จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 397 วีรบุรุษและหนอนบ่อนไส้
จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบด้าน หลี่มู่รู้คร่าวๆ ว่าที่แท้ช่วงนี้พรรคกระยาจกเจอการคุกคามจากขั้วอำนาจใหม่บนยุทธจักรซ่งเหนือ สาขาย่อยในแต่ละเมืองใหญ่ถูกโจมตี บาดเจ็บล้มตายกันมาก นี่เป็นสถานการณ์ที่พบได้ยากยิ่ง เพราะพรรคกระยาจกแต่ไหนแต่ไรก็เข้าไปพิพาทในยุทธจักรน้อยครั้ง และไม่ติดต่อกับทางการด้วยเช่นกัน โดยพื้นฐานอยู่แต่กับตัวเอง ไม่มีกรณีพิพาทเรื่องผลประโยชน์แน่นอน น้อยครั้งที่จะมีคนหรือขั้วอำนาจมาต่อกรเข่นฆ่ากับพรรคเช่นนี้
นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้หลี่มู่รู้สึกเกินคาดไปอีกก็คือชื่อของสำนักนี้ เขาคุ้นเคยอย่างมาก
พรรคจันทราโลหิต
เรื่องนี้ทำให้หลี่มู่คาดไม่ถึงจริงๆ
หลังเขามาถึงโลกนี้ พรรคแรกที่ได้รู้จักก็คือพรรคจันทราโลหิต
ในคืนฝนตกฟ้าร้องวันนั้น จู่ๆ พรรคจันทราโลหิตส่งยอดฝีมือมาไล่สังหารหลี่มู่ของโลกนี้ ผลลัพธ์คือจับพลัดจับผลูมาเจอกับหลี่มู่จากดาวโลก ด้วยหมัดยุทธ์แท้ที่หลี่มู่เพียรฝึกมาสิบกว่าปี ยอดฝีมือเหล่านี้ก็ถูกจัดการไป ต่อมาในอำเภอขาวพิสุทธิ์ คนของพรรคจันทราโลหิตถูกหลี่มู่กำจัดด้วยความโมโห และจากนั้นประมุขพรรคจันทราโลหิต ‘จอมมารจันทราโลหิต’ ก็มาท้าสู้กับหลี่มู่ด้วยเหตุนี้ ผลคือหวาดกลัวผลการต่อสู้ที่ฝืนลิขิตสวรรค์หลายครั้งของหลี่มู่จนต้องเลื่อนการท้าดวลออกไปโดยไม่มีกำหนด กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งบนยุทธจักรฉินตะวันตกไป
ในช่วงที่ผ่านมานี้ พรรคจันทราโลหิตถอนธงศึกพักรบในฉินตะวันตกแล้ว
ทำไมในซ่งเหนือยังปรากฏชื่อพรรคจันทราโลหิตขึ้นมาอีก?
เป็นพรรคเดียวกันหรือ
หรือว่าแค่บังเอิญชื่อซ้ำ?
ในใจหลี่มู่สงสัยใคร่รู้อยู่บ้าง
เวลานี้ ประมุขพรรคกระยาจก ‘ยาจกเทพ’ ที่อยู่บนเวทีหินเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “เหล่าพี่น้องล้วนรู้ดี พักนี้สาขาย่อยของพรรคเราถูกคนชั่วช้าพรรคจันทราโลหิตลอบโจมตี พี่น้องเราสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และไม่กี่วันก่อนข้าก็ถูกพวกชั่วนี่ลอบสังหาร เกือบต้องทิ้งชีวิตไป คิดถึงว่าพรรคเราไม่เคยแก่งแย่งกับทางโลก แต่ตอนนี้กลับต้องเจอแผนสังหารติดต่อกัน นี่เป็นการทำลายล้างพรรคกระยาจกเราชัดๆ เรื่องนี้ทนไม่ได้ที่สุดแล้ว!”
คำพูดนี้ของเขาปลุกใจจนศิษย์พรรคกระยาจกนับหมื่นบนหาดหินโห่ร้องด้วยความแค้นเต็มอก
‘ยาจกเทพ’ เอ่ยอีก “มีปัญหาข้อหนึ่ง ไม่รู้ว่าทุกคนเคยคิดหรือไม่ สาขาย่อยพรรคกระยาจกของเรามียอดฝีมือดูแลอยู่ หลังจากเกิดการลอบจู่โจมหลายครั้งก่อนหน้าก็วางกำลังคนใหม่ เตรียมรับมือให้แกร่งขึ้น แต่เพราะอะไรคนชั่วพรรคจันทราโลหิตถึงยังก่อการสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเราซุ่มกำลังกี่ครั้งก็ไม่เคยเห็นผล หนำซ้ำครั้งนี้ข้าประมุขพรรคนำมือดีของพรรคไปซุ่มโจมตีที่สาขาย่อยเทียนกวน กลับถูกพรรคจันทราโลหิตชิงลงมือก่อน ทำให้ศิษย์พี่น้องในพรรคหลายคนต้องสิ้นชีพไปปรโลก การเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของเรา พวกชั่วพรรคจันทราโลหิตรู้ดีราวกับฝ่ามือตัวเอง นี่มันเพราะอะไรกัน?”
เสียงสับสนฮือฮาดังขึ้นจากรอบๆ
คนหลายหมื่นส่งเสียงอื้ออึง โกลาหลอย่างชัดเจน อีกทั้งไม่เป็นระเบียบ
หวางซืออวี่กล่าวเสียงเบา “คงไม่ใช่ว่ามีหนอนบ่อนไส้หรอกนะ?”
หลู่ฉางฟู่อีกด้านหันหน้ามา เอ่ยว่า “อย่าพูดอะไรเหลวไหล ศิษย์พี่น้องในพรรคกระยาจกเราล้วนเป็นคนน่าสงสารที่พเนจรร่อนเร่มาไกล ดุจพี่น้องร่วมท้อง จริงใจต่อกันและกัน จะมีหนอนบ่อนไส้ได้อย่างไร นี่เป็นไปไม่ได้…”
ใครจะรู้ว่าเขายังพูดไม่จบ ก็ได้ยิน ‘ยาจกเทพ’ บนเวทีหินพูดต่อ “ปัญหานี้รบกวนใจประมุขพรรคอย่างข้ามาสองสามเดือนแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็มีคำตอบ ในพรรคกระยาจกเรามีไส้ศึกคนทรยศที่สติฟั่นเฟือนบางส่วน ขายศิษย์พี่น้องในพรรคเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทุกท่านคิดว่าเรื่องนี้ยังอดกลั้นกันได้หรือไม่?”
บนหาดหิน เสียงตกใจที่ยากจะอดไว้พลันดังขึ้น
หินก้อนเดียวสร้างคลื่นนับพันชั้น
สีหน้าท่าทางของหลู่ฉางฟู่นิ่งค้างไปทันที
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความโกรธแค้นจากรอบด้าน ใบหน้าเขียวคล้ำของเขาเผยความตกตะลึงเกินจะเปรียบ และมีอาการยากจะรับได้ ในพรรคกระยาจกมีคนทรยศได้อย่างไร ทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกันนี่
หวางซืออวี่เห็นอาการเช่นนี้ของเขาก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย
หลี่มู่เองยังส่ายหน้า
ก่อนหน้านี้หวางซืออวี่บอกว่าหลู่ฉางฟู่คนนี้เป็นคนซื่อ ตอนนี้ดูท่าคำพูดนี้จะถูกต้อง ไม่เพียงแค่ซื่อ แต่ยังค่อนข้างอุดมคตินิยมอีกด้วย ลองตั้งคำถามดู พรรคหนึ่งที่ใหญ่เพียงนี้ ศิษย์พรรคกระยาจกทั้งหมดในเขตซ่งเหนือมีมากมายนัก กระทั่งยอดฝีมือคนสำคัญยังมีหลายหมื่น ว่ากันว่ามากคนยิ่งมากความ จะมีแต่คนดีอยู่ได้อย่างไร?
‘ยาจกเทพ’ กล่าวต่ออีกว่า “ในพรรคมีคนทรยศ ทำให้เจ็บใจก็จริง แต่ยังดีที่ไม่ขาดแคลนนักรบผู้ปราดเปรื่องภักดี เมื่อคืนนี้ วีรบุรุษที่ทั้งฉลาดและกล้าหาญท่านหนึ่งยืดอกออกหน้า เข้าจับกุมคนพรรคจันทราโลหิตที่รอดตายโดยไม่สนความปลอดภัยของตน เป็นหัวหน้าแท่นบวงสรวงคนหนึ่งของพรรคจันทราโลหิต หลังจากสอบปากคำติดต่อกันทั้งคืน ในที่สุดพรรคเราก็หาตัวหนอนบ่อนไส้ออกมาได้ ทุกท่านว่าวีรบุรุษเช่นนี้ ควรจะปูนบำเหน็จให้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าต้องมีรางวัล”
“พรรคกระยาจกเรา แต่ไรมาไม่เคยขาดแคลนยอดบุรุษ”
“ใช่แล้ว วีรบุรุษคนไหนกัน รีบออกมาเถิด ให้พี่น้องได้เห็นกันหน่อย!”
“ฮ่าๆ ข้าเดาว่าจะต้องเป็นพี่ใหญ่หลี่อวิ๋นเทาแน่”
เสียงอื้ออึงดังขึ้นรอบด้าน ทุกคนพากันลิงโลด
สำหรับผู้คนในพรรคกระยาจกแล้ว ช่วงนี้พบเจอเหตุไม่คาดฝันติดต่อกัน สูญเสียไปสาหัส ประมุขพรรคก็เกือบถูกสังหาร เรียกได้ว่าหลังคารั่วยังเจอฝนกระหน่ำทั้งคืน ตอนนี้ในที่สุดก็มีข่าวดี ทุกคนจึงยินดีกันมาก ขวัญกำลังใจเพิ่มพุ่งพรวด
หลู่ฉางฟู่ก็มีสีหน้าตื่นเต้น เอ่ยขึ้นว่า “พวกม้าทำลายฝูงย่อมเป็นส่วนน้อย พรรคกระยาจกเราส่วนใหญ่เป็นชายใจฮึกเหิมกันทั้งนั้น ฮ่าๆ ข้าก็เดาว่าต้องเป็นหลี่อวิ๋นเทา ยอดฝีมือรุ่นใหม่ของพรรคกระยาจก ถ้าบอกว่าฉลาดและกล้าหาญก็ต้องเป็นเจ้าหนุ่มคนนี้!”
“เป็นจอมยุทธ์ใหญ่หลี่อวิ๋นเทาฉายา ‘ฝ่ามือมังกร’ คนนั้นน่ะหรือ” หวางซืออวี่ก็ถามอย่างสนใจอยู่ด้านข้าง
“แน่นอน” หลู่ฉางฟู่ตอบกลับด้วยความฮึกเหิม
หวางซืออวี่แนะนำเสียงเบาให้กับหลี่มู่ ที่แท้หลี่อวิ๋นเทาคนนี้คือดาวเด่นซึ่งปรากฏตัวภายหลังในช่วงสิบปีมานี้ของพรรคกระยาจก เชี่ยวชาญการใช้วิชาฝ่ามือ รู้จักกันในนามวิชาฝ่ามืออันดับหนึ่งของพรรค อยู่ในอันดับที่สามบนลำดับปฐพีของซ่งเหนือ มีชื่อเสียงโด่งดัง ซ้ำยังอาจหาญเจ้าสำราญ เปิดเผยยึดมั่นความเป็นธรรม ปราดเปรื่องกล้าหาญ เป็นชายที่เที่ยงตรงคนหนึ่ง มีบารมีสูงมากในพรรค และได้รับความไว้วางใจจากประมุขพรรค ‘ยาจกเทพ’ ได้เป็นหนึ่งในยอดผู้อาวุโสของพรรคตั้งแต่อายุยังน้อย หลายคนมองว่าจะเป็นคนรับตำแหน่งประมุขคนต่อไป
หลี่มู่ฟังไป แต่ไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่เข้าใจเรื่องพรรคกระยาจก ทว่าเคยได้ยินลำดับสวรรค์ปฐพีและมนุษย์ของซ่งเหนือมาบ้าง
อย่างเช่นหัวหน้า ‘ค่ายวารีเชื่อมฟ้า’ หวงโหย่วหลงฉายา ‘มังกรเทพพยับฟ้า’ ก่อนหน้านี้ ก็เป็นยอดฝีมือห้าอันดับแรกของลำดับสวรรค์เช่นกัน ที่เรียกกันว่าลำดับสวรรค์คือการจัดอันดับพลังทั้งหมดในยุทธจักรเขตซ่งเหนือ ลำดับปฐพีจะเป็นการจัดอันดับยอดยุทธ์ที่มีชื่อเสียงสิบปีขึ้นไป แต่อายุยังไม่เกินห้าสิบ ส่วนลำดับมนุษย์จะจัดอันดับดาวเด่นรุ่นใหม่ในยุทธจักรที่อายุต่ำกว่าสามสิบปี มีอีกชื่อว่าลำดับมังกรซุ่ม
ลำดับสวรรค์ปฐพีมนุษย์ทั้งสามนี้ค่อนข้างมีอำนาจบารมีในซ่งเหนือ
ด้านบนเวทีหิน ยามนี้ ‘ยาจกเทพ’ พูดต่อว่า “ข้ารู้ ทุกคนต้องอยากรู้จักวีรบุรุษคนนี้มากแน่…ขึ้นมาเถิด”
แสงสว่างเคลื่อนไหว
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนเวที
เป็นคุณชายวัยหนุ่มที่สง่างามคนหนึ่งในชุดคลุมสีม่วง ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าขาวราวหยก มือถือพัดจีบเล่มหนึ่ง เสียงสะบัดเปิดดังขึ้น บนตัวพัดมีอักษรตัวใหญ่เขียนว่า ‘มีข้าอยู่ไร้ซึ่งศัตรู’ ลายเส้นเรียบง่ายทว่าทรงอำนาจ ทั้งมีพลังและโอ้อวด เขาโบกอยู่ตรงหน้าอกหลายครั้ง จากนั้นจึงแย้มยิ้มบาง ประสานมือคารวะเหมือนถ่อมตนแต่แท้จริงค่อนข้างยโส “คารวะเหล่าศิษย์พี่น้องในพรรคทุกท่าน”
หือ?
นี่คือ ‘ฝ่ามือมังกร’ หลี่อวิ๋นเทา?
ไม่เหมือนกับที่หลี่มู่จินตนาการไว้เลย ไม่ใช่ชายหยาบกร้านร่างใหญ่ แต่เป็นหนุ่มหน้าขาวหรือ?
“ทำไมจึงเป็นเขา?” หลู่ฉางฟู่อึ้งงันทันที
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดุเดือดเร่าร้อนรอบด้านก็หายไปในพริบตาที่หนุ่มหน้าขาวคนนี้ปรากฏตัวขึ้น ราวกับเป็ดหลายร้อยตัวที่กำลังทะเลาะกันพลันถูกบีบคอหอยเอาไว้ ใบหน้ายอดฝีมือและศิษย์มากมายของพรรคกระยาจกเผยอาการตกตะลึง ทำท่าทางคล้าย ‘เลิกผ้าปิดหน้าเจ้าสาวในคืนส่งตัวใต้แสงเทียนแล้วเพิ่งพบว่าไม่ใช่คนที่ตนคิดไว้’
หวางซืออวี่ก็อึ้งไปเช่นกัน
หลี่มู่มองไปทางเธอ
หวางซืออวี่อธิบายให้ฟัง คุณชายหน้าขาวคนนี้ไม่ใช่ ‘ฝ่ามือมังกร’ หลี่อวิ๋นเทาที่ทุกคนกล่าวถึงและเฝ้ารออยู่ แต่เป็นศิษย์ปิดสำนักคนหนึ่งที่ ‘ยาจกเทพ’ ประมุขพรรครับเข้ามาเมื่อครึ่งปีก่อน นามว่าเหลียงจื้อ
เหลียงจื้อคนนี้เพิ่งจะเข้าพรรคกระยาจกมาได้ครึ่งปีเท่านั้น แต่กลับผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีฐานะเป็นยอดผู้อาวุโสคอยจัดการธุระภายนอกแล้ว แต่เนื่องจากทำการใดมักใช้อำนาจบาตรใหญ่ ลับๆ ล่อๆ ไม่น่าไว้ใจยิ่ง หนำซ้ำเป็นศิษย์พรรคกระยาจกแต่กลับรักสะอาดจนเกินไป ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากลูกศิษย์พรรคส่วนใหญ่
บนแท่นเวที ประมุขพรรคกระยาจก ‘ยาจกเทพ’ ทำราวกับมองไม่เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งหมด เอ่ยเสียงดังว่า “ครั้งนี้โชคดีที่มีเหลียงจื้อ จึงทำลายแผนร้ายของพรรคจันทราโลหิต จับตัวศัตรูมาได้หนึ่งคน เหลียงจื้อสร้างผลงานครั้งใหญ่แล้ว ใครก็ได้ คุมตัวหม่าซวินหัวหน้าแท่นบวงสรวงของพรรคจันทราโลหิตออกมา”
ยอดฝีมือขั้นเหนือมนุษย์ของพรรคกระยาจกสองคนคุมตัวคนผู้หนึ่งที่ทั้งร่างมีแต่บาดแผลขึ้นมาบนเวที
เมื่อพินิจดู ศิษย์พรรคกระยาจกมากมายล้วนแน่ใจว่าร่างที่เจ็บสาหัสนี้คือ ‘จอมยุทธ์กระบี่สายลม’ หม่าซวิน ผู้แข็งแกร่งพรรคจันทราโลหิตที่เคยลอบโจมตีสาขาย่อยอื่นๆ ของพรรคจริง ลูกศิษย์และยอดฝีมือพรรคกระยาจกนับพันคนตายด้วยน้ำมือของเขา ในนั้นรวมไปถึงหัวหน้าสาขาย่อยถึงสามคน
ชั่วขณะนั้น ยอดฝีมือทั้งหลายของพรรคกระยาจกจับจ้องหม่าซวินด้วยแววตาโกรธแค้น อยากจะเข้าไปแล่เนื้อเถือหนังแทบทนไม่ไหว
บนร่างหม่าซวินมีเครื่องมือคุมขังแต่ละชนิดและร่องรอยการเฆี่ยนโบย สภาพน่าเวทนา ก้มหน้าลงต่ำ มีใจแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง และไม่พูดไม่จาอะไร
“สวรรค์ปกป้องพรรคกระยาจกเรา จากการไต่สวนของเหลียงจื้อ ในที่สุดพวกเราก็หาตัวหนอนบ่อนไส้ได้จากปากของคนชั่วนี่และจับกุมมันไว้ได้…พวกเจ้า พาตัวออกมา” ยาจกเทพตะโกนสั่งเสียงดัง
ชายอายุสามสิบกว่าที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งถูกคุมตัวขึ้นมา ลมหายใจรวยริน ไม่มีคลื่นพลังใดๆ เห็นได้ว่าถูกทำลายวิชากลายเป็นเศษคนไปแล้ว แต่สีหน้าของเขากลับเข้มแข็งดุดัน เหมือนเหยี่ยวภูเขาที่ตกไปอยู่ในมือของนักล่า ถึงแม้จะถูกเด็ดปีกออกก็ยังคงพยศไม่เชื่อฟัง
“อะไรกัน?”
“เป็นไปไม่ได้…”
เสียงตกใจอย่างควบคุมไม่ได้ดังขึ้นรอบด้าน
หลู่ฉางฟู่ผลุงตัวขึ้นมา กล่าวด้วยเสียงอันดัง “เป็นไปไม่ได้”
หลี่มู่ฟังออกจากเสียงอุทานและเสียงพูดคุยต่างๆ รอบด้าน ที่แท้ชายที่ถูกทำลายวิชาคนนี้ก็คือ ‘ฝ่ามือมังกร’ หลี่อวิ๋นเทาผู้ปราดเปรื่องกล้าหาญ จอมยุทธ์ไร้เทียมทานซึ่งทุกคนเอ่ยถึงก่อนหน้านั่นเอง
บรรดายอดฝีมือพรรคกระยาจกรับไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด วีรบุรุษในใจตน ผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขพรรคที่สมบูรณ์แบบ กลับเป็นคนทรยศไปเสียได้
บนหาดหินเกิดความวุ่นวายขึ้นมา
ในที่สุดหลี่มู่ก็เริ่มสนใจบ้างแล้ว
นี่มันน่าสนใจจริงๆ
วีรบุรุษกลายเป็นหนอนบ่อนไส้?
กลับตาลปัตรกันหรือ?
ชายร่างใหญ่บุคลิกองอาจชื่อว่าหลี่อวิ๋นเทาคนนี้ดูแล้วไม่เหมือนคนเลว ทว่าโลกนี้แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยขาดบทเรียนเรื่องตัดสินคนจากหน้าตา…เรื่องราวบนยุทธจักรเหล่านี้ ความจริงแล้วหลี่มู่ไม่ใคร่จะใส่ใจนัก แต่เมื่อเห็นเช่นนี้ก็เกิดความสนใจเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เขาก็ใช้พลังจิตวิญญาณปกคลุมทั่วหาดหิน ตามหากลิ่นอายของขอทานเฒ่าจั่วลู่อี้
……………………………………….