จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 411 สุสานเทพ
หลี่มู่ตกใจจริงๆ
ความตกใจแบบนี้เหมือนกับเด็กประถมแก้ข้อสันนิษฐานของก็อลท์บัคได้ เกิดอะไรขึ้น ชิงเฟิงเพิ่งศึกษาฝึกฝนวิชาเต๋าและวิชาหลอมโลหะนานแค่ไหนเองก็หลอมอาวุธเต๋าออกมาได้แล้ว
เขากำเม็ดกลมสีเงินเม็ดเล็กไว้ในมือ ถ่ายทอดพลังจิตวิญญาณกลุ่มหนึ่งเข้าไป ก็เห็นมิติคลุมเครือภายในทันที เหมือนช่องเก็บอาวุธ มีดาบยาวที่รูปลักษณ์ต่างกันไปถึงหนึ่งร้อยแปดเล่ม ตัวดาบล้วนแคบ ยาว เรียว อีกทั้งเอกลักษณ์ที่เหมือนกันคือไม่มีด้ามดาบ มีเพียงตัวดาบ เป็นประกายแวววาว
เป็นดาบที่ยอดเยี่ยมมาก!
จิตของหลี่มู่เพียงขยับ ดาบยาวเล่มหนึ่งก็ลอยอยู่เบื้องหน้า
แสงสีเงินเป็นชั้นๆ บนตัวดาบส่องกะพริบเหมือนน้ำไหล ความรู้สึกคมกริบคล่องแคล่วแปลกประหลาดปะทะหน้ามา
หลี่มู่น้ำลายหกแล้ว
นี่เป็นดาบที่ดีมากๆ
ตีขึ้นจากหินดารา เหมาะที่จะโคจรปราณแท้เป็นที่สุด หลังจากใช้ปราณแท้ฝึกฝนเล็กน้อยก็จะควบคุมได้ตามใจนึก อีกทั้ง เนื่องจากไม่มีด้ามดาบจึงเหมาะที่จะสำแดงวิชาดาบเหินหาวเป็นอย่างยิ่ง ประหนึ่งกระดาษแผ่นบางอย่างไรอย่างนั้น แค่ขยับเพียงเล็กน้อยก็สามารถแหวกอากาศ คลื่นอากาศไร้รูปร่างแหวกเป็นสองฝั่งเหมือนน้ำทะเล
ลำพังวิจารณ์แค่รูปลักษณ์และวัสดุ ลำดับของดาบเล่มนี้ก็อยู่เหนือดาบวัฏจักร
ในเมื่อดาบวัฏจักรเป็นดาบที่หลี่มู่ใช้วัสดุผสมรวมอย่างจับฉ่ายหลอมออกมา
หลังจากฝึกฝนควบคุมมิติเก็บดาบแล้วหลี่มู่ก็เกิดความรู้สึกเชื่อมต่อกันอย่างแปลกประหลาดอย่างหนึ่งกับมัน
เขาเพียงคิดแล้วใช้วิชาดาบเหินหาวกระตุ้น
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ดาบยาวหนึ่งร้อยแปดเล่มบินพุ่งออกมาจากมิติเก็บดาบ แหวกอากาศทะยานไปยังหมู่เมฆ ทุกที่ที่คมดาบฟาดฟันล้วนแผ่จิตสังหารออกมา ลำแสงหนึ่งร้อยแปดทางประเดี๋ยวเลือนรางประเดี๋ยวปรากฏ ไกลออกไปนับพันลี้ ใกล้แค่ไม่กี่ฉื่อ ควบคุมได้อิสระตามใจ
ระดับการควบคุมความคล่องแคล่วว่องไวไม่ด้อยไปกว่าดาบวัฏจักรเลย
และดาบวัฏจักรก็เป็นดาบที่หลี่มู่ค่อยๆ สร้างออกมาจากไม่มีเป็นมี จากระดับต่ำเป็นระดับสูง
พูดตามตรง ในเสี้ยวขณะนี้หลี่มู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย
ตัวเองในเส้นทางหลอมอาวุธจะไม่มีอนาคตแม้แต่น้อยเลยหรือ? ศึกษาค้นคว้ามาหนึ่งปีเต็มๆ ยังสู้ชิงเฟิงแค่สามสี่เดือนไม่ได้? เมื่อก่อนนี้ตัวเองยังภูมิใจกับระดับการหลอมอาวุธของตัวเองอยู่เลย?
“คุณชาย เหมาะมือหรือไม่?” ชิงเฟิงมองหลี่มู่หวังว่าจะได้ข้อแนะนำแก้ไข
หลี่มู่พยักหน้า “เหมาะมาก ศิษย์ล้ำหน้าเหนืออาจารย์”
เขาไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
ทิ้งดาบวัฏจักรไปเลยดีหรือไม่?
หรือว่ามอบมันให้ชิงเฟิงหลอม? ทำเป็นดาบเล่มใหม่?
ส่วนชิงเฟิงเมื่อได้ยินคำวิจารณ์ประโยคนี้ของหลี่มู่ ใบหน้าก็ฉายรอยยิ้มดีใจทันที เด็กหนุ่มสงบนิ่งที่น้อยครั้งจะแสดงอารมณ์ ในที่สุดก็เผยร่องรอยความดีใจอย่างคนรุ่นเดียวกันออกมา เหมือนกับนักเรียนที่ผ่านการพยายามแล้วสอบได้เต็มได้รับคำชมเชยจากอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างไรอย่างนั้น
ในเมื่อ ในใจของชิงเฟิง หลี่มู่ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาย แต่ยิ่งเป็นแบบอย่าง
“ข้ายังทำของบางอย่างไว้ให้คุณชายอีกด้วย” ชิงเฟิงท่าทางอย่างกับมอบสมบัติ หยิบเอารองเท้าบูท กางเกง เสื้อคลุมตัวนอก อีกทั้งเข็มคาด ผ้าคาดศีรษะ สิ่งของต่างๆ นานาออกมาดุจร้านตัดเย็บ
“นี่ล้วนใช้หินดาราทำออกมาหรือ?” หลี่มู่ตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ใช้แร่โลหะทำสิ่งของที่เหมือนผ้าแพรพรรณออกมา นี่…หลี่มู่อึ้งตะลึงไปอีกครั้ง เพราะตัวเองทำไม่ได้เด็ดขาด
ชิงเฟิงพยักหน้า “วัตถุดิบหลักคือหินดารา เอามันหลอมให้เป็นเส้น แล้วสลักค่ายกลวิชาเต๋าไว้ทุกเส้น ทำให้มันนุ่มนิ่ม แข็งแกร่ง ถ่ายโอนเหนี่ยวนำปราณแท้ได้ แล้วค่อยใช้เส้นด้ายพวกนั้นมาทอเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ หลักการนั้นง่ายมาก แต่ขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน โดยเฉพาะค่ายกลบนเส้นโลหะ ต้องสลักเอาไว้หลากหลายชนิดในขณะเดียวกัน เพื่อประกันว่าแต่ละค่ายกลวิชาเต๋าพลังจะไม่ขัดกันเอง”
หลี่มู่ฟังแล้วก็ปวดหัวจี๊ดทันที
ซับซ้อนขนาดนี้เชียว
ฟังแล้วทำไมเหมือนการทดลองอะไรเลย?
ถึงแม้หลี่มู่ในตอนมัธยมต้นจะเป็นพวกเด็กเนิร์ด แต่นั่นก็เพื่อสอบให้ได้คะแนนสูงๆ ไม่เคยคิดจะเอามาใช้จริงนี่นา
หลี่มู่ลองสวมทันที เสื้อพอดีตัวทั้งยังสวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี…ทำไมเหมือนกำลังพูดบทโฆษณาอยู่เลย
“ไม่ถูกสิ พี่ชิงเฟิง ท่านบอกว่าไม่สร้างอาวุธไม่ใช่หรือ? ไยจึงทำมิติเก็บดาบให้คุณชายเล่า?” หมิงเยวี่ยที่ปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างเชื่องช้านึกถึงคำพูดที่เขาพูดกับนางเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นได้
ชิงเฟิงจึงตอบไปว่า “ข้าหลอมอาวุธเพื่อคุณชายเพียงคนเดียวเท่านั้น”
หมิงเยวี่ยร้องอ้อ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างสมเหตุสมผล “นี่ก็ถูก”
ก็ไม่รู้ว่าตรรกะของนางเอามาจากไหน
หลี่มู่คราวนี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถ่ายทอดวิชาหลอมโลหะ วิธีเซ่นสังเวยวิชาเต๋า หลอมอาวุธเต๋าที่ตนเองเข้าใจให้กับชิงเฟิงโดยไม่กั๊ก เคล็ดวิชาลับในตัวก็ถ่ายทอดให้เขาจนหมดสิ้น
เดิมหลี่มู่คิดจะให้ชิงเฟิงเดินไปตามขั้นตอนทีละก้าวๆ ใครจะรู้ว่าเด็กนี่เป็นโคตรอัจฉริยะกระโดดข้ามขั้น มอบวิชาต่างๆ ให้เขาดีกว่า ให้เด็กคนนี้กระจ่างแจ้งเองโดยไม่ต้องมีครูก็แล้วกัน
หลี่มู่รู้สึกว่าตัวเองน่าจะใกล้ไม่มีอะไรที่จะสอนชิงเฟิงได้แล้ว
แต่ว่า ความรู้สึกแบบนี้มันช่างสะใจยิ่งนัก
เหมือนกับเวลาเล่นเกมอินเทอร์เน็ตแล้วมีอัจฉริยะหลอมอาวุธ สร้างอาวุธ อุปกรณ์ให้ตัวเองโดยเฉพาะ…สิทธิพิเศษของวีไอพี
บนร่างของหลี่มู่แทบจะมีอุปกรณ์พิเศษเต็มตัวแล้ว
ความสามารถของชิงเฟิงในตอนนี้ มิติเก็บดาบทำออกมาเป็นของสำเร็จระดับสูงที่สุดที่ทำออกมาได้ ซึ่งเป็นระดับอาวุธเต๋าระดับต้น ส่วนเสื้อผ้าอะไรพวกนั้นเป็นเพียงระดับสมบัติวิญญาณเท่านั้น แต่ว่าอย่างน้อยๆ ก็ทำให้เวลาสู้หลี่มู่สามารถคงสภาพไม่ต้องเปลือยกาย เสื้อผ้าขาดกระจุย
หลังจากได้คำแนะนำจากหลี่มู่ ชิงเฟิงก็กลับไปห้องทดลองอีกครั้งอย่างเบิกบานศึกษาค้นคว้าต่อไป มองออกว่าเขาสนุกสนาน ชอบด้านนี้มาก
หลี่มู่เตรียมอาศัยพลังของพรรคกระยาจกเพื่อสืบเรื่องเยวี่ยกั๋วเซียง ลูกศิษย์ของวังประสานฟ้า และแผนของผู้ที่อาจจะมาเยือนจากนอกพิภพ บอกกับหมิงเยวี่ย
“เรื่องนี้ง่ายมาก ประมุขผู้นี้จะรีบส่งคนไปจัดการ” หมิงเยวี่ยเอ่ยพลางตบอกปุๆ
จากนั้นโลลิน้อยก็ผิวปากอย่างได้ใจ
“คารวะประมุข”
“ประมุขมีเรื่องอันใดขอโปรดบัญชา”
ด้านนอกมียอดฝีมือเหนือมนุษย์พรรคกระยาจกสองคนปรากฏตัวเดินเข้ามา ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ล้วนแต่เป็นคนหนุ่มสาวทั้งคู่ ผู้ชายชื่อเกาฉิว ผู้หญิงชื่อเกาโส่ว เป็นคู่พี่น้อง พรสวรรค์เลิศล้ำ เป็นผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยในพรรคกระยาจก
หลังจากทั้งสองปรากฏตัวขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับหมิงเยวี่ย ท่าทางก็เคารพนอบน้อมเป็นอย่างมาก
นี่คือองครักษ์ที่พรรคกระยาจกส่งมาอยู่ข้างกายหมิงเยวี่ย
หมิงเยวี่ยแสดงท่าโอ้อวดต่อหน้าหลี่มู่อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่สั่งการไปแล้ว เกาโส่วก็รับคำสั่ง เอ่ยขึ้นว่า “ประมุขโปรดวางใจ เรื่องนี้พรรคของเราเชี่ยวชาญเป็นที่สุด”
หลี่มู่รีบเอ่ยขึ้น “อย่าประมาท พลังของผู้มาเยือนน่ากลัวมาก แทบจะใกล้เคียงกับมหาเทวะ หากถูกพบก็คงจะมีภัยถึงแก่ชีวิต”
“เทวะหลี่วางใจ พรรคกระยาจกมีกลวิธีสืบหาที่เป็นของตัวเอง ไม่นานก็จะได้ข่าวคราว” ชายหนุ่มชื่อเกาฉิวเอ่ย
เห็นอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ หลี่มู่ก็ไม่พูดอะไรให้มากอีก
คิดๆ แล้วหลี่มู่ก็พูดขึ้นอีก “ข้ามาซ่งเหนือนานแล้ว สถานการณ์ฉินตะวันตกในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ขอพี่น้องพรรคกระยาจกโปรดสืบข่าวให้ข้าด้วย โดยเฉพาะราชวงศ์ต้าเยวี่ยและเขาขาวพิสุทธิ์”
“เทวะหลี่โปรดวางใจ พรุ่งนี้ยามนี้จะต้องมีข่าวกลับมาแน่นอน” เกาฉิวพูดอย่างมั่นใจ
หลี่มู่เอ่ยขอบคุณ กลับไปห้องลับของตัวเอง ปิดด่านต่อไป
พูดว่าปิดด่าน อันที่จริงแล้วคือการเค้นถามเพลิงทมิฬ
เพลิงทมิฬที่ถูกผนึกในตราหยกปากแข็งเหลือร้ายนัก ก่อนหน้านี้ที่หลี่มู่ปิดด่านก็บีบเค้นถามแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ
“ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้าไม่พูดข้าจะส่งเจ้าไปปรโลก ความอดทนของข้าเหลือไม่มากแล้ว” หลี่มู่หยิบเปลวไฟปีศาจเพลิงทมิฬออกมา เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ฆ่าข้าให้ตายข้าก็ไม่พูด” ปีศาจเพลิงทมิฬเด็ดเดี่ยวนัก
หลี่มู่คิดๆ ดู “งั้นก็ตายไปเถอะ”
ไม่เก็บเบาะแสที่ไร้ประโยชน์
ปีศาจเพลิงทมิฬทำร้ายสังหารขอทานเทพเดิมก็สมควรตายอยู่แล้ว
ไฟสีส้มลุกขึ้นที่กลางมือหลี่มู่ ล้อมเพลิงทมิฬกลุ่มนี้เอาไว้ทันที จากนั้นกลิ่นเหม็นเหมือนศพก็ลอยออกมา เหมือนกำลังย่างศพ เพลิงทมิฬกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“เดี๋ยวๆ หยุด…” มันอ้อนวอน
หลี่มู่ไม่รามือ สังหารมันทันที
“ไม่ๆๆ มีอะไรคุยกันดีๆ ข้ายอมแล้ว” ปีศาจเพลิงทมิฬเริ่มลนลานแล้ว ก่อนหน้านี้หลี่มู่เค้นถามมันเพื่อให้ได้ข้อมูล แต่ครั้งนี้มันสัมผัสได้ว่าหลี่มู่มีใจคิดจะฆ่ามันจริงๆ
ทว่า หลี่มู่ไม่ให้โอกาสใดๆ กับมันอีก
อัคคีจักรพรรดิสีเหลืองส้มเผาเพลิงทมิฬกลุ่มนี้จนสิ้นซาก
หลี่มู่เดิมคิดจะเผาเผลิงทมิฬนี่ให้สิ้นซาก แต่คิดไม่ถึงว่าในหมอกสีดำจะมีภาพเหมือนภาพยนตร์สั้นๆ แต่ละฉากๆ ฉายขึ้นรางๆ เป็นจิตวิญญาณของเพลิงทมิฬที่ยังไม่ดับสลายนั่นเอง แต่ละกลุ่มๆ ไร้ซึ่งเจ้าของแต่แฝงไว้ด้วยความทรงจำเมื่อครั้งก่อนที่มันยังมีชีวิต
“เอ๋?”
หลี่มู่ใช้พลังจิตวิญญาณหุ้มมันเอาไว้ จากนั้นก็ดูรอบหนึ่ง
ใบหน้าของเขาฉายแววลิงโลด
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เขาได้ข้อมูลออกมาจากในนั้นมากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้ว่าที่แท้ วังประสานฟ้าและทะเลโลหิต พวกสำนักใหญ่ต่างๆ ล้วนมาจากนอกดาวดวงนี้ทั้งสิ้น อยู่ในเขตดาราจักรที่ชื่อว่าเทพวีรชน หากพูดตามตรงแล้ว ดวงดาวดวงนี้ที่ถูกพวกเขาเรียกว่าเป็นดวงดาวต้องโทษ ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของดาราจักรเทพวีรชน
อีกทั้ง นอกจากวังประสานฟ้าและทะเลโลหิต ยังมีสำนักใหญ่มากมายในดาราจักรเทพวีรชนที่ล้วนแต่คัดเลือกผู้สืบทอด จะมาเยือนโลกใบนี้ ยกตัวอย่างเช่นสำนักมารฟ้า สำนักร้อยภูตผี สองสำนักใหญ่นี้ จากความทรงจำของปีศาจเพลิงทมิฬเมื่อพันปีก่อนก็เคยมาเยือนโลกใบนี้เช่นกัน ตอนนี้บางทีผู้สืบทอดจากสำนักใหญ่อาจจะมาเยือนแล้วก็ได้ นอกจากนี้ยังมีสำนักอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน
เพียงแต่ดาวดวงนี้มีค่ายกลป้องกันที่วางเอาไว้โดยพวกนักโทษบางคนเมื่อพันปีก่อน รวมกับพลังของดาวดวงนี้ต่อต้านบุคคลภายนอก ดังนั้น ผู้แข็งแกร่งจากห้วงดาราสมุทรที่แข็งแกร่งเกินไป ไม่อาจทะลวงค่ายกลมายังโลกใบนี้ได้ หากฝืนทะลุมิติมาก็จะถูกสังหารวิญญาณแตกดับ ไม่เหลือซาก
มีเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์และผู้ที่ระดับต่ำกว่าลงมาเท่านั้นจึงจะมาเยือนได้
ดังนั้นสำนักใหญ่ต่างๆ อย่างทะเลโลหิตจึงเลือกลูกศิษย์คนสำคัญในบรรดาลูกศิษย์รุ่นสาม รุ่นสี่ในสำนัก หลังจากจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลแล้วถึงจะชิงมาเยือนได้ก่อน
และเหตุที่พวกเขาจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ช่วงชิงมาโลกใบนี้ก็เพราะคำทำนายเมื่อหนึ่งพันปีก่อนบอกไว้ว่า บนดาวดวงนี้มีขุมสมบัติลับชื่อว่าสุสานเทพผู้ผิดบาป หรือสุสานเทพก็เรียก และมันใกล้จะเปิดแล้ว
ในสุสานเทพเก็บสมบัติเทพที่ทำให้สำนักเซียนขนาดใหญ่ต่างๆ ในดาราจักรเทพวีรชนต่างน้ำลายไหล
หากได้ครอบครองสมบัติ ก็จะได้ครอบครองดาราจักรเทพวีรชน
……………………………………………………