จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 464 พลิกสถานการณ์กลับมาอย่างแข็งแกร่ง
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ใครก็คิดไม่ถึง
แต่เดิมคิดว่าเหตุการณ์จบลงแล้ว ใครจะรู้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จักรพรรดิเซียนหมิงกวงยังมีไพ่ตาย แปรเปลี่ยนเขาห้าองคุลีมาเป็นฝ่ามือของตัวเองได้ด้วย ช่วงเวลาสุดท้าย กลับสะกดควบคุมชายชราแซ่หม่า
ใจของหลี่มู่ตื่นตะลึงเป็นที่สุด
ก่อนหน้าที่จักรพรรดิเซียนหมิงกวงจะกลายเป็นมารบอกเอาไว้ว่า เขาห้าองคุลีแปรเปลี่ยนมาจากฝ่ามือของเขาที่ตัดเพื่อสะกดมารตนนั้นเอาไว้ ตอนนั้นฟังแล้วก็รู้สึกตกตะลึงนัก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาห้าองคุลีจะสามารถแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ามือได้ อีกทั้งยังมีพลังแข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ด้วย
หลี่มู่กระทั่งสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า จากการที่เขาห้าองคุลีแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ามืออีกครั้ง พลังในพื้นดินของทั้งเขตเขาห้าองคุลีถูกสูบออกไป
เขาห้าองคุลีเหมือนกับค่ายกลห้าค่ายกลที่เชื่อมสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หลอมรวมพลังในอาณาบริเวณหลายร้อยลี้เอาไว้ถึงพันปี จึงได้มีพลังประหนึ่งปกครองฟ้าดินเช่นนี้
ครืน ตูม!
ครืน ตูม ตูม!
ฝ่ามือกระดูกยักษ์สั่นไหวอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเป็นวานรยักษ์ขนทองกำลังดิ้นรนอยู่ข้างใต้ คิดจะกระแทกฝ่ามือนั้นออกมา
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหัวเราะเสียงเย็น “เป็นแมลงในกำมือของข้าแล้วยังคิดจะพลิกฟ้าหรือไร?”
ที่บริเวณมือที่ขาดของเขามีประกายแสงอักขระพร่างพรายหมุนวน พลังมรรคาแต่ละสายๆ ไหลเข้าไปในฝ่ามือกระดูกยักษ์ไม่หยุด ฝ่ามือก็มีแสงเจิดจ้าสีขาวซีดปะทุออกมาท่วมจมผืนฟ้า พลังน่าหวาดหวั่นเกินต้านทานแผ่ออกมาจากฝ่ามือยักษ์ กดอัดลงไปอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง
ครืน!
พื้นดินสั่นไหว
ฝ่ามือกระดูกยักษ์กดอัด สะกดวานรยักษ์สีทองที่อยู่กลางฝ่ามือลงไปในใต้ดินลึก
จากนั้นก็ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว
“ท่านปู่หม่า…” เด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้น พุ่งไปทางฝ่ามือกระดูกยักษ์โซซัดโซเซ
หลี่มู่ตกใจ รีบคว้าเด็กน้อยกลับมา “อันตราย”
“ปล่อยข้า ข้าจะไปช่วยท่านปู่หม่า” เด็กหญิงตัวน้อยดิ้นรน ในหน้าเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา
หลี่มู่จับนางไว้ไม่ปล่อย
เด็กคนนี้พลังฝึกตนธรรมดา อีกทั้งตนยังแย่งตู้โตวและผ้าแพรแดงไปอีก หากพุ่งไปหน้าฝ่ามือกระดูกยักษ์ พลังน่าหวาดหวั่นนั่นแค่กวาดพัด ก็เกรงว่าจะสลายเป็นผง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องช่วยคนเลย
“นี่…” หมิงเยวี่ยตัวหน้ามึนก็แตกตื่นขึ้นแล้ว เอ่ยกระซิบเสียงต่ำ “คุณชาย สถานการณ์ไม่สู้ดี ในสามสิบหกกลยุทธ์ หนีเป็นแผนที่ดีที่สุด พวกเราหนีเถอะ”
กัวอวี่ชิงมองยังหลี่มู่ รอคำตัดสินใจจากเขา
หลี่มู่ส่ายหน้า
หนีไม่พ้น
และหลังจากตื่นตะลึงในช่วงเวลาสั้นๆ เหล่าผู้ฝึกฝนนอกพิภพดีใจเป็นล้นพ้น
แน่นอนว่าพวกเขาหวังให้จักรพรรดิเซียนสู้ชนะ
เหตุผลนั้นง่ายมาก ไม่ใช่แค่เพราะลิงแซ่หม่าเขาฮวากั่วตำหนิพวกเขาก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์เท่านั้น แต่ยิ่งเป็นเพราะจักรพรรดิเซียนหมิงกวงก่อนหน้ารับปากมอบมรดกและวิชาเซียนต่างๆ ให้พวกเขา หลังจากนี้จักรพรรดิเซียนหมิงกวงสู้ชนะ คำสัญญาถึงจะเป็นจริง
มิฉะนั้นพวกเขาก็เหมือนสุนัขงับฉี่หมู…
ดีใจเก้อ
อีกทั้งพวกเขาก็ไม่อยากให้พวกหลี่มู่มีชีวิตออกไปจากสุสานเซียน
นักโทษผู้ผิดบาปหนุ่มคนนี้น่ากลัวและแปลกประหลาดเกินไป ศักยภาพไร้ขีดจำกัด วันนี้จะต้องสังหารลงเสีย เพราะล่วงเกินเขาไปเต็มที่แล้ว ไม่มีโอกาสที่จะสมานฉันท์กับเขาได้ มิฉะนั้นตัดหญ้าไม่ถอนโคน สายลมวสันต์พัดผ่านก็งอกใหม่ ภัยร้ายภายหลังมหาศาล
ร่างของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงลอยต่ำลงอย่างเนิบช้า
เขาไม่มีทีท่าดีใจอย่างหลังจากต่อสู้ชนะ สีหน้ากลับเคร่งเครียด
“แต่เดิมเป็นจุดจบที่เตรียมไว้ให้สัตว์อีกตัว สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าลิงนี่ทำเสียแผนเสียได้” ใบหน้าของเขามีรอยผิดหวังอย่างไม่ปกปิดสักนิด
คนทั้งหลายไม่เข้าใจว่าคำพูดนี้ของเขาหมายถึงอะไร
มีเพียงหลี่มู่เท่านั้นที่คล้ายครุ่นคิดอะไร
ต่อมา จักรพรรดิเซียนหมิงกวงก็มองมายังพวกหลี่มู่ เอ่ยเสียดสีเย็นชา “ท่าทางกำลังของนักโทษผู้ผิดบาปอย่างเจ้าจะยังไม่พอ ทรมานเจ้าขนาดนี้ก็ยังล่อสัตว์ตัวนั้นออกมาไม่ได้…ไม่ก็มันจากไปแล้วจริงๆ ไม่ก็เจ้าเป็นเพียงหมากที่ถูกทิ้งก็เท่านั้น”
คนอื่นๆ ต่างไม่เข้าใจว่าประโยคนี้ของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงหมายถึงอะไร
แต่จากอีกด้านหนึ่งก็เข้าใจในอีกเรื่องหนึ่งอยู่เลาๆ…
ทำไมก่อนหน้านี้เขาจึงไม่ฆ่าหลี่มู่ให้จบๆ ไปเสีย แต่กลับสุ่มให้พวกผู้ฝึกฝนนอกพิภพสลับกันออกมา สุดท้าย หลี่มู่ตกอยู่ในสภาวะสูญเสียกำลังตอบโต้ก็ยังใช้วิธีเหี้ยมโหดทารุณ นี่ไม่ตรงกับจิตใจของบุคคลผู้อาวุโสที่มีชื่อมานาน ที่แท้ จะใช้หลี่มู่ล่อใครออกมานี่เอง
แม้แต่แปรเปลี่ยนเขาห้าองคุลีเป็นฝ่ามือกระดูกยักษ์ ก็วางเอาไว้เพื่อล่อเขาคนนั้นออกมา
น่าเสียดาย คนที่ทำให้จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหวาดเกรงได้ถึงขนาดนี้กลับไม่ปรากฏตัว
ลิงระดับขั้นขุนพลที่มาจากเขาฮวากั่วทำแผนของเขายุ่งเหยิง
หลี่มู่ก็ตั้งตัวกลับมาเช่นกัน
ที่แท้ ทุกสิ่งของจักรพรรดิเซียนก่อนหน้านี้อย่างใช้เลือดหมิงเยวี่ยมาฟื้นฟูพลังอย่างระมัดระวัง ร้องขอโอสถที่ปรับเสริมรากฐานพลังจากผู้ฝึกฝนนอกพิภพอะไรพวกนั้น ล้วนแต่เป็นการแสดงละครนี่นา
แสดงได้สมจริงขนาดนี้ ก็เพราะกังวลคนผู้คนนั้นจะแอบสังเกต ลงมือกับเขาอย่างนั้นรึ?
นี่มันช่าง…
ชีวิตคนเหมือนดั่งละคร ล้วนอาศัยทักษะการแสดง
บุคคลระดับจักรพรรดิเซียนก็เล่นละครได้ขนาดนี้เลย?
เป็นคนแบบใดกันที่สามารถทำให้จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหวาดกลัวได้ถึงระดับนี้
หลี่มู่ทายอยู่ในใจ
และในตอนนี้เอง สายตาของจักรพรรดิหมิงกวงสุดท้ายหยุดที่ร่างของหลี่มู่ แล้วส่ายหน้า “หมากที่ไร้ประโยชน์จะเก็บเอาไว้ทำไม? เจ้าตายไปเสียเถอะ” พูดแล้วก็ยกมือชี้ออกไป
หลี่มู่พูดเสียงดังรนลาน “เดี๋ยวก่อน ข้ายังมีอะไรจะพูด”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงขมวดคิด แต่ก็ยังเลือกที่จะหยุดมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ว่ามา”
หลี่มู่สูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ย “เจ้าเล่นลูกไม้”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงนิ่งอึ้ง
หลี่มู่เอ่ยต่อไป “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าวันนี้ไม่สังหารครั้งใหญ่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ทำไมกลับจะลงมือฆ่าข้าด้วยตัวเองเล่า?”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหัวเราะเสียงเย็นเหยียดหนาม “แมลงตัวจ้อย ต่อให้ข้าไม่ลงมือเจ้าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปรึ?”
ตอนนี้วงเป่าสีดีดร้องทั้งสี่ในใจเย็นเยียบ
การปรากฏตัวขึ้นของลิงระดับขุนพลแห่งเขาฮวากั่วแต่เดิมคิดว่าจะเป็นจุดหักเหพลิกชะตา ใครจะรู้ว่า…ทั้งสี่คนก็ยอมรับชะตาแล้ว มรดกของสำนักกำเนิดฟ้าเกรงว่าคงส่งต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขามองไม่ออกแม้แต่น้อยว่าหลี่มู่ที่ยังคงบาดเจ็บสาหัสตอนนี้จะยังมีวิชาหรือไพ่ตายอะไรมาพลิกสถานการณ์ได้
หวางซืออวี่ที่ถูกวิชาพันธนาการสะกดให้อยู่กับที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าประหนึ่งดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ ประเดี๋ยวมองหลี่มู่ ประเดี๋ยวมองจักรพรรดิเซียนหมิงกวง สายตาทั้งสิ้นหวังทั้งไร้หนทาง ทั้งมีความโกรธและเคียดแค้นเกิดขึ้นในใจ
“ไม่งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน เจ้าลองดูแล้วกันน่า หากเจ้าไม่ลงมือแต่ข้ายังออกไปได้เล่า” หลี่มู่เอ่ยยิ้มกว้าง
“ผู้อาวุโส ให้ข้าสับเจ้าเศษสวะนี่ให้ท่านเถอะ” ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงเสนอตัว
เด็กหนุ่มเผ่าผู้วิเศษก็เอ่ย “เหอะๆ เมื่อครู่ถูกข้าซัดจนเป็นสุนัขตาย ตอนนี้ยังฝืนดื้อดึง นักโทษผู้ผิดบาปก็คือนักโทษผู้ผิดบาป พวกที่เดินออกมาจากดาวดวงนั้นล้วนเป็นแมลงน่าสังเวชทั้งสิ้น”
“ผู้อาวุโส ให้ข้าฆ่ามัน”
“โปรดให้ข้าฆ่าหลี่มู่เพื่อแก้แค้นให้กับเจ้าสำนัก”
“นักโทษผู้ผิดบาปนี่เป็นแค่สุนัขตายเท่านั้น เที่ยวเห่าเพื่อถ่วงเวลา ผู้อาวุโส สุนัขตัวนี้ไม่คู่ควรท่านลงมือ สังหารมันมือของท่านจะสกปรกเสียเปล่าๆ ให้ข้าลงมือแทนท่านเถิด”
ผู้ฝึกฝนนอกพิภพบางคนประจบโดยไม่พลาดโอกาส คิดจะลงมือสังหารหลี่มู่
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงมองยังหลี่มู่พลางแค่นเสียงเย็นราบเรียบ ส่ายหน้าพูดกับเหล่าผู้ฝึกฝนนอกพิภพ “ไม่ต้องแล้ว ข้ายังอยากจะฆ่าเขาด้วยตัวเอง…เลือดของนักโทษผู้ผิดบาปข้าไม่ได้ดื่มมานานแล้ว”
เขายกนิ้วอีกครั้ง
หลี่มู่ร้องลั่น “เดี๋ยวๆ…คำถามสุดท้าย เจ้าจะต้องสนใจมากแน่ๆ”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน “พูด แต่ว่า ทางทีดีเจ้าอย่าได้ทำเรื่องตุกติกเผื่อถ่วงเวลา สำหรับเจ้าแล้วไม่ได้มีความหมายอะไรแม้แต่น้อย กลับจะทำให้เจ้าตายทรมานยิ่งขึ้น”
หลี่มู่ยิ้ม “ข้าไม่ได้ถ่วงเวลานา เตือนด้วยความหวังดี เจ้าไม่ได้สังเกตเลยหรือว่าข้างกายข้าหายไปคนหนึ่ง?”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงอึ้ง
“เอ๋ เด็กรับใช้บัณฑิตนั่นหายไปแล้ว” ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกฝนนอกพิภพ ชวีอ๋องเจียงชิงหรวนที่สวมมงกุฏทองพลันเอ่ยขึ้นตอนนี้คนทั้งหลายถึงได้พบว่า เด็กรับใช้บัณฑิตพิการที่นั่งอยู่บนรถเข็นข้างกายหลี่มู่หายไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ไม่รู้ว่าไปที่ใด
ก่อนหน้านี้ความสนใจของทุกคนอยู่ที่การต่อสู้ เมินด้านนี้ไปเสียได้
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะเสียงเยือกเย็นเอ่ย “แล้วจะอย่างไร ก็แค่แมลงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น หรือเขาจะพลิกฟ้าได้ หากข้าจะฆ่าเขา ต่อให้เขาอยู่บนสวรรค์หรือในนรกก็ต้องตาย”
หลี่มู่หัวเราะพลางเอ่ย “ความสามารถของชิงเฟิงก็พลิกสวรรค์ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่เขารู้เรื่องค่ายกลนิดหน่อย คลายผนึกเล็กๆ ใต้ดินนี้ได้ก็เท่านั้น”
“หืม?” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงอึ้งตะลึง “หมายความว่าอย่างไร?”
ใบหน้าของหลี่มู่พลันแดงเรื่อขึ้น จากนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นประหนึ่งได้ยินข่าวดีที่สุดในโลกอะไรสักอย่าง “ความหมายของข้านั้นง่ายมาก เวลาที่ข้อรอคอยในที่สุดก็มาถึงแล้ว ตอนนี้ จิๆๆ สับเปลี่ยนบทบาท ถึงตาข้าควบคุมชะตาชีวิตของพวกเจ้าบ้างแล้ว”
เพียงพูดจบ
เสียงดังเปี๊ยะๆ ก็ดังระรัวขึ้น
ก็เห็นจุดชีพจรลมปราณนับไม่ถ้วนในร่างของหลี่มู่ในเสี้ยวขณะนี้เหมือนมีพลังแข็งแกร่งไร้เทียมทานกลุ่มหนึ่งทะลวง ส่งเสียงปะทุเลื่อนลั่นราวฟ้าฟาด
และทุกครั้งที่เสียงนี้ดังขึ้น กลิ่นอายในกายของหลี่มู่ก็แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งส่วน
เมื่อคนทั้งหลายตั้งสติกลับมาได้ ในกายของหลี่มู่ก็ทะลักล้นไปด้วยกลิ่นอายของพลัง แข็งแกร่งจนถึงขั้นเหลือเชื่อ
ต่อให้หลี่มู่ไม่ได้จงใจกระตุ้นพลังชนิดนี้ แต่ทุกคนรอบๆ ต่างมีความรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนถูกบีบคอ
นั่นเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของผู้อ่อนแอใต้พลังกดดันของผู้แข็งแกร่ง
นี่ยิ่งน่ากลัว และยิ่งชวนให้คนครั่นคร้ามมากกว่าที่จักรพรรดิเซียนหมิงกวงสำแดงพลังเขาห้าองคุลีสะกดลิงเมื่อก่อนหน้านี้เสียอีก
จากนั้น หมัดหนึ่งของหลี่มู่ก็ชกออกไป
ไม่มีเหตุการณ์เหนือคาดหมายและการเปลี่ยนแปลงใดๆ และก็ไม่มีการต้านทานจากสิ่งใดเช่นกัน
หมัดนี้ชกไปที่ใบหน้าของจักรพรรดิเซียนเต็มแรงจังๆ จนหน้าของเขาบิดเบี้ยว และซัดร่างของเขากระเด็นหมุนคว้างสามร้อยหกสิบองศา กระแทกเข้ากับหินที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบเต็มแรง
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้ทำให้ทุกคนราวกลายเป็นหิน ตกใจตาแทบถลน
เงียบสงัดไร้สุ้มเสียง
เกิด…เกิดอะไรขึ้น
เครื่องหมายคำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในหัวของคนทั้งหลายอย่างบ้าคลั่ง
นักโทษผู้ผิดบาปคนนี้ไม่ใช่ว่าบาดเจ็บสาหัสใกล้ตายแล้วหรอกหรือ?
ทำไมจู่ๆ เขาถึงเปลี่ยนมาแข็งแกร่งขนาดนี้?
นี่คือพลังอะไร?
หมัดเดียวก็โจมตีจักรพรรดิเซียนหมิงกวงผู้สูงส่งกระเด็น ฝ่ายหลังกระทั่งว่าไม่มีที่ให้ต้านทาน?
แม้แต่หมิงเยวี่ยก็ยังมองหลี่มู่อย่างมึนงง
เกิดอะไรขึ้น?
ใช่แล้ว พี่ชิงเฟิงก่อนหน้านี้ไยจึงหายตัวไปเล่า?
นี่เกี่ยวอะไรกับที่จู่ๆ คุณชายก็เปลี่ยนมาแข็งแกร่ง?
รอยตื่นตะลึงบนใบหน้าของกัวอวี่ชิงน้อยกว่าหมิงเยวี่ยเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขาฟังแผนของหลี่มู่จึงไม่ได้ลงมือโดยตลอด แต่ปกป้องพวกหมิงเยวี่ย ดูหลี่มู่ถูกซัดเกือบตายอยู่เต็มๆ ตา…นั่นเพราะเขาเชื่อว่าการตัดสินใจไม่ให้คนอื่นยื่นมือเข้ามายุ่งของหลี่มู่ จะต้องมีเหตุผลของเขา
“ฮ่าๆ นี่ก็คือความรู้สึกของพลังไร้เทียมทานอย่างนั้นรึ? สะใจจริงๆ…ฮี่ๆ ข้าบอกแล้ว หากเราสลับบทบาทกันข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเหี้ยมโหด”
สายตาของหลี่มู่กวาดไปยังพวกผู้ฝึกฝนนอกพิภพ เอ่ยด้วยท่าทางเหี้ยมโหดดุดัน
ถึงแม้เขาในตอนนี้จะยังคงมีบาดแผล จะยังคงหน้าบวมจมูกช้ำอยู่เหมือนเดิม ดูแล้วสะบักสะบอมเป็นที่สุด แต่ในสายตาของผู้ฝึกฝนนอกพิภพกลับเหมือนภูตผีปีศาจที่น่ากลัวที่สุดบนโลกตื่นขึ้นแล้ว
ความน่าสะพรึงกลัวจับขั้วหัวใจมาเยือนแล้ว