จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 426 มือกุมชะตาเป็นตาย
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทีของเว่ยอู่ปิ้งเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในฉับพลัน จ้องมองหลี่มู่ด้วยท่าทีอย่างผู้อยู่เหนือกว่า
เหล่าทหารต้าเยวี่ยและจางซานโมโหจนตัวสั่น
นี่คือผู้สูงส่งในเก้ายอดคนใต้หล้าที่ว่ากันหรือ?
ต่างอะไรจากโจรกัน
พวกสวี่หว่านเอ๋อร์ลู่เซิ่งหนานก็ไม่คิดว่าบัณฑิตวัยกลางคนที่ช่วยพวกตนไว้จะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ อดไม่ไหวจะเปิดปากต่อว่า แต่ถูกไป๋ม่อโฉวห้ามเอาไว้
“เจิ้งเอ๋อร์ เจ้าอย่าพูดอะไร ดูเอาไว้ให้ดี คิดให้ดีๆ นี่แหละคือยุทธจักร” ไป๋ม่อโฉวพูดผ่านจิต “เจ้าจงจำไว้ ในราชสำนักอันตรายเสียยิ่งกว่ายุทธจักร และต่ำช้ามากกว่านี้”
ฉินเจิ้งพยักหน้า
ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่พี่สาวเคยสอนเขาในยามปกติ
ในจิตใจ เขายืนอยู่ข้างเดียวกับหลี่มู่ ถึงแม้หลี่มู่จะสังหารผู้เป็นบิดาในนามของเขา
จิ้งจอกน้อยต๋าจี่กับหลงเอ๋อร์ยืนขนาบซ้ายขวาข้างไป๋ม่อโฉว
สีหน้าของเด็กน้อยทั้งคู่แตกต่างกัน
ดวงตาคู่โตของต๋าจี่มีความกังวล เริ่มแยกเขี้ยวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไอปีศาจบนร่างไหลวน เตรียมจะลงมือช่วย ‘ท่านพ่อหลี่’ แล้ว ส่วนหลงเอ๋อร์มุมปากกลับมีรอยยิ้มสุขใจบนความทุกข์คนอื่น ใบหน้ารูปไข่ทรงเสน่ห์มีสีหน้าที่ไม่เหมือนใครยิ่ง
สีหน้าขององค์หญิงฉินเจินซับซ้อน
นางเป็นองค์หญิงแห่งต้าฉิน หากพูดตามหลักการ หลี่มู่คนเดียวสังหารเชื้อพระวงศ์ต้าฉิน นางควรจะเกลียดชังแต่กลับเกลียดไม่ลง นางรู้จักกับหลี่มู่มานานแล้ว เคยเข้าใจผิดอยู่เนิ่นนาน เคยพูดคุยกับหลี่มู่จริงๆ ก็ไม่มาก กระทั่งพูดด้วยเพียงไม่กี่ประโยคด้วยซ้ำ แต่หากพูดตามเหตุและผล นางยืนอยู่ข้างพลังของหลี่มู่
เพราะว่านางรู้ ราชวงศ์ฉินตะวันตกปัจจุบันอยู่ในสภาพใด
คำว่าครอบครัวสูญสิ้นจากจิตใจของคนเหล่านั้นไปนานแล้ว
นางเริ่มกังวลแทนหลี่มู่
ส่วนผู้แข็งแกร่งจากตระกูลและสำนักโบราณที่เร้นกายจากโลกเหล่านั้น จิตใจกลับเกิดอารมณ์ตรงกันข้าม ก่อนหน้านี้ถูกพลังของหลี่มู่กดดันจนหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว ความคิดพวกเขาจึงติดขัดขึ้นมา
หากหลี่มู่ถูกคนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งสังหาร พวกเขาน่าจะได้รับประโยชน์อะไรมาบ้างกระมัง?
ฉีหวายใบหน้าเหี้ยมเกรียม ยิ้มเย็นชาเอ่ยว่า “หลี่มู่ โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว อย่าคิดว่าจะโชคดีจนเลือกทางผิดเลย ไม่ใช่แค่เจ้าที่จะตาย พวกกากเดนต้าเยวี่ยในสิบเมืองเก้าพื้นที่ต้องตายทั้งหมดด้วย”
กวนซานเยวี่ยผู้นำตระกูลกวนซานก็พูดขึ้นอย่างไม่ยอมเสียโอกาส “ถูกต้อง เจ้าสำนักบัณฑิตเว่ยจิตใจเมตตากรุณา แต่ถ้าเจ้ายังไม่รู้จักรับความหวังดี วันนี้ไม่แน่เลือดเทวะคงได้ชโลมทั่วเมืองมังกร ตระกูลกวนซานข้าก็ไม่จะเป็นแค่ผู้ชมแน่”
“ฮ่าๆ เป็นเช่นนี้เอง”
“บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะวางท่าบ้าเลือดอยู่อีก ก่อนนี้เกือบจะตกใจกลัวเจ้าเสียแล้ว ข้าว่าไม่ต้องถึงมือเจ้าสำนักเว่ยหรอก พวกเราบุกเข้าไปพร้อมกันแล้วสังหารเขาให้จบเลยดีกว่า”
“กับมารร้ายที่สังหารคนจนเป็นนิสัยเช่นนี้ ไม่ต้องยึดหลักคุณธรรมในยุทธจักรอะไรแล้ว ทุกคนลงมือพร้อมกัน ถึงต้องผลัดกันเข้าไปก็ต้องสังหารเขาให้ได้”
“กำจัดมารผดุงคุณธรรม ก็คือวันนี้”
ผู้แข็งแกร่ง สำนักโบราณ และตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายบีบเข้ามาทางจวนเจ้าเมืองอีกครั้ง เผยโฉมหน้าน่ารังเกียจกันหมดสิ้น ไม่ต่างจากหมาในที่กินซากศพกลุ่มหนึ่ง เมื่อเห็นเจ้าป่าอ่อนเพลียก็แสยะยิ้มแยกเขี้ยวเข้ามาล้อมวง
“ปกป้องใต้เท้า”
พวกจางซานมู่ชิงทะยานขึ้นหน้า ล้อมปกป้องหลี่มู่ไว้หนาแน่น
เหล่านักรบ ขุนนางทหาร และผู้แข็งแกร่งจากต้าเยวี่ยทุกคนกล่าวคำสาบานอย่างโกรธแค้นในใจ วันนี้ต่อให้ต้องตายสิบครั้ง ก็ต้องปกป้องใต้เท้าหลี่มู่เอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าต้องเสียอะไรไปก็ตาม
สถานการณ์ตึงเครียดถึงที่สุด
บนใบหน้าของหลี่มู่ จู่ๆ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
“จะเคร่งเครียดกันไปทำไม?” เขาโบกไม้โบกมือ “พี่น้องทั้งหลาย ถอยออกไปก่อนเถิด”
ฉีหวายหัวเราะลั่น “เหอะๆ ลำพังแค่มดแมลงอย่างพวกเจ้าจะปกป้องหลี่มู่ได้หรือ หลี่มู่ มารร้ายที่เข่นฆ่าคนเช่นเจ้า จนถึงตอนนี้ยังจะทำเสแสร้ง ผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก เช่นนั้นก็ตาย…”
เสียงเอ่ยยังไม่ทันสิ้น
ฉัวะ!
แสงดาบวูบผ่าน
ร่างของหลี่มู่ราวเคลื่อนย้ายในพริบตา มาปรากฏตัวด้านหน้าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ มือขวาชักกระบี่เล่มหนึ่งออกจากมิติเก็บดาบ ฟันออกไปเหมือนผ่าแตง ตัดศีรษะของฉีหวายขาดโดยพลัน จากนั้นมือซ้ายคว้าผมเอาไว้
ประดุจเด็ดแตงก็ไม่ปาน
กระทั่งคนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งยังไม่ทันรู้สึกตัว หลี่มู่ก็กลับมายืนอยู่ที่เดิมแล้ว
ดาบยาวกลับเข้าไปในมิติเก็บดาบ
แขนขวาของหลี่มู่กลับมาอุ้มทารกน้อยหลี่อันจือเหมือนเดิม มือซ้ายหิ้วศีรษะฉีหวาย เลือดเทวะหยดเป็นสาย ไหลรินอยู่บนขั้นบันไดจวนเจ้าเมือง
มือข้างหนึ่งคือทารกเพิ่งเกิด มืออีกข้างคือศีรษะที่เลือดไหลริน
หนึ่งมือกุมชีวิต หนึ่งมือกุมความตาย
มือกุมชะตาเป็นตาย
หลี่มู่ในเวลานี้ราวกับเป็นเทพสวรรค์ที่เชี่ยวชาญวิชาเกิดและตายอย่างที่แท้จริง
“อาจารย์ อาจารย์…ช่วยข้าด้วย” ศีรษะของฉีหวายยังเปล่งเสียงร้องแหลม ชัดเจนว่ายังไม่ตาย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นยอดยุทธ์อันดับสองของฉู่ใต้ มีชื่อเสียงมายาวนาน พลังกายลึกล้ำ จึงยังสามารถดิ้นรนได้
ทว่าเสียงนี้ เมื่อได้ยินถึงหูคนอื่นกลับเหมือนสายฟ้าจากสวรรค์ชั้นเก้าฟาดลงมาบนร่าง ทำเอาพวกเขาสั่นผวา ตกตะลึงลนลาน อกสั่นขวัญแขวน
ฉีหวายยอดยุทธ์อันดับสองของฉู่ใต้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งรองจากคนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งในที่แห่งนี้ แต่ศีรษะของเขากลับถูกหลี่มู่ที่ ‘เจ็บหนัก’ เด็ดลงมาราวกับเด็ดแตงโมที่ยังไม่สุกดี
ขนาดเว่ยอู๋ปิ้งก็ยังไม่ทันได้ตั้งสติและเข้าช่วยเหลือศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของตนคนนี้
กวนซานเยวี่ยผู้นำตระกูลกวนซานหัวหด คิดจะถอยหนี เขารู้แล้วว่าเมื่อครู่ตัวเองออกหน้าเร็วเกินไป ใจร้อนเกินไป
ทว่า แสงดาบวูบวาบขึ้นอีกสาย
ร่างของเขาล้มลงอย่างไร้สุ้มเสียง ขาดแยกออกเป็นสี่ห้าท่อน เลือดสดไหลนอง
“ผู้นำตระกูล…” ด้านหลังเขา ผู้แข็งแกร่งจากตระกูลกวนซานเพิ่งร้องตะโกนอย่างเดือดดาล จากนั้นก็เห็นแสงดาบสว่างวาบ ท่ามกลางจิตดาบหมุนวน ร่างหลายสิบร่วงพับลงกับพื้นดุจรวงข้าวสาลีใต้เคียวของชาวนา
เลือดสดไหลทะลักออกมาจากชิ้นส่วนศพที่กระจัดกระจาย
ยิ่งไปกว่านั้น เลือดนั้นคล้ายไหลรินออกมาได้ตลอดกาล ไม่เพียงผู้แข็งแกร่งตระกูลกวนซานหลายสิบและกวนซานเยวี่ยเท่านั้น พวกสำนักวิญญาณเหนือกับหมิงซานอ๋องที่ถูกสังหารไปก่อนหน้า ศพก็ยังคงพ่นเลือดออกมาดุจน้ำพุ เพียงพริบตาเดียว เลือดบนพื้นก็ไหลรวมกันปานแม่น้ำ
เลือดเทวะกลายเป็นเลือดธรรมดา
เลือดเทวะหนึ่งหยดก็กลายเป็นสายน้ำเลือดธรรมดาได้
คงเป็นเพราะการฝึกฝนของขั้นเทวะดูดซับเอาพลังวิญญาณในฟ้าดินเข้ามา ในเลือดจึงแฝงด้วยพลังเลือดลมมหาศาล เมื่อกลายเป็นเลือดธรรมดาจึงสามารถหลั่งไหลออกมานับพันลี้ กลายเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่
“สิบเมืองเก้าพื้นที่เจอเคราะห์ภัยจากคมดาบทหาร กลายเป็นพื้นที่รกร้างพันลี้ ผืนดินแดงราวถูกเผาไหม้ ต้องใช้เลือดเทวะหยุดยั้งพอดี เพื่อให้แผ่นดินผืนนี้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง” หลี่มู่กวาดตามองคนจากสำนักโบราณและตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ กล่าวขึ้นเรียบๆ “วันนี้ ข้าขอยืมเลือดเทวะของทุกท่านมาปลุกพลังวิญญาณแห่งดินแดนต้าเยวี่ยขึ้นใหม่ และจะใช้มันทุกหยดไม่ให้เหลือ ทุกท่านตายตาหลับกันได้”
พูดจบ แสงดาบเปล่งประกาย จิตดาบซ้อนทับเป็นชั้นๆ แผ่กระจายออกไป
วันนี้ เขาจะสังหารคนที่มาด่านเมืองมังกรทั้งหมด
คนเหล่านี้ ทุกคนเป็นวัชพืชในทุ่งข้าว ต้องตัดรากถอนโคนทิ้ง สังหารเสียให้สิ้น
เว่ยอู๋ปิ้งหน้าถอดสี
เขารู้ว่าตนประเมินพลาดไปเล็กน้อย อาการบาดเจ็บของหลี่มู่อาจไม่ได้หนักหนาเหมือนที่คิดไว้ ทว่า เขาจะยอมให้หลี่มู่สังหารยอดฝีมือจากตระกูลใหญ่และสำนักโบราณเหล่านี้ไม่ได้ คนพวกนี้ถึงแม้จะไม่สำคัญ แต่อย่างไรก็เป็นกำลังรบ
“ทะเลทรายสุดขอบฟ้า น้ำแข็งร้อยจั้ง เมฆมืดครึ้มหมื่นลี้!”
เขาพลิกหนังสือสวรรค์ถามเต๋า ขับบทกวี กระตุ้นพลังลึกลับจากหนังสือโบราณเย็บเล่ม พริบตานั้นกระบี่น้ำแข็งและดาบหิมะมากมายบินออกมาจากหนังสือโบราณ ก่อนม้วนตรงไปยังหลี่มู่
“หลี่มู่ สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะสังหารคนอย่างโหดเหี้ยมอีก เจ้ามันมารร้ายลงมาเยือนจริงๆ” ในขณะเดียวกันเว่ยอู๋ปิ้งร่างไหววูบ บุกเข้าไปทันควัน สองมือราวกับเปลี่ยนเป็นหยกขาว เงาฝ่ามือนับพันหมื่นโจมตีไปทางหลี่มู่
“ไม่รู้จักประมาณตน”
หลี่มู่หัวเราะหยัน โยนศีรษะของฉีหวายทิ้งไปข้างๆ และเข้ารับมือเว่ยอู๋ปิ้งที่โจมตีเข้ามา หนึ่งหมัดกระแทกออกไป
หมัดประทับราวมังกร
พลังหมัดราวแท่งเสา
“ตูม!” รอยประทับฝ่ามือทั้งหลายแตกสลาย สีหน้าเว่ยอู๋ปิ้งหวาดผวา รู้สึกแค่ว่าพลังมหาศาลที่น่ากลัวขุมหนึ่งบดขยี้ลงมา กายเนื้อแทบจะระเบิด ลำคอมีรสหวานก่อนอ้าปากกระอักเลือดออกมา ถูกซัดจนลอยกระเด็นทันที
“อะไรกัน?”
“เจ้าสำนักบัณฑิตเว่ย….”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เหล่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละตระกูลสูงศักดิ์และสำนักใหญ่เห็นภาพนี้ ก็รู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา คนคลั่งหนังสือเว่ยอู๋ปิ้งในเก้ายอดคนใต้หล้าถูกหลี่มู่ซัดจนปลิวในหมัดเดียว กระบวนท่าเดียวก็ตั้งรับไม่อยู่ นี่มันเกินจริงไปหรือไม่?
นั่นเป็นถึงหนึ่งในเก้าสุดยอดตำนานวิถียุทธ์แห่งยุคเลยเชียว
จากนั้นพวกเขาเศร้าโศกเสียใจปานเสียบิดามารดา เสมือนวันสิ้นโลกมาเยือน เงามืดแห่งความตายพลันปกคลุมลงมา ไม่รู้สึกว่ามีโชคใดๆ อีกแล้ว หันหลังคิดจะหนีไป
เกลียดนัก
เกลียดที่บิดามารดาให้ขามาน้อยเกิน เกลียดที่ตัวเองโง่เง่าไม่น่ามาปรากฏตัวที่นี่ และยิ่งแค้นคนกับขั้วอำนาจซึ่งปล่อยข่าวว่าหลี่มู่บาดเจ็บหนักโดยมีเจตนาอื่นแอบแฝง…
“เทวะหลี่โปรดไว้ชีวิตด้วย”
“ข้าผิดไปแล้ว”
“พวกเราไม่น่าถูกเจ้าสารเลวเว่ยอู๋ปิ้งยุยงเลย…”
“ไว้ชีวิตเถิด พวกเรายอมเข้าร่วมกับต้าเยวี่ย ยอมจำนนแล้ว”
ท่ามกลางเสียงราวผีร่ำไห้หมาป่าโหยหวน การร้องขอชีวิตดังระงม
หลี่มู่มีสีหน้าไม่แยแส ไม่ใจอ่อนสักนิด “วันนี้ พวกเจ้าไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด…ตายเสีย” คล้อยหลังเสียงของเขา การเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้น
บนกำแพงสี่ด้านรอบด่านเมืองมังกรมีแสงสว่างเคลื่อนไหว อักขระวิชาเต๋าขนาดใหญ่หลายต่อหลายตัวลอยขึ้นจากพื้น เสริมพลังให้กำแพงเมืองในพริบตา แสงสีส้มเหลืองแผ่ปกคลุมประดุจคลื่นน้ำไหลวน กลายเป็นม่านผืนใหญ่ครอบด่านเมืองมังกรเอาไว้ด้านใน
ครึ่งเทวะจากสำนักโบราณหลายคนที่ไหวตัวได้เร็วที่สุด เมื่อศีรษะสัมผัสกับม่านแสงก็ถูกสะเทือนจนกระอักเลือดและกระเด็นกลับเข้ามา
ขณะที่คุมเชิงกับคนเหล่านี้ก่อนหน้า หลี่มู่แอบใช้วิชาเต๋าเหนี่ยวนำพลังชีพจรมังกรใต้ดินของเมือง จากนั้นหยิบยืมพลังค่ายกลที่ชำรุดของด่านเมืองมังกรมา จัดวาง ‘ค่ายกลเก้ามังกรตรึงสวรรค์’ ขนาดยักษ์ และใช้มันผนึกทั้งด่านเมืองมังกรไว้
วันนี้ เขาจะสังหารพวกที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงทุกคน ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว
“หลี่มู่ สวรรค์ยังมีคุณธรรม…” เว่ยอู๋ปิ้งตะโกนขึ้น กลิ่นอายพลังไหลเวียน เพียงพริบตาก็ฟื้นอาการบาดเจ็บ ในมือกอดหนังสือสวรรค์ไร้อักษรไว้ พลังทั้งร่างพุ่งขึ้นมาถึงระดับสูงสุดโดยพลัน แรงกดดันที่แข็งแกร่งโคจรทั่ว “เป็นคนต้องรู้จักยอมถอยให้เสียบ้าง เจอกันคราวหลังยังมองหน้ากันได้ นี่จะสังหารให้สิ้นจริงหรือ?”
หลี่มู่ขี้เกียจพูดอะไรต่อ
ตูม
เขาซัดออกไปอีกหนึ่งหมัด
“อ๊าก...” เว่ยอู๋ปิ้งถูกหมัดกระแทกลอยไปอีกครั้ง ร่างกายครึ่งหนึ่งระเบิดออก เลือดสดสาดกลางอากาศ กระดูกขาวหักกระจายออกมา ต้านรับไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว พลังของสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป
คนจากสำนักโบราณและตระกูลสูงศักดิ์สิ้นหวังทันที
หลี่มู่ไม่ใช่บาดเจ็บอยู่หรือ?
ทำไมจึงแข็งแกร่งถึงระดับนี้ได้