จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 405 เก็บกลับมา
“เทวะของเผ่าพันธุ์ข้าเป็นถึงอัจฉริยะแห่งดาราสมุทร สังหารเจ้าก็เหมือนสังหารไก่” ศีรษะของเหลียงจื้อร่างมารที่หลี่มู่หิ้วอยู่พลันอ้าปากเอ่ยขู่
เอ๋?
ยังไม่ตาย
หลี่มู่ประหลาดใจมาก
เมื่อครู่เขาใช้ศีรษะนี้แทนค้อนไฟ ต่อสู้กับเทพปีศาจเพลิงดำ พลังชีวิตในนั้นค่อยๆ กระจายหาย จนปิดปากสนิทไม่ส่งเสียงอีก ตอนแรกคิดว่าเมื่อร่างกายเหลียงจื้อถูกไฟจักรพรรดิแผดเผาทำลายไป ก็น่าจะตายสนิทแล้ว ไม่คิดว่าจะยังอ้าปากพูดได้
“นายพล” หลี่มู่แกว่งๆ ศีรษะในมือ จากนั้นขว้างลอยออกไปนอกเกาะขอทาน ราวกับดาวตกก็ไม่ปาน
“โฮ่ง” เจ้าฮัสกี้พุ่งตามไปดุจสายฟ้าแลบ
แต่ก่อนตอนอยู่บนดาวโลก หลี่มู่กับเจ้าฮัสกี้มักจะเล่นเก็บลูกบอลกันเช่นนี้ สัญชาตญาณเดิมของสุนัขทำให้มันวิ่งตามไปอย่างควบคุมไม่ได้ อภินิหารหลังข้ามมิติอยู่ในภาวะกึ่งตื่นตัว ขณะวิ่งสุนัขตัวนี้ก็คิดในใจ ไม่ถูกสิ ทำไมข้าถึงตามออกมา
“เจ้าไร้มารยาทเพียงนี้เชียวหรือ รอให้ท่านเทวะเผ่าพันธุ์ข้าลงมาเยือนก่อนเถอะ จะลงโทษเจ้าอย่างหนักแน่” ลูกไฟเทพปีศาจเพลิงดำเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นเหมือนปิดผนึกตนเอง ไม่พูดอะไรอีก
หลี่มู่ก็ไม่สนใจ จัดการใช้วิชาเต๋าผนึกมันไว้ในตราหยกอันหนึ่งก่อนเก็บลงไป เอาไว้ค่อยๆ ไต่สวนทีหลัง เขาต้องรู้ให้ได้ว่าปีศาจร้ายนอกพิภพลงมาที่โลกนี้ได้อย่างไร และดาราสมุทรนอกพิภพมีการกระจายขั้วอำนาจเช่นไรกันแน่
นี่เป็นเหตุผลที่เขายังไว้ชีวิตเทพปีศาจเพลิงดำ
เขาค่อยๆ ลงมาบนพื้น
หมิงเยวี่ยน้อยแบกชิงเฟิงมาตรงหน้าเขา เอ่ยขึ้นอย่างดีใจว่า “คุณชาย พลังของท่านตอนนี้สามารถจัดการขอทานเฒ่าจั่วลู่อี้ให้ปางตายได้แล้ว…” นางยังคิดแค้น
ส่วนคนพรรคกระยาจก เมื่อได้ยินคำพูดนี้พลันหันมองหน้ากันเอง ประมุขพรรคคนใหม่ไม่เหมือนใครจริงๆ ความเร็วในการแปรพักตร์สูงจนน่ากลัว
ยิ่งไปกว่านั้น บนหลังของนางยังแบกเด็กรับใช้บัณฑิตชิงเฟิงไว้อีก คนทั้งพรรคกระยาจกต่างน้ำท่วมปาก ต่อไปพรรคกระยาจกจะมีภูเขาสูงใหญ่เพิ่มมาอีกลูกแล้ว
หยวนโห่วพาหวางซืออวี่เข้ามา
ด้านหลังตามมาด้วยพวกหลู่ฉางฟู่
สายตาที่หลู่ฉางฟู่มองหลี่มู่ค่อนข้างซับซ้อน คืนนี้พรรคกระยาจกเกือบพบหายนะล้มล้างพรรค โชคดีที่ตนพาดาวช่วยชีวิตดวงใหญ่มาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว คิดถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่หวางซืออวี่บอกว่าจะมาชมเรื่องครึกครื้นด้วย เขายังพยายามปฏิเสธอยู่เลย โชคดีที่ภายหลังรับปาก ไม่เช่นนั้นหลังจากคืนนี้ไป พรรคกระยาจกคงได้ถูกลบชื่อออกจากซ่งเหนือแล้ว
“ขอบคุณเทวะหลี่ที่ลงมือ ช่วยพรรคของพวกเราไว้”
“บุญคุณใหญ่หลวงครั้งนี้ พรรคกระยาจกมิกล้าลืม”
‘เคลื่อนกายไร้เงา’ ซุนฉางเฟิงกับ ‘หมัดเทวะร้อยลี้’ กัวปู๋เอ้อร์สองยอดผู้อาวุโสผมขาวโพลน บนร่างมีบาดแผล แต่จิตใจกลับยินดีปรีดา เข้ามาคารวะหลี่มู่ ท่าทีเคารพยิ่งนัก
บนถนนแห่งการยุทธ์ ผู้เก่งกาจคืออาจารย์
ศึกใหญ่เมื่อครู่ พลังที่หลี่มู่แสดงออกมาเรียกได้ว่าลึกลับอัศจรรย์นัก สร้างความตกใจและส่งผลกระทบอย่างมากสำหรับพวกเขา ว่ากันว่าคนวงในดูแก่นแท้ คนวงนอกดูเรื่องสนุก พวกเขาสองคนคือคนวงในตัวจริงในกลุ่มผู้ชมที่ชมศึกใหญ่นี้
เวลานี้ บนเกาะขอทานเละเทะไม่เป็นท่า
หาดหินกลายเป็นซากปรักหักพัง พื้นดินทรุดตัวเป็นร่องแนวตั้งแนวขวาง ทิวเขารอบด้านพังทลายไปสามในสี่ รูปร่างเปลือกโลกเดิมหายไป ค่ายกลและกลไกมากมายที่พรรคกระยาจกลงแรงวางไว้บนเกาะถูกทำลายท่ามกลางคลื่นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งชั้นยอดจนหมด
“คารวะประมุขพรรค”
“ยินดีที่ได้พบประมุขพรรค”
บรรดาผู้แข็งแกร่งพรรคกระยาจกคารวะไปทางหมิงเยวี่ย
มาถึงตอนนี้ เม็ดข้าวดิบถูกหุงจนสุก ต่อให้พวกเขารู้สึกว่าส่งเดชสักเพียงใด ก็ยอมรับหมิงเยวี่ยประมุขพรรคคนนี้แล้ว
นอกจากนั้น หลังจากศึกใหญ่ ยอดฝีมือพรรคกระยาจกมากมายคิดๆ ดูแล้วล้วนรู้สึกว่าครั้งนี้อาจจะได้กำไร ไม่เพียงแค่พลังแท้จริงของหมิงเยวี่ยจะน่ากลัวกว่ายาจกเทพ หนำซ้ำที่พึ่งพิงของเด็กสาวซึ่งก็คือเทวะหลี่มู่ยังค่อนข้างน่าพรั่นพรึงอีก
“ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด” หมิงเยวี่ยน้อยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “มาพูดสิ่งไม่น่าฟังก่อน ประมุขพรรคนี่ข้าแค่ฝืนรับเป็นให้ช่วงหนึ่ง แต่เรื่องในพรรค ข้าขอไม่ยุ่งด้วย ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่อะไร พวกเจ้าไม่ต้องมากวนข้าล่ะ”
กัวปู๋เอ้อร์กับซุนฉางเฟิงนิ่งงัน
คนพรรคกระยาจกอึ้งไป
หมดคำจะพูดจริงๆ
นางจะเป็นเถ้าแก่ทิ้งงานนี่ หากบอกว่าเด็กสาวคนหนึ่งน่าจะดูแลพรรคที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ไหว เช่นนี้ก็ดียิ่ง แต่คำที่ออกมาจากปากประมุขพรรคคนใหม่ เหตุใดฟังแล้วเต็มไปด้วยความรังเกียจเล่า?
หลี่มู่ก็ยิ้มออกมา
เขาเห็นใจพรรคกระยาจกอยู่บ้าง ถ้าให้เด็กไม่รู้ประสาที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคนนี้เป็นประมุขพรรค…อืม ดูท่าพรรคกระยาจกอันสูงส่งคงเป็นบ้ากันในเวลาไม่นาน
พรรคใหญ่อันดับหนึ่งแห่งซ่งเหนือเชียวนะ
แม่เด็กหมิงเยวี่ยคนนี้ บุญวาสนาดีแต่กำเนิดจริงๆ
“คนนั้นน่ะ คนนั้น…ใช่ๆๆ เจ้านั่นละ หลี่อะไรนะ?” หมิงเยวี่ยมองไปยัง ‘ฝ่ามือมังกร’ หลี่อวิ๋นเทา “เช่นนี้ก็แล้วกัน เรื่องเล็กใหญ่ของพรรคต่อจากนี้จะมอบให้เจ้าเป็นคนจัดการ ข้าว่าเจ้าได้รับความนิยมสูงอยู่”
ทุกคนมองที่หลี่อวิ๋นเทา
หลี่อวิ๋นเทารูปร่างสูงใหญ่กำยำ หลังจากตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยิน จึงค่อยฝืนยิ้ม กล่าวตอบว่า “ประมุขพรรคสั่งมาเช่นนี้ ข้าน้อยมิกล้าขัด ทว่าตอนนี้ข้าน้อยสูญสิ้นพลังฝึก เป็นคนไร้ค่าคนหนึ่ง จะแบกรับหน้าที่อันหนักอึ้งนี้ได้อย่างไร…”
“พลังถูกทำลายไป ก็ฝึกฝนขึ้นใหม่ได้ พลังฝึกของข้าก็ใช้เวลาแค่ปีเดียวเท่านั้น” หมิงเอ่ยอย่างดูแคลน
หลี่อวิ๋นเทาพูดไม่ออก
ทว่าเวลาเดียวกัน ในใจที่เคยหดหู่ของเขาก็มีปณิธานที่ห้าวหาญพรั่งพรูขึ้นมา ใช่แล้ว พลังฝึกถูกทำลาย ก็ฝึกเอาใหม่เสียสิ ตนเองเป็นชายชาตรียังมาถูกเด็กสาวคนหนึ่งดูแคลนเสียได้ ถึงแม้พรสวรรค์ไม่อาจสู้ประมุขพรรค หนึ่งปีไม่พอก็สองปี สองปีไม่พอก็สิบปี จะต้องฟื้นกลับมาได้แน่นอน
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ยินดีช่วยแบ่งเบาท่านประมุข” หลี่อวิ๋นเทาคารวะพร้อมเอ่ย
หลี่มู่มองแล้วก็รู้สึกอยากช่วยหมิงเยวี่ยน้อยเสียหน่อย จึงล้วงโสมราชามังกรหยกม่วงที่นำมาจากฟ้านิจนิรันดร์ออกมาต้นหนึ่ง แสงสีม่วงทองส่องระยิบระยับ ยื่นไปให้หลี่อวิ๋นเทาและบอกว่า “มันอาจช่วยเจ้าได้อีกแรง”
ผู้แข็งแกร่งพรรคกระยาจกล้วนสายตาแหลม เพียงแค่มองก็แสดงออกทางสีหน้า
นี่คือโอสถเทพล้ำค่า
หากมีโอสถเทพนี้ หลี่อวิ๋นเทาคงฟื้นพลังกลับมาได้ในเร็ววัน ซ้ำยังมีหวังจะก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วย…ของขวัญชิ้นนี้ ล้ำค่าเหลือประมาณจริงๆ
แม้แต่หลี่อวิ๋นเทาที่ได้ชื่อว่าเป็นคนใจกว้างไม่คิดเล็กคิดน้อยก็ยังเปลี่ยนสีหน้า “นี่…ล้ำค่าเกินไปแล้ว ท่านเทวะหลี่ ข้า…”
เมื่ออยู่เบื้องหน้าหลี่มู่ เขารู้สึกถึงแรงกดดันเช่นกัน
หลี่มู่พูด “หมิงเยวี่ยเป็นสหายสนิทของข้า เจ้าแบ่งเบาภาระให้นาง แน่นอนว่าต้องได้รับรางวัล ยิ่งกว่านั้นเด็กคนนี้เป็นพวกสติเลอะเลือนด้วย ต่อไปนอกจากเรื่องเข่นฆ่าสังหาร เรื่องเล็กใหญ่อื่นๆ เกรงว่าต้องให้จอมยุทธ์หลี่มาดูแล ดังนั้นรางวัลชิ้นนี้ไม่นับว่ามีค่าเกินไปหรอก ขอแค่ดูแลพรรคกระยาจกให้ดีก็ถือว่าตอบแทนกันแล้ว”
เสียงยังไม่ทันขาด
“โฮ่ง…อร่อยจังเลย” เงาร่างหนึ่งวาบผ่าน หลี่มู่รู้สึกว่ามือเบาๆ จากนั้นจึงเห็นว่าเจ้าฮัสกี้ที่คาบศีรษะของเหลียงจื้อร่างมารอยู่กลับมากะทันหัน ขนาดหลี่มู่ยังไม่รู้สึกตัว และกลืนโสมราชามังกรหยกม่วงลงไปในคำเดียวแล้ว
เจ้าบ้านี่…
หลี่มู่ตกตะลึงอย่างยิ่ง
กระทั่งตัวเองจับปฏิกิริยาไม่ได้?
“คนเลี้ยง เจ้าไชเท้าม่วงนี่อร่อยจริง ยังมีอีกไหม?” เจ้าฮัสกี้นั่งยองบนพื้น เอียงคอ มุมปากมีของเหลวสีม่วงทองไหลออกมา กลิ่นยาเข้มๆ แผ่กระจาย “ข้าเก็บก้อนขนลูกนี้กลับมาแล้ว ให้รางวัลมากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?”
มันคิดว่าโสมราชามังกรหยกม่วงต้นนั้นเป็นรางวัลของมัน
เหล่าคนพรรคกระยาจกและหลี่อวิ๋นเทาอีกด้านก็อึ้งทึ่งกันหมด…สุนัขตัวนี้ ดูผิดปกตินิดหน่อย
หลี่มู่กุมหน้าผาก คิดๆ แล้วก็เดินเข้าไปหา ก่อนเตะศีรษะเหลียงจื้อที่มันเก็บกลับมาลอยคว้างออกไปทันที
“โฮ่ง!” เจ้าฮัสกี้หันตัว กลายเป็นสายฟ้าแลบไล่ตามไปตามสัญชาตญาณ
เล่นเก็บบอล สนุกด้วยไม่เหนื่อยด้วย
มันหายลับไปอีกรอบ
ในตอนนี้ คนทั้งหมดทอดถอนใจกับความเร็วของสุนัขตัวนี้อีกครั้ง
หลี่มู่หยิบโสมราชามังกรหยกม่วงต้นใหญ่กว่าเดิมออกมา ส่งไปให้หลี่อวิ๋นเทาเงียบๆ “รีบเก็บไป อย่าให้สุนัขตัวนั้นแย่งไปล่ะ”
หลี่อวิ๋นเทาไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ตะลึงจนเอ่ยไม่ออก รับมาด้วยสีหน้าตายด้านเล็กน้อยแล้วจึงรีบเอาเข้าปากกินไปทันที
เขาก็กลัวว่าสุนัขตัวนั้นจะกลับมาแย่งเหมือนกัน
เรื่องแย่งของกับสุนัขตัวหนึ่งนี่ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
ยอดฝีมือพรรคกระยาจกข้างๆ คล้ายแข็งเป็นหินไปแล้ว
แววตาที่พวกเขามองหลี่มู่เปลี่ยนไป อู้ฟู่จริงๆ หยิบโสมราชามังกรหยกม่วงออกมาทีละต้นๆ เหมือนส่งหัวไชเท้าให้อย่างไรอย่างนั้น ปกติเทวะหลี่คงไม่ได้ใช้โอสถเทพนี้ป้อนสุนัขหรอกกระมัง?
เรื่องถัดมาก็ง่ายขึ้นแล้ว
พวกหลี่มู่และหวางซืออวี่ออกจากเกาะขอทานไป
การสร้างเกาะขอทานใหม่อีกครั้ง รวมถึงเรื่องมากมายถัดจากนั้นในพรรคกระยาจก ล้วนส่งต่อให้หลี่อวิ๋นเทาและยอดผู้อาวุโสทั้งสองรับผิดชอบต่อ ประมุขพรรคเบาปัญญาอย่างหมิงเยวี่ยไม่มีใจจะจัดการดูแลอยู่แล้ว จึงออกจากเกาะขอทานมาพร้อมกับพวกหลี่มู่อย่างน่ารักน่าชัง
ระหว่างนั้นยังมีเรื่องแทรกเรื่องหนึ่ง พวกของหลี่มู่เพิ่งมาที่ทะเลสาบก็ถูกทหารรักษาวังซ่งเหนือตรวจสอบ ชัดเจนมากว่า ศึกใหญ่ของผู้แข็งแกร่งบนเกาะขอทานก่อนหน้านี้ทำให้เชื้อพระวงศ์กระวนกระวาย เวลานี้ รอบๆ เกาะขอทานถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว ทหารรักษาวังทั้งหมดดุจเผชิญหน้าศัตรูที่แข็งแกร่ง
หวางซืออวี่ออกไปรับหน้า ทหารรักษาวังถึงปล่อยไป
ต่อมาทหารรักษาวังพูดคุยกับพรรคกระยาจก บรรยากาศตึงเครียดจึงค่อยๆ คลี่คลาย
พวกหลี่มู่กลับถึงจวนอ๋องเรียบร้อย
หนึ่งชั่วยามให้หลัง เจ้าฮัสกี้ถึงวิ่งหอบแฮ่กคาบศีรษะของเหลียงจื้อกลับมา ขนทั้งตัวเปียกชื้นไปหมด เห็นได้เลยว่าหลี่มู่เตะออกไปไกลเพียงใด
“ไม่ต้องโยนแล้ว…แหวะ…” ศีรษะเหลียงจื้ออ้วกออกมา ชัดเจนว่าโดนมันคาบแกว่งไปมาจนมึน ปากถึงกับกระอักประกายเลือดออกมาเล็กน้อย
ในเบ้าตาของเขา แสงเลือดสีแดงสดเป็นประกาย
หลี่มู่มองออก บ่อเกิดกำลังและพลังชีวิตทั้งหมดของเหลียงจื้อร่างมารอยู่ในเบ้าตาคู่นี้เอง และเหลียงจื้อก็หวาดกลัวเจ้าฮัสกี้มาก เป็นความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ
“ช่วยจัดห้องมิดชิดให้ห้องหนึ่งที ฉันจะปิดด่านฝึกวิชา” หลี่มู่พูดกับหวางซืออวี่ “อีกเรื่อง เธอให้คนไปสำรวจตำแหน่งของวังประสานฟ้ากับสภาพการคุ้มกันของที่นั่นก่อน ฉันจะไปสำรวจเสียหน่อย ไม่แน่ความลับที่จะเปิดเส้นทางการฝึกวิชาของเธออาจอยู่ในวังนั้นก็ได้”
หวางซืออวี่กล่าวอย่างตื่นเต้น “วางใจเถอะ ฉันจัดการเอง”
หลี่มู่พูดเช่นนี้ ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เพราะด้านในวังประสานฟ้าอาจมีสิ่งที่เหล่าจื่อถ่ายทอดต่อมา และเหล่าจื่อนั้นมาจากดาวโลก จึงอาจมีมรดกวิชาฝึกที่เหมาะสมกับหวางซืออวี่ก็เป็นได้
……………………………………….