จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 479 ขอถามว่าความรักในโลกคือสิ่งใด
ที่มาที่ไปของกลุ่มคนชุดดําไม่ซับซ้อน
ประมาณสามสิบปีก่อน ยานอวกาศที่บรรทุกนักบินอวกาศของโลก พลาดเข้ามาในรอยแยกมิติ ทะลุมิติระยะเส้นทางอวกาศที่วิทยาการ ของมนุษย์โลกไม่อาจทําสําเร็จได้ จับพลัดจับผลูมาถึงดาวดวงนี้
ยานอวกาศมีสมาชิกนักบินอวกาศจากประเทศต่างๆ ยี่สิบเอ็ดคน ล้วนแต่เป็นบุคคลชั้นยอดของโลกทั้งนั้น ต่างโชคดีมีชีวิตรอดจาก เคราะห์ทะลุมิติครั้งนี้
แผนร่วมมือสํารวจอวกาศของนานาประเทศที่ว่าครั้งนี้เห็นได้ชัด ว่าเป็นแผนลับ จากที่หลี่มู่รู้ บนโลกไม่มีข่าวที่เกี่ยวข้อง น่าจะมีเพียง รัฐบาลระดับสูงจากประเทศใหญ่ต่างๆ เท่านั้นที่รู้ มีจุดประสงค์ทาง ทหารบางอย่าง ดังนั้น สมาชิกบนยานอวกาศมีอาวุธและอุปกรณ์ที่ เกี่ยวข้องบางอย่างที่อยู่เหนือระดับวิทยาการของโลกเมื่อสามสิบปีที่ แล้วมากมาย
สมาชิกทั้งยี่สิบเอ็ดคนนี้พูดได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในบุคคลชั้น ยอดที่แต่ละประเทศคัดเลือกออกมา ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถ หรือคุณสมบัติกาย ล้วนอยู่เหนือคนทั่วไป
พวกเขาโชคดี
หลังจากทะลุมิติเวลานอกเหนือขอบเขตที่เข้าใจ มนุษย์โลกทั้งยี่สิบ เอ็ดคนนี้ก็มาถึงดาวที่เหมาะแก่การดํารงชีวิต ไม่ได้ลอยละล่องไปใน อวกาศอันเวิ้งว้างจนตาย
แต่พวกเขาก็โชคร้าย
ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะลงหลักปักฐานสร้างฐานที่มั่นบนดาวดวงนี้ พยายามเตรียมหาทางกลับโลกก็พบว่า ฐานที่มั่นที่ตนสร้าง อยู่บนซาก เมืองเผ่าผู้วิเศษเก่าแก่เผ่าหนึ่ง มีสมาชิกคนหนึ่งไม่ทันระวังไปแตะค่าย กลเผ่าผู้วิเศษเข้า สุดท้ายทําให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าผู้วิเศษโบราณที่อยู่ใต้ดิน ตื่นขึ้น
ผลสุดท้ายคือ ผู้แข็งแกร่งเผ่าผู้วิเศษใช้วิชาลับที่ชั่วร้ายสิงร่าง ครอบครองร่างของสมาชิกดาวโลกพวกนี้เป็นของตัวเอง ศึกษา วิทยาการของโลกบนยานอวกาศผ่านจากความทรงจํา
พลังของวิทยาการชั้นสูงพวกนี้ทําให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าผู้วิเศษสนใจ เป็นอย่างมาก
สามสิบปีที่ผ่านมา เผ่าผู้วิเศษควบคุมกลุ่มสํารวจวิทยาศาสตร์ของ โลกกลุ่มนี้เอาไว้ แอบพัฒนา สร้างขั้วอํานาจขนาดใหญ่ใต้ผิวน�า ซึ่งก็คือ กลุ่มคนชุดดําที่ว่านั่นเอง
ในขณะเดียวกับที่ควบคุมสมาชิกจากโลก กลุ่มคนชุดดําก็แทรกซึม ไปยังโลกภายนอกอย่างเงียบเชียบ ในเมื่ออยากจะสร้างฐานที่มั่น อยากจะสร้างอาวุธ ปรับแก้หุ่นยนต์ล้วนแต่ต้องการเงินทุนและ ทรัพยากรมหาศาล ต้องการกําลังคนในระดับหนึ่ง
ดังนั้นกลุ่มคนชุดดําก็แอบฝึกฝนอบรมคนเอาไว้ไม่น้อย
หลี่กังก็คือคนที่กลุ่มคนชุดดําเลือกฝึกฝนอบรม สุดท้ายถึงได้ ประสบความสําเร็จอย่างทุกวันนี้
แน่นอน หลังจากนั้นหลี่กังก็กลายเป็นหุ่นเชิดของกลุ่มคนชุดดํา ต่อหน้าเป็นขุนนางท้องถิ่นชื่อเสียงบารมีสะท้านไปทั่ว และเป็นผู้ แข็งแกร่งวิถียุทธ์เช่นกัน แต่ลับหลังกลับต้องฟังคําสั่งของคนชุดดําทํา เรื่องต่างๆ นานา
เซียนหมอหลิงเซียวเป็นหนึ่งในสมาชิกของโลกทั้งยี่สิบเอ็ด ถูกสตรี เผ่าผู้วิเศษโบราณคนหนึ่งสิงร่าง ครอบครองกายเนื้อ ทว่า เนื่องจาก พลังฝึกตนของสตรีเผ่าผู้วิเศษไม่เพียงพอ ทําให้หลังจากสิงร่างแล้ว กายเนื้อเกิดผลข้างเคียง เนื้องอกเต็มใบหน้า
แต่ว่า สตรีเผ่าผู้วิเศษคนนี้เกิดความรู้สึกในขั้นตอนการคัดเลือก อบรมหลี่กัง บังคับให้หลี่กังแต่งงานกับนาง ทั้งยังให้กําเนิดบุตรชายห ลี่สยง
ตอนนั้นหลังจากหลี่กังผงาดขึ้นในจักรวรรดิฉินตะวันตก พลังและ ตําแหน่งก้าวหน้าไปมาก แต่เดิมรู้สึกว่าสามารถหลุดพ้นจากการ ควบคุมของกลุ่มคนชุดดําได้แล้ว อีกทั้งเกิดจากความลุ่มหลงในอํานาจ ดังนั้นจึงตัดสินใจแต่งงานกับมารดาหลี่มู่ของโลกใบนี้โดยพละการ แต่ ภายหลังก็ขัดขืนล้มเหลว ต้องจ่ายค่าตอบแทนแสนสาหัส จําต้องหย่า รับเซียนหมอหลิงเซียวกลับมายังจวนอีกครั้ง
สําหรับเซียนหมอหลิงเซียว หลี่กังทั้งชิงชังทั้งหวาดกลัว
นอกจากหลี่กัง ในแต่ละอาณาจักรล้วนมีหมากของกลุ่มคนชุดดํา ทั้งนั้น
ส่วนตําแหน่งของเจียงชิงหรวนพิเศษนิดหน่อย
เพราะมีเขี้ยวสัตว์สีขาว และภูมิหลังจากห้วงดาราสมุทรนอกพิภพ ดังนั้นจึงนับว่าอยู่ระดับเดียวกับกลุ่มคนชุดดํา ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและ กัน ดังนั้นตอนที่เข้าไปในสุสานเทพตอนนั้น เขาจึงยืม หุ่นยนต์ ‘เทพ สงคราม’ จากกลุ่มคนชุดดํามาได้หลายตัว แต่เดิมคิดว่าภายใต้การ ควบคุมจากค่ายกลในสุสานเทพ หุ่นยนต์พวกนนี้จะสามารถกําราบฝ่าย ต่างๆ ได้ รวมกับเขี้ยวสัตว์ก็มากพอจะทําให้เขาเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด ใครจะรู้ว่าสุดท้ายกลับมาเจอหลี่มู่ เรือพลิกคว�า ล้มเหลวอย่าง รวดเร็ว
“สมควรตาย!”
หลี่มู่มองยังผู้แข็งแกร่งเผ่าผู้วิเศษเก่าแก่ที่คุกเข่าบนพื้นเบื้องหน้า ในตาฉายจิตสังหาร
ในฐานะที่เป็นคนจากโลก แน่นอนว่าเขาย่อมยืนอยู่ข้างกลุ่มสํารวจ วิทยาศาสตร์ เผ่าผู้วิเศษเก่าแก่วิธีการชั่วร้าย หลังจากกุมวิทยาการของ โลกได้แล้วก็ผสานเข้ากับเวทมนต์ ใช้คนเป็นๆ เป็นวัสดุทดลอง ทําเรื่อง ไร้ศีลธรรมจรรยานับไม่ถ้วน
อีกทั้งพวกเขายังหวังมากกว่านั้น
พลังของวิถียุทธ์ไม่อาจทําให้ผู้แข็งแกร่งนอกพิภพก้าวเข้าสู่เขต สุสานดารา แต่พลังของวิทยาศาสตร์เหมือนว่าจะทําได้ พวกเขาจึงหวัง จะใช้พลังของวิทยาศาสตร์จากโลก ย้อนกลับไปยังระบบสุริยะจักรวาล กลับไปยังโลก ช่วงชิงขุมทรัพย์เทพที่ฝังอยู่ในสุสานดาราตามตํานาน
จินตนาการได้ว่า หากพวกเขาทําได้สําเร็จ เช่นนั้นโลกทั้งใบจะเกิด ฝนคาวเลือดแบบใด
“ใต้เท้า ไว้ชีวิตด้วย”
ชายเคราทองผมทองคนนั้นพูดด้วยภาษาของโลกใบนี้ “ข้ายินดี มอบทุกสิ่งของกลุ่มคนชุดดํามอบให้กับใต้เท้า นับจากวันนี้เป็นคนไป
กลุ่มคนชุดดําคือสุนัขรับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดใต้บัญชาการของใต้เท้า แล้ว”
กลุ่มคนชุดดํานั้นรู้ดีถึงชื่อเสียงของหลี่มู่
กระทั่งว่าความเข้าใจในตัวหลี่มู่อยู่เหนือสํานักและตระกูลใหญ่ รู้ ซึ้งถึงความน่ากลัวและความน่าครั่นคร้ามของดาบอันดับหนึ่งในใต้หล้า ผู้นี้ดี
โดยเฉพาะ พลังที่หลี่มู่สําแดงออกมาเมื่อตอนที่มาเยือน ประดุจ ฟ้าฟาดกวาดใบไม้ร่วงหล่น ทําให้อาวุธที่ผสานด้วยเวทมนต์และ วิทยาศาสตร์ที่พวกเขาสุดแสนจะภาคภูมิใจทั้งหลายไม่อาจทํางานได้ ก็ ทําให้พวกเขาเข้าใจว่าอยู่ต่อหน้าหลี่มู่ พวกเขาไม่มีที่ให้ขัดขืนเลย แม้แต่น้อย
หลี่มู่ขี้เกียจคุยกับคนพวกนี้ จึงฟันจิตดาบกลุ่มหนึ่งออกมาในทันที วิญญาณของผู้วิเศษเก่าแก่ระดับเทวะในกายของมนุษย์โลกคนขาวผม ทองเคราทองคนนี้แหลกสลาย
ร่างของคนขาวผมทองเคราทองอ่อนยวบล้มลงไปกับพื้น
จู่ๆ หลี่มู่ร้องอย่างประหลาดใจ ใบหน้าฉายแววคาดไม่ถึง
เพราะเขาสัมผัสได้ว่าจากที่วิญญาณของผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะเผ่า ผู้วิเศษเก่าแก่สลายไป ในกายของชายคนขาวคนนี้มีคลื่นสตินึกคิดอ่อน แรงกลุ่มหนึ่ง คล้ายเทียนใกล้ดับท่ามกลางสายลม เหมือนว่าจะดับไปได้ ทุกเมื่อ
“วิญญาณของชาวโลกคนผิวขาวคนนี้ยังไม่สลายไป?”
หลี่มู่คิดไม่ถึงว่า หลังจากเผ่าผู้วิเศษเก่าแก่สิงร่าง จะยังเหลือ วิญญาณของเจ้าของร่าง ไม่ได้กัดกินวิญญาณของเขา เพียงแต่กักขังไว้ ในร่าง คล้ายๆ ในร่างของซ่างกวนอวี่ถิงก็มีความนึกคิดของไป๋ม่อโฉว แบบนั้น
นี่เป็นเรื่องน่ายินดีเหนือความคาดหมาย
เขาสําแดงวิชาเล็กน้อย ใช้พลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง ช่วยคลื่น พลังจิตวิญญาณที่หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวกลุ่มนี้ให้กลับมาครอบครอง ร่างกายเนื้อของคนขาวร่างนี้อีกครั้ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายคนขาวคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาช้าๆ “โอ้ พระเจ้า นี่เรา…” ภาษาที่เขาหลุดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ สติความนึกคิดยัง ค่อนข้างมึนงง หลังจากนั้นครู่หนึ่งถึงจะตั้งสติกลับมาได้ ก้มลงมองมือ ทั้งสองของตัวเองอย่างตะลึงงัน ร้องอย่างตื่นเต้นยินดี “เราฟื้ นกลับ มาแล้ว? เราได้ร่างกายของเราคืนมาจากเจ้าปีศาจนั่นแล้ว?”
หลี่มู่กระจ่างทันที
ยังช่วยได้
นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
เนตรสวรรค์ของเขาเบิกขึ้น กวาดสายตาไปบนร่างของสมาชิกนัก สํารวจวิทยาศาสตร์สิบกว่าคนที่ถูกสิงร่างก็เห็นอย่างชัดเจนว่าในแต่ละ ร่าง ล้วนมีวิญญาณดั้งเดิมอยู่ ท่าทางจะเป็นเพราะวิชาสิงร่างของเผ่า ผู้วิเศษเก่าแก่ ดังนั้นจึงไม่ได้กัดกินวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมพวกนี้
หลี่มู่ความคิดเพียงขยับ จิตดาบก็ไหลหลั่งออกมา ทําลายวิญญาณ ผู้แข็งแกร่งเผ่าผู้วิเศษเก่าแก่ในร่างพวกนี้ทันที
มีเพียงเมื่อมาถึงเซียนหมอหลิงเซียว หลี่มู่ก็สัมผัสได้ถึงความ ผิดปกติ
“วิญญาณของนางผสานไปบ้างแล้วกับวิญญาณของเจ้าของเดิม หากฝืนทําลายแล้วล่ะก็จะทําร้ายไปถึงวิญญาณของเจ้าของเดิม อืม ค่อนข้างยุ่งยาก” ในใจของหลี่มู่เกิดความลังเลเล็กน้อย
ในสมาชิกนักสํารวจวิทยาศาสตร์ยี่สิบเอ็ดคน มีสมาชิกที่มาจาก ประเทศจีนสองคน
นอกจากชายที่ชื่อซ่งชางหลิน เซียนหมอหลิงเซียวเป็นสมาชิก ผู้หญิงเพียงคนเดียวจากประเทศจีน พูดได้ว่า ทั้งสองคนนี้มีสัญชาติ เดียวกับหลี่มู่ สายเลือดใกล้เคียงกันมาที่สุด และเขาก็เป็นห่วงมากที่สุด เช่นกัน
“ฮ่าๆ เจ้าลงมือสิ เจ้าฆ่าข้า นางก็ตายไปด้วย ฮ่าๆๆๆ” เซียน หมอหลิงเซียวเห็นสหายถูกสังหารจิตใจคุ้มคลั่ง มองหลี่มู่ด้วยสายตา เหี้ยมเกรียม เนื้องอกบนใบหน้ายิ่งดูเหี้ยมโหด
ห้วงอารมณ์จิตใจของหลี่มู่ในตอนนี้จะถูกนางยั่วโมโหได้อย่างไร
หลี่กังที่อยู่ข้างๆ กลับอยากจะให้สตรีนางนี้ตายๆ ไปต่อหน้าเสีย เดี๋ยวนั้น ตัวเองก็จะได้หลุดพ้นจากการควบคุม ต่อให้สตรีนางนี้มีฐานะ เป็นภรรยาของตัวเองในนาม ทั้งยังกําเนิดบุตรชายให้ตนหนึ่งคน ก็ไม่ อาจต้านทานจิตสังหารในตาที่แผ่ออกมาโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
หมอเซียนหลิงเซียวมองยังหลี่กัง สายตาค่อยๆ อ่อนโยนลง “เจ้า พาเขามา ข้าไม่เกลียดเจ้า ข้าแค่อยากถามว่า นอกจากอยากจะหลุดพ้น จากการควบคุมของกลุ่มคนชุดดํา ในใจของเจ้าเคยรักข้าสักนิดบ้าง หรือไม่?”
หลี่กังส่งเสียงสบถ หัวเราะเสียงเย็น “รักเจ้า? เจ้าไอ้สัตว์ประหลาด คนไม่ปกติถึงจะรักเจ้า”
เซียนหมอหลิงเซียวยิ้มสลด “พูดแบบนี้ คําพูดเมื่อก่อนส่วนมากก็ เพื่อหลอกข้า?”
“ใช่แล้ว” ความเก็บกดและบิดเบี้ยวหลายปี ในที่สุดก็ระเบิด ออกมาในตอนนี้ สีหน้าของหลี่กังก็บิดเบี้ยวเหมือนกับเปลือกต้นไม้แก่ๆ ไม่เหมือนปกติที่เป็นชายงดงามวัยกลางคนที่ท่วงท่าอ่อนโยนสุภาพ “เจ้าทําให้ข้ารู้สึกอยากจะอาเจียน”
“แต่ว่าพวกเรามีสยงเอ๋อร์ พวกเรามีลูกชาย พวกเรา…” ดวงตาใน เนื้องอกของเซียนหมอหลิงมีร่องรอยสิ้นหวัง มีเพียงที่จมน�าและคว้า เศษหญ้าช่วยชีวิตเอาไว้ได้เท่านั้น จึงจะฉายแววตาเช่นนี้
“เหอะ เจ้าเดรัจฉานนั่น พอเจ้าตายไปแล้ว ข้าก็จะส่งมันเดินทาง ไปเจอกับเจ้าในปรโลก” หลี่กังไร้จิตใจเป็นที่สุด
เซียนหมอหลิงเซียวยิ้มหดหู่ ทั้งคนเหมือนแก่ลงไปหลายร้อยปี ชีวิตชีวาสุดท้ายในดวงตาก็ถูกสูบออกไปเช่นกัน
“พวกท่านปู่ท่านพ่อล้วนตายหมดแล้ว สํานักวิญญาณผู้วิเศษก็ นับว่าจบสิ้นลงแล้ว เป็นข้าที่ทําร้ายพวกเขา กลับยังคิดเพ้อฝัน เจ้ามัน สุนัขป่าเลี้ยงไม่เชื่อง จะต้องถูกรักแท้ส่งความตาย…” เซียนหมอหลิง เซียวยิ้มเศร้าหมอง
“รักแท้?” หลี่กังไม่สะทกสะท้าน ตอกกลับไป “น่าหัวเราะ”
สายตาของเซียนหมอหลิงเซียวจู่ๆ พลันแปรเปลี่ยนไปสงบนิ่ง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางไม่มองหลี่กังอีกต่อไป แต่กลับมามายังหลี่มู่ “ข้ารู้ เจ้ามาจากที่แห่งนั้น เจ้ามาเพื่อแก้แค้นให้พวกเขาใช่หรือไม่? หึๆ ข้าครอบครองร่างของสตรีคนนี้มายี่สิบแปดปี วันนี้ก็นับว่าคืนให้กับนาง นางก็เป็นคนน่าสงสารเหมือนกัน ถูกคนทอดทิ้ง ถึงต้องจากบ้านเกิดมา …วันนี้ คงนับว่าคืนหยกสู่แคว้นจ้าวโดยครบสมบูรณ์[1]แล้วกระมัง หึๆ โลกใบนั้นของเจ้าใช้คํานี้ถูกหรือไม่?”
…………………………………………
[1] หมายถึง คืนสิ่งของเดิมให้เจ้าของโดยไม่บุบสลาย