จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 447 รวยแล้ว
เจ้าคิดว่าเจ้าฆ่าข้าได้แล้ว?
ประโยคนี้มีความหมายสองชั้น ชั้นที่หนึ่งก็คือ เจ้าคิดว่าดาบเมื่อครู่ของเจ้าตัดหัวข้าก็ฆ่าข้าได้แล้วอย่างนั้นหรือ? ความหมายชั้นที่สองก็คือ ข้าก็คือจักรพรรดิฉินหมิง เจ้าคิดว่าวันนั้นเจ้าสังหารข้าได้แล้วจริงๆ หรือ?
หลี่มู่เอียงหัวขบคิดแวบหนึ่งก็เข้าใจ ที่หัวนี้พูดหมายถึงความหมายที่สอง
จอมมารสวรรค์ก็คือจักรพรรดิฉินหมิง
หรือจะบอกว่าจักรพรรดิฉินหมิงก็คือจอมมารสวรรค์
บนความสัมพันธ์ที่มีความสัมพันธ์หลักและความสัมพันธ์รอง จอมมารสวรรค์ครองตำแหน่งผู้นำ
ร่างแยก?
“หลี่มู่ เจ้าไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลยแม้แต่น้อย”
ระหว่างที่หัวนั้นพูดเลือดก็ไหลออกปากจมูกทั้งเจ็ดทวาร จากนั้นก็ตายสนิท รวมถึงร่างที่ไอมารสวรรค์หุ้มล้อมนั่นก็เสียพลังชีวิตไปในทันที แล้วล้มกระแทกลงไป
แต่ว่า ในขณะเดียวกัน หนึ่งในองครักษ์มารสวรรค์หลายสิบคนทั่วร่างไหลวนปะทุเพลิงสีดำเหมือนถูกปรับแก้ไข พลังชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายมารสวรรค์รวมมาในกายทั้งหมด แปลงเป็นร่างสูงใหญ่ทรงอำนาจ สวมเกราะจักรพรรดิ มีกระบี่โอรสสวรรค์แขวนที่เอว หน้าตาชัดเจน สีหน้าท่าทางทรงอำนาจ ไม่ใช่จักรพรรดิฉินหมิงแล้วจะเป็นใคร
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?” ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ เดินออกมาจากกลุ่มองครักษ์มารสวรรค์หลายสิบคน กลิ่นอายทะลักล้น แข็งแกร่งไร้เทียมทาน กลิ่นอายมารสวรรค์พันล้มรอบกายประดุจพายุหมุน
“เข้าใจแล้ว” หลี่มู่พยักหน้า
ระฆังสะท้านวิญญาณดังขึ้นอีกครั้ง
หลี่มู่ลงดาบอีกครั้ง ความเร็วของร่างเมื่ออยู่ภายใต้การเพิ่มพลังจากกลวิชาขี่เมฆาเหินฟ้า ใต้หล้าไร้ผู้เทียบเทียม
“กระบวนท่าเดียวกันนำมาใช้อีกรอบ ไม่เป็นผลกับข้าแล้ว” ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ พลิกมือจับกระบี่โอรสสวรรค์หัวเราะลั่น ในขณะเดียวกัน กระบี่เหินหาวเล่มหนึ่งลอยอยู่เหนือหัวของเขาเกิดเป็นภาพมายาออกมา แปรเปลี่ยนเป็นเงากระบี่รูปพัด สกัดกั้นเสียง ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’
กระบี่เหินหาวเล่มนี้เหมือนงูสองตัวพันรัดอยู่ด้วยกัน แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ได้มาจากตำหนักสุสาน
ทว่า กลับเป็นตอนนี้เอง คนจมูกงุ้มหนึ่งในสี่ศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าพลันหยิบผีผาสีดำตัวหนึ่งออกมาจากมิติเก็บของ แล้วดีดมั่วซั่วขึ้นมาในทันที
เสียงผีผาเสียดหู เห็นได้ชัดว่ามีคลื่นโจมตีเหมือน ‘ระฆังสะท้านวิญญาณ’ ก็เห็นแสงเพลิงสี่สายลอยออกมาจากสายผีผา พันล้อมไปตาม ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ฝ่ายหลังหน้ามืดตาลาย โซเซเหมือนดื่มเมา
ส่วนหลี่มู่ก็เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวไว้นานแล้ว ร่างราวลำแสง แสงดาบส่องกะพริบ
ศีรษะของ ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ลอยอีกครั้ง
“สมควรตาย” เสียงแค้นเคืองของเขา ดังออกมาจากร่างขององครักษ์มารสวรรค์อีกคนหนึ่ง กลิ่นอายมารสวรรค์เดือดปุดเหมือนน้ำเดือด ร่างขององครักษ์มารสวรรค์ขยาย รูปกายเปลี่ยนไปเป็น ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ คนใหม่
ในขณะเดียวกัน กระบี่เหินหาวงูคู่ตัวผู้ตัวเมียสั่นสะเทือนเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นเงาบินสองทางยิงพุ่งกัดกินไปยังหลี่มู่
จิตสังหารแปลกประหลาดไหลวน
เสี้ยวขณะนั้นหลี่มู่รู้สึกแค่ร่างกายแข็งค้าง ไม่อาจตั้งตัวกลับมาได้ เหมือนโดนมนต์สะกด ความรู้สึกอันตรายขนลุกขนพองปกคุลมเขาเอาไว้
เพียงเสี้ยวขณะ ที่คอของหลี่มู่ก็มีแถบผ้าสีม่วงเส้นหนึ่ง เหมือนผ้าโปร่งบางปลิวพลิ้วกลางสายลม
กระบี่เหินหาวงูคู่ตัวผู้ตัวเมียใกล้จะตัดหัวหลี่มู่แล้วเต็มที แต่แถบผ้าสีม่วงปลดปล่อยแสงสีม่วงลึกลับ อักขระตราประทับเต๋าสีม่วงหมุนวน ปะทุพลังสะท้อนมหาศาล ดีดกระบี่เหินหาวออกไป
ขณะเดียวกัน แสงอัสนีสายหนึ่งกะพริบ
กลับเป็นกัวอวี่ชิงลงมืออีกครั้ง หอกอัสนีทะยานแทงไปก็ทะลุร่าง ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ จากนั้นพัดขนนกห้าสีแค่พัด เปลวไฟแสงห้าสีหอบม้วน เผา ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ กลายเป็นเถ้าทันที
จากนั้น กระบี่เหินหาวงู่คู่ตัวผู้ตัวเมียก็ตกสู่มือกัวอวี่ชิง
ลงมือครั้งนี้ พอดียิ่งนัก
กัวอวี่ชิงเห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญด้านลอบสังหาร เผาศพ ชิงสมบัติ ทำได้สำเร็จในรวดเดียว คล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง
เป็นถึงนายของวิหารเทพหมาป่า บุคคลในเก้ายอด ตอนนี้กลับมาเริ่มลอบฆ่า ทิ้งมาดบุคคลต้นแบบ ปล่อยตัวเป็นอิสระ อาจจะเพราะผู้อยู่ใกล้ชาดติดสีแดง ผู้ใกล้หมึกติดสีดำ อยู่กับหลี่มู่เวลาค่อนข้างนานติดนิสัยเข้าเสียแล้ว
ในขณะเดียวกัน หลี่มู่หลังจากใช้แถบผ้าสีม่วงต้านทานการโจมตีกระบี่เหินหาวงูคู่ตัวผู้ตัวเมียก็ลงมือในชั่วพริบตา มิติดาบปะทุ ภายใต้การกระตุ้นจากวิชาดาบเหินหาวอัคคีจักรพรรดิ ดาบบินหนึ่งร้อยแปดเล่มก่อเป็นพายุโลหะทั่วฟ้า สับองครักษ์มารสวรรค์สิบกว่าคนพวกนั้นกลายเป็นฝุ่นผง…
“ดูสิแกจะฟื้นคืนชีพมายังไง” ยืนชี้ดาบเก๊กท่า
ที่ไกลลิบ เด็กหนุ่มเย็นชาแบกกระบี่ชุดดำที่ดึงระยะออกห่าง พลิกมือกำกระบี่เล่มยาวข้างหลัง อยากจะลองดูเต็มที แววตาร้อนระอุ นี่เป็นคนบ้าวรยุทธ์ ทำอะไรไม่สนใจค่าตอบแทน
ผ้าดิ้นทองแสงเมฆาคลุมสองพี่น้องปู้เฟยเหยียนเอาไว้ พวกนางหยุดอยู่บนต้นไม้มหึมาที่กลายเป็นหินต้นหนึ่งที่อยู่ห่างออกมาสองลี้ สังเกตการณ์อยู่เช่นกัน
ส่วนทารกเผ่าผู้วิเศษหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ คนผอมสูงศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าก็ไล่ตามทัน ของวิเศษเต๋ากระบองสั้นโลหะในมือโจมตีออกไป หนักดุจเขาไท่ซาน แสงทองเพียงส่องประกาย เสียงบทสวดดังออกมา พลังทำลายล้างอันเมตตาทะลักล้น จะสังหารชายหญิงเผ่าผู้วิเศษให้สิ้นซาก
“กระบองสังหารมาร?” ปู้เฟยเหยียนที่อยู่ไกลลิบสีหน้าตื่นตะลึง สายตาจับจ้องอยู่ที่กระบองโลหะสั้นนั่น พลางเอ่ยเสียงต่ำ
เด็กทารกนั่นกรีดร้อง กระเด็นหลุดจากคอของสาวน้อยหน้าตางดงามที่ขี่อยู่ ที่ขามีรอยเลือด…
ที่แท้ก่อนหน้านี้ ขาทั้งสองของเขาหยั่งรากอยู่ในกายของสตรีสาวงดงามคนนั้น เหมือนต้นไม้ใหญ่หยั่งรากดูดซึมสารอาหาร เลือดลมร่างกายของนางเป็นเพียงแค่เนื้อหนังที่เอาไว้ดูดซึมสารอาหารก็เท่านั้น
ทารกหลังจากหลุดไปแล้ว เด็กสาวงดงามบริสุทธิ์ราวดอกไม้สวยสดบานสะพรั่งคนนั้นดวงตาทั้งสองไหลรินด้วยน้ำตาเลือด จากนั้นก็ตัวอ่อนยวบล้มลงไปบนพื้น สูญสิ้นพลังชีวิตทั้งหมด
รูเลือดน่าตกใจสองรูที่คอด้านหลังของนาง เป็นตำแหน่งขาของทารกเผ่าผู้วิเศษที่เจาะลงไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
“ ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’? ” ปู้เฟยเหยียนเห็นฉากนี้ม่านตาก็หดลง “หรือมารผู้วิเศษจะกลับชาติลงมาเกิดบนโลกใบนี้? กัดกินร่างแม่ฟื้นฟูพลังฝึกตน?”
นั่นเป็นวิชาเวทที่ชั่วร้ายที่สุด มารผู้วิเศษใช้วิธีกลับชาติมาเกิดมาเยือนบนโลกใบนี้ จากนั้นก็กัดกินเลือดเนื้อมารดาผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูตนเอง มาชดเชย เสริมพลังเวทของตัวเองเพื่อฟื้นฟูวิชาไสยเวท วิชากู่ไสยเวทชนิดนี้ชั่วร้ายเหี้ยมโหด เป็นวิชากัดกินมารดา เป็นวิชาที่กฎแห่งธรรมชาติไม่ยอมรับมากที่สุด ดังนั้นจึงถูกขนานนามว่า ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’
เผ่าผู้วิเศษก็มีแบ่งแยกดีชั่ว วิชา ‘กู่ไสยเวทไร้มโนธรรม’ เป็นหนึ่งในสายของวิชาไสยเวทต่างๆ ในห้วงดาราสมุทร เป็นประเภทวิชาต้องห้าม มีเพียงมารผู้วิเศษที่ตกเข้าสู่สายมารแล้วโดยสิ้นเชิงเท่านั้นถึงจะสำแดงวิชานี้ได้
“หลี่มู่ เจ้าตายแน่แล้ว ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่…” เพียงพริบตา ทารกเผ่าผู้วิเศษก็แปลงเป็นแสงเลือดทางหนึ่ง หนีหายเข้าไปในป่าต้นไม้กลายเป็นหินนอกอารามอู่จวง
คนผอมสูงศิษย์สำนักกำเนิดฟ้ากลับมาด้วยใบหน้าลนลาน เหมือนเด็กประถมทำการบ้านไม่เสร็จ เอ่ยอย่างตื่นตระหนก “นายท่าน ท่านฟังข้าอธิบาย ข้าสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ไม่ได้แอบขี้เกียจแน่นอน”
หลี่มู่พยักหน้า ไม่พูดอะไร
วิชาของทารกเผ่าผู้วิเศษนั่นแปลกประหลาดชั่วร้ายยิ่งนัก ไม่ใช่วิชาดีอะไรแน่นอน
เขาเปิดเนตรสวรรค์กวาดมองรอบด้าน มองหาตำแหน่งที่พลัง ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ตั้งอยู่ ก็พลันเห็นไอมารสวรรค์สีดำดุจหมึกราวสายอัสนีหลบหนีไปนอกอารามอู่จวง กำลังหนีไปทางทิศตะวันตก…
“จะหนีไปไหน?”
ในเนตรสวรรค์ของหลี่มู่ แสงอัสนีเทพสีม่วงหมุนวน ดวงตากลางหน้าผากเปิดออกโดยสมบูรณ์ อักขระสายฟ้าละเอียดถี่แน่นไหลวน หลังจากรวบรวมพลังแล้ว อัสนีเทพทางหนึ่งก็ยิงออกมาจากดวงตา ราวกับเทพมังกร รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ฉีกทึ้งกลิ่นอายมารสวรรค์กลุ่มนั้นแหลกละเอียด
เนตรอัสนี
เสียงน่าอนาถดังออกมาจากไอมารสวรรค์ที่แหลกสลาย
ไอมารสวรรค์กลุ่มนั้นแปรเปลี่ยนละอองหมอกเป็นกลุ่มเป็นเส้นอีกครั้ง หนีไปทั่วทุกสารทิศ
“ตายแล้ว หรือยังไม่ตาย?” หลี่มู่ไม่แน่ใจ
ตอนนี้ เทวะเสียไห่ตัดสินใจหนีไปนอกสวนผลไม้อย่างเฉียบขาด
เขานับว่ามองปรุโปร่งแล้ว รู้ว่าคนมากมายที่นี่ไม่ใช่คู่มือของหลี่มู่เลย ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ลำพังอาศัยแค่อาวุธวิเศษเต๋าของล้ำค่าที่เป็นตัวช่วยมากมายพวกนั้น ก็มากพอจะบดขยี้พวกเขาแล้ว
หลี่มู่ได้ของวิเศษจากในตำหนักสุสานเทพสวรรค์ไปมากมาย เทียบกับพวกเขาที่คนหนึ่งถือว่าได้กันไปคนละชิ้นก็นับว่าเป็นผลเก็บเกี่ยวมหาศาลแล้ว โชคของหลี่มู่ค่อนข้างเหลือเชื่อนัก
หรือโชคจะอยู่กับเขาจริงๆ?
เทวะเสียไห่ดับความคิดที่จะสู้กับหลี่มู่ หนีเอาชีวิตรอดไว้ก่อน แต่ว่า เขาไม่ได้หนีออกไปข้างนอกอารามอู่จวง แต่กลับซ่อนไปในห้องฝึกพรตในที่ลึกห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว…
จอมมารจันทราโลหิตกลัวจนฉี่แทบราด ตามติดไปประหนึ่งเงา
หลี่มู่ความคิดเพียงขยับ ดาบบินร้อยแปดเล่มก็พุ่งสังหารไปข้างหลังเทวะเสียไห่
คนที่อยู่ที่นี่วันนี้ไม่มีดีสักตัว ผู้ฝึกฝนนอกพิภพที่มาเยือนล้วนสมควรสังหาร คดีสังหารโหดต่างๆ ล้างเมือง ล้างสำนักในซ่งเหนือและฉินตะวันตก หลี่มู่ได้ยินมาจากปาเสียนอ๋องอยู่บ้าง รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
กลับเห็นเทวะเสียไห่ร้องเสียงประหลาด ยกมือโยนค้อนสีม่วงทองขนาดเล็กอันหนึ่งไปข้างหลังอย่างไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
ค้อนนั่นพลังเพิ่มพูน ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุบดาบบินร่วงในทีเดียว ท่ามกลางเสียงโลหะเคร้งๆ ดังระรัว ดาบบินหนึ่งร้อยแปดเล่มหักไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ส่วนค้อนสีม่วงทองก็บินกลับไปสู่มือเทวะเสียไห่อีกครั้ง
ร่างของเทวะเสียไห่และจอมมารจันทราโลหิตหายลับไป
หลี่มู่ขมวดคิ้ว พลังจิตวิญญาณดูดดาบบินที่แตกหักเหล่านั้นกลับเข้าไปในมิติดาบ ช่วงเวลาสุดท้าย ค้อนสีม่วงทองที่เทวะเสียไห่ทุ่มออกมาเห็นได้ชัดว่าเป็นของเวิเศษเต๋าในตำหนักสุสานเทพ ทำลายดาบบินที่ชิงเฟิงหลอมออกมาได้ ก็นับว่าสมเหตุสมผล
ท่าทางเทวะเสียไห่ใช่ว่าจะไร้ซึ่งผลเก็บเกี่ยวใดๆ ซ้ำยังได้เป็นสมบัติรักษาชีวิตอีกด้วย
หอกอัสนีทะยานในมือของกัวอวี่ชิงชี้ไปยังเด็กหนุ่มเย็นชาแบกกระบี่ชุดดำ
เด็กหนุ่มคนนั้นสีหน้าดิ้นรนเล็กน้อย หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็กัดฟันก่อนเอ่ย “โชคดี ของวิเศษเยอะ ใช้พลังเสริม ไม่ใช่ความสามารถ ข้าจะต้อง กลับมาแน่” ยังคงเป็นประโยคละสามคำเช่นเดิม แต่ความหมายแสดงชัดเจน นั่นคือบอกว่าพวกหลี่มู่โชคดี หาของวิเศษเต๋าได้มากมาย แต่ยืมพลังจากภายนอกหาใช้ความสามารถที่แท้จริงของตัวเอง เขาจะต้องกลับมาท้าดวลอีกแน่นอน
หลี่มู่ไม่ได้ไล่ตามเด็กหนุ่มคนนี้
เขามองไปยังแสงประกายยันต์แปดทิศลายเมฆาที่อยู่ไกลลิบ
ปู้เฟยเหยียนใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ได้โจมตีสหายของเจ้านะ แต่ว่า หลี่มู่ ไม่มีประโยชน์ เจ้าเอาชนะลูกศิษย์ผู้ฝึกฝนสำนักนอกพิภพบางสำนักไม่ได้ ผ่านไปอีกชั่วระยะหนึ่ง เมื่อผู้แข็งแกร่งชั้นยอดพวกนั้นมาเยือน ต่อให้เจ้ามีอาวุธวิเศษมากมาย ก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขา ความแตกต่างของขอบเขตห่างชั้นกันเกินไป มิสู้เจ้ากับข้าร่วมมือกันเป็นเช่นไร?”
นางลองโน้มน้าวหลี่มู่
หลี่มู่พยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวสาร หัวเราะเอ่ยขึ้น “พี่สาวพูดได้มีเหตุผลแฮะ อีกทั้งเราสองคนสัมผัสใกล้ชิด ทั้งยังไม่ได้เจอกันแค่ครั้งแรกอีกด้วย แน่นอนว่าร่วมมือกันได้ อย่างนี้แล้วกัน ท่านทั้งสองมานี่สิ พวกเรามาหารือกันเป็นอย่างไร”
ปู้เหยเหยียนหน้าเปลี่ยนสี เอ่ยกัดฟันกรอด “หลี่มู่ใช่ไหม ข้าจำเอาไว้แล้ว ขุนเขาและสายวารียังมีวันเวียนมาพบกันได้ เชื่อข้า พวกเราจะได้พบกันในเร็ววันนี้แน่” พูดจบก็กระตุ้นผ้าดิ้นทองแสงเมฆาพาน้องสาวถอยไปอย่างรวดเร็ว
นางไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่ามองออกว่า หลี่มู่ถึงจะยิ้มแย้มชวนเชิญ แต่นั้นก็แค่คิดจะหลอกพวกนางสองพี่น้องให้เข้าไปใกล้ จากนั้นก็ลงมือ ใจมีความคิดจิตสังหาร
“ผู้หญิงนี่หลอกยากจริงๆ”
หลี่มู่ไล่ตามไปไม่ทัน จึงเอ่ยอย่างทอดถอน
คนอื่นๆ จนคำพูดไปในทันที
แม้แต่ผู้หญิงยังหลอก หน้าไม่อาย
จนตอนนี้ กลุ่มความร่วมมือผู้ฝึกฝนอ่อนแอสำนักห้วงดาราสมุทรนอกพิภพที่แต่เดิมจับกลุ่มกันชั่วคราวเพื่อชิงผลเซียน แทบจะถูกหลี่มู่และกัวอวี่ชิงอีกทั้งลูกศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าทั้งสี่โจมตีบดขยี้จนไม่ตายก็บาดเจ็บ หนีหายไปทั้งหมด
อ่อนด้อยสิ้นดี
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ชาวดาวพื้นเมืองจะกลายเป็นผู้ชนะ
จนถึงตอนนี้หวางซืออวี่ถึงได้โล่งใจ
หมิงเยวี่ยหัวเราะฮิๆ ขึ้น
นิ้วมือขวาทั้งห้าที่กำที่พักมือรถเข็นเอาไว้แน่นของชิงเฟิงในที่สุดก็คลายลง
หยวนโห่วเก็บกระบองทองในมือลง
“นายท่าน” ลูกศิษย์สำนักกำเนิดฟ้าทั้งสี่เดินมา มือทั้งสองทูนระฆังสะท้านวิญญาณ สากกระแทกใจ ผีผา กระบองสังหารมารและถุงสมบัติสีสันสดใสพร่างพราวอย่างนอบน้อม ส่งมอบสมบัติคืน
หลี่มู่ฝึกฝนของวิเศษเต๋าพวกนี้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว แค่ให้พวกตนได้ใช้ชั่วคราวเท่านั้น ตอนนั้นจึงไม่ลังเล เก็บกลับคืนไปทั้งหมด
“ฮ่าๆ มา แบ่งสมบัติกัน ได้กันทุกคน” หลี่มู่พูดกับพวกหมิงเยวี่ย
ครั้งนี้ ผลเก็บเกี่ยวมากมายจริงๆ
“เสี่ยวหยวน นี่ให้เจ้า”
เขาโยน ‘กระบองสังหารมาร’ ให้หยวนโห่ว
กระบองโลหะสั้นอันนี้ถืออยู่ในมือก็เบาราวต้นหญ้า แต่เมื่อโจมตีไปบนร่างกายศัตรูกลับหนักราวดวงดาวข้างในแฝงด้วยพลังทำลายล้างอันเมตตามหาศาล เป็นของวิเศษเต๋าสังหารสู้ซึ่งหน้าระยะประชิด เหมาะกับทางหยวนโห่ว
“ขอบคุณนายท่าน” หยวนโห่วลิงโลด
มันฝึกฝน ‘กระบองสังหารมาร’ ควบคุมได้อย่างอิสระอย่างรวดเร็ว ทรงพลานุภาพกว่ากระบองทองที่ตนใช้ทองหลอมออกมาเมื่ออยู่ที่ฟ้านิจนิรันดร์หลายพันเท่า อีกทั้งความสั้นยาวก็เปลี่ยนแปลงได้ตามใจ
“ ‘สากกระแทกใจ’ นี่ให้เจ้าหน้ามึน” หลี่มู่มอบ ‘สากกระแทกใจ’ ให้หมิงเยวี่ย ไม่เหมือนกับ ‘กระบองสังหารมาร’ ‘สากกระแทกใจ’ เหมาะกับการลอบโจมตี ปะทุพลังในระยะใกล้ สามารถสั่นคลอนจิตใจ เสริมกับ นิมิตประหลาด ‘บัวขาวกลางฟ้าคราม’ ของหมิงเยวี่ยเป็นที่สุด
ส่วนถุงสมบัติสีสันสดใสพราวพร่างหลี่มู่มอบให้ชิงเฟิง
ในถุงสมบัติใบนี้มีหินห้าสีมากมาย หลังจากฝึกฝนแล้ว ขอแค่ผู้ครอบครองเพ่งพลังจิตวิญญาณเล็งเป้าคู่ต่อสู้ ก็จะยิงโดนไม่มีพลาด คล้ายกับอาวุธลับ เหมาะกับการโจมตีดึงระยะ เหมาะกับรูปแบบการต่อสู้ของชิงเฟิง
“กระบี่งูคู่ตัวผู้ตัวเมียนี่ให้หมิงเยวี่ยน้อยก็แล้วกัน” กัวอวี่ชิงยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นอีก “ ‘เกราะไฟเทพมังกรเก้าตัว’ ชิงเฟิงก็สามารถใช้มันได้” ของสองสิ่งนี้เป็นสมบัติที่ชิงเอามาจากเยวี่ยกั๋วเซียงและ ‘จักรพรรดิฉินหมิง’
หลี่มู่ยิ้มรีบทัดทาน “ไม่ได้ พี่ใหญ่ พวกเราตกลงกันแล้วนี่ อาศัยที่ความสามารถ ใครได้ไปก็เป็นของคนนั้น ของสองสิ่งนี้ท่านเก็บไว้ให้พี่สะใภ้ หลานชายหลานสาวเถอะ เอาไว้ป้องกันตัวเองดีมาก อีกทั้งของวิเศษเต๋าเช่นนี้มีมากไม่ดี หากเอาแต่พึ่งมากไปกลับจะทำให้พลังฝึกตนไม่พัฒนา”
ชิงเฟิงและหมิงเยวี่ยก็ปฏิเสธเช่นกัน
กัวอวี่ชิงจึงได้แต่ล้มเลิก
หลี่มู่ดึงแถบผ้าสีม่วงที่คอของตนมอบให้หวางซืออวี่ “นี่คือ ‘อาภรณ์เซียนแถบผ้าสีม่วง’ ของวิเศษเต๋าประเภทป้องกันหายาก ข้าจะช่วยใช้เลือดเจ้าฝึกฝนยอมรับเป็นนาย มันสามารถต้านทานการโจมตีของวิเศษเต๋าทุกอย่าง ทั้งยังสามารถสกัดกั้น ต้านทานการโจมตีจากผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์ เหมาะกับเจ้าที่สุด ”
พูดแล้วเขาก็ไม่ถามความสมัครใจจากหวางซืออวี่ จับมือเพื่อนร่วมโต๊ะ แตะปลายนิ้วของนาง เอาเลือดออกมาหยดหนึ่ง ช่วยนางให้ ‘อาภรณ์เซียนแถบผ้าสีม่วง’ ยอมรับเป็นนาย
หวางซืออวี่มองหลี่มู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ปล่อยให้เข้าจับมือตัวเองตามใจ
ไม่นาน ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่งก็ทะลักมาในใจ ในสมองมีข้อมูลแปลกประหลาดอย่างหนึ่งเพิ่มเข้ามา เป็นวิธีควบคุมและพลังการป้องกันของ ‘อาภรณ์เซียนแถบผ้าสีม่วง’
แต่ต่อมา ในใจของหวางซืออวี่ก็เกิดความรู้สึกผิดหวังและไร้เรี่ยงแรงอย่างหนักหน่วง ประหนึ่งน้ำทะเลที่ท่วมจมนาง เพราะต่อให้รู้วิธีควบคุม ‘อาภรณ์เซียนแถบผ้าสีม่วง’ นางก็ไม่อาจควบคุมมันได้อยู่ดี เนื่องจากไม่อาจถ่ายทอดค่ายกลของอาภรณ์เซียนเข้าไปในปราณแท้ได้
‘อาภรณ์เซียนแถบผ้าสีม่วง’ อยู่บนร่างของนางก็เป็นแค่ของวิเศษที่ทำได้แค่ป้องกันชิ้นหนึ่งเท่านั้น กลับจะเป็นการสิ้นเปลืองของวิเศษชิ้นนี้ ก่อนหน้านี้หลี่มู่ใช้ ‘อาภรณ์เซียนแถบผ้าสีม่วง’ แม้แต่‘กระบี่งูคู่ตัวผู้ตัวเมีย’ ยังโดนสกัดกระเด็นเชียวนะ
แต่ว่า ใบหน้าของหวางซืออวี่ไม่แสดงสีหน้าผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น กลับเอ่ยอย่างเบิกบานด้วยซ้ำ “ขอบคุณพี่มู่” ตอนนี้ยังอยู่ในสุสานเทพ ยังคงมีอันตราย นางไม่อยากให้หลี่มู่เสียสมาธิเพราะตัวเอง
หลี่มู่ยิ้มพยักหน้า
จากนั้น เขาก็ใช้เนตรสวรรค์แยกส่วนพันธนาการมิติเก็บของของที่พวกเยวี่ยกั๋วเซียง ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ หญิงชราไม้เท้าดำทำตกเอาไว้ เริ่มทำการ ‘แกะพัสดุ’
คนพวกนี้มีภูมิหลังเป็นสำนักเซียนห้วงดาราสมุทร แน่นอนว่าสิ่งสะสมมากมายหลากหลาย นอกจากวิชา ตำราลับแล้ว มีพวกหินดารา หินแร่ ของวิเศษมากมายจริงๆ ด้วย
หลี่มู่กวาดตาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรก็เก็บเอาไว้ทันที
“เอ๋? หินผลึกชนิดนี้นี่?”
หลี่มู่เจอหินผลึกสีเงินแปลกประหลาดร้อยกว่าก้อนจากในมิติเก็บของของหญิงชราไม้เท้าดำ ในหินมีลวดลายธรรมชาติ เหมือนจะเป็นค่ายกล และยังมีพลังอันแข็งแกร่งที่สามารถสัมผัสได้ อีกทั้ง รูปร่างลักษณะยังแทบจะเหมือนกันหมด น้ำหนักก็เท่ากัน ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เขาเอาออกมาถามจมูกงุ้ม
จมูกงุ้มตาเป็นประกาย “นายท่าน นี่คือผลึกเซียน หินแร่ที่แฝงด้วยพลังดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่ง ในห้วงดาราจักรเทพวีรชนเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย เป็นเงินตราชนิดหนึ่ง เทียบได้กับเงินทองของโลกใบนี้” จินตนาการได้ว่า หินผลึกที่หลี่มู่ได้มาไม่ใช่แค่ก้อนเดียวแน่นอน
หลี่มู่ตาเป็นประกาย
เจ้านี่มันก็คือ RMB[1] ในห้วงดาราสมุทรนี่เองสินะ
เขาเคยคิดเอาไว้นานแล้วว่าผู้ฝึกฝน สำนักในห้วงดาราสมุทรไม่มีทางใช้ของดาษดื่นอย่างพวกเงินทองมาใช้เป็นเงินตรา ดังนั้นจะต้องมีของบางอย่างที่มีคุณค่าที่เอามาแทนที่ได้ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร ตอนนี้รู้แล้ว
ผลึกเซียน
หลี่มู่ถามอีกประโยค จากคำบอกของจมูกงุ้ม ประเมินกำลังซื้อของผลึกเซียนนี่คร่าวๆ ผลึกเซียนหนึ่งร้อยกว่าก้อนของหญิงชราไม้เท้าดำนับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว ยกตัวอย่างง่ายๆ ผู้แข็งแกร่งทะลวงสวรรค์หลังจากก้าวไปในห้วงดาราสมุทร หากไม่ได้พบโอกาสพิเศษอะไร หรือพลังไม่อาจยกระดับได้อย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ ประมาณห้าสิบปีก็ยังเก็บสะสมผลึกเซียนไม่ได้มากถึงขนาดนี้
ผลเก็บเกี่ยวเหนือความคาดหมายนี่นา
หลี่มู่หัวเราะคิกคัก
ยังไงไม่ช้าก็เร็วต้องก้าวไปในห้วงดาราสมุทรอยู่แล้ว รวบรวมทรัพย์สมบัติเอาไว้ล่วงหน้าก็ดีเหมือนกัน อย่างไรเสียเงินอีแปะเดียวก็ทำให้วีรบุรุษผู้กล้าตกที่นั่งลำบากได้ มิฉะนั้น วันหน้าในห้วงดาราสมุทร แม้แต่จะกินบะหมี่ชามหนึ่งยังไม่มีปัญญา
จากนั้น หลี่มู่ก็มองไปในมิติเก็บของของเยวี่ยกั๋วเซียง
แค่มองหลี่มู่ก็ตาลาย
รวยเละแล้ว
……………………………………………………
[1] RMB คือตัวย่อสกุลเงินของจีน หรือก็คือหยวน