จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 382 หยุดก่อน...แล้วฟังข้าตัดสินความ
ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งใช้พลังฝึกขั้นเหนือมนุษย์ได้?
ผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์กลับมาลอบโจมตีได้อย่างหน้าไม่อายหรือ?
นี่มันเรื่องเหลวไหลชัดๆ
พวกหลี่มู่แทบจะตระหนักได้ในทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น น่าจะเป็นวังวนบางอย่างที่ยิ่งใหญ่มาก
ตอนนี้เอง บรรดาผู้ลี้ภัยส่งเสียงร้องตกใจ หนีกระจัดกระจายกันไปสี่ทิศ
มองออกได้ว่านอกจากชายชราเป็นหิดทั้งตัวที่ลอบโจมตีแล้ว คนอื่นล้วนเป็นผู้ลี้ภัยจริง ครั้นเห็นการโจมตีเช่นนี้จึงกรีดร้องเสียงแหลมหนีกระเจิงกันไป ทั้งยังมีมารดาที่อุ้มลูกน้อยไว้ในอกคนหนึ่งและคนชราอีกหลายคนถูกควันหลงคลื่นพลังขั้นเหนือมนุษย์ลูกนี้ระเบิดจนเป็นละอองเลือดกระจาย คนที่เหลือบาดเจ็บล้มตายมากมาย
สิ่งปลูกสร้างรอบๆ ก็พังทลายลงมาไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่านักฆ่าที่ลงมือกลัวว่าจะสังหารไม่ได้ในทีเดียว จึงไม่คิดยั้งมือ และยิ่งไม่สนใจชาวบ้านรอบข้างเลย
หุบผามรกตที่เดิมทีสงบสุขปรองดองถูกทำลายความสงบในทันที
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมา
แขกของที่พักพิงผู้เหนื่อยล้าทยอยลุกขึ้นวิ่งหนี
ผู้คนในร้านแผงลอยเล็กๆ โรงเตี๊ยม และร้านค้ารอบๆ แตกตื่นวุ่นวาย
“กิจของสำนักเขาเมืองมรกต ใครไม่เกี่ยวรีบถอยไปให้ไกล”
นักฆ่าผู้ลี้ภัยคนนั้นพลิกตัวลุกขึ้น แสงคุ้มกายไหลวน โรคหิดที่ดูน่าขยะแขยงเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า บุคลิกทั้งร่างเปลี่ยนไปหมด เสียงกระดูกด้านในลั่นกรอบแกรบ รูปร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอีกคนหนึ่ง
เวลาเดียวกัน เขายกมือขึ้นส่งสัญญาณ
ห่างออกไป ร่างเงาวูบวาบ ยอดฝีมือในชุดนักพรตนับสิบบินทะยานจากนอกหุบผามรกตเข้ามาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงกีบม้าและเสียงย่ำเท้าจำนวนมาก กองกำลังอาวุธครบมือกองหนึ่งปิดล้อมทั้งหุบผามรกตเอาไว้ทันใด
“ห้ามปล่อยกบฏเมืองมรกตเต้าเจินไปเด็ดขาด”
“ฮ่าๆๆ เต้าเจิน ตอนนี้ต่อให้เจ้าติดปีกก็หนีไม่พ้น ยังไม่รีบยอมแพ้โดยดีอีก”
ร่างเงาขยับวูบ
ด้านนอกโรงเตี๊ยมที่พักพิงผู้เหนื่อยล้า ผู้แข็งแกร่งในชุดนักพรตปรากฏกายขึ้น ล้อมหนุ่มเจ้าของร้านคนนั้นไว้
นักพรตเฒ่าในชุดนักพรตสีดำหลายคน ทั่วทั้งตัวมีกลิ่นอายแข็งแกร่งปั่นป่วน ทุกคนเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ ออกมายืนด้วยกันกับชายวัยกลางคนที่เป็นปลอมตัวเป็นผู้ลี้ภัยนักฆ่าคนก่อนหน้า
“อาจารย์อาเต้าฉง” นักพรตคนหนึ่งมอบชุดนักพรตดำที่เตรียมไว้ให้กับนักฆ่าที่รูปลักษณ์เปลี่ยนไป ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์คนหนึ่งของเขาเมืองมรกต มีชื่อเสียงอยู่ภายนอก
หนุ่มเจ้าของร้านหน้าขาวซีด ยื่นมือเช็ดเลือดที่มุมปาก เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าทุกข์ระทมว่า “ข้ายอมแพ้เรื่องชิงตำแหน่งไปแล้ว ทำไมพวกเจ้ายังต้องมาไล่ล่าสังหารกัน?”
“เหอะๆ ยอมแพ้?” นักฆ่าเต้าฉงหัวเราะเสียงเย็น เอ่ยว่า “เจ้าสำนักเต้าหลิงต้องการศีรษะเจ้า เจ้าก็ต้องตาย ไม่ว่าเจ้าจะชิงตำแหน่งเจ้าสำนักเขาเมืองมรกตหรือไม่ ตั้งแต่ที่เต้าฉงหยางจะมอบตำแหน่งนี้ให้เจ้า เจ้าก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว”
ในคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความทระนงตน
ครั้งนี้จับจุดนิสัยเต้าเจินได้แม่นยำ ปลอมตัวเป็นผู้ลี้ภัย แกล้งทำเป็นป่วยหนัก จากนั้นรอจนเต้าเจินเข้ามารักษาด้วยน้ำใจก็พลันลอบโจมตี นี่คือแผนการของเขา และเขาก็เสี่ยงทำด้วยตนเองเพื่อสร้างความชอบครั้งใหญ่
วันนี้เต้าเจินเจ็บหนักแล้ว ได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ขอแค่กำจัดเสี้ยนหนามในสายตาเจ้าสำนักคนนี้ไปได้ พอกลับถึงเขาลอยฟ้าเขาต้องสร้างผลงานอันดับหนึ่งแน่ ภายภาคหน้าจะครองตำแหน่งเจ้าตำหนักหนึ่งได้อย่างมั่นคง อนาคตยาวไกล
“ข้าปิดบังอำพรางชื่อไม่ใช่เพราะกลัวตาย แต่เพราะไม่อยากเข่นฆ่าสังหารกับคนเขาเมืองมรกตด้วยกัน เต้าหลิงอยากได้ตำแหน่งเจ้าสำนัก เขาเอาไปก็จบเรื่องแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาศิษย์เขาเมืองมรกตตายไปมากมาย หรือว่าเพื่อความรุ่งโรจน์และอำนาจของเขาเมืองมรกต จะหยุดการเข่นฆ่าไร้สาระเช่นนี้ลงไม่ได้?”
หนุ่มเจ้าของร้านพูดด้วยสีหน้าทุกข์ตรมยิ่ง
เต้าฉงหัวเราะเย็นชาเอ่ยว่า “ถูกต้อง เพื่อความรุ่งโรจน์และอำนาจของเขาเมืองมรกต ทางที่ดีเจ้าตายไปเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าสำนักเต้าหลิงนอนไม่หลับเป็นแน่”
“จะพูดไร้สาระกับเขาทำไม สังหารเสียเลย”
“ถูกต้อง หิ้วหัวเขากลับไปรายงานเจ้าสำนัก พวกเราก็ได้สร้างผลงานกันแล้ว”
“เขาบาดเจ็บแล้ว ทนได้อีกไม่นานหรอก”
นักพรตเฒ่าที่ดูไม่ธรรมดาอีกสองสามคน แต่ละคนกลับมีจิตสังหารปะทุ ยังจะมีท่าทีเมตตาจากการฝึกบำเพ็ญของนักบวชเต๋าเสียที่ไหน กลับดูเหมือนภูตผีที่เดินออกมาจากนรกด้วยซ้ำไป ทุกคนใบหน้าเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม
ในห้องโถงโรงเตี๊ยม มีเงากว่าสิบร่างพุ่งออกมา
“เจ้าสำนักเต้าเจิน”
“สู้กับพวกเขาเถิด”
“พวกเขาสิถึงจะเป็นกบฏที่แท้จริง เต้าหลิงล้มล้างบรรพจารย์ ทำร้ายคนซื่อสัตย์…”
สิบกว่าคนนี้อยู่ในชุดของเสี่ยวเอ้อร์ บริกร พ่อครัวในโรงเตี๊ยม อายุมากน้อยแตกต่างกัน กลิ่นอายบนร่างไม่อ่อนแอเลย เป็นผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์ทั้งนั้น สีหน้าโกรธแค้น ล้อมป้องกันเต้าเจินไว้ตรงกลาง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านี่คือผู้แข็งแกร่งจากสำนักเขาเมืองมรกตที่ภักดีต่อเจ้าสำนักคนเก่าเต้าฉงหยาง ดังนั้นจึงยกย่องศิษย์สายตรงอย่างเต้าเจินเป็นเจ้าสำนักต่อ
หลี่มู่เคยได้ยินเรื่องอารามเขาเมืองมรกตมาแล้ว
ในความคิดเขา ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ยและปรมาจารย์เต้าฉงหยางสองผู้แข็งแกร่งระดับเก้ายอดคนล้มเหลวในชีวิตมาก คนผิวเผินยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน คนหนึ่งเป็นตำนานวิถียุทธ์แห่งฉินตะวันตก อีกคนเป็นปรมาจารย์นักพรต กุมดวงชะตากว่าพันปีของสองจักรวรรดิ แต่กลับไม่ได้ชุบเลี้ยงคนที่จะสืบทอดโดยแท้จริงไว้ การดูแลสำนักก็พังไม่เป็นท่า หลังจากตายไปสองสำนักใหญ่ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที ศิษย์สายตรงก็ถูกไล่สังหาร สำนักเทพพันปีล่มสลายในพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หลี่มู่ก็ยังไม่เข้าใจจริงๆ ตัวประหลาดเฒ่าที่อยู่มากว่าพันปีสองคนนี้ อยู่ดีไม่ว่าดีกลับมาท้าดวลกัน ผลลัพธ์คือต่างฝ่ายต่างเจ็บสาหัส แล้วยังมาถูกคนลอบสังหารจนตายไปอีก…นี่มันความพ่ายแพ้ในความพ่ายแพ้แท้ๆ
จ้าวจี้คิดว่าหลี่มู่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ จึงโน้มเข้ามากดเสียงต่ำกระซิบกระซาบ “เขาเมืองมรกตตอนนี้ควบคุมโดยอดีตรองเจ้าสำนักเต้าหลิง เต้าเจินเป็นถึงศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักคนเก่า และเป็นคนที่เจ้าสำนักเต้าฉงหยางกำหนดให้เป็นผู้นำคนต่อไปก่อนจะออกไปดวลศึกสุดท้าย น่าเสียดายที่เต้าเจินบารมีไม่เพียงพอ กำลังไม่มากพอ ไม่อาจได้รับการนับถือจากหมู่คน…ปีกว่าที่ผ่านมา เต้าหลิงสั่งให้คนมาไล่สังหารเต้าเจินตลอด ดูเหมือนโรงเตี๊ยมที่พักพิงผู้เหนื่อยล้านี้จะเป็นฐานที่มั่นขั้วอำนาจแห่งสุดท้ายของเต้าเจิน ทั้งยังถูกคนของเต้าหลิงพบเข้าแล้ว…”
ความจริงเขาก็รู้สึกเห็นใจเต้าเจินอยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็เป็นฝ่ายธรรมะนี่นะ
ชาวซ่งให้ความสำคัญกับระบบสืบทอดที่แท้จริงคำนี้มาก
ส่วนที่ต่างจากชาวฉินซึ่งนับถือผู้แข็งแกร่งก็คือ ชาวซ่งถึงแม้จะนับถือผู้แข็งแกร่ง ทว่าให้ความสำคัญกับบรรทัดฐานจริยธรรมและการสืบทอดมากกว่า
อีกอย่าง นับตั้งแต่เต้าหลิงยึดตำแหน่งเจ้าสำนักเขาเมืองมรกต ในช่วงเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาเมืองมรกตเริ่มละทิ้งแนวคิดปกครองตามครรลองเดิม[1] เปลี่ยนเป็นไม่ซื่อตรง ไม่เพียงแต่ในยุทธจักรซ่งเหนือเท่านั้นที่เริ่มมีการนองเลือดปะทุขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มจะแทรกแซงกิจการภายในของราชสำนักซ่ง การก่อความวุ่นวายของอ๋องทั้งแปดว่ากันว่าเบื้องหลังมีเงาของเขาเมืองมรกตอยู่ คอยก่อกวนจนประชาชนอยู่ไม่สุข อำนาจจักวรรดิลดทอนลงจากภายใน ตกต่ำลงทุกคืนวัน
หากเต้าเจินตาย สำนักเทพพันปีของซ่งเหนือก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือทรราชที่สร้างชื่อเสียงโดยไม่เลือกวิธีการ สร้างผลงานโดยไม่สนใจใครแล้ว
ทว่า จ้าวจี้มีใจแต่ไร้กำลัง
หลี่มู่ก็ยังส่ายหน้า
เต้าเจินคนนี้ไร้เดียงสาเสียจริง คิดว่าการปลีกวิเวกจะแก้ปัญหาในยุทธจักรได้ นิสัยเช่นนี้ หากมีพลังของเก้ายอดคนอย่างเต้าฉงหยางก็อาจจะกำราบพวกทะเยอทะยานในเขาเมืองมรกตได้ แต่นี่พลังก็ไม่มี…ไร้เดียงสาจริงๆ
ระหว่างที่พูด ด้านนอกเริ่มต่อสู้กันแล้ว
คนของเต้าเจินถูกล้อมไว้หมดแล้ว ทั้งยังถูกลอบโจมตีจนเจ็บหนัก จะหนีก็หนีไม่ได้ ทำได้เพียงสู้อย่างจนตรอก
รอบด้านโรงเตี๊ยม บ้านเรือนพังทลาย ประชาชนทั่วไปกับคนสัญจรมากมายตกใจจนตัวสั่นงันงก หลบอยู่ห่างออกไป
แต่ทั้งหุบผามรกตนี้ถูกค่ายกลเต๋าปิดล้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว คนทั่วไปคิดจะหนีก็หนีไม่ได้
นอกจากยอดฝีมือของเขาเมืองมรกต ยังมีกองกำลังปิดล้อมทั้งหมู่บ้านไว้ ไม่ให้ออกไปได้แม้แต่คนเดียว
“นายท่าน จะให้ไล่พวกที่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านไปหรือไม่” หยวนโห่วขอคำชี้แนะจากหลี่มู่
มันฝึกวิชาปาจิ่วเสวียน ได้ปราณฟ้าดินเข้มข้นจากแดนศักดิ์สิทธิ์เขาขาวพิสุทธิ์หล่อเลี้ยง จึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วยิ่ง ตอนนี้สามารถแปลงกายได้บางส่วน ตลอดการเดินทางแปลงร่างเป็นหนุ่มรับใช้หน้าตาดีในชุดเขียว ระงับกลิ่นอายพลังไว้ ดูไปแล้วสุภาพสงบเสงี่ยม นึกเชื่อมไปถึงวานรภูเขาขนทองสูงกว่าสิบฉื่อร่างเดิมของมันไม่ได้เลย
หลี่มู่ส่ายหน้า ตอบว่า “ดูไปก่อน”
สถานการณ์ของเต้าเจินเหมือนกับพี่รองชิวอิ่น
แต่ว่าแตกต่างกับชิวอิ่นที่ปฏิญาณอย่างเด็ดเดี่ยวในเมืองขาวพิสุทธิ์ว่าจะฝึกฝนเพื่อล้างแค้น และกล่าวอย่างทระนงว่าจะไม่ยืมมือใครกอบกู้ทุ่งปิดภูผา เต้าเจินเลือกที่จะหลบซ่อน อดทน และยินยอม วางมือจากสำนักไป ชี้ขาดได้ยากว่าตัวเลือกไหนเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง ทว่าบนยุทธจักร ตัวเลือกของเต้าเจินทำให้ตัวเขาและผู้สนับสนุนต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
หลี่มู่ได้ยินเสียงสนทนาจากนอกหมู่บ้านลอยมาแว่วๆ
“ขุนพลเฉิน ตามที่พวกเรานัดแนะกันไว้ อีกครู่หนึ่งรอให้พวกอาจารย์อาเต้าฉงสังหารเต้าเจินแล้ว ท่านค่อยนำทหารเข้ากวาดล้าง สังหารคนในหมู่บ้านให้สิ้น สุนัขหรือไก่ก็ไม่เว้น ห้ามไม่ให้มีชีวิตเหลือรอดไปได้ ไก่สักตัวก็ห้าม…แน่นอน ทรัพย์สมบัติทั้งหมดในหมู่บ้านเป็นของพวกท่าน ส่วนเรื่องผู้หญิง…พวกท่านจะเอาอย่างไรก็ตามใจ แต่ห้ามเหลือใครรอดชีวิต เข้าใจหรือไม่?”
“ฮี่ๆ นักพรตน้อยวางใจเถอะ พวกพี่น้องใต้บังคับบัญชาข้าฉลาดหลักแหลมนัก ขอแค่สุขสำราญสักเล็กน้อย รับรองว่าไม่มีพลาด”
หลี่มู่เลิกคิ้ว
นักพรตพวกนี้ ใจเหี้ยมถึงเพียงนี้เชียว?
นี่จะฆ่าล้างหมู่บ้านเลยนะ
สังหารเพื่อปิดปากหรือ?
ทั่วดินแดนต่างก็รู้กันว่าพวกเขากำลังตามสังหารเต้าเจิน นี่เหมือนจะไม่จำเป็นเลย
หลังจากนั้น หลี่มู่ใช้พลังจิตวิญญาณปกคลุมออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง ได้ยินบทสนทนาของผู้แข็งแกร่งจากเขาเมืองมรกตอีกสองคน
“ศิษย์พี่ ความจริงพวกเราแค่กำจัดเต้าเจินคนทรยศก็พอนี่ ทำไมต้องสังหารคนตั้งมากมายด้วย?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร? ฮี่ๆ พอสังหารเต้าเจินแล้วค่อยโยนความผิดที่สังหารคนในหมู่บ้านให้พวกมันทั้งหมด บอกว่าตอนพวกมันกำลังหนีก็เกิดเสียสติบ้าคลั่งสังหารทุกคน เช่นนี้จะทำให้คนที่ยังรู้สึกดีต่อเต้าเจินพวกนั้นทอดทิ้งเขาได้ สุดท้ายยังสามารถประกาศต่อใต้หล้าว่าก่อนเต้าเจินจะตายเกิดสำนึกบาปบุญคุณโทษ สารภาพบาปออกมา และมอบสิ่งของแทนสำนักให้กับอาจารย์อาเต้าฉง พอกลับถึงเขามรกต เจ้าสำนักเต้าหลิงก็จะนั่งตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างชอบธรรมแล้ว ฮ่าๆ…”
หลี่มู่ฟังถึงจุดนี้ก็ส่ายหน้าอีกครั้ง
นักพรตพวกนี้บ้าคลั่งโหดร้ายสุดขีดจริงๆ
เขาลุกขึ้นยืน เดินออกจากโรงเตี๊ยม ปรบมือแล้วกล่าวขึ้นว่า “นี่ ไม่ต้องตีกันแล้ว หยุดก่อน…แล้วฟังข้าตัดสินความ”
……………………………………….
[1] ปกครองตามครรลองเดิม เป็นแนวคิดการปกครองแบบเต๋า เชื่อว่าไม่ต้องไปทำอะไร ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของมัน