จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 416 รบจักรพรรดิฉินหมิง (2)
เสียงของหลี่มู่ประหนึ่งอัสนีบาตแห่งสวรรค์เก้าชั้น สะเทือนทั่วท้องฟ้าเหนือด่านเมืองมังกร
กองทัพฉินตะวันตกที่ปักหลักอยู่ในเมืองแตกตื่นกันโดยพลัน
หน้าประตูจวนเจ้าเมือง ‘ทวนปราบปีศาจ’ หลี่หยวนป้าหน้าเปลี่ยนสี กล่าวว่า “ทหาร คุ้มกันจวนเจ้าเมือง” เขาบัญชาให้กองกำลังโองการฟ้าใต้บัญชาการของตนคุ้มกันจวนเจ้าเมืองเอาไว้เป็นชั้นๆ กองทัพในเมืองรวมตัวไปยังจวนเจ้าเมืองดุจคลื่นพายุคลั่ง
ในขณะเดียวกัน มีองครักษ์มารชุดดำสิบนายของจักรพรรดิฉินหมิงมาอารักขารอบๆ จวนเจ้าเมือง
ละอองหมอกดำหุ้มล้อมพวกเขาไว้ทั่วร่าง ไอมารพันรอบ ละอองสีหมึกลอยวนในอากาศ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นอักขระตราประทับมารขนาดใหญ่หลายตัว เหมือนรวมกลุ่มแต่ก็กระจาย เดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏ ไม่ชัดเจน เชื่อมทั้งจวนเจ้าเมืองเข้าด้วยกันและปกคลุมไว้ข้างใน คล้ายกับค่ายกลเต๋าชนิดหนึ่ง
จักรพรรดิฉินหมิงผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งใต้ฟ้าไม่ได้ปรากฏตัว
นอกเมือง หลี่มู่ตะโกนติดกันสามครั้ง แต่ก็ไม่เห็นเงาของจักรพรรดิฉินหมิง
“หรือจะไม่อยู่ในเมือง?”
เขาสงสัย
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ขุนพลผู้เก็บกวาดสนามรบคนนั้นพูด จักรพรรดิฉินหมิงรักษาการณ์อยู่ในด่านเมืองมังกรนี่
หลี่มู่เบิกเนตรสวรรค์ พลันมองเห็นเสาพลังสีดำประดุจมังกรต้นหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ฟ้าจากตำแหน่งใจกลางจวนเจ้าเมือง เสมือนเสาสวรรค์พายุหมุนที่ร่วงลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า อานุภาพน่ากลัวและไอมารสีดำแทบจะแผ่ปกคลุมทั้งเมือง อีกทั้งท่าทีของทัพฉินตะวันตกเหมือนเผชิญหน้ากับข้าศึกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฉินหมิงอยู่ในเมือง แต่กลับไม่ปรากฏตัว
กลัวหรือ?
ไม่น่าใช่
คนแบบจักรพรรดิฉินหมิงไม่มีทางหวาดกลัวตน
หรือจะมีเรื่องอื่นทำให้จักรพรรดิฉินหมิงไม่อาจปรากฏกายได้?
หลี่มู่สาวเท้ายาวมุ่งไปยังกลางเมือง
“หยุด!”
ผู้นำทหารทัพฉินตะวันตกและยอดฝีมือกลุ่มก้งเฟิ่งของราชวงศ์พุ่งออกมาจากประตูเมือง ในสายตาที่จ้องหลี่มู่ต่างมีความหวาดกลัวและเคียดแค้น
ความรู้สึกที่คนฉินตะวันตกมีต่อหลี่มู่ซับซ้อนมากในตอนนี้ ในฐานะเทวะที่อายุน้อยที่สุด เขาเคยเป็นความภาคภูมิใจของนักรบแห่งฉินตะวันตก แต่เขากลับสังหารองค์ชายและรัชทายาท องค์ชายนั่นก็ช่างเถอะ แต่รัชทายาทอย่างไรเสียก็เป็นรากฐานของจักรวรรดิ ยังถูกสังหารเช่นกัน ทำให้คนฉินตะวันตกเปลี่ยนมาเคียดแค้นหลี่มู่แทน
ในใจของหลายๆ คน จักรพรรดิฉินหมิงมีพระราชโองการลดโทษให้ หลี่มู่ไม่ใช่แค่ไม่รับความหวังดี ตอนนี้ยังบุกมาถึงที่เพื่อพวกกากเดนต้าเยวี่ย นี่คิดจะปลงพระชนม์ชัดๆ
การกระทำเช่นนี้เท่ากับทรยศชาติบ้านเมือง
“เทวะหลี่ โปรดตรองให้ดีก่อนลงมือ”
“หลี่มู่ เจ้าเป็นคนของต้าฉิน กลับเรียกชื่อฝ่าบาทตรงๆ ควรต้องรับโทษขั้นไหน?”
“ขุนนางชั่วช้า สมควรตายให้หมด”
ยอดฝีมือทหารในกองทัพบางคนตะโกนด่าอย่างปากกล้าขาสั่น
คลื่นคนดุจทะเล ทะลักมาจากทั่วทุกสารทิศ
“ผู้ขวางข้าต้องตาย”
หลี่มู่สวมเสื้อผ้าให้ร่างศพของอวี๋ฮว่าหลง แบกเขาไว้บนหลังพลางสาวเท้าไปยังประตูเมือง ในสายตามีเพียงจวนเจ้าเมืองเท่านั้น
“หลี่มู่ เจ้า…”
ผู้นำทหารระดับสูงในกองทัพที่สวมชุดเกราะเงาวับมองอย่างโกรธแค้น แต่เพิ่งจะอ้าปาก พูดยังไม่ทันจบประโยค ประกายดาบทางหนึ่งพลันกะพริบผ่าน ทั้งตัวเขาถูกฟันขาดเป็นสิบท่อน จากนั้นร่างยังไม่ทันล้มลง ซากแขนขาก็ถูกสะเทือนปลิวออกไปทันที
จิตดาบไร้รูปร่างทางหนึ่งฟันแยกกองกำลังที่ซ้อนกันหลายชั้นราวคลื่นคลั่ง คมกระบี่ชี้ไปยังจวนเจ้าเมือง
ทุกที่ที่จิตดาบผ่าน แผ่นดินแตกร้าว
ต่อให้เป็นขั้นเหนือมนุษย์ ฟ้าประทาน หรือกระทั่งครึ่งเทวะร่วมมือกันสำแดงกลเม็ดต่างๆ ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ได้ ผืนดินแยกแตกเป็นร่องใหญ่ยาวสองลี้ ประหนึ่งถูกดาบเทวะฟันผ่า
ด่านเมืองมังกรครึ่งหนึ่งถูกแบ่งเป็นสองส่วนเมื่ออยู่หน้าจิตดาบนี้
ภายใต้จิตดาบเช่นนี้ ขุนพลและทหารทัพฉินตะวันตกในเมือง รวมถึงยอดฝีมือจากสำนักใหญ่ต่างๆ ที่ร่วมทัพออกศึกและเหล่าผู้แข็งแกร่งกลุ่มก้งเฟิงของราชวงศ์ก็ราวกับขวัญหนีดีฝ่อ หลี่มู่ใช้แค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น ก็ทำให้กองทัพฉินตะวันตกหลายแสนตื่นตระหนก...
จิตดาบทอดตัวยาว แล่นไปอย่างเนิบช้า แหวกผ่าผืนดิน
รอยแยกบนพื้นมุ่งไปยังจวนเจ้าเมือง
หลี่มู่บินอย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่หลังรอยแยกดุจดั่งเทพสังหาร
“อารักขาฝ่าบาท!”
“ปกป้องฝ่าบาท”
“สู้สุดชีวิตกับเจ้าโจรกบฏนี่”
เสียงต่างๆ ดังมาจากทั่วทุกทิศ บ้างโกรธแค้น บ้างหวาดกลัว บ้างแค่แสดงไปอย่างนั้น แต่รอบกายหลี่มู่ในระยะสิบจั้งมีจิตดาบหมุนวน จิตดาบไร้ลักษณ์ฟ้าประทานประหนึ่งคลื่นที่สะสมพลัง ธนู หน้าไม้ และพลังวิชาต่อสู้ต่างๆ ซึ่งพุ่งมาจากที่ไกลๆ เพียงแค่เข้าใกล้เขาก็เหมือนใส่ก้อนหินเข้าไปในโม่หิน ถูกกระเทือนกลายเป็นเศษผงทันใด
จิตดาบปะทุทันที วิชาใดๆ ยากจะกล้ำกราย
ร่างของเขาประดุจเทพมารผลักรอยแยกบนผืนปฐพีไปยังจวนเจ้าเมืองอย่างเนิบช้า
“หลี่มู่ เจ้ากล้าทำเรื่องทรยศเช่นนี้จริงรึ” ‘ทวนปราบปีศาจ’ หลี่หยวนป้ากำทวนวงเดือนสีเลือดไว้ในมือ เปลวเพลิงร้อนแรงโอบล้อม สวมเกราะเทพยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูจวนเจ้าเมือง กลิ่นอายทรงพลังแผ่ระลอกทั่วร่าง กำลังจ้องหลี่มู่ด้วยสีหน้าท่าทางดุดัน
เทพนักรบแห่งยุคของฉินตะวันตก ย่อมมีรัศมีองอาจดุดัน
หลี่มู่ไม่หยุดฝีเท้า เดินไปข้างหน้าช้าๆ สายตาหยุดอยู่บนร่างของเขาก่อนเอ่ย “เป็นเจ้าที่นำทัพสังหารประชาชนที่ออกจากเมืองบนเนินสิบลี้?”
ถึงแม้เสียงของหลี่มู่จะราบเรียบ แต่หลี่หยวนป้าถูกถามเช่นนี้ใจก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันควัน บารมีและรัศมีเทพนักรบซึ่งสั่งสมมาในกองทัพหลายสิบปี ต่อให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์จนตรอกเพราะกองทัพนับหมื่นพันก็ไม่เคยขมวดคิ้ว ทว่าเมื่อถูกถามเช่นนี้ ก็ราวถูกโจมตีแตกพ่ายในรวดเดียว
ชั่วชีวิตของเขา ไม่รู้ฆ่าคนไปเท่าไร
วิญญาณที่ตายใต้เท้ากองทัพเขา หากไม่เป็นสิบล้านก็ร้อยล้านดวง
แต่ว่า ราชโองการสังหารประชาชนในด่านเมืองมังกรครั้งนี้ แต่เดิมในใจของเขาก็มีความรู้สึกผิดอยู่เล็กๆ เมื่อถูกหลี่มู่ถามเช่นนี้เข้า ความรู้สึกผิดรางๆ จึงพลันถาโถมประดุจเขื่อนแตกจะจมเขาให้มิดอย่างไรอย่างนั้น กระทั่งว่าทำให้เขามีความคิดชั่ววูบว่าจะก้มหัวลง
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเทพนักรบที่เข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน จึงฝืนทำจิตใจให้มั่นคง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “คำสั่งของจักรพรรดิ ขุนพลต้องทำตาม ดำเนินตามคำบัญชา ทำอะไรไม่ได้”
หลี่มู่หยุดยืน พยักหน้าบอก “ดี เช่นนั้นเจ้าก็ตายเสีย”
จิตดาบไร้รูปร่างฟันแหวกอากาศ
หลี่หยวนป้ารู้สึกเพียงเย็นเยือกไปทั้งร่าง ดั่งถูกเสือร้ายบรรพกาลจ้องมอง อันตรายที่ไม่เคยพบมาก่อนหอบม้วนมา ทวนวงเดือนในมือเขาเกิดจิตวิญญาณขึ้นได้จากการฆ่าฟัน เหมือนว่ามันก็สัมผัสถึงอันตรายได้ จึงสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ร้องคร่ำครวญอยู่แว่วๆ เขาเพิ่งสะบัดอาวุธเทพที่สร้างชื่อมาด้วยกันและนำชื่อเสียงบารมีมากมายมาให้เขา พลังฝึกยังไม่ทันได้ปะทุออกมาก็ได้ยินเสียงเคร้ง มือทั้งสองคลายลง…
อาวุธเทพทวนปราบปีศาจที่สั่นสะเทือนทั้งฉินตะวันตกและซ่งเหนือหักลงแล้ว
อาวุธเทพซึ่งเคียงข้างเขาในสงครามตลอดทั้งชีวิตหักครึ่ง ขาดเป็นสองท่อนจากตรงกลางคามือเขา
ความเหนื่อยล้าที่ไม่เคยมีมาก่อนประดังประเดเข้ามาราวคลื่น
หลี่หยวนป้ารู้สึกแค่ว่าภาพเบื้องหน้ามืดดับ แม้แต่แรงจะยืนก็ถูกสูบออกไป
“ท่านแม่ทัพใหญ่…”
“ใต้เท้า!”
“แม่ทัพ”
ทหารคนสนิท ผู้ใต้บังคับบัญชา และขุนพลคนสนิทที่อยู่รอบๆ พุ่งมาทันใด จากนั้นฟ้าดินก็พลิกตลบ
“รบมาทั้งชีวิต วันนี้ข้าขอลาแล้ว”
เขาอยากหัวเราะ แต่หัวเราะไม่ออก ชื่อเสียงบารมีที่ได้มาจากการสังหารและความรู้สึกของการมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ ท้ายที่สุดก็จบลงในการสังหารฆ่าฟัน
หลี่หยวนป้าล้มลงไปช้าๆ
ร่างของเขาขาดเป็นสองท่อน เช่นเดียวกับทวนปราบปีศาจในมือ
เทพนักรบแห่งยุคของฉินตะวันตกดับดิ้น
ทหารฉินตะวันตกที่อยู่รอบๆ เผยสีหน้าโศกสลด พริบตานั้นเหมือนถูกพรากสิ่งสำคัญไป ในใจคล้ายมีอะไรพังครืน
“ฆ่า!”
“ฆ่ามัน”
“แก้แค้นให้แม่ทัพใหญ่”
เหล่าทหารคนสนิทพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ในดวงตาของหลี่มู่ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย จิตดาบม้วนออกมา เศษแขนขาปลิวว่อนไปทั่ว เลือดสาดกระจายบนพื้น สนามพลังจิตดาบม้วนกวาด ยอดฝีมือของสำนักต่างๆ รอบด้านที่ออกรบและผู้แข็งแกร่งในกองทัพต่างล้มระนาวราวเกี่ยวข้าว
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
“จักรพรรดิฉินหมิง ยังไม่ออกมาอีกหรือ?”
แววตาของหลี่มู่เย็นเยียบ จิตดาบนับไม่ถ้วนหลอมรวมกันเป็นทรงดาบ จากนั้นหันทิศฟันไปยังจวนเจ้าเมืองเสมือนดาบสวรรค์ที่ดิ่งลงมาจากเบื้องบน
เมฆหมอกสีดำปานน้ำหมึกสิบสายหมุนวน ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นเกราะแสงที่มีอักขระเคลื่อนไหวครอบจวนเจ้าเมืองเอาไว้
“หืม? พลังปีศาจนอกพิภพ?”
หลี่มู่มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นพลังค่ายกล อีกทั้งไม่ใช่วิชาของโลกใบนี้ แต่ว่านี่ก็อยู่ในความคาดหมาย วันนั้นตอนจักรพรรดิฉินหมิงสู้ที่สำนักขุนคีรีก็เพียงมาเยือนด้วยร่างมายา แต่พลังที่สำแดงออกมาไม่ใช่ของโลกนี้ มีความเกี่ยวข้องกับนอกพิภพ
“เนตรสวรรค์…ทำลายมัน”
เนตรสวรรค์ของหลี่มู่มองไป ก็ทำลายม่านพลังทันที มองเห็นว่ามีองครักษ์มารระดับเทวะสิบคนที่ทั่วร่างอยู่ใต้เกราะดำยืนอยู่ทั่วทั้งสิบทิศของจวนเจ้าเมือง พลังปีศาจในกายเคลื่อนโคจร ก่อเป็นค่ายกลปกปักจวนเจ้าเมือง
“ไฟจักรพรรดิ…สังหาร!”
เขาหยิบมิติเก็บดาบออกมา เพียงขยับความคิดดาบยาวสิบเล่มก็พุ่งทะยาน ทุกเล่มล้วนอาบพลังแห่งไฟจักรพรรดิ แสงดาบกะพริบวาบลอยวน วูบหายไปแล้วก็พลันกลับมาลอยอยู่ข้างกายหลี่มู่
พลังปีศาจสีดำสนิทรอบจวนเจ้าเมืองสลายไป
องครักษ์มารเกราะดำที่ยืนอยู่สิบทิศแหลกละเอียดกลายเป็นเศษเกราะสีดำ
“เต่าหดหัว ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”
ดาบยาวสิบเล่มพุ่งออกไปในพริบตา ไฟจักรพรรดิปะทุทำลายม่านพลัง ทิ้งระลอกคลื่นสิบวงไว้กลางอากาศ ดาบบินผ่าแยกท้องฟ้าและผืนดิน ฟันไปยังใจกลางสุดของจวนเจ้าเมืองแล้ว
ตูม ตูม ตูม!
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังมาจากข้างใน
ตูม!
พลังปีศาจสูงเสียดฟ้าระเบิดกระจุย
เสาเมฆดำที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าปะทุออกมา คลื่นปะทะสีดำเป็นชั้นๆ บดขยี้จวนเจ้าเมืองแห่งนี้เป็นผุยผงทันที หมอกดำอันไร้เทียมทานม้วนตัว ปกคลุมทั้งด่านเมืองมังกรเอาไว้ในหมอกมารสวรรค์ที่ทั้งน่ากลัวและประหลาดนี้โดยพลัน
ม่านตาของหลี่มู่หดเล็กลง
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น
ดาบบินสิบเล่มลอยกลับมา หลุดออกจากการควบคุมวิชาดาบเหินหาวของเขา
หลี่มู่ขยับความคิด พลังจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นจัดการทำให้ดาบสงบลง ดาบบินวาดเป็นเส้นโค้งกลางหมอกดำ ล้างพลังของจักรพรรดิฉินหมิงทิ้งแล้วกลับมาลอยข้างกายเขาอีกครั้ง
“หลี่มู่ ในเมื่อเจ้าอดรนทนไม่ไหวเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกเอง”
เงาร่างใหญ่โตร่างหนึ่งเดินออกมาจากหมอกสีดำอย่างช้าเนิบ
จักรพรรดิฉินหมิงปรากฏตัวขึ้นในที่สุด
“หากไม่ใช่ว่าข้าต้องกำจัดจิตกระบี่กลุ่มนั้นในกาย คงขยี้แมลงตัวเล็กๆ อย่างเจ้าให้ตายไปนานแล้ว เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ?” ร่างของจักรพรรดิฉินหมิงค่อยๆ ชัดเจนขึ้นท่ามกลางหมอกสีดำ สีหน้าถมึงทึงเจือแววพิโรธของผู้เป็นจักรพรรดิไว้รางๆ
หลี่มู่วางร่างของอวี๋ฮว่าหลงไว้ด้านข้างอย่างช้าๆ ความคิดขยับวูบหนึ่ง จิตดาบก็วาดค่ายกลคุมขังลงบนพื้น ปกป้องร่างอวี๋ฮว่าหลงเอาไว้ข้างใน
เขาหมุนตัวช้าๆ เดินไปยังจักรพรรดิฉินหมิงทีละก้าว
“ไม่ต้องพูดให้มากความแล้ว ไปลงนรกซะเถอะ” จิตสังหารทั่วร่างของหลี่มู่ลุกโหมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน