จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 476 ยังมีอีกสาม
หนานกงฉุนเหลียงสั่นสะท้าน ตาเบิกกว้างอย่างยากจะเชื่อ ยังคิด ว่าตัวเองเห็นภาพลวงตา
“เป็นอวี่เอ๋อร์จริงๆ เป็นไปได้อย่างไร?”
หลังจากเขายืนยันแล้วยืนยันอีก ก็ประหนึ่งถูกฟ้าผ่า หัวสมองขาว โพลน รู้สึกแค่ว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว พลังทั่วร่างเหมือนถูกสูบออกไป เกลี้ยง มือแค่สั่น กล่องหยกก็ร่วงลงมาบนพื้น
หัวคนสองหัวกลิ้งออกมาเกลือกกลั้วไปกับดินโคลน ตอนนี้คนอื่นๆ ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล “นั่นไม่ใช่…หนานกงอวี่?” “สวรรค์ ข้าไม่ได้ตาฝาดกระมัง” “หนานกงอวี่ตายแล้ว?”
“ตายอย่างไร?” “หรือว่า…”
ถึงแม้จะเลื่อนสู่ขั้นทะลวงสวรรค์เวลาไม่นับว่านานเท่าไหร่ แต่ใน ฐานะบุคคลทรงอิทธิพลหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ชื่อเสียงของหนานกงอวี่ โด่งดังมาก รูปเหมือนก็ส่งไปตามขั้วอํานาจใหญ่ต่างๆ ดังนั้นจึงมีคนจํา ได้ในทันทีว่าหัวสองหัวที่กลิ้งมาบนพื้น หนึ่งในนั้นคือ ‘บุคคลอันดับหนึ่ง แห่งวิถียุทธ์ในใต้หล้า’ หนานกงอวี่นั่นเอง
หลังจากเงียบนิ่งเป็นชั่วเวลาสั้นๆ ทุกคนนอกจวนปาเสียนอ๋องก็ แตกตื่นฮือฮาขึ้น
ในใจของทุกคนเกิดคลื่นลมปั่ นป่วน
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนยอดเขาสูงเสียดฟ้าร่วงกระแทกลงมายัง ผิวทะเลจากท้องฟ้าสูงยี่สิบลี้ เกิดเป็นคลื่นกระหน�าซัด ทําให้คนต่าง ตาลายเป็นระลอกๆ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หนานกงอวี่ถูกฆ่าแล้ว?
‘อัจฉริยะ’ แห่งตระกูลหนานกง บุคคลอันดับหนึ่งขั้นทะลวงสวรรค์ แห่งยุค หนานกงอวี่ ตายไปแบบนี้แล้ว?
ชายผอมสูงคนนั้นเมื่อครู่บอกว่าเป็นใครนะ?
ดาบรับใช้แห่งเรือนดาบ?
นี่ไม่ได้หมายความว่า…หลี่มู่ลงมือแล้วรึ?
หนานกงอวี่ตายด้วยมือหลี่มู่
ข้อมูลต่างๆ นานาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน หลายคนเข้าใจเหตุและผล คร่าวๆ ในทันที ได้ข้อสรุปเช่นนี้ในเสี้ยวพริบตา
ทุกสิ่งในวันนี้กลายเป็นเรื่องตลก เรื่องขบขันฉากหนึ่ง
ขั้วอํานาจตระกูลหนานกงผงาดขึ้นก็คิดอยากจะปกครองใต้หล้า อย่างอดรนทนไม่ไหว เลือกเล็งเป้าไปยังนักดาบอันดับหนึ่งในใต้หล้าห ลี่มู่ทันที คิดจะเหยียบผู้แข็งแกร่งที่สุดในอดีตก้าวขึ้นไป ความคิดเช่นนี้ ไม่ผิด แต่ปัญหาคือพวกเขาประเมินพลังของหลี่มู่ต�าไป
หนานกงอวี่เมื่อตายลง ชะตาชีวิตที่รอตระกูลหนานกงไม่ใช่แค่ ต้นไม้ล้มวานรลี้หนีหาย จะยิ่งพังครืนลงมาเหมือนหิมะถล่ม
ไม่มีหนานกงอวี่ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งขั้นทะลวงสวรรค์คุ้มครอง ตระกูลหนานกงหลายวันมานี้เพราะโอ้อวดเกินไป และเหี้ยมโหดเกินไป ล่วงเกินขั้วอํานาจต่างๆ มากมาย ก็มากพอที่จะกลืนกินตระกูลเก้าแก่ พันปีตระกูลนี้ทีละเล็กละน้อยจนหมดจดเหมือนมดแทะช้าง
ยิ่งสาอะไรกับคนที่น่ากลัวที่สุดที่ตระกูลหนานกงล่วงเกินคือดาบ เทพ นักดาบอันดับหนึ่งของโลกคือหลี่มู่
ในอดีต คนที่เป็นปฏิปักษ์กับหลี่มู่ต่างโดนฝังไปหมดแล้ว ส่วนคนของเชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือ หลังจากเห็นหัวของหนานกงอวี่ ตื่นตะลึงไปชั่วขณะ ก็ยากจะปกปิดความยินดี และความสะใจ หนานกงฉุนเหลียงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ในเสี้ยวขณะเขาเหมือนแก่ลงไปอีกหลายร้อยปี พลังปราณจิต วิญญาณสูญสิ้น ยังเหลือพลังเต็มเปี่ ยม ความทรงอํานาจและกําเริบเสิบ สานดูถูกทั้งใต้หล้าแบบเมื่อครู่เสียที่ไหน มองไปยังลูกศิษย์ตระกูลหนานกงที่ยโสโอหังอวดดีพวกนั้นอีกครั้ง สีหน้าบนใบหน้าพูดได้ว่าน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง แต่ละคนเหมือนมะเขือ เหี่ยวๆ ประหนึ่งเผชิญกับวันสิ้นโลก บางคนเกิดความหวาดกลัวเริ่ม แทรกไปในกลุ่มคนอย่างเงียบๆ คิดจะเผ่นแล้ว “อาจารย์ๆ ทําอย่างไรดี?” ข่งกังใบหน้าเต็มไปด้วยความ หวาดกลัว หนานกงฉุนเหลียงเหมือนคนตาย ไม่อาจจะตอบคําถามได้ จางเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ก็ตกใจตื่นตะลึงไปด้วยเช่นกัน เรื่องราวทําไมจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้
คอของปาเสียนอ๋องที่เขาบีบอยู่ในตอนนี้ก็ประหนึ่งบีบเหล็กร้อนที่ เผาจนแดง ความหวาดกลัวในใจยากจะพรรณนา รีบปล่อยปาเสียนอ๋อง ใบหน้าพยายามฝืนฉีกยิ้ม “ท่านอ๋อง ข้า…”
ปาเสียนอ๋องร่วงลงบนพื้น ไอยกใหญ่
ทันใดนั้นก็มีองครักษ์จวนอ๋องพุ่งมา ประคองปาเสียนอ๋องเอาไว้
จางเยวี่ยติดตามหนานกงฉุนเหลียงก็เป็นคนเหี้ยมโหดเช่นกัน เห็น ปาเสียนอ๋องค่อยๆ หายใจได้ หน้าตาไม่เป็นมิตร ในใจก็ตัดสินใจเด็ด เดี่ยว รู้ดีว่าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย จึงไม่ลดละเลิกรา ทว่า เพิ่งจะ เกิดความคิดนี้ ทั้งตัวก็เหมือนถูกพลังแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่ง พันธนาการเอาไว้
นั่นเป็นชายผอมสูงเหมือนลําไผ่ที่บอกว่าเป็นดาบรับใช้แห่งเรือน ดาบมองมาอย่างยิ้มเยาะ เพียงแค่สายตาเท่านั้นก็ทําให้ในใจของจาง เยวี่ยพลันเย็นยะเยือก ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย!
ลูกศิษย์ตระกูลหนานกงที่พันธนาการตัวจ้าวจี้กําลังจะแทงไหล่ ของเขา แต่ละคนก็ลนลานเช่นกัน ก่อนหน้านี้อาศัยอํานาจบารมีอวด เบ่ง ตอนนี้ขี่บนหลังเสือแล้วลงยาก ประคองจ้าวจี้เอาไว้ ไม่รู้ว่าควรจะ ทําอย่างไร สีหน้าย�าแย่มากเท่าไหร่ก็ย�าแย่มากเท่านั้น
“นายของข้าบอกว่าตระกูลหนานกงจะต้องชดใช้ให้กับท่านหญิง หวนจู ขอแค่ท่านหญิงพอใจแล้ว เขาจึงจะไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้” ดาบรับใช้ผอมสูงมองยังหนานกงฉุนเหลียง เอ่ยราบเรียบ “เจ้าเข้าใจ หรือไม่?”
หนานกงฉุนเหลียงเหมือนตื่นจากฝัน
เขามองชายผอมสูง สายตาซับซ้อน มีแววหวาดกลัวตื่นตระหนก มากมาย แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของความโกรธแค้นแม้แต่น้อย
หนานกงอวี่ตายแล้ว ลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลก็ตายแล้ว เช่นกัน ลูกชายของเขาตายแล้ว เขาทั้งหวาดกลัวและแตกตื่นลนลาน แต่กลับไม่กล้าเผยความคิดแก้แค้นแม้แต่น้อย
เพราะตระกูลหนานกงเป็นตระกูลพันปี พลังแฝงไม่ธรรมดา สืบ ทอดมานานขนาดนี้ย่อมมีทางรอดทางอื่น ยืดได้หดได้ ตอนนี้หากโจมตี ออกไปโดยไม่สนใจอะไร จะต้องทําให้ตระกูลหนานกงสิ้นสกุลนับจากนี้ แน่
ขอแค่ตระกูลหนานกงยังรักษาต่อไปได้ เช่นนั้นก็ยังจะมีความหวัง ผงาดขึ้นอีกครั้ง
บางทีอาจจะเลี้ยงดูฝึกฝนหนานกงอวี่คนที่สอง คนที่สามออกมาได้
แต่หากตระกูลหนานกงจบสิ้นลง เช่นนั้นทุกอย่างก็อาจจะสลาย สิ้นไปทั้งหมด
“ข้า…เข้าใจแล้ว ตระกูลหนานกง…ผิดไปแล้ว” หนานกงฉุนเหลียง ใบหน้าขื่นขม ก้มหัวต�า ท่าทางจริงใจยิ่งนัก
การก้มหัวนี้มีนัยว่าข้อถกเถียงเกี่ยวกับประเด็น ‘ใครถึงจะเป็น อันดับหนึ่งในใต้หล้าอย่างแท้จริง’ บนแผ่นดินใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้จบลง อย่างสมบูรณ์แล้ว
คําตอบเห็นกันชัดๆ แล้ว
เมืองขาวพิสุทธิ์น่ากลัวเหลือเกิน
เรื่องใหญ่ยักษ์ที่โลกภายนอกมองว่ามากพอจะขยับชะตาหลายพัน ปีของทั้งแผ่นดินใหญ่เสินโจว สําหรับหลี่มู่แล้วกลับเป็นเรื่องไร้สาระ เหมือนเด็กเล่นขายของ กระทั่งว่าขี้เกียจจะออกหน้าเอง แค่ส่งๆ ดาบ รับใช้มาคนหนึ่งเท่านั้นก็จัดการปัญหาทั้งหมดได้
เทียบกันแล้ว ความหยิ่งทะนงถือดี ไม่เห็นสิ่งใดในสายตาของ ตระกูลหนานกงในหลายวันที่ผ่านมานี้เป็นเหมือนแค่เรื่องตลกเท่านั้น
คนที่ถกเถียงเรื่องใครเหนือกว่า ด้อยกว่า เคยทอดถอนให้กับหลี่มู่ พวกนั้น ก็เป็นเหมือนแค่เรื่องตลกเช่นกัน
ส่วนขั้วอํานาจหรือสํานักใหญ่ต่างๆ ที่ติดตามและผูกสัมพันธ์กับ ตระกูลหนานกงขึ้นเอง เพื่อการนี้แล้วกระทั่งว่าไม่เสียดายที่จะผสมโรง แอบทําลายหลี่มู่ ดูถูกเหยียดหยามเมืองขาวพิสุทธิ์ ชักนํากระแสหัวข้อ ถกเถียงพวกนั้น ยิ่งเป็นเหมือนเรื่องน่าขบขันที่น่าตลกเป็นที่สุด
หนานกงอวี่ตายอย่างไร?
ไม่มีใครรู้
คําถามนี้กระทั่งว่าไม่สําคัญเท่าใดแล้วด้วยซ�า
สิ่งที่สําคัญคือ หนานกงอวี่ตายแล้วแต่หลี่มู่ยังมีชีวิตอยู่
สายตาของชายผอมสูงเหมือนลําไผ่กวาดไปยังคนตระกูลหนานกง ทั้งหลาย ใบหน้าเสียดสีเยาะหยัน เอ่ยอย่างราบเรียบขึ้นว่า “ดาบรับใช้ เช่นข้านี้ ที่เรือนดาบยังมีอีกสามคน ดังนั้น อย่าได้ทําเรื่องโง่เขลา ต่อให้ เป็นสํานัก ตระกูล และจักรวรรดิร่วมมือกันก็ต้านทานการโจมตีง่ายๆ สบายๆ จากเมืองขาวพิสุทธิ์ไม่ได้”
พูดจบ เขาก็หมุนตัว ก้าวหนึ่งก้าวออกไป ร่างก็หายลับไปจากฟ้า ดิน
หน้าจวนปาเสียนอ๋องตกอยู่ในความเงียบสงัด
นาน กว่าใบหน้าของหนานกงฉุนเหลียงจะฉายแววตัดสินใจเด็ด เดี่ยว
เขาพลันหมุนตัวคุกเข่าลงไปอย่างแรงที่หน้าประตูจวนปาเสียน อ๋องต่อหน้าคนนับพันนับหมื่น ภายใต้สายตาจับจ้องเป็นพันเป็นหมื่น เอ่ยเสียงดังลั่น “นักโทษหนานกงฉุนเหลียงนําลูกศิษย์ตระกูลหนานกง ขอขมาลาโทษต่อท่านหญิงหวนจู รู้ดีว่าโทษหนักไม่อาจไว้ชีวิต ยินดีใช้ ความตายรับความผิด ขอท่านหญิงหวนจูได้โปรดปล่อยคนชรา สตรีลูก เด็กเล็กแดงของตระกูลหนานกง”
เสี้ยวขณะนี้ หนานกงฉุนเหลียงพลันนึกถึงเมื่อสองวันก่อนที่ตัวเอง จงใจบุกเข้าไปในห้องส่วนตัวของท่านหญิงหวนจู ทั้งยังเอ่ยปากหยอก ล้อ ประโยคนั้นที่ว่า ‘มีชีวิตอยู่ไม่ดีหรือ’ ที่สาวงามอันดับหนึ่งแห่งซ่ง เหนือเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ ตอนนั้นรู้สึกว่าประโยคนั้นเหมือนผู้ อ่อนแอคํารามเสียงต�าทุ้มอย่างปากกล้าขาสั่นอย่างสัตว์จนตรอกที่ดื้อ ดึงฝืนต่อต้าน ตอนนี้ดูแล้วประโยคนี้เหมือนความสงสารและสมเพช จากผู้แข็งแกร่งที่ก้มหน้าลงมองผู้อ่อนแอเสียยิ่งกว่า
น�าตาไหลทะลักจากเบ้าตาหนานกงฉุนเหลียงทันที
เขาเสียใจเหลือเกิน
หากไม่หาเรื่องหลี่มู่ สงบเสงี่ยมทําขอบเขตให้เสถียรเหมือนนกเผิง ปีกทอง เช่นนั้นตระกูลหนานกงคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้? ขอแค่ไม่หา เรื่องหลี่มู่ ตระกูลหนานกงอย่างน้อยก็มีขั้นทะลวงสวรรค์คนหนึ่งดูแล สามารถเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในใต้หล้า เป็นรองเพียงเมืองขาวพิสุทธิ์ มีโชคชะตารุ่งเรืองเจิดจรัสสหลายพันปี
ตุบ ตุบ!
คนตระกูลหนานกงทยอยคุกเข่าลงที่หน้าประตูใหญ่จวนอ๋อง
ภาพนี้ทําให้ในใจของคนมากมายนับไม่ถ้วนรอบๆ สั่นสะท้าน
เหตุการณ์ผลิกผัน
ใครก็คิดไม่ถึงว่า แต่เดิมตระกูลหนานกงที่จะปกครองใต้หล้า เพียง ชั่วพริบตาเดียวก็เป็นเพียงแค่เรื่องในอดีตแล้วเสียแล้ว เห็นเขาสร้างหอ สูง เห็นเขาจัดเลี้ยงแขก เห็นหอสูงถล่ม
เชื้อพระวงศ์ซ่งเหนือแต่ละคนยิ้มหน้าบาน
ภายใต้การจับจ้องจากคนทั้งหลาย สาวใช้ที่ดูแล้วหน้าตาแฝงรอย ขลาดกลัวก็วิ่งออกมาจากในจวนอ๋อง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไสหัวไปเถอะ อย่าขวางทางจวนอ๋อง และก็อย่าให้เลือดของพวกเจ้าเปรอะเปื้ อน
ประตูจวนอ๋องด้วย” พูดจบสาวใช้ก็รีบเอ่ยเสริม “นี่เป็นสิ่งที่ท่านหญิง กล่าว”
สุดท้าย คนของตระกูหนานกงก็จากไปอย่างห่อเหี่ยว
งานแต่งงานครั้งใหญ่อลังการเลิกราไปเช่นนี้
คนมากมายต่างทอดถอน สาวงามใต้หล้ามีมากมาย แต่วันหลัง ห้ามล่วงเกินท่านหญิงหวนจูผู้นี้เป็นอันขาด
ท่านไม่เห็นจิ้นอ๋องที่มีพลังรวบรวมซ่งเหนือให้เป็นหนึ่ง แต่เพราะ แตะท่านหญิงหวนจูถึงได้ตายแน่นิ่งสนิท ส่วนตอนนี้ตระกูลหนานกงมา แตะสาวงามอันดับหนึ่งแห่งซ่งเหนือคนนี้อีก ผลสุดท้ายเล่า หนานกงอวี่ ผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์อันดับหนึ่งในใต้หล้าแล้วอย่างไร? ก็ตาย สนิทเหมือนกัน
เหตุการณ์ติดๆ กันสองครั้ง ทําให้ท่านหญิงหวนจูผู้นี้ปกคลุมไป ด้วยกลิ่นอายลึกลับและสูงส่ง ชื่อเสียงยิ่งโด่งดัง
เรื่องขบขันฉากหนึ่งสลายไป
หลังจากนั้นครึ่งวัน
ในเมืองขาวพิสุทธิ์ ชายผอมสูงเหมือนลําไผ่หลังจากที่รายงานการ เดินทางไปซ่งเหนือเสร็จสิ้น ก็ทําความเคารพ ถอยออกมาจากห้อง หนังสือ
ในใจของเขายังคงตื่นตะลึงกับจิตดาบกลุ่มนั้นที่ปล่อยออกมาจาก ป้ายหยกนั่น ทําให้เขามองไม่เข้าใจ มองไม่ทะลุ ถึงแม้แมลงตัวเล็กๆ ขั้นทะลวงสวรรค์อย่างหนานกงอวี่แบบนี้เขาจะฆ่าได้เหมือนกัน แต่ กลับต้องใช้แรงและเวลาบ้าง ไม่อาจทําได้เหมือนนายท่าน จิตดาบ เพียงกลุ่มเดียวพุ่งไปในฟ้า หนานกงอวี่ก็ตายทันที
พลังของนายท่านถึงขอบเขตใดกัน?
ผ่านไปสองปี พลังของวงเป่าสีดีดร้องทั้งสี่พัฒนาไปเป็นอย่างมาก แต่ยามเผชิญหน้ากับหลี่มู่กลับยิ่งรู้สึกหวาดกลัวและกดดัน
ในห้องหนังสือ
“คุณชาย ตระกูลหนานกงชั่วร้ายเหี้ยมโหดเช่นนี้ หยามหมิ่นพี่อวี่ เห็นได้ชัดว่าเป็นตระกูลเคราะห์ภัยร้าย หรือแค่ฆ่าหนานกงอวี่ก็จบ แล้ว?” หมิงเยวี่ยเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยถามอย่างโมโหไม่พอใจ
หลี่มู่ลุกขึ้นยืนเดินมายังหน้าต่าง มองไปยังสายน�าคดเคี้ยวไหลริน ก่อนจะถอนหายใจเอ่ยขึ้น “จะมีคนไปจัดการตระกูลหนานกงแน่นอน วิธีการจะโหดเหี้ยมยิ่งกว่าข้า ตระกูลนี้ใกล้จะจบสิ้นแล้ว”
…………………………………………