จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 475 หัวมนุษย์สองหัว
ดวงอาทิตย์สองดวง ดวงหนึ่งอยู่ข้างหน้า ดวงหนึ่งตามท้าย ค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออก
รุ่งอรุณผ่านพ้นหมอกยามเช้าสลายไป
วันใหม่มาถึงแล้ว
สําหรับซ่งเหนือ บางทีวันนี้อาจจะถูกตอกเอาไว้กับเสาแห่งความ อัปยศ
เพราะสาวงามอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิ ไข่มุกเม็ดที่งามที่สุดแห่ง จักรวรรดิจะถูกส่งไปแต่งงานกับผู้นําตระกูลหนานกง
คนหนึ่งเป็นเด็กสาวงดงามอายุสิบแปดสิบเก้าวัยดอกไม้กําลังเบ่ง บาน คนหนึ่งเป็นตาแก่เมียเป็นขโยง แต่กลับยังเที่ยวเจ้าชู้ไปทั่วข้าง นอก
สําหรับผู้หญิงคนใดก็ตาม ชีวิตสมรสเช่นนี้ล้วนเป็นภัยพิบัติอย่าง ไม่ต้องสงสัย
ในวังประดับตบแต่งงดงามคึกคักไปทุกที่
ลูกศิษย์ตระกูลหนานกงล้วนเข้าออกวังหลวงหน้าตาเบิกบาน แจ่มใสราวเดินตลาด
หนานกงฉุนเหลียงวางอํานาจยึดครองวังหลวงโดยสมบูรณ์ จักรพรรดิซ่งเหนือถูกบีบให้มอบวังหลวงเป็นสถานที่จัดงานสมรส
หลายวันที่ผ่านมานี้ คนตระกูลหนานกง ลูกศิษย์สํานักที่ติดตาม ตระกูลหนานกงบางตระกูลเข้าออกวังหลวงอย่างอิสระ ก่อเรื่อง มากมาย กระทั่งว่ามีเรื่องนางกํานัลถูกหยามหมิ่นลือออกมา แม้แต่พระ สนม องค์หญิงบางพระองค์ก็ถูกแทะโลม ล่วงเกิน ข่าวเล่าลือออกไปให้ แซ่ด แต่เชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือก็ทําอะไรไม่ได้
หนานกงฉุนเหลียงในวัยสองร้อยสี่สิบเก้าปีสวมชุดแดงทั้งชุดยืนอยู่ ที่ประตูตําหนักฉินเจิ้ง ก้มลงมองวังหลวงทุกสารทิศ ในใจเกิดความรู้สึก อิ่มเอมขึ้นมา
สําหรับเขาและตระกูลหนานกงทั้งตระกูลแล้ว วันนี้เป็นวันที่สําคัญ เป็นอย่างยิ่ง
เขามั่นใจในตัวลูกชายของตัวเองที่สุด ตระกูลหนานกงจําศีลมาพันปี ในที่สุดก็ผงาดขึ้นฟ้าสมปรารถนา บุคคลวิถียุทธ์อันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าปรากฏในตระกูลหนานกง
ส่วนเขาผู้นําตระกูลคนนี้ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นคนแรกใน ประวัติศาสตร์ที่อยู่เหนือจักรวรรดิทั้งสามคิดๆ ดูแล้วก็ชวนให้คนต้อง ตัวสั่นเพราะความตื่นเต้น
เรื่องดีๆ กําลังจะเกิดขึ้น
“อาจารย์ จักรพรรดิซ่งเหนือและคนอื่นๆ ล้วนทําตามประสงค์ของ ท่าน รออยู่ข้างนอกวังหลวง จะตามขบวนรถท่านไปรับเจ้าสาวแล้ว”
เขาคือลูกศิษย์คนโตของหนานกงฉุนเหลียง จางเยวี่ย
“อวี่เอ๋อร์กลับมาหรือยัง?” หนานกงฉุนเหลียงเอ่ยถาม
จางเยวี่ยตอบไปว่า “เรือบินของคุณชายออกไปเมื่อคืน ยามเช้าตรู่ ยังไม่กลับมา”
หนานกงฉุนเหลียงหัวเราะเอ่ยขึ้น “ก่อนศึกใหญ่อวี่เอ๋อร์ยัง สามารถทําใจสบายๆ สูงส่งแบบนี้ได้จะต้องมีความมั่นใจว่าชนะได้ แน่นอน ไม่ต้องสนใจแล้ว เขาไม่มีทางพลาดงานวันนี้แน่นอน…ไป ออก เดินทาง”
ยอดฝีมือตระกูลหนานกงรวมตัวมา
คนหลายร้อยคนห้อมล้อมหนานกงฉุนเหลียงเอาไว้ เดินมาถึงยัง หน้าประตูวังหลวง
จักรพรรดิซ่งเหนือที่จอนผมหงอกขาวใบหน้าทุกข์ระทม ยืนรออยู่ หน้าประตูอย่างกับบ่าวติดตาม ส่วนสมาชิกเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ก็กล้า โมโหแต่ไม่กล้าพูด เดินตามหลังยอดฝีมือตระกูลหนานกงเหมือนข้ารับ ใช้
ตลอดทางเสียงโห่ร้องกึกก้อง
สํานักใหญ่และผู้แข็งแกร่งตระกูลต่างๆ ที่เดินทางมาร่วมพิธี ต่าง แบ่งแถวขบวนอยู่บนถนน ลําพังคนในยุทธจักรก็มีหลายหมื่นคนแล้ว รวมกับประชาชนซ่งเหนือที่ถูกบังคับให้มาร่วมพิธีจํานวนมหาศาล บน ถนนพูดได้ว่าผู้คนล้มหลาม งานใหญ่อลังการเป็นที่สุด
สําหรับคนซ่งเหนือคนใดก็ตามแต่ วันนี้เป็นวันแห่งความอัปยศ อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่นานนัก จวนปาเสียนอ๋องก็ปรากฏในสายตา
ทั่วทั้งจวนอ๋อง ถูกขั้วอํานาจตระกูลหนานกงควบคุมล้อมเอาไว้ หมดตั้งแต่เดือนที่แล้ว เข้าได้ออกไม่ได้
“ฮ่าๆๆ ข้าผู้เป็นผู้นําตระกูลมาถึงแล้ว ไยจึงไม่เห็นเจ้าสาวออกมา รับสามี?” หนานกงฉุนเหลียงท่าทางกําเริบเสิบสานจนเกินสมควร
อันที่จริง เขาจงใจทําให้ทุกคนเห็น ยิ่งอยากจะใช้วิธีนี้มายั่วหลี่มู่ เขาเชื่อว่าวันนี้หลี่มู่จะต้องมาแล้วแน่ๆ บางทีอาจจะซ่อนอยู่ในกลุ่มฝูง ชน คิดจะรอจังหวะลงมือช่วยคน
เขาคิดจะใช้วิธีนี้มาโจมตีจิตใจแห่งวิถียุทธ์ของหลี่มู่
เหยียบชื่อเสียงบารมีของตํานานแห่งวิถียุทธ์คนหนึ่งก้าวขึ้นไป ความรู้สึกนี้มันช่างซาบซ่านดีจริงๆ
ปาเสียนอ๋องพาคนในจวนเดินออกมาจากประตูใหญ่อย่างเนิบช้า
“โอ๊ะ ท่านพ่อตาออกมารับขบวนรับเจ้าสาวด้วยตัวเองเลยรึ ไยจึง ไม่เห็นท่านหญิงเล่า?” หนานกงฉุนเหลียงใบหน้าฉายด้วยรอยยิ้ม เดิน ก้าวขึ้นไป “ข้าสั่งแล้วมิใช่หรือว่าให้ท่านหญิงสวมชุดเจ้าสาวเดิน ออกมารับข้าด้วยตัวเอง? นี่ยังไม่ทันจะแต่งเข้าบ้านเลยก็ไม่ฟังคําสามี แล้วรึ?”
ปาเสียนอ๋องหน้าคล�าเขียวแต่ไม่พูดอะไร
จ้าวจี้ในชุดขาวทั้งชุดในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว “ผู้นําตระกูลหนาน กงไยต้องข่มขู่กันเช่นนี้ นับแต่โบราณมา มีหลักเหตุผลให้เจ้าสาว ออกมารับขบวนรับเจ้าสาวเองเสียที่ไหน? หรือเจ้าจงใจหยามหมิ่นท่าน หญิงอย่างนั้นหรือไร?”
สายตาของหนานกงฉุนเหลียงจับจ้องอยู่ที่จ้าวจี้ “เจ้าคือ?”
“จ้าวจี้แห่งซ่งเหนือ”
หนานกงฉุนเหลียงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอย่างดูถูก เอ่ยขึ้น “อ้อ ข้า เคยได้ยินมาว่า ว่ากันว่าซ่งเหนือมีไอ้โง่คนหนึ่งชื่อจ้าวจี้ เดิมนับว่าเป็น อัจฉริยะของซ่งเหนือ เคยสอบติดจอหงวน น่าเสียดายที่ลุ่มหลงในนารี หลายปีมานี้หลงรักท่านหญิงหวนจูฝ่ายเดียว ทิ้งอนาคตอันรุ่งโรจน์ ยอมเป็นสุนัขฮาปา[1]คอยหยอกล้ออยู่กับผู้หญิงคนนี้…ช่างน่าเศร้า จริงๆ”
จ้าวจี้หน้าตาเดือดดาลตอบกลับไป “ก็ดีกว่าผู้นําตระกูลหนานกงที่ รังแกผู้อ่อนแอ แก่งแย่งคว้าชิงมากนัก”
“กระบี่มา” หนานกงฉุนเหลียงแค่ยื่นมืออกไป
จางเยวี่ยก็ส่งกระบี่โบราณเก่าแก่ไม่มีอะไรน่าอัศจรรย์เล่มหนึ่ง ออกมา
หนานกงฉุนเหลียงกํากระบี่ไว้ในมือ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “กระบี่นี้คือกระบี่ติดกายของเจ้าสํานักเทพเมืองมรกตแห่งซ่งเหนือเต้า หลิง เต้าหลิงปกครองเขาลอยฟ้า ไร้คุณธรรมไร้คนสนับสนุน ไม่ฟัง คําสั่งของตระกูลหนานกง ลูกชายคนดีของข้าหนานกงอวี่จึงฆ่ามันที่เขา ลอยฟ้าเสีย สํานักเขามรกตแตกสลาย กระบี่จึงตกมาอยู่ในมือข้า อาศัย
คําพูดของเจ้าเมื่อครู่ก็มากพอจะตายเป็นหมื่นครั้งแล้ว แต่ว่า ข้าเห็น กับที่เจ้าก็เคยนับว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเหมือนกัน หากเจ้ารับกระบี่นี้ ของข้าได้ วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”
พูดจบก็ไม่รอคําตอบจากจ้าวจี้ ฟันกระบี่ออกมาทันที
อากาศแยกออกเหมือนเนยถูกผ่า
จ้าวจี้หน้าเปลี่ยนสี รู้สึกเพียงแค่เงาแห่งความตายมาเยือนในเสี้ยว พริบตา
ตอนนั้นเขาเป็นบัณฑิต ภายหลังถึงจะมาฝึกยุทธ์ จะเป็นคู่มือของ ผู้นําตระกูลพันปีอย่างหนานกงฉุนเหลียงแบบนี้ได้อย่างไร ภายใต้กระบี่ นี้จะโชคดีรอดอย่างนั้นรึ?
อั้ก!
ประกายกระบี่ฟันไปยังร่างของจ้าวจี้
เขากระอักเลือดออกมา กระเด็นลอยออกไปหลายสิบจั้งราวว่าว สายป่านขาด ไปคุกเข่าอยู่หน้าประตูจวนปาเสียนอ๋องไม่ลุกขึ้น
หนานกงฉุนเหลียงเก็บกระบี่ ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว วันนี้วันมงคล ไม่เหมาะที่จะฆ่าคน เก็บชีวิตเจ้าเอาไว้ ให้เจ้าดูว่าข้ากับ
สตรีในดวงใจที่เจ้ารักเพียงข้างเดียวเข้าหอกันอย่างไร เหอะๆ…ใครก็ได้ เอามันไปแขวนไว้ที่หน้าประตูจวนอ๋อง”
ปาเสียนอ๋องทนไม่ได้อีกต่อไป ก้าวขึ้นไป “ผู้นําตระกูลหนานกง พอแค่นี้เถอะ”
หนานกงฉุนเหลียงหัวเราะก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อตาถอยไปเถอะ วันนี้ข้าไม่อยากทําลายความสัมพันธ์ระหว่างท่านและข้า”
ปาเสียนอ๋องออกมาขวางอยู่ข้างหน้าจ้าวจี้ที่ได้รับบาดเจ็บ เอ่ย อย่างโมโห “หึ ระหว่างเจ้ากับข้าจะมีความสัมพันธ์อะไรมาพูดกันได้ อีก?”
“หึๆ แก่ปูนนี้แล้วทําไมยังไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้อีกนะ? คําบางคํา ควรพูด คําบางคําไม่ควรพูด” หนานกงฉุนเหลียงเสียบกระบี่ลงฝัก สี หน้าค่อยๆ เย็นชาขึ้น
ปาเสียนอ๋องเหมือนตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว เอ่ย เสียงสูง “ข้าพูดให้ชัดเลยแล้วกัน วันนี้เจ้าอย่าฝันจะได้แต่งกับอวี่เอ๋อร์ นอกจากข้าเลือดหลั่งห้าก้าว ตายอย่างอนาถอยู่ที่หน้าประตูใหญ่จวน อ๋องแห่งนี้” น�าเสียงท่าทางเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด
“หึๆ ช่างไม่รู้ความจริงๆ” หนานกงฉุนเหลียงส่ายหน้า รอยยิ้มบน ใบหน้ายังดูกวนอารมณ์ “ตาแก่ เกรงว่าเจ้าจะต้านทานไม่ได้น่ะสิ
กระดูกแก่ๆ ฝังไว้วันนี้ก็น่าเสียดาย ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ถอย ไป”
ปาเสียนอ๋องใบหน้าเด็ดเดี่ยว ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย “ข้า บอกแล้ว นอกเสียจากข้าตาย”
หนานกงฉุนเหลียงยิ้มอย่างดูถูก ไม่พูดอะไรอีก
จางเยวี่ยลูกศิษย์คนโตใบหน้าแฝงรอยยิ้มเย็นเดินไปบีบคอ ปาเสียนอ๋องเอาไว้อย่างป่าเถื่อนเป็นที่สุด เหมือนบีบคอไก่ตัวผู้ตัวหนึ่ง เอาไว้พลางลากไปอีกทางหนึ่ง
ชายชราขาดอากาศหายใจ ส่งเสียงแค่กๆ มือเท้าดิ้นรน
ส่วนลูกศิษย์ตระกูลหนานกงคนอื่นๆ ก็ลากจ้าวจี้ขึ้นมา ยิ่งมีคน หยิบเอาตะขอเหล็กมา คิดจะใช้มันแทงไหล่เขาแขวนไว้กับประตูใหญ่ จวนอ๋อง
สมาชิกเชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือใบหน้าอัปยศ
เหล่าประชาชนซ่งเหนือที่อยู่รอบๆ ต่างร้อนรนกันขึ้นมา
“วันนี้ ตระกูลหนานกงเป็นใหญ่ที่สุดในใต้หล้า จะต้องเชือดไก่ให้ ลิงดูู ฮี่ๆ ใครกล้าขัดขืน ฆ่าไม่เว้น” หนานกงฉุนเหลียงกวาดมองไป
รอบๆ สายตากวาดมองใบหน้าของคนซ่งเหนือนับไม่ถ้วน แววตาดูถูก เยาะเย้ย ไม่สะทกสะท้าน
เสียงของเขาดังดุจสายฟ้าฟาดดังก้องไปทั่วทิศเข้าไปในหูของทุก คน “วันนี้ในฟ้าดินแห่งนี้ยังมีใครจะขวางตระกูลหนานกงของข้าได้? บุคคลอันดับหนึ่งแห่งวิถียุทธ์ในอดีตที่ว่า เทพดาบแห่งเมืองขาว พิสุทธิ์หลี่มู่อยู่ต่อหน้าคมกระบี่ของลูกชายข้าก็ยังต้องละล้าละลังไม่ กล้าบุกเข้ามา ไม่กล้าปรากฏตัว แม้แต่ผู้หญิงของตัวเองยังไม่กล้าช่วย คนไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง ฮี่ๆ…”
เขากําลังพูดอยู่ จู่ๆ ก็มีร่างเงาร่างหนึ่งบินโซซัดโซเซเข้ามาจาก ทางวังหลวงไกลลิบ ตะโกนเสียงดังมาแต่ไกล “อาจารย์ อาจารย์ แย่ แล้ว…”
ตุบ!
ร่างเงาร่างนั้นเซถลามายังเบื้องหน้าหนานกงฉุนเหลียง เอ่ยอย่าง ลนลานทําอะไรไม่ถูก “อาจารย์ แย่แล้ว แย่แล้ว…” เป็นข่งกังลูกศิษย์ คนรองของหนานกงฉุนเหลียง
หนานกงฉุนเหลียงเอ่ยด้วยใบหน้าโกรธเคือง “มีเรื่องอะไรลนลาน แบบนี้ ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก…ไสหัวไปอีกทางนู่น”
คําพูดทรงอํานาจของเขาเมื่อครู่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนขัดจังหวะ บรรยากาศที่รังสรรค์ขึ้นเมื่อครู่ถูกทําลาย ในใจลุกไหม้ไปด้วยเพลิง โทสะ
ข่งกังคนนี้ปกติก็รู้ความดี รู้กาลเทศะ ไยวันนี้จึงได้บุ่มบ่ามเช่นนี้กัน
ข่งกังเหมือนสัมผัสไม่ได้ถึงเพลิงโทสะของอาจารย์ หน้าตาทําอะไร ไม่ถูก อธิบายอย่างลนลาน “อาจารย์ ฟังข้าก่อน ฟ้าถล่มแล้วๆ ข้า…”
พูดได้ครึ่งหนึ่ง ข่งกังก็พลันอึ้งตะลึงไป
เขาเงยหน้า สายตามองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า ใบหน้าตื่นกลัว เหมือนเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวเป็นที่สุด รูม่านตาหดเล็ก มือยกชี้ไป ทั่วร่าง สั่นสะท้านเพราะความหวาดกลัว “อ อ อ อ…อาจารย์…”
หนานกงฉุนเหลียงชะงัก ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
เขามองไปยังทางที่ข่งกังชี้
ทุกคนมองไปทางที่เขาชี้
กลับเห็นชายผอมสูงเหมือนลําไผ่ใส่เสื้อผ้าคนหนึ่งมาปรากฏตัวขึ้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ยืนตระหง่านกลางอากาศ เสื้อผ้าสะบัดพลิ้วแม้ไม่มี ลม ข้างหลังมีเอ้อร์หูงดงามอย่างโบราณคันหนึ่ง ส่วนมือถือกล่องหยก สี่เหลี่ยมผืนผ้าเอาไว้ใบหนึ่ง มองลงมาประดุจเซียน
คนคนนี้…เป็นใคร?
หน้าประตูจวนอ๋องมียอดฝีมือตระกูลหนานกงมากายขนาดนั้น ทั้ง ยังมีผู้แข็งแกร่งที่มาจากฝั่ งต่างๆ ล้วนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์วิถียุทธ์กันทั้งนั้น แต่ก็ไม่มีใครสัมผัสได้ว่า ชายผอมสูงเป็นลําไผ่คนนี้ปรากฏขึ้นเมื่อใด
“ผู้นําตระกูลหนานกง?” ชายผอมสูงร่อนลงสู่พื้นด้วยท่าทางสง่า งาม พลางจ้องหนานกงฉุนเหลียง
หนานกงฉุนเหลียงขมวดคิ้ว “ท่านคือ…”
“ดาบรับใช้แห่งเรือนดาบเมืองขาวพิสุทธิ์ ขอมอบของกํานัลชิ้น ใหญ่ให้ท่าน” ชายผอมสูงพูดแล้วก็ยกมือ กล่องหยกขาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็ลอยละล่องไปหาหนานกงฉุนเหลียงประดุจขนนก
“เมืองขาวพิสุทธิ์? เรือนดาบ?” หนานกงฉุนเหลียงตั้งตัวกลับมาได้
เขาปล่อยพลังนุ่มนวลกลุ่มหนึ่งออกมารับกล่องหยกเอาไว้ แล้วถือ ในมือ พลางหัวเราะพูดเสียงเย็น “เจ้าคือคนของหลี่มู่? ตัวหลี่มู่เองไยจึง ไม่มาเล่า? เฮอะๆ ส่งของกํานัลชิ้นใหญ่อะไร กลัวแล้วงั้นรึ? หากกลัวก็ มาตระกูลหนานกงยอมแพ้ด้วยตัวเอง เป็นทาสหนึ่งร้อยปี บางทีข้า อาจจะปล่อยมันไป…”
เขาพูดพลางเปิดกล่องหยก
กลิ่นคาวเลือดปะทะหน้ามา “นี่มัน…หนานกงฉุนเหลียงหน้าเปลี่ยนสี” ข้างในมีหัวมนุษย์สองหัว หัวหนึ่งหนานกงอวิ๋น หัวหนึ่งหนานกงอวี่
……………………………………………
[1] สุนัขฮาปาหรือฮาปาโก่ว คือสุนัขพันธุ์ปั๊ ก