอิงฉายแววตกใจไม่อยากเชื่อ “นี่เจ้ามีพลังเทวะ? เจ้าก้าวสู่ขั้นเทวะแล้ว?”
เป็นไปไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยประมือกับหลี่มู่แล้ว ถึงแม้หลี่มู่จะมีพลังเกินผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทั่วไปมาก แต่เทียบกับเขาแล้วยังห่างชั้นอีกหลายโข ปะทะกันซึ่งหน้า หากเขาใช้สุดกำลัง แค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็สังหารหลี่มู่ได้ แต่ตอนนี้…
เจ้ากบฏพลิกสถานการณ์นี่มีพลังต้านทานกับตนซึ่งหน้าแล้วหรือ?
หลี่มู่กลับเตรียมตัวเอาไว้นานแล้ว
ฉวยโอกาสที่อิ้งซานเสวี่ยเผลอ เขาเอียงไหล่ทำท่าเหมือนหงอคงตีลังกาขี่เมฆ กลวิชาขี่เมฆวิเศษสำแดงฤทธิ์ ชั่วพริบตาต่อมาก็ข้ามอิ้งซานเสวี่ยอิงมาถึงหัวเรือ แสงดาบเพียงสองประกาย ทหารที่คุมตัวไป๋เซวียนก็กระเด็นลอยออกไป
“ไป” หลี่มู่พยุงไป๋เซวียนได้ก็เตรียมหนี
ช่วยคนสำคัญกว่า
ไป๋เซวียนแม้แต่ฝันก็ยังคิดไม่ถึงว่าหลี่มู่จะออกมาเพื่อตนจริงๆ นางมองไปยังบริเวณที่ร่างของคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งนอนอยู่ “มีพวกเขาด้วย…”
หลี่มู่มองไปตามสายตาของไป๋เซวียน
จากนั้นเขาก็นิ่งอึ้งไปทั้งตัว
ในหัวเหมือนมีเสียงระเบิดดังครืน เขาไม่อาจจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น
ไป๋เซวียนรู้สึกอย่างชัดเจนว่าฝ่ามือหลี่มู่ที่ประคองไหล่ของตนนั้นแข็งทื่อไปทันที
ตอนนี้อิ้งซานเสวี่ยอิงที่ตั้งสติกลับมาได้ก็รับไล่ไปยังหัวเรือ มือทั้งสองประสานท่ามือ กระตุ้นค่ายกลพันธนาการที่วางเอาไว้นานแล้ว ค่ายกลดาราวิชาเวททับซ้อนเป็นชั้นๆ ท่ามกลางท้องฟ้าในอาณาบริเวณสามร้อยจั้งส่องกะพริบ อาวุธเต๋าสีเหลืองสดลอยขึ้นปิดกั้นน่านฟ้า
นี่เพื่อป้องกันไม่ให้หลี่มู่หนีกลับไปอีก
“เจ้าตายแน่แล้ว” อิ้งซานเสวี่ยอิงแยกเขี้ยวหัวเราะ “หึๆ”
หลี่มู่หันกลับมาช้าๆ จ้องอิ้งซานเสวี่ยอิงด้วยแววตาที่เพลิงโทสะพวยพุ่งประหนึ่งภูเขาไฟที่ปะทุกรุ่นใกล้ระเบิดแล้วเต็มที แววตายากจะบรรยายพุ่งจ้องมา “เจ้า…ตายแน่แล้ว ข้าจะให้เจ้า…ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดตลอดกาล”
……………………………………………………