จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 469 มังกรจุติ
เจียงชิงหรวนเมื่อได้ยินก็หัวเราะร่าขึ้นมา
“หลี่มู่ อย่ามั่นใจในตัวเองมากนัก นักโทษผู้ผิดบาปอย่างพวกเจ้ามี สิ่งที่วัวดําทิ้งไว้ให้ เจ้าคิดว่าบรรดาผู้ควบคุมคนอื่นในทางช้างเผือกผืนนี้ จะไม่ทิ้งอะไรไว้บ้างหรือไรกัน?” เขามองหลี่มู่ ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง ราวกับพึ่งได้ทําการตัดสินใจอะไรบางอย่างออกมา
เขี้ยวสัตว์สีขาวนั่นลอยขึ้นไปด้านบนศีรษะเขา
ใจหลี่มู่สั่นกึก
“เหอๆ ถ้าหากเจ้ายังมีไม้เด็ดอะไร เมื่อครู่จะปล่อยให้ข้าสังหาร จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหรือไรกัน?” ในใจหลี่มู่ระแวดระวัง พูดขึ้น อ้อมๆ เขาอดยอมรับไม่ได้จริงๆ คําพูดของเจียงชิงหรวน จริงๆ แล้วก็มี เหตุผลอยู่เหมือนกัน
เจียงชิงหรวนหัวเราะร่า “ตาแก่หมิงกวงจะเป็นหรือตายแล้วเกี่ยว อะไรกับข้า? พูดอีกที ต่อให้เขามีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ให้อะไรกับข้า พอเจ้า สังหารเขาไป แล้วข้าสังหารเจ้าลงอีก สิ่งของของเขามันก็ตกเป็นของข้า
สิ่งที่ได้รับทั้งหมดในวันนี้ ล้วนเป็นของข้าทั้งหมด รวมถึงตัวเจ้า ช่าง เป็นวัตถุดิบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ”
สิ่งที่เขาต้องตามากที่สุดยังคงเป็นร่างกายของหลี่มู่ สามารถนํามา หลอมรวมจนกลายเป็นหุ่นเชิดเทพสงครามที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้ หล่อ ออกมาเป็นร่างกายที่สมบูรณ์มากที่สุดเพื่อนํามาให้ตนเองใช้งาน
แต่ว่า ไม้ตายสุดท้ายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เกี่ยวข้องเป็นอย่าง มาก
ต่อให้เป็นเขา นํามาใช้งานก็ยังมีภาระรับที่เขาแบกรับไว้ไม่ไหว
ไม่สนแล้ว ถ้าไม่ใช้ ข้าก็คงต้องตายอยู่ดี ยังจะพะว้าพะวังให้มาก เรื่องไปทําไม
เจียงชิงหรวนสีหน้าบ้าคลั่ง ตัดสินใจเด็ดขาด
“ข้าจะบอกเจ้าก็แล้วกัน ที่พื้นที่อันตรายที่สุดในสุสานเทพผืนนี้ ไอ แห่งความตายและไอสังหารอันมากล้น พันปีหมื่นปีได้หล่อรวมกันจน เป็นสิ่งที่ดุร้ายตนหนึ่ง สามารถบดขยี้การคงอยู่ของดินแดนได้ แรกสุด นายท่านได้ทิ้งวิธีการเอาไว้ สามารถเร่งการอัญเชิญมันได้ เร่งการมี รูปร่างก่อนกําหนด ถึงแม้จะยังเป็นกลุ่มก้อนสลัวที่ยังไม่เปิดออก สติปัญญายังไม่มั่นคง แต่ด้วยพลังของเขี้ยวสัตว์นี้สามารถอัญเชิญ
ออกมาได้ ฟังคําสั่งของข้า ทําลายล้างศัตรูทุกหน้า ต่อให้เป็นพวก ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้”
เจียงชิงหรวนยืนอยู่ใต้เขี้ยวสัตว์สีขาว น�าเสียงเย็นชา
เขาพูดเรื่องเหล่านี้ออกมา ก็เพราะมีความมั่นใจอย่างแรงกล้า ไม่ กังวลแม้แต่น้อยว่าหลี่มู่จะพลิกกระดานได้
“เพียงแต่ว่า สัตว์ร้ายตนนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียว เดิมที่ เป็นสิ่งที่นายท่านทิ้งไว้เพื่อรับมือกับพวกรุ่นหลังของวัวดํา ถ้าไม่ถึงที่สุด จริงๆ ไม่อนุญาตให้ข้าใช้งาน แต่ในเมื่อเจ้าบีบคั้นข้าจนถึงระดับนี้ ข้าก็ นํามันมารับมือเจ้าละกัน ที่สามารถบีบคั้นข้าจนต้องใช้ไม้ตายท้ายสุด ก็ คุ้มค่าที่เจ้าจะภาคภูมิใจในตัวเองได้แล้ว”
ขระที่เจียงชิงหรวนพูด เขี้ยวสัตว์สีขาวนั่นราวกับเปล่งเอาแรงที่ เหลือท้ายสุดออกมา พลังอันเข้มแข็งทรหดและอ่อนโยนวูบหนึ่ง ดีด เอาหลี่มู่ที่ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามา เพื่อไม่ให้สามารถเข้าใกล้ได้
นี่เป็นลางบอกล่วงหน้าก่อนที่เขาจะใช้วิชานั้น
หลี่มู่รู้สึกได้ ว่าเขี้ยวสัตว์สีขาวเหมือนจะแตกต่างจากก่อนหน้า ใช้ รูปแบบเกือบสลายตัว ระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาปกป้องร่างของ เจียงชิงหรวน เวลาเดียวกัน ได้ปล่อยคลื่นอัญเชิญอันแปลกประหลาด
ออกมา ราวกับกําลังอัญเชิญการคงอยู่อันลี้ลับที่หลับไหลอยู่ในที่ใดสัก ที่
เขายืนยันได้ ว่าสิ่งที่ชวีอ๋องแห่งฉู่ใต้พูดมาคือเรื่องจริง
ให้ตายเถอะ เจ้าพวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้ทําตัวเหมือนสุนัขกันจริง ทิ้งกองขี้เอาไว้ทั่วไปหมด เหลือวิธีนั่นนี่โน่นเอาไว้มากมาย น่าเกลียด เหลือเกิน
ในใจของเขาระแวดระวังขึ้นมา ส่งสัญญาณทางสายตาไปให้กับ พวกของกัวอวี่ชิง
ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็เผ่นก่อน
สู้ไม่ได้ก็วิ่งหนี คําชี้แนะแรกเริ่มของซินแสเฒ่า
ไม่ได้น่าอายแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรวันนี้ก็กําไรเยอะแล้ว
หาสถานที่จัดการย่อยสิ่งที่ได้รับมาวันนี้ทั้งหมด รอจน ‘ยันต์ผนึก พลัง’ นั่นหมดฤทธิ์ เมื่อพลังกลับมาค่อยกลับมาจัดการเจียงชิงหรวน ถือเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรคนอย่างเจียงชิงหรวนที่มีพลังไม่เพียงพอจนต้องอาศัย แต่ของนอกกาย รับมือได้ง่ายมาก หาจังหวะลงมือกะทันหัน ใช้ ความเร็วประดุจสายฟ้าเข้าสังหาร ต่อให้เขามีสมบัติอีกมายมายเพียง ไหน ก็เป็นศึกที่ง่ายดายอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงชิงหรวนเองก็บอกว่า ไพ่ตายเช่นนี้ใช้ได้เพียง ครั้งเดียว
หลี่มู่เตรียมป้องกันทั้งตัว กัวอวี่ชิงก็เข้าใจถึงความหมายของเขา พาชิงเฟิงหมิงเยวี่ยค่อยๆ ถอยออกมา
เจียงชิงหรวนทําเป็นมองไม่เห็นเสีย
เป้าหมายของเขา มีเพียงหลี่มู่คนเดียวเท่านั้น
คนอื่นๆ ต่อให้หนีออกไปได้ก็ไม่เป็นไร
ยิ่งไปกว่านั้น จะหนีรอดไปได้หรือ?
มุมปากเจียงชิงหรวนเผยให้เห็นรอยยิ้มลวงโลก
“ใช้เลือดของข้าน้อมถวายเสียสละ อัญเชิญมังกรแห่งดินแดนนี้…. สําเร็จโทษ” เขาผ่าเอาเลือดของตนเองพรมลงไปบนเขี้ยวสัตว์สีขาวชิ้น นั้น เลือดสดซึมเข้าไปในตัวเขี้ยว ย้อมมันจะเป็นสีแดงสด ตราประทับ ยันต์สีเลือดค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากด้านในเขี้ยวสัตว์
พลังการอัญเชิญยิ่งชัดเจนขึ้นทุกที
เวลาเดียวกัน จากคําว่า ‘สําเร็จโทษ’ ของเจียงชิงหรวน ก็ราวกับมี การตอบรับการอัญเชิญจากเขี้ยวสัตว์สีเลือดนี้ ฟ้าดินรอบด้าน ได้ ปรากฏปราณอากาศหนาวขึ้นอย่างกะทันหัน ซากปรักหักพังรอบด้าน ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มซึมเซาลงในพริบตา ต้นไม้ที่เดิมทีเขียวขจี ถูกปราณ สังหารพันรัด สูญสิ้นชีวิตลงไปกะทันหันจนกลายเป็นหิน แปรเปลี่ยนไป เป็นขาวซีดแข็งกระด้าง
หลี่มู่ที่พลังบําเพ็ญเป็นเช่นนี้ ก็ยังสามารถสัมผัสได้เหมือนผิวหนัง ถูกกรีด
พวกของกัวอวี่ชิง ใช้งานสมบัติเต๋าขึ้นมาฝืนต้านทาน
ในใจหลี่มู่สั่นกึก นําเอาชุดเซียนม่วงเปลี่ยนเป็นแสงม่วง กลับไป คลุมตัวหวางซืออวี่เพื่อปกป้องอีกครั้ง ต่อให้ยันต์สงบสุขเม็ดนั้นจะเกิด ปัญหาขึ้น แต่หลี่มู่ก็ไม่ได้โทษเพื่อร่วมชั้นคนนี้เลยแม้แต่น้อย และไม่ได้ สงสัยใดๆ เลยเกี่ยวกับตัวนาง
เชื่อมั่นไม่สงสัย
สีหน้าบนหน้าของหวางซืออวี่มีอาการเฉื่อยชาและซับซ้อน ยอมให้ ชุดเซียนสีม่วงคลุมลงบนร่าง ไม่พูดไม่จาอาะไร
การเดินทางมายังสุสานเซียนครั้งนี้ สําหรับนางแล้วมันช่างแสน โหดร้าย
แรกสุดคือการขับไล่และทอดทิ้งของผลทารกที่มีต่อนาง จนต่อมา มีสายฟ้าจากสวรรค์ลงมาเตือนนาง ถัดมาในที่สุดก็ได้รับอาจารย์ที่จะ มาชี้แนะได้ แต่กลับเปลี่ยนสีไปในพริบตา ท้ายสุดยังมาถูกคนหลอกใช้ งานอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ลอบทําร้ายหลี่มู่เข้าไปอีก
ทั้งหมดนี้ ทําเอาใจของสาวน้อยเหมือนถูกทําร้ายอย่างแสนสาหัส
ใจของนางรู้สึกสับสน
ถึงแม้จะรู้ว่าหลี่มู่ไม่มีทางโทษนาง และไม่สงสัยในตัวนาง แต่ในใจ ของนางเองกลับรู้สึกรับไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางถูกเพาะบ่มเสี้ยมสอนอารยธรรมจากดาว โลกมา ความคิดนั้นแตกต่างจากหญิงสาวบนดาวดวงนี้ ไม่ยอม กลายเป็นสิ่งที่คล้อยตามเพศชาย นางคิดอยากจะให้ตนเองมีพลัง แก้ไข ความยุ่งยากให้กับหลี่มู่ และไม่ใช่จะอาศัยแต่หลี่มู่เพียงอย่างเดียว
หลี่มู่มองเห็นสีหน้าของหวางซื่ออวี่ ในใจรู้สึกเห็นใจสาวน้อยคนนี้ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดแล้ว
“เหอๆ ช้าไปเสียแล้ว มังกรได้ตื่นขึ้นแล้ว พวกเจ้าจะไม่มีใครหนี รอดไปได้”
เจียงชิงหรวนมุมปากแสยะขึ้นเป็นรอยยิ้มอันโหดร้าย
เสียงยังไม่ทันขาด จิตสังหารที่คลุ้งเต็มท้องฟ้า บดขยี้ลงมาราวกับ มีตัวตนจริงๆ ทําเอาภายในรัศมีนับร้อยลี้กลายเป็นแอ่งจิตสังหารผืน หนึ่ง อากาศเปลี่ยนเป็นเข้มข้นมีรูปร่าง คลุมทับทุกคนอยู่ด้านใน ต่อให้ พลังอย่างกัวอวี่ชิงดิ้นรนสุดตัวเพียงไหน ท่าทางก็ยังช้าลงจนเหมือน การเล่นภาพช้า
หลี่มู่กายเนื้อแข็งแกร่ง ทว่าความรวดเร็วก็ลดลงอย่างมาก
“มังกรตื่นจากหลับใหล ฟ้าดินผืนนี้ล้วนเป็นดินแดนของเขา ต่อให้ พวกเจ้าเดินออกจากโลกแห่งต้นผลทารก ออกจากสุสานเทพไป ก็ไม่ สามารถจะหนีพ้นจากการไล่สังหารของมันได้…” เจียงชิงหรวนหัวเราะ เย็นชา เขารู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนจะได้ยินการขานรับจากความมืด มังกรตนนั้นที่นายท่านเคยขี้แจงด้วยอย่างจริงจัง กําลังตื่นขึ้นมา เริ่ม ขานรับตนเองแล้ว
หลี่มู่ก็รู้สึกว่าสถานการณ์ชักไม่ค่อยดี
พลังจิตของเขาแข็งแกร่ง สามารถรู้สึกได้ว่าพลังการอัญเชิญของ เขี้ยวสัตว์สีเลือด เหมือนได้รับการขานรับแล้ว จิตสํานึกที่พิเศษอย่าง
มากกําลังผันแปร เหมือนกับเทพมังกรที่พึ่งตื่นจากการหลับใหลอย่างไร อย่างนั้น อ่อนแอทว่ากลับเต็มไปด้วยพลานุภาพที่ยากจะเปรียบเปรย และเริ่มมีการติดต่อสื่อสารกันกับเจียงชิงหรวนลางๆ
ต่อให้เป็นเพียงพลังเล็กน้อยแค่นี้ ทว่าล้วนสามารถทําให้ใจของห ลี่มู่ เกิดความหวาดกลัวจนอยากหนีได้ฃ
เขาอยากจะใช้วิชาขี่เมฆาเหินฟ้าพาทุกคนหนีออกไป ทว่าแรง กดดันจิตสังหารระหว่างพื้นดินยิ่งชัดเจนขึ้นทุกที หลี่มู่พบกว่าใน ร่างกายของตนเอง เหมือนกับถูกวิชาสะกดร่างเอาไว้ ขยับเขยื้อนได้ อย่างยากลําบาก
“นี่มันมังกรอะไรกัน ขนาดยังไม่ปรากฏร่างก็น่ากลัวถึงเพียงนี้ แล้ว?”
ในใจหลี่มู่สั่นสะเทือนขีดสุด
ไม่แปลกที่เจียงชิงหรวนจะมั่นใจขนาดนี้ มันก็จริง ต่อให้ร่างแยก วิถียุทธ์วัวดําที่อยู่ในร่างกายตนเอง ยังไม่ถูก ‘ยันต์ผนึกพลัง’ สะกดไป และปราณแท้ของตนเองยังปกติดี ก็น่ากลัวว่าจะยังไม่ใช่คู่มือของมังกร ตนนี้
เจียงชิงหรวนเคยพูดไว้ ว่ามังกรตนนี้ถูกวิธีของการคงอยู่สูงสุดอัน น่ากลัวเบื้องหลังเขาเรียกออกมา ใช้ปราณแห่งความตายจิตสังหารและ
ความโกรธแค้นเป็นบ่อเกิดพลัง เพื่อที่จะเอาไว้รับมือกับคนรุ่นหลังของ วัวดํา น่ากลัวว่าต่อให้วัวดําจุติลงมาก็คงจะทําอะไรไม่ได้เหมือนกัน
ตอนนี้ดูแล้ว คําพูดนี้ไม่ได้โกหกเลย
ในสมองของหลี่มู่ มีความคิดมากมายไหลผ่านนับไม่ถ้วน คิด พิจารณาว่าจะพลิกกระดานนี้อย่างไร ทว่าเวลาเพียงนี้กลับทําได้เพียง ยกมือไม่มียอมแพ้
“เหอเหอ ตอนนี้ เชื่อสิ่งที่ข้าพูดแล้วหรือยัง?”
เจียงชิงหรวนอยู่ในมาดราชากลับมาแล้ว เต็มเปี่ ยมไปด้วยความ เชื่อมั่นอีกครั้ง จ้องมองหลี่มู่เหมือนหนูตัวเล็กๆ
“ถึงอย่างไรพวกเราก็มาจากสถานที่เดียวกัน ดังนั้นก่อนที่เจ้าจะ ตาย คําถามที่เจ้าถามมาเมื่อครู่สามข้า ข้าจะตอบเจ้าเอง”
เจียงชิงหรวนมองหลี่มู่เหมือนเห็นใจเล็กๆ
“ยันต์สงบสุขก็คือ ‘ยันต์ผนึกพลัง เป็นยันต์อักขระประเภทหนึ่งที่ ขั้นเทวะชาวโลกนํามาใช้รับมือกับศัตรูแห่งทางช้างเผือก ข้าใช้วิธี บางส่วนส่งมอบมันต่อให้กับราชวงศ์ซ่งเหนือ หลังจากผ่านเรื่องราว มากมาย พวกเขาก็ได้ยกมันขึ้นเป็นสมบัติ เจ้าปฏิเสธจักรพรรดิหนุ่ม แห่งซ่งเหนือคนนั้นสามถึงสี่รอบ เขากลัดกลุ้มอับอายจนโมโห คิด
อยากจะควบคุมเจ้า ก็เลยใช้เจ้ายันต์สงบสุขชิ้นนี้ เหอะๆ ถือว่าเจ้าซวย เดิมทียันต์นี้ก็ไม่ได้คิดจะเอามาใช้รับมือกับเจ้า ข้อสอง พวกศิษย์พี่น้อง ของข้าเหล่านั้น เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว ถูกดัดแปลงจนกลายเป็น ‘เทพ สงคราม’ กันหมด น่าเสียดาย ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ ต่อ ให้การดัดแปลงสําเร็จ รับมือกับผู้แข็งแกร่งปกติบนดาวดวงนี้ได้อยู่ ทว่า มารับมือกับสัตว์ประหลาดอย่างเจ้าก็เหมือนจะขาดไปนิดหน่อย ดังนั้น ข้าจึงอยากจะได้ร่างกายของเจ้า ผสมผสานเข้ากับอารยธรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี จนกลายเป็นภาชนะที่แข็งแกร่งที่สุด…
แต่ช่างเถอะ เรื่องพวกนี้เจ้าคงไม่เข้าใจ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ก้อนผลึก อาวุธความร้อน หึๆ ชื่อของกลุ่มชายชุดดํา เจ้าฟังไปก็คงไม่ เข้าใจ เจ้าแค่เข้าใจไว้ว่า พอข้าดัดแปลงเจ้าจนกลายเป็นหุ่นเชิดการ ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จากนั้นก็ทําการแย่งชิง ข้าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง อันดับหนึ่งของโลกใบนี้ ส่วนคําถามข้อที่สาม ข้าคงจะอธิบายจนชัดเจน แล้ว”
เจียงชิงหรวนพร�าไม่หยุด แสดงความเป็นผู้ชนะของตนเองออกมา อย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียว
หลี่มู่ไม่พูดอะไร
เจียงชิงหรวนคนนี้ได้ทําลายความเป็นมนุษย์ไปจนหมด กระทั่ง ศิษย์พี่น้องของตนเองก็สังหารจนสิ้น ดัดแปลงมาเป็นมนุษย์จักรกล
การร่วมมือกันของเขากับกลุ่มที่เขาเรียกว่าคนชุดดํา คงจะไม่ใช่เรื่องที่ เกิดขึ้นในวันสองวันเป็นแน่
ส่วนกลุ่มที่เรียกว่าคนชุดดํานี้ น่ากลัวว่าคงไม่ใช่คนดีอะไร
“เอาละ คําถามของเจ้า ข้าก็ตอบไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ มังกรที่ป่า เถื่อนน่ากลัวที่สุดในทางช้างเผือกเอ๋ย จงออกมาเถิด” ใบหน้าของเจียง ชิงหรวนล้าคลั่งราวกับพวกสาวกที่เลื่อมใสศรัทธา
เขารู้สึกได้ว่า ในที่สุดก็สามารถติดต่อกับจิตสํานึกอันน่ากลัวนั้นจน เสร็จสิ้นแล้ว
เขาคํารามขึ้นอย่างยินดี เอ่ยว่า “จงฟังการอัญเชิญของข้า สังหาร เหล่าตุ่นแมลงพวกนี้เสีย แต่อย่าทําลายร่างกายของพวกเขา!”
เขี้ยวสัตว์สีเลือดเกิดเสียงดังเปรี๊ยะ แตกสลายกลายเป็นฝุ่นไป
และในเวลาเดียวกัน พลังอันน่ากลัวถึงขีดสุดฉีกความว่างเปล่าจุติ ลงมา ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันด้านบนซากปรักหักพังแห่งนี้
ร่างแปลกประหลาดร่างหนึ่ง พุ่งทะลุช่องว่างในอากาศราวสายฟ้า จุติลงมา
‘มังกรที่ป่าเถื่อนน่ากลัวที่สุดในทางช้างเผือก’ ที่เจียงชิงหรวนเอ่ย ถึง ในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว
“โฮ่ง!”
มังกรอ้าปากออก
……………………………………