จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 471 ลงทัณฑ์เพื่อตักเตือน
หลี่มู่เดิมยังคิดจะเสี่ยงโชคในเขตใจกลางสุสานเทพอีกสักหน่อย ดู ว่าจะหาของวิเศษอะไรพวกนี้ได้อีกหรือไม่ น่าเสียดายที่โชคครั้งนี้ใช้จน หมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไร
ไม่นานกลิ่นอายทั่วทั้งสุสานเทพก็ไม่เสถียร
พวกหลี่มู่สัมผัสได้ถึงพลังต่อต้านกลุ่มหนึ่ง เริ่มแผ่อวลมาในอากาศ “สุสานเทพจะปิดแล้ว นายท่าน พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่” คิ้ว ติดกันนึกถึงคําบรรยายของอาจารย์ของสํานักเมื่อก่อนที่จะมาเยือนได้ จึงรีบเอ่ยเตือน
“พวกเราไป”
พวกหลี่มู่เดินไปตามทางอย่างเร่งรีบ
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ทุกคนก็เดินออกมาจากสุสานเทพ มาถึง ยังเมืองหลินอันเมืองหลวงของซ่งเหนือ ที่กลายเป็นที่รกร้างไปแล้ว
ครึ่ก ครืนนน!
แผ่นดินสั่นไหว
หลี่มู่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังใต้ดินเริ่มสลายไป
สํานักกําเนิดฟ้าเคยบอกเอาไว้ว่าสุสานเทพไม่ได้หยุดนิ่งอยู่ที่ใดที่ หนึ่ง แต่จะลอยไปในมิติอันเป็นอนันต์ หนึ่งพันปีมาเยือนครั้งหนึ่งถึงจะ เปิด ทุกครั้งที่มาเยือนล้วนไม่ใช่ที่เดิม
และหลังจากการมาเยือนจบลง เมื่อสุสานเทพปิดตัวก็จะล่องลอย ไปในมิติอีกครั้ง รอหลังจากนี้หนึ่งพันปีก็จะมาเยือนใหม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะ ไปปรากฏอยู่ที่ใดแล้ว
จากที่สุสานเทพค่อยๆ หายไป แผ่นดินเมืองหลินอันที่มีพื้นที่กว้าง ใหญ่ก็ถล่มลงไปหลายร้อยจั้งเกิดเป็นหลุมสวรรค์ขนาดมหึมา เมือง โบราณพันปีที่นับว่าเจริญรุ่งเรืองก็หายไปจากแผ่นดินใหญ่เสินโจวโดย สิ้นเชิงเช่นนี้แล
การเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์เช่นนี้เทียบได้กับมหาสมุทร แปรเปลี่ยนเป็นทุ่งหม่อน
ประวัติศาสตร์ยุคหนึ่งจบลงแล้ว
หลี่มู่ยืนอยู่กลางท้องฟ้า ก้มลงมองสภาพลักษณะภูมิประเทศเบื้อง ล่าง ในใจทอดถอน
ด้านล่างมีพื้นที่แอ่งกระทะขนาดมโหฬารเกิดขึ้น
เมืองหลินอันกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปโดยสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง ทุกอย่างเป็นแค่หมอกควันเท่านั้น
และก็มีเงาคนเป็นกลุ่มๆ บินทะยานออกมาจากพื้นที่แอ่งกระทะ ขนาดมโหฬารนี่ราวกับนก ในนั้นมีผู้ฝึกฝนนอกพิภพ และก็มีผู้ แข็งแกร่งวิถียุทธ์ของโลกใบนี้ จากการเปิดออกของสุสานเทพครั้งนี้ บางคนได้ผลเก็บเกี่ยว บางคนกลับไปมือเปล่า
หลี่มู่ไม่ได้ตามไล่สังหาร
ทุกอย่างจบลงแล้ว
ตามการปิดตัวลงจากสุสาน ผลกระทบกฎแห่งเต๋าของสุสานที่มีต่อ โลกใบนี้ค่อยๆ สลายไป
เหล่าผู้ฝึกฝนนอกพิภพพวกนี้ต้องรีบออกไป
มิฉะนั้น หากกฎแห่งเต๋าของโลกใบนี้คืนสู่ปกติ พลังของพวกเขา ถูกสะกดเกิดสภาวะผิดดินฟ้าอากาศ สุดท้ายก็อาจจะถูกขังอยู่ในโลกใบ นี้
“ไปเถอะ ไปค่ายราชวงศ์ซ่งเหนือ”
ผลพันธนาการจาก ‘ยันต์ผนึกพลัง’ บนตัวของหลี่มู่สลายไปแล้ว ปราณแท้ไหลวนในกายอีกครั้ง ดังนั้นจึงบินไปในอากาศได้
แต่ว่า พลังวิถียุทธ์ร่างแยกวัวดํากลุ่มนั้นหมดเวลาลง สลายไปจน สิ้นแล้ว
ชั่วขณะต่อมา ค่ายราชวงศ์ซ่งเหนือก็อยู่ใต้เท้า
คนทั้งหลายลอยต�าลงมาจากฟ้า มีองครักษ์รีบไปรายงานองค์ จักรพรรดิและเหล่าสมาชิกเชื้อพระวงศ์นานแล้ว
“เทวะหลี่กลับมาช่างน่าปิติยินดีนัก ข้าสั่งให้คนเตรียมงานเลี้ยง ฉลองเพื่อเลี้ยงต้อนรับเทวะหลี่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว” จักรพรรดิหนุ่ม แห่งซ่งเหนือใบหน้าขาวสะอาดทรงอํานาจ กระตือรือล้นเป็นที่สุด มา ทักทายหลี่มู่ด้วยตัวเอง
ปาเสียนอ๋องก็เดินมาทําความเคารพหลี่มู่เช่นกัน
สายตาของหลี่มู่จับจ้องทั้งสอง สีหน้าดุดัน
หวางซืออวี่กระตุกแขนเสื้อหลี่มู่เบาๆ ใบหน้าแฝงรอยอ้อนวอน เอ่ยขึ้นว่า “พี่มู่ ไว้ชีวิตพ่อบุญธรรมของข้าได้หรือไม่ เขาชรามากแล้ว …”
หลี่มู่พยักหน้า
เขาแค่ชี้ออกออกไป พลังอัศจรรย์ไร้รูปร่างก็ทะลักออกมา
จักรพรรดิซ่งเหนือทั่วร่างสะเทือนกระอักเลือดสดๆ ออกมาคําโต ตัวอ่อนยวบลงไปบนพื้นด้วยใบหน้าแข็งค้าง จากนั้นหน้าตาก็เหมือนแก่ ลงไปยี่สิบปี จอนผมมีเส้นผมสีขาวโพลนปรากฏเป็นเส้นๆ
“บังอาจ!”
“ปกป้องฝ่าบาท”
องครักษ์และผู้แข็งแกร่งที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ต่างพุ่งมาล้อมห ลี่มู่เอาไว้
แต่นี่ก็เป็นเพียงปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณเท่านั้น
สมญาโหด ‘ผู้จบสมาชิกราชวงศ์’ ของราชาปีศาจหลี่กระฉ่อนไป ทั่ว วีรกรรมสะเทือนทั่วหล้า มีใครกล้าลงมือจริงๆ
ปาเสียนอ๋องหน้าเปลี่ยนสี
“เทวะหลี่หมายความอย่างไรกัน ฝ่าบาทของข้าปฏิบัติกับท่าน อย่างสุภาพ ท่านทําเช่นนี้ไม่รู้สึกว่าเกินไปหน่อยหรือ?” เขาตําหนิด้วยสี หน้าดุดัน
หลี่มู่สีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไร
คิ้วติดกันก้าวขึ้นมาตวาด “เหอะ กับแค่อ๋องตัวเล็กๆ ในโลกมนุษย์ เท่านั้น กล้าวางแผนเทวะ? หากไม่ใช่ว่านายท่านของข้าเมตตา ไม่ถือ โทษโกรธเคือง เพียงแค่เสี้ยวความคิดของพวกข้าบ่าวผู้ติดตามก็คง สังหารเชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือทั้งระดับบนและล่างเสียให้สิ้น”
วงเป่าสีดีดร้องทั้งสี่นั้นรู้เรื่อง ‘ยันต์ผนึกพลัง’
สําหรับพวกเขา นี่ก็เป็นแค่จักรพรรดิตัวเล็กๆ ของโลกระดับล่างก็ เท่านั้น เป็นแค่แมลงตัวที่ค่อนข้างใหญ่ขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังคงต�าต้อย อ่อนแออยู่เช่นเดิม กลับกล้าวางแผนต่อผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์อย่างหลี่มู่ เช่นนี้ ช่างไม่รู้จักเป็นตายจริงๆ
“ข้า…เฮ้อ ข้าผิดไปแล้ว” องค์จักรพรรดิหนุ่มแห่งซ่งเหนือสีหน้า ฉายแววขมขื่น ขอโทษหลี่มู่ด้วยสีหน้าท่าทางหดหู่
แต่เดิมมีหวางซืออวี่ท่านหญิงหวนจูผู้นี้อยู่ หลี่มู่ยังนับว่ามีสัมพันธ์ ที่ดีกับราชวงศ์ซ่งเหนือ แต่ว่าเขาใจร้อนอยากจะประสบผลสําเร็จและ ได้ผลประโยชน์เร็วๆ ใช้เล่ห์เพทุบาย ส่ง ‘ยันต์ผนึกพลัง’ ไปให้หลี่มู่ คิด จะควบคุมเขา…ตอนนี้ สัมพันธ์ที่ดีนี่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง ซ�ายังกลับ กลายเป็นความแค้น
“ทําลายวรยุทธ์เจ้า ลดอายุขัยเจ้ายี่สิบปี เพื่อเป็นการลงโทษ ตักเตือน” หลี่มู่ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นอย่างเรียบเฉย “ภายภาคหน้าเจ้าก็ ระวังตัวให้ดีเถิด”
จักรพรรดิซ่งเหนือพยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ขุนนาง ผู้แข็งแกร่งและขุนพลซ่งเหนือทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ต่างสี หน้าเหม่อลอย
นี่คือความทรงอํานาจของผู้แข็งแกร่งสุดยอด
วิถียุทธ์ฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุด ต่อให้เป็นจักรพรรดิในโลกวุ่นวายก็ ยังต้องก้มหน้า หนึ่งในจักรวรรดิทั้งสามแห่งแผ่นดินใหญ่เสินโจวก็ต้อง ก้มหัว…นี่ถึงจะชีวิตที่สุขสมหวังที่แท้จริง
ยามเมื่อปีนเขาจนถึงยอด ข้าก็คือยอดเขา
ตอนนี้ เด็กหนุ่มอายุสิบหกปีคนนี้ เป็นจุดสูงสุดของโลกใบนี้แล้ว
หลี่มู่มองยังหวางซืออวี่ “ตามข้ากลับไปเมืองขาวพิสุทธิ์เถอะ ข้า จะต้องหาทางฝึกฝนกายศักดิ์สิทธิ์จรัสแสงได้แน่นอน”
หวางซืออวี่ยิ้ม “ดี แต่ว่า ข้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพ่อบุญธรรมสักพัก ก่อนก็แล้วกัน หลายวันมานี้เขาเหนื่อยเกินไปแล้ว ร่างกายใกล้จะไม่ไหว เต็มที”
หลี่มู่พยักหน้าเอ่ย “ก็ดีเหมือนกัน”
สุดท้ายหวางซืออวี่ก็อยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว
“ต๋าจี่น้อยเล่า?” หลี่มู่มองมายังจักรพรรดิซ่งเหนือ
จักรพรรดิซ่งเหนือตอนนี้ในใจหวาดเกรงหลี่มู่จนถึงขีดสุด ทั้งยัง รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่ตนทําไปก่อนหน้านี้ จึงเล่าเรื่องที่ ‘เสี่ยวเยา’ หนึ่ง ในเก้าคนยอดใต้หล้า จ้าวแห่งจวนปีศาจสวรรค์ปรากฏตัวแล้วพาต๋าจี่ ไป
“ราชวงศ์ของพวกเราตกต�า ไร้ซึ่งพลังต้านทานคนในเก้ายอดคน อีกทั้งจ้าวปีศาจตนนั้นยังพูดอีกว่าแม่นางต๋าจี่เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของ เขา มาเชิญไปเพื่ออบรมและเลี้ยงดูอย่างสุดกําลัง ไม่ทําร้ายแม่นางน้อย อย่างแน่นอน ดังนั้น…ขอเทวะหลี่ได้โปรดอภัย”
ขุนนางใหญ่แห่งซ่งเหนือคนหนึ่งรีบอธิบาย
หลี่มู่ขมวดคิ้ว
ในเก้าสํานักเทพ น้อยครั้งที่จวนปีศาจสวรรค์จะเข้ามายุ่งเกี่ยวใน โลกมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องของเผ่ามนุษย์ น้อยครั้งที่จะถามไถ่ จ้าว ปีศาจ ‘เสี่ยวเยา’ ยังเป็นเหมือนเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่รู้ว่าคน
คนนี้จะดีหรือร้าย นิสัยเป็นเช่นไร แต่ครั้งนี้เขามาเพื่อต๋าจี่โดยเฉพาะซ�า ยังเลือกเวลาที่ตนไม่อยู่ ในนี้เกรงว่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
หลี่มู่ตัดสินใจจะต้องไปจวนปีศาจสวรรค์รอบหนึ่งเพื่อให้รู้เรื่อง
สุดท้ายพวกหลี่มู่ก็ไปจากค่ายเชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือ
ส่วนหวางซืออวี่ก็ยังอยู่ก่อนชั่วคราว
“พ่อบุญธรรม พวกท่าน…เฮ้อ ไม่ควรทําเรื่องเช่นนั้นจริงๆ นะ” หวางซืออวี่กล่าวโทษ
นางถูกเชื้อพระวงศ์หลอกใช้ ผิดหวังกับราชวงศ์เป็นอย่างมาก แต่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ปาเสียนอ๋องเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนาง ตอน นั้นนางมาถึงโลกใบนี้ไร้ที่พึ่งพิง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกได้ว่า อันตรายสุดๆ หากไม่ใช่ปาเสียนอ๋องรับนางเอาไว้ เกรงว่านางคงตายไม่ เหลือซากไปแล้ว
ชายชราผู้นี้ดีกับนางจากใจจริงๆ ดังนั้น เด็กสาวที่จิตใจงดงามผู้นี้ก็ อภัยให้ปาเสียนอ๋องแล้ว
นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสุสานเทพคร่าวๆ รอบหนึ่ง “ขนาดเซียน นอกพิภพยังถูกพี่มู่ฆ่าเสียหมดจด ตอนนี้ใต้หล้านี่พี่มู่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
แล้ว เขาเป็นคนแบบไหน? เทพมังกรแห่งสวรรค์จะใช้วิธีแบบนี้ควบคุม ได้อย่างไร?”
เชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือทั้งหลายได้ยินตะลึงอ้าปากค้าง
ได้ยินอีกว่าแม้แต่เหล่าผู้ฝึกฝนนอกพิภพ หลี่มู่ยังฆ่าเหมือนฆ่าหมู นอกจากความตื่นตะลึงแล้วก็ยังเสียใจเป็นล้นพ้น
น่าเสียดาย โลกใบนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง
“ข้าละอายต่อบรรพชนนัก…” จักรพรรดิซ่งเหนือเสียใจเหลือ ประมาณ
……
ในที่รกร้างเมืองหลินอัน
ร่างเงาของเทวะเสียไห่และจอมมารจันทราโลหิตโผล่ออกมาจาก ใจกลางหลุมสวรรค์หลุมหนึ่งด้วยใบหน้ามอมแมม ท่าทางลับๆ ล่อๆ
“คิดไม่ถึงว่าหลี่มู่จะน่ากลัวถึงขนาดนี้” เทวะเสียไห่นึกถึงภาพนั้น ที่ตัวเองได้เห็นจากที่ไกลลิบ ใจเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ไม่ เกิดความคิดที่อยากจะเป็นปฏิปักษ์กับหลี่มู่อีกแม้แต่น้อย
คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนร่วมมือกับคนอื่นๆ ยั่วโทสะหลี่มู่เมื่อตอนที่อยู่ ในอารามอู่จวง ใจของเทวะเสียไห่ก็อดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ นึกกลัว ภายหลังเป็นระลอกๆ ตอนนี้ดูแล้วที่วันนั้นนึกได้ใจเป็นความโง่เง่าปาน ใด
และสุดท้ายรอดชีวิตจากมือหลี่มู่มาได้ เทวะเสียไห่รู้สึกว่าโชคดี แล้วจริงๆ
“ข้าจะกลับนอกพิภพ จะต้องบอกเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้สํานักได้รู้” เทวะเสียไห่เอ่ยอย่างหวาดหวั่น “หลี่มู่คนนี้ร้ายกาจเกินไป อายุน้อยๆ แค่นี้ก็มีพลังฝึกตนขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็จะทะลวงขั้น ทะลวงสวรรค์ ก้าวไปนอกพิภพได้ ถึงตอนนั้นจะต้องเป็นเคราะห์ภัย ร้ายแรง จําต้องป้องกัน”
จอมมารจันทราโลหิตเอ่ยประจบยกยออยู่ข้างๆ “ครั้งนี้หากไม่ใช่ ฝ่าบาทเห็นท่าไม่ดี ไม่เข้าไปในเขาห้าองคุลีกับกลุ่มคนส่วนมาก พวก เราถึงได้รอดเคราะห์ภัยมา มิฉะนั้นแล้วเกรงว่า…ฝ่าบาทคงต้อง ช่วยชีวิตข้าน้อยอีกครั้งเป็นแน่”
เทวะเสียไห่มองจอมมารจันทราโลหิตแวบหนึ่ง
มองทุกอย่างได้ทะลุมีสิ่งมากมายให้เกลียดชัง มีเพียงคําประจบ สอพลอเท่านั้นที่มองไม่ทะลุและชื่นชอบฟัง
ในใจของเขาพลันรู้สึกว่า ชาวพื้นเมืองคนนี้ถึงแม้พลังจะไม่สูง พรสวรรค์ก็งั้นๆ แต่พอจะมีวิธีการอยู่บ้าง จงรักภักดี พูดจาดี รู้ว่าควร จะทําอะไรเวลาไหน นับว่าเป็นคนมีความสามารถกระมัง
คนมีความสามารถเช่นนี้ทิ้งไว้ในโลกใบนี้ ไปจัดการดูแลพรรค จันทราโลหิตอะไรนั่นความสามารถมีขีดจํากัด ไม่อาจสร้างภัยคุกคาม อะไรให้หลี่มู่ได้แล้ว อีกทั้ง เรื่องในสุสานเทพจบไปแล้ว สําหรับสํานัก นอกพิภพจํานวนมากทั้งหลาย โลกใบนี้ไม่มีอะไรดึงดูด ไปจัดการดูแล ขั้วอํานาจไม่มีความหมายมากมายอะไร
มิสู้พาเขาไปนอกพิภพด้วย?
เอามาเป็นข้ารับใช้ติดตาม เวลาใช้ก็สะดวก
“อืม เจ้ากลับไปเตรียมตัวติดตามข้าไปนอกพิภพ” เทวะเสียไห่มี แผนในใจ
จอมมารจันทราโลหิตดีใจเป็นล้นพ้น เมื่อความปรารถนาสําเร็จลง ง่ายๆ แบบนี้ เอ่ยเสียงสั่น “นี่…ฝ่าบาท ข้าไปนอกพิภพได้หรือ นี่…จริงๆ หรือ?”
เทวะเสียไห่หัวเราะ “ข้าลงมาได้แน่นอนว่าย่อมพาเจ้าออกไปได้ แน่นอน พาเจ้าไปนอกพิภพข้าจําต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่าง…เจ้า
ต้องรู้จักทดแทนบุญ หากกล้าทําเรื่องอะไรหักหลังข้า ข้าจะทําให้เจ้า สลายเป็นธุลี”
“ข้าน้อยจะไม่ทําให้ฝ่าบาทผิดหวังแน่นอน” จอมมารจันทราโลหิต ลิงโลด
หนึ่งพันปีมานี้ โลกใบนี้ไม่มีใครทะลวงขั้นทะลวงสวรรค์ได้ ตนกลับ สามารถใช้วิธีนี้ก้าวออกไปสู้โลกนอกพิภพ พูดได้ว่าเป็นคนแรกในพันปี กระมัง? โชคชะตาเช่นนี้จะพลิกชะตาเกินไปแล้วจริงๆ
………………………………………