จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 455 ฆาตกรหมิงกวง?
“เจ้าลิงนี่…” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงทำตัวไม่ถูก แต่ก็รับชามหยกมาแล้วดื่มลงไปรวดเดียวอย่างไม่ลังเล ก่อนจะส่งคืน “ข้าเกรียงไกรอยู่ในแดนดาราจื่อเวยมาชั่วชีวิต ไม่เคยขอร้องผู้ใด ไม่นึกว่าสุดท้ายจะติดค้างบุญลิงดื้ออย่างเจ้าเสียได้…”
ระหว่างพูดก็เห็นร่างกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์
ผมขาวบางบนศีรษะค่อยๆ ดกหนาขึ้น ผิวหน้าเหี่ยวย่นเหมือนเปลือกส้มตากแห้งเนียนเปล่งปลั่งดั่งดินแตกแห้งได้น้ำรด รอยเหี่ยวย่นหายไป ผิวแห้งเหี่ยวแวววาว อ่อนเยาว์ขึ้นเหมือนเวลาไหลย้อนกลับบนร่างเขา
ตอนนี้จักรพรรดิเซียนหมิงกวงฟื้นฟูพลังคืนมาบ้างแล้ว พลังปราณภายในเพียงพอ ใบหน้ามีเลือดฝาด ประหนึ่งคนแก่อายุหนึ่งร้อยปีกลายเป็นชายกลางคนอายุห้าหกสิบ
เขานั่งหลับตาบนเก้าอี้หิน และโคจรพลังวิชา
เพียงชั่วพริบตาพลังฟ้าดินทั่วทั้งเขาห้าองคุลีก็เหมือนคลื่นทะลักล้น โหมบ่าเข้ามาในกายของเขา กระแสอากาศที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าแฝงแรงกดดันมหาศาลไว้ พวกหลี่มู่ตื่นตะลึง จำต้องเดินถอยหลังไปไม่หยุด
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงในเวลานี้ ในที่สุดก็สำแดงพลังแท้จริงที่น่าหวาดกลัวของเขาออกมา อักขระโปร่งแสงที่แน่นขนัดหมุนวนรอบกาย พลังฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพายุหลั่งไหลเข้าไปในกายเขา ในขณะเดียวกัน ในกายของเขาก็มีพลังลึกลับมหาศาลขุมหนึ่งเคลื่อนไหว มากพอที่จะทำให้สรรพชีวิตทั้งหลายรู้สึกหวาดกลัว
นี่คือพลังของจักรพรรดิเซียนอย่างนั้นหรือ?
หลี่มู่กับกัวอวี่ชิงมองตากัน
แข็งแกร่งมาก
แข็งแกร่งจนพวกเขาในตอนนี้แทบจะไม่อาจเข้าใจ
นี่คือความแตกต่างของขอบเขตพลังและระดับชั้นอย่างหนึ่ง
ไอเซียนไหลวนท่วมท้น ทำให้จักรพรรดิเซียนหมิงกวงที่อยู่ในคลื่นวนพลังฟ้าดินมีพลานุภาพและอำนาจมหาศาล เสมือนดั่งผู้สูงส่งสูงสุดก้มมองจักรวาล พวกหลี่มู่จำต้องถอยแล้วถอยอีก จนสุดท้ายถอยห่างออกไปสองลี้ถึงจะพอต้านทานพลังอำนาจชนิดนี้ได้
หลังจากนั้นหนึ่งถ้วยชา จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหยุดปรับลมหายใจ
หน้าตาของเขาอ่อนเยาว์ลงอีกเล็กน้อย ผมขาวโพลนเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ริ้วรอยบนใบหน้าหายไปโดยสมบูรณ์ แววตาก็สว่างเป็นประกาย ร่างกายเปลี่ยนสูงใหญ่กำยำไม่โค้งค่อม มีรัศมีอำนาจแผ่ออกมาอย่างเงียบงันตามธรรมชาติ
กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นกลุ่มนั้นแฝงอยู่ในกายของเขา ก่อนจะค่อยๆ สัมผัสไม่ได้
“ท่านอาจารย์ ท่านฟื้นกำลังแล้วหรือ?” หวางซืออวี่วิ่งมา ถามอย่างดีใจ
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงมองลูกศิษย์ที่ตนรับมาใหม่ แววตาอ่อนโยน เอ่ยตอบว่า “ง่ายแบบนั้นเสียที่ไหนกัน บาดเจ็บจนถึงรากฐาน ต่อให้เป็นผลทารกทั้งลูกก็ไม่มีทางเห็นผลในวันเดียว เลือดหนึ่งถ้วยแค่ทำให้อายุขัยของข้ายืนยาวขึ้นอีกหน่อย จะฟื้นฟูรากฐานพลังจำต้องคิดหาวิธีอื่น”
พวกหลี่มู่ก็เดินมาแสดงความยินดีกับจักรพรรดิเซียนหมิงกวงด้วย
“ท่านปู่รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?” หมิงเยวี่ยพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ในกายของท่านมีเลือดของข้าแล้ว ฮิๆ เอาอีกชามหนึ่งหรือไม่?”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงส่ายหน้า “เจ้าเด็กนี่…ไม่ต้องแล้ว เลือดหนึ่งชามกับเลือดสิบชามมีผลเหมือนกัน สรรพคุณของผลทารกแทรกซึมอยู่ในร่างกายของพวกเจ้าแล้ว ไม่ใช่แค่ในเลือดเท่านั้น ทั้งยังปรับเสริมร่างกายของพวกเจ้า ฤทธิ์ยาสำแดงพลังไปแล้วส่วนหนึ่ง ไม่ครบถ้วนแล้ว”
หลี่มู่เอ่ย “ผู้อาวุโส พลังแท้จริงของท่านฟื้นคืนแล้วใช่หรือไม่ จะสยบสำนักนอกพิภพพวกนั้นได้ไหม?”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงยิ้มเล็กน้อย มองไปยังที่ไกล “พวกเขามาแล้ว”
พวกหลี่มู่ตกใจ มองไปยังเส้นทางที่เข้ามา
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ก็เห็นบนเส้นขอบฟ้าไกลโพ้นมีร่างหลายร้อยร่างพุ่งแหวกอากาศมาดุจธนูพุ่งจากคันศร รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่า พลังการรับรู้ของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงอยู่เหนือพวกหลี่มู่ สัมผัสรู้ล่วงหน้าก่อนถึงหนึ่งถ้วยชา นี่ยิ่งทำให้พวกหลี่มู่ยากที่จะประเมินพลังของเซียนผู้นี้ ในใจเกิดความหวาดกลัวเข้มข้น
ครู่หนึ่ง คนจำนวนมหาศาลจากสำนักนอกพิภพก็มาถึงด้านนอกรั้วลานบ้าน
พวกหลี่มู่ตื่นตกใจ ไม่คิดว่านอกจากสำนักมารฟ้าและวังประสานฟ้าที่พบกันก่อนหน้านี้แล้ว จะยังมีคนของสำนักนอกพิภพมามากมายขนาดนี้ มากกว่าที่พวกตนคาดเอาไว้หลายเท่า
เพียงแต่ร่างของคนพวกนี้ส่วนใหญ่มีบาดแผล สะบักสะบอมยิ่งนัก จินตนาการได้ว่ากับดักที่หลี่มู่ทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ เช่นในสนามรบเก่าเทพมารบนทะเลทราย หนองน้ำมายา หรือหุบเหวตลอดทางมา สร้างภัยคุกคามให้กับผู้ฝึกตนนอกพิภพที่หยิ่งทะนงเหล่านี้หนักหนาเพียงใด
“เป็นมัน” ท่ามกลางฝูงชน ‘จักรพรรดิฉินหมิง’ ยกมือชี้หลี่มู่
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ
สายตามีไฟพวยพุ่งนับไม่ถ้วนจับจ้องบนร่างหลี่มู่ทันทีราวกับดาบ อยากจะแล่เนื้อเถือหนังหลี่มู่เป็นชิ้นๆ
หนึ่งในนั้นมีซุนจี้ผู้อาวุโสขั้นนักรบแห่งวังประสานฟ้าและ ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงจากสำนักมารฟ้า
หลี่มู่ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ที่แท้เป็นสหายจากนอกพิภพทั้งหลายนี่เอง ข้าน้อยหลี่มู่ หนึ่งในนายแห่งดาวดวงนี้ และยังมีชื่อเรื่องต้อนรับแขกอย่างโอบอ้อมอารี พอได้พบเซียนจากนอกพิภพทั้งหลาย จึงอดใจไม่ไหวตามความเคยชิน อดวางแบบทดสอบเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างไว้ตามทางไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้พวกท่านหน้าตามอมแมมเช่นนี้ ต้องขอโทษจริงๆ แต่ว่าทุกท่านก็ผ่านมาได้อย่างราบรื่นแล้ว ช่างน่าชื่นชมยินดีจริงๆ วันหน้าพวกเราก็เป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว”
คำพูดนี้ของเขาก็ทำเอาเหล่าผู้แข็งแกร่งจากสำนักนอกพิภพโมโหจมูกบาน
บททดสอบมารดาเจ้าสิ พวกเราต้องผ่านบททดสอบของมดปลวกชนพื้นเมืองอย่างเจ้ารึ?
ใครเป็นครอบครัวเดียวกันกับเจ้า?
เจ้าคู่ควรรึ?
มีคนชักดาบออกจากฝัก อยากจะพุ่งไปสับหลี่มู่ให้เป็นเนื้อเละๆ เต็มที
แต่สุดท้ายก็ควบคุมเอาไว้ได้
ตอนที่พวกเขามาถึง อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ก็สัมผัสได้ถึงพลังและแรงกดดันน่ากลัวจำนวนมหาศาลยามจักรพรรดิเซียนหมิงกวงปรับลมหายใจ ตอนนี้เมื่อมองไปยังจักรพรรดิเซียนหมิงกวงที่ยืนอยู่ตรงกลางพวกหลี่มู่ ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ท่านเซียนได้รับความช่วยเหลือแล้ว
ถูกหลี่มู่ชิงตัดหน้าไปแล้ว
ไม่มีใครกล้าเหิมเกริมลงมือต่อหน้าท่านเซียน
“ฮิๆ ทุกท่าน ขอโทษที ท่านปู่ยืนอยู่ฝั่งพวกเราแล้ว พวกเจ้ามาช้าไป” หมิงเยวี่ยเอ่ยพลางหัวเราะคิกคักอย่างได้ใจ “ไม่รั้งพวกเจ้ากินข้าวเย็นด้วยกันแล้วนะ รีบๆ กลับไปเสียเถอะ หลีกเลี่ยงไม่ให้ท่านปู่บันดาลโทสะแล้วพวกเจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา”
สายตาของเหล่าผู้ฝึกตนจับจ้องบนร่างของจักรพรรดิเซียนหมิงกวง
“ผู้อาวุโส พวกข้าเป็นผู้ฝึกตนจากเขตดาราเทพวีรชน เดินทางมาตามแผนที่ของท่าน ลำบากยากเข็ญเป็นอย่างมาก เสียดายที่ไม่อาจช่วยผู้อาวุโสได้ ทว่าได้เห็นความสง่างามของท่าน ก็นับว่าเป็นวาสนาในชีวิตแล้ว” ซุนจี้แห่งวังประสานฟ้าก้าวออกมา คำนับอย่างนอบน้อมก่อนเอ่ย “ข้าน้อยศิษย์แห่งวังประสานฟ้า ขอบังอาจถามผู้อาวุโส ท่านเลือกผู้สืบทอดแล้วหรือ?”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ลูกศิษย์วังประสานฟ้าเองรึ ตอนนั้นข้าเคยพบกับ ‘ประสานฟ้าเปลี่ยนพิรุณ’ เสิ่นปู๋เอ้อร์ผู้ก่อตั้งสำนักของพวกเจ้า นับว่าเป็นคนรู้จักเก่าแก่เช่นกัน…ไม่ผิด ข้าหาผู้สืบทอดคนหนึ่งพบแล้ว ก็คือแม่นางน้อยผู้นี้” เขาชี้มายังหวางซืออวี่ “นางจะได้รับสืบทอดมรดกวิชาของข้า”
แต่เดิมได้ยินว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงรู้จักผู้ก่อตั้งสำนัก คนของวังประสานฟ้าตื่นเต้นกันยิ่งนัก แต่เมื่อได้ยินว่าเซียนผู้นี้รับศิษย์แล้ว ผู้ฝึกตนทั้งหมดก็ผิดหวังทันที
เดินทางมาอย่างยากลำบากตลอดทาง สุดท้ายก็มาไม่ทัน
เอาตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ ว่างเปล่าหมด
ตอนนี้เอง ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงแห่งสำนักมารฟ้าคิดอะไรขึ้นได้ จึงเดินออกมาจากฝูงชน คารวะแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสเหมือนร่างกายจะบาดเจ็บ? หรือเป็นเพราะศึกสังหารมารในตอนนั้น อาการบาดเจ็บเก่าเลยยังไม่หายดี”
“หือ?” แววตาของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงวาบประกาย
จ่างซุนฉางคงรู้สึกแค่ว่าพลังน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่งบีบอัดมาหาตน เหมือนจะถูกบีบจนกลายเป็นเนื้อเละในเสี้ยวพริบตา เขาตกใจจนเสียขวัญ รีบเอ่ยอย่างลนลาน “ผู้อาวุโสอย่าได้เข้าใจผิดไป ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาอื่น สำนักมารฟ้าของข้ามียาศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาอาการบาดเจ็บถึงต้นกำเนิดได้ ยินดีมอบให้ผู้อาวุโส”
พูดจบ พลังปานจะทำลายล้างกลุ่มนั้นถึงค่อยๆ สลายไป
จ่างซุนฉางคงหายใจหอบหนัก หน้าซีดขาว เหงื่อซึมชื้นไปทั้งตัวเหมือนเพิ่งงมขึ้นมาจากน้ำ
เขารีบคารวะขอโทษจักรพรรดิเซียนหมิงกวง ทั้งยังมอบยาวิเศษสองสามชนิดของสำนักมารฟ้าให้ มือทั้งสองทูนเหนือหัว ไม่กล้าขยับเขยื้อน
ในบรรดาผู้ฝึกตนนอกพิภพพวกนี้ พลังของ ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงอยู่ในสามอันดับแรก เป็นคนเยี่ยมยอดคนหนึ่ง ถูกจักรพรรดิเซียนมองแค่แวบเดียวกลับหมดสภาพเช่นนี้แล้ว คนอื่นพลันไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น และเลิกหวังถึงโชคบางอย่างในใจ
หวางซืออวี่เดินมา หยิบยารักษาที่จ่างซุนฉางคงทูนเหนือหัวไปมอบให้กับจักรพรรดิเซียนหมิงกวง
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงรับเอาไว้ แล้วจึงเอ่ยอย่างราบเรียบ “พวกเจ้ามาตามแผนที่ ไม่ว่าเพื่อช่วยให้ข้าหลุดพ้นหรือเพื่อรับสิ่งสืบทอด แต่จะอย่างไรก็นับว่ามีใจแล้ว ข้าหลุดพ้นจากความลำบากมาได้ ในใจมีเมตตา วันนี้จึงจะไม่ลงมือสังหารล้างบาง ทว่าหากมีใครคิดช่วงชิง…”
“มิกล้า”
“พวกข้ามิกล้า”
เหล่าผู้ฝึกตนจากนอกพิภพรีบโค้งคำนับ
เซียนจักรพรรดิหมิงกวงพูดขึ้นอีก “รากฐานพลังของข้าได้รับบาดเจ็บ จำต้องอาศัยพลังภายนอกช่วย หากพวกเจ้ามีของช่วยบรรเทาบาดแผล สามารถแลกวิชาเซียนหรือผูกสัมพันธ์กับข้าได้”
เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพที่แต่เดิมผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยินดียิ่งนัก
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงกล่าว “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ข้าจะรับเด็กสาวคนนี้เป็นผู้สืบทอด แต่ก็ไม่ใช่ลูกศิษย์คนสุดท้าย ศาสตร์ที่ข้าเชี่ยวชาญมีทั้งหมดสามสิบหกแขนง ดังนั้นขอแค่คุณสมบัติเหมาะสม หรือผู้ที่รักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้ ข้าก็จะถ่ายทอดศาสตร์วิชาให้”
กล่าวมาเช่นนี้ เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพโห่ร้องยินดีกันทันใด
ดั่งเขาซับซ้อนน้ำคดเคี้ยว ยังกังวลว่าจะไร้ทางเดิน ฉับพลันนั้นเห็นหมู่บ้านตรงหน้าทิวทัศน์งาม
เช่นนั้นแล้ว พวกเขายังมีโอกาสที่จะได้รับมรดกวิชาของท่านเซียนด้วย
แต่หลี่มู่กับกัวอวี่ชิงกลับเปลี่ยนสีหน้า
เรื่องราวดำเนินไปในทิศทางที่พวกเขาไม่อาจคาดเดาได้แล้ว จักรพรรดิเซียนหมิงกวงไม่ได้จะปกป้องพวกเขาอย่างเต็มร้อยแบบที่หวังเอาไว้ กลับแลกเปลี่ยนกับผู้ฝึกตนนอกพิภพ เช่นนี้…
ชิงเฟิงนั่งอยู่บนรถเข็นพลางนวดขมับ สายตามองภูมิประเทศรอบๆ เพื่อประเมินอะไรไม่หยุด
อีกด้านหนึ่ง เหล่าผู้ฝึกตนนอกพิภพเริ่ม ‘เสนอราคา’ กันไม่ขาดสาย
พวกเขามอบสมบัติฟ้าดินหรือยาล้ำค่าบางอย่างให้จักรพรรดิเซียนหมิงกวงเลือกตามใจ ผู้ฝึกตนนอกพิภพหลายร้อยคนแทบทนไม่ไหวอยากจะควักเงินสินสอดของตัวเองออกมา เพียงเพื่อให้ได้รับความสำคัญจากจักรพรรดิเซียนหมิงกวง
ของล้ำค่าที่ปกติตีให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางมอบให้คนอื่นเด็ดขาด มาวันนี้กลับกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่รับไว้
หลี่มู่ขมวดคิ้ว
เขารู้สึกลางๆ ว่าเรื่องราวมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงที่แหลมเล็กยิ่งดังขึ้นข้างหูเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ในตัวเจ้ามีกลิ่นอายการฝึกฝน ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ’ เจ้าหนู เจ้ามาจากดาวโลกใช่หรือไม่?”
หลี่มู่ตื่นตะลึงทันที
เขามองประเมินรอบๆ โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า พบว่าจักรพรรดิเซียนหมิงกวงจ้องของวิเศษที่ผู้ฝึกตนนอกพิภพมอบให้ พลางเลือกทีละชิ้น เห็นได้ชัดว่าคนที่พูดเมื่อครู่ไม่ใช่เขา ส่วนผู้ฝึกตนนอกพิภพแย่งกันมอบสมบัติด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง กลัวว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้ แต่ละคนสีหน้าตื่นเต้นและบ้าคลั่ง ชัดเจนว่าคนที่พูดก็ไม่ใช่หนึ่งในพวกเขาเช่นกัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“ ‘คัมภีร์ห้าจักรพรรดิอมตะ’ เป็นวิชาของดาวโลก มีเพียงสายเลือดของดาวโลกเท่านั้นถึงจะฝึกฝนได้ เจ้าหนู เจ้าก็ขวัญกล้าเทียมฟ้านัก กล้ามาหาฆาตกรหมิงกวงที่ล้างบางคนของเผ่าตัวเองในอดีต รนหาที่ตายหรือไร?”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง