จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 487 แดนเซียนเขาฉินหลิ่ง
ตอนนี้ คนที่แต่เดิมมุงดูอยู่ที่หน้าร้านบะหมี่ต่างถอยหลังกรูด กลัว ว่าพวกอันธพาลพวกนี้จะเพ่งเล็งเอา โดยเฉพาะ ‘ฝ่ามือทรายเหล็ก’ กู้ เฉิงกง ว่ากันว่าเป็นผู้เหี้ยมโหดที่ปลิดชีพผู้คนมาแล้ว ในช่วงระยะนี้ก็มี ชื่อเสียงในเมืองเป็นอย่างมาก
หลี่มู่แค่มองก็หัวเราะก่อนจะยืนขึ้นเอ่ย “โทรศัพท์อยู่เสียตั้งนาน ทําฉันเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง เรียกขยะแบบนี้มาเนี่ยนะ แล้วยังมาเต๊ะ ท่าต่อหน้าอีก แม่งโคตรน่าหัวเราะเลยจริงๆ”
“ไอ้หนู สงสัยแกจะไม่เคยตายสินะ” กู้เฉิงกงเดือดดาล
มือของเขากําลูกเหล็กเอาไว้สองลูก กลิ้งวนไปมา ได้ยินดังนั้นก็ พลันออกแรงบีบจนลูกเหล็กแบนบี้ไปครึ่งหนึ่ง แล้วโยนไปหน้าหลี่มู่ แค่นเสียงเย็น “ไอ้หนู หัวของแกแข็งขนาดลูกเหล็กนี่รึเปล่า? ฉัน ตัดสินใจแล้ว ไม่ใช่แค่หักมือแกข้างเดียวเท่านั้น แต่จะบีบกระดูกทั้ง แขนแกให้แหลก ค่าตอบแทนที่มาหาเรื่องบริษัทมังกรทะยานของเรา”
ฝูงคนมุงที่อยู่ที่ไกลๆ เมื่อเห็นฉากนี้ก็ตกใจจนร้องเสียงหลง
ฝ่ามือบีบลูกเหล็กจนแบน นี่มันเป็นพลังแบบไหนกัน?
ยอดฝีมือในยุทธจักรของจริงนี่
ลุงเจิ้งเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงรีบมาขวางไว้ข้างหน้าหลี่มู่ ฉีกยิ้ม ไปให้พวกอันธพาล “ผู้ดูแลกู้ เข้าใจผิดแล้ว พ่อหนุ่มนี่อาจจะไม่ค่อยรู้ ความ อย่าได้ไปถือสาเขา คุณไม่ใช่ว่าจะเอาเงินสองแสนเหรอ? ผมจ่าย ผมจ่าย เรื่องวันนี้ คุณโปรดละเว้นเถอะนะ…”
พูดแล้วก็พลางลากหลี่มู่ ไม่ให้เขาอวดเก่งอีก
กู่เฉิงกงหัวเราะร่า “อะไรมาบอกว่าฉันจะเอา เป็นลูกสาวแกที่ติด หนี้ อย่ามาพูดเหมือนฉันกําลังรีดไถแบบนั้นซี้ นั่นมันผิดกฎหมายนา เหอะๆ ดีนี่ตาเฒ่าเจิ้ง หลายปีมานี้ขายบะหมี่ท่าจะหาเงินได้ไม่น้อย แก จะปกป้องมันใช่ไหม? ได้ ไอ้เด็กนี่มันทําร้ายพี่น้องของบริษัทมังกร ทะยาน ค่ายาห้าแสน แกจ่ายมา เรื่องวันนี้ก็ถือว่าจบกัน…”
“หา? ห้าแสน นี่ ผม…ต่อให้ขายร้านก็ชดใช้ให้ไม่ไหวหรอก นี่…” ลุงเจิ้งคู่สามีภรรยา อึ้งไปในทันที
“คุณลุง ขยะแบบนี้ ไม่ต้องกล�ากลืนความชอกช�า ผมจัดการเอง” หลี่มู่ตบไหล่ลุงเจิ้ง
เขาแค่ยื่นมือ ก็เห็นลูกเหล็กสองลูกนั้นลอยสู่ฝ่ามือของเขาเหมือน บินเอง ก่อนจะมองไปยังกู้เฉิงกง “บอกว่าแกเป็นขยะก็ยังไม่ยอมรับอีก อาศัยแกพวกต�าตมแบบนี้ก็คู่ควรที่จะเรียกว่า ‘ฝ่ามือเหล็กไร้พ่าย’ ?”
ระหว่างพูด ก็เห็นลูกเหล็กสองลูกถูกบีบเป็นรูปทรงต่างกันเหมือน ดินเหนียวสองก้อน จากนั้นก็ทะเล็ดมาตามนิ้วมือหลี่มู่ไหลลงบนพื้น เหมือนเหล็กเหลวอย่างนั้น
รอบๆ เงียบกริบ
คนที่มุงดูอึ้งตะลึง
พวกอันธพาลก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน
‘ฝ่ามือเหล็กไร้พ่าย’ กู้เฉิงกงไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
นี่มันพลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ?
อีกทั้ง ลูกเหล็กนั่นทํามาจากเหล็กกล้าแท้ๆ แต่ถูกบีบกลายเป็น เหล็กเหลว นี่ต้องใช้แรงขนาดไหน? หรือเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นลูกศิษย์ จากสํานักใหญ่ตระกูลใหญ่ในยุทธจักรที่ลือกัน?
เตะตอเข้าโครมเบอเร่อแล้ว
กู้เฉิงกงในใจเกิดกลัวขึ้นมา
เขาเพิ่งคิดจะพูดอะไร ข้างหูก็พลันมีเสียงกร๊อบดังขึ้น จากนั้น ข้อมือทั้งสองก็แผ่ซ่านความเจ็บปวดมหาศาลมา ก้มดูไปตาม สัญชาตญาณ มือทั้งสองถูกบีบหัก กระดูกขาวโผล่ออกมา ยังไม่ทันจะ
ได้ร้องแหกปาก ท้องก็ถูกถีบมาอีกที ทั้งตัวกระเด็นลอยออกไปสิบกว่า เมตร กระแทกเข้ากับเสาไฟต้นหนึ่ง ไหลครูดลงมาก็สลบเหมือดไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครมองได้ชัดว่าหลี่มู่ลงมืออย่างไร
พวกจางจวินจื่ออันธพาลคนอื่นๆ ยังรอให้กู้เฉิงกงลงมือแก้แค้น สุดท้ายเห็นฉากนี้ ก็ฉี่ราดที่ตรงนั้นทันที แข้งขาอ่อนจนยืนได้ไม่นิ่ง
ตอนนี้ต่อให้เป็นคนโง่ก็มองออกแล้วว่าเจอกับของแข็งเข้าแล้ว จริงๆ
“เสียเวลาฉันจริงๆ”
หลี่มู่ตบมือ “เอาสัญญากู้ยืมมาไหม?”
“เอ๋? อ้อๆๆ…” จางจวินจื่อรีบหยิบสัญญากู้ยืมแผ่นนั้นมาจากเจิ้ง ซิ่วเอ๋อร์ แล้วยื่นไปให้อย่างระมัดระวัง
หลี่มู่ฉีกมันทิ้ง พลางเอ่ย “ไสหัวไปซะ กลับไปบอกผู้มีสิทธิ์ชี้ขาด ของบริษัทมังกรทะยาน เรื่องนี้ยังไม่จบ”
พวกอันธพาลเหมือนได้รับการนิรโทษกรรม หามกู้เฉิงกงที่สลบ เหมือดจากไปอย่างห่อเหี่ยว
ผ่านไปนาน คนรอบๆ ถึงจะได้สติกลับมา
มีคนโห่ร้อง และก็มีคนเตือนให้หลี่มู่รีบหนีไป
“พ่อหนุ่ม สองหมัดยากต่อกรสี่มือ เธอ…รีบไปเสียเถอะ บริษัท มังกรทะยานไม่มีทางเลิกราง่ายๆ แน่ หลายปีมานี้…เฮ้อ แต่ว่า วันนี้ ขอบคุณเธอมากๆ เลย ชีวิตมันชักจะไม่สงบไปทุกทีแล้ว” ลุงเจิ้งเอ่ย ปากเตือน
เขากําลังเก็บข้าวของ พลางปรึกษากับคู่ชีวิตว่าจะปิดร้าน พาลูก สาวไปจากเมืองอวี้เหมิน ไปพึ่งญาติต่างมณฑล หลบสักช่วงหนึ่ง
หลี่มู่เอ่ยขึ้น “คุณลุงวางใจเปิดร้านที่นี่เถอะ บ้านผมมีเส้นมีสายนิด หน่อย บริษัทมังกรทะยานเป็นกิจการเล็กๆ ของบ้านผมด้วยซ�า เดี๋ยว ผมจะไปพูดกับคนที่บ้าน ให้พวกนั้นไปจากเมืองอวี้เหมิน อย่าได้เที่ยว ก่อเรื่องอะไรอีก”
“จริงหรือ?” ลุงเจิ้งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หลี่มู่ตอบ “ลุงวางใจเถอะ ผมจะไปพูดกับเขาตอนนี้เลย”
สุดท้ายหลี่มู่ก็สะพายเป้จากไป
สุ่มถามคนแถวๆ นั้นไปก็หาตึกบริษัทมังกรทะยานเจอ พลังจิต วิญญาณของเขาตอนนี้สามารถปกคลุมอาณาเขตบริเวณรอบๆ ร้อยลี้ สํารวจได้ชัดเจน
“รอไปก่อน รอให้พวกขยะพวกนี้มารวมกันค่อยจัดการทีเดียว”
หลี่มู่หาร้านอินเตอร์เน็ตข้างทาง เปิดเครื่อง เริ่มสืบค้นเรื่องราวที่ เกิดขึ้นในช่วงหลายปีนี้ อย่างไรเสียก็จากไปห้าปี เขาอยากรู้ว่าห้าปีนี้ โลกเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นบ้าง
……
“อะไรนะ? กู้เฉิงกงเดี้ยงไปแล้ว?”
ห้องสํานักงานชั้นบนสุดของตึกใหญ่บริษัทมังกรทะยาน ผู้จัดการ เหยียนติ้งหู่หลังจากได้รับรายงานของลูกน้องก็ตกใจ ‘ฝ่ามือทราย เหล็ก’ กู้เฉิงกงเป็นหนึ่งในคนในยุทธจักรที่เขาดึงมาเป็นพวก วิชา แข็งแกร่ง แต่กลับถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งอัดจนเดี้ยงไปง่ายๆ ?
หรือรัฐบาลจะยื่นมือเข้ามาแล้ว?
หรือว่าเจอผู้สูงส่งในยุทธจักรของจริงเข้า?
หลายปีมานี้ คนในยุทธจักรเคลื่อนไหวในสังคมถี่ขึ้นเรื่อยๆ อิทธิพลเพิ่มมากขึ้น คนและสํานัก พรรคในยุทธจักรมากมายที่แต่ก่อน ได้เห็นแค่ในโทรทัศน์หรือนิยายปรากฏออกมาราวหน่อไม้หลังฝน อิทธิพลเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
และเมื่อครึ่งปีก่อน รัฐบาลก็อนุญาตให้สํานักในยุทธจักรพวกนี้มี ตัวตน อีกทั้งยังขึ้นทะเบียน ลงทะเบียนเอาไว้ หมายความว่าผู้นํา ระดับสูงของประเทศเริ่มให้ความสําคัญกับจอมยุทธ์แล้ว
บริษัทมังกรทะยานก็กําลังเตรียมขึ้นทะเบียนสํานักพรรค เหมือนกัน ใช้เงินก้อนมหาศาลดึงตัวยอดฝีมือบางคน ใครจะรู้ว่า ‘ฝ่า มือทรายเหล็ก’ กู้เฉิงกงยอดฝีมือเช่นนี้ จะถูกอัดเดี้ยงไปแบบนั้น
เขาวางโทรศัพท์ สีหน้าหวาดหวั่น
“เรียกเถี่ยจวิน โจวหมิง แล้วก็จางโหย่วฟามาให้หมด เร็ว” เหยียน ติ้งหู่หันไปบอกกับเลขาที่อยู่ข้างกาย พูดจบก็เอ่ยเสริมอีกประโยค “คน ที่บริษัทที่เรียกตัวมาได้ก็เรียกมาให้หมด เร็วหน่อย”
เขากลัวเล็กน้อย
เพราะในสาย จางจวินจื่อบอกว่า เด็กหนุ่มคนนั้นบอกเอาไว้ เรื่องนี้ ยังไม่จบ อีกฝ่ายอาจจะบุกมาถึงที่
“ทําไม? เจอปัญหาเข้าแล้ว?”
บนโซฟาหน้าโต๊ะทํางานมีนักบวชเต๋าหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ สวมชุดนักบวชพรตพื้นดําลายขาว ในมือถือกาน�าชาหยก
เอาไว้อยู่ตลอด ถือเล่นอย่างสนอกสนใจ คิ้วตาสง่างาม มีเพียงดวงตาคู่ นั้นมีรอยชั่วร้ายอยู่หน่อยๆ
“ลูกน้องไปเจอมือดีเข้า อาจจะเป็นลูกศิษย์ของสํานักใหญ่ในยุทธ ภพไหน” เหยียนติ้งหู่นั่งลง เล่าเรื่องที่ได้ยินจากโทรศัพท์ไปรอบหนึ่ง
ดูท่าทางเหยียนติ้งหู่เหมือนเจอกับศัตรูแข็งแกร่งมาเยือน นักบวช เต๋าหนุ่มท่าทางสบายๆ ยิ้มราบเรียบ ท่าทางหยิ่งยโส หัวเราะขึ้นเบาๆ “น่าสนใจ มียอดฝีมืออายุน้อยแบบนี้ด้วย แต่ว่าฟังจากที่นายว่ามาไม่ น่าจะมาจากสํานักใหญ่อะไร น่าจะเป็นมือสมัครเล่น ไม่ควรค่าแก่การ พูดถึง…ใช่แล้ว ผู้หญิงที่ชื่อเจิ้งซิ่วเอ๋อร์นั่นเล่า จัดการได้รึยัง?”
เหยียนติ้งหู่ยิ่มขื่น “เพราะไอ้เด็กนั่นปกป้องบ้านตาแก่เจิ้ง ดังนั้น เลยไม่สําเร็จ แต่ว่านักบวชลู่โปรดวางใจ ประธานของเราท่านจางจูสั่ง ลงมาแล้ว ต่อให้ต้องใช้ทรัพย์สินของครอบครัวจนหมดสิ้น ก็จะต้องทํา ให้ท่านพอใจอย่างแน่นอน”
“ฮ่าๆ เขานับว่ารู้เรื่องดี” นักบวชเต๋าลู่ยิ้มเล็กน้อย
นิ่งไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นอีก “ก็ได้ เห็นแก่ที่พวกนายรู้เรื่อง วางใจ ยอดฝีมือมือสมัครเล่นนั้น ฉันจะช่วยพวกนายจัดการเอง แต่ว่า จํา เอาไว้ จะต้องเอาเจิ้งซิ่วเอ๋อร์มาให้ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว ก่อนจากไป ฉันจะต้องได้เห็นเธอ”
เหยียนติ้งหู่ลิงโลด “ขอแค่จัดการไอ้เด็กเวรนั่นได้ ผมจะพาคนไป มัดนังเด็กนั่นมาให้ท่านนักพรตด้วยตัวเองเลย”
ภูมิหลังของนักบวชเต๋าลู่คนนี้ยิ่งใหญ่มาก ขอแค่เขาเอ่ยปาก เช่นนั้นเหยียยนติ้งหู่ก็ไม่กังวลอะไรแล้ว
“ฮ่าๆ ไม่เลว น่าสนใจ” นักบวชเต๋าลู่ยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันรู้ นายมีท่าทีแบบนี้เพราะคิดอยากจะได้โอกาสเข้าไปในแดนเซียนเขาฉิน หลิ่ง”
เหยียนติ้งหู่ยิ้มประจบ
เขารีบลุกขึ้นมา เดินไป พูดด้วยท่าทางนอบน้อม “นักพรตลู่ตา เฉียบคม เป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่างไรเสียตํานานก็กล่าวไว้ว่า ต่อให้เป็น คนธรรมดา เมื่อเข้าไปในแดนเซียน ขอแค่สูดลมหายใจที่นั่นเข้าไปก็ สามารถเพิ่มอายุขัยได้สิบปี ส่วนคนป่วยหนักใกล้ตายเมื่อเข้าไปอยู่ใน นั้นระยะหนึ่งก็หายป่วยกลับมาเป็นหนุ่มสาว…นักพรตลู่ ได้ยินมาว่า แดนเซียนเขาฉินหลิ่งจะเปิดแล้ว ประธานกับผมแน่นอนว่าไม่กล้าคิดถึง โอกาสอื่นๆ เพียงแค่อยากจะเข้าไปดูเฉยๆ”
นักพรตลู่ปรายตามองแวบหนึ่ง หัวเราะอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึก เหนือกว่าเต็มเปี่ ยม “ก็ได้ นายจัดการเรื่องนี้ให้สําเร็จ ฉันจะช่วยพวก
นายขอร้องท่านอาจารย์ให้ ฉันเป็นนักบวช เรื่องบางเรื่องไม่สะดวกลง มือ ทําให้ดี วันหน้าโอกาสของนายยังมีอีกเยอะ”
เหยียนติ้งหู่ลิงโลด
ระหว่างพูดก็มีเสียงฝีเท้าดังมา
อีกสามคนที่เหลือใน ‘สี่เหล็กกล้า’ แห่งบริษัทมังกรทะยาน จางจ วิน โจวหมิง และจางโหย่วฟา แล้วก็มีชายฉกรรจ์อีกห้าสิบกว่าคนมาถึง ยังตึกทําการ คนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก สามเหล็กกล้าเดินไปข้างใน
“ได้ยินว่าเหล่ากู้เดี้ยงไปแล้ว?”
“ลูกพี่ เป็นใครที่ซ่ากล้ามาแตะคนของพวกเราแบบนี้?”
“ได้ยินว่าจะบุกมาบริษัทด้วย? อีกเดี๋ยวหากมันกล้ามา ฉันจะฉีก มันให้เป็นชิ้นๆ”
สามเหล็กกล้าล้วนเป็นพวกบุ่มบ่าม มีวิชาเล็กน้อยแต่กําเริบเสิบ สานเต็มประดา พอเข้ามาก็เอะอะโวยวาย
นักพรตลู่นั่งอยู่บนโซฟา ไม่พูดอะไร หน้าตาฉายแววดูถูก ก็แค่ พวกโง่เขลาน่ารังเกียจกลุ่มหนึ่งก็เท่านั้น
เหยียนติ้งหู่สัมผัสได้ถึงสีหน้าท่าทางของนักพรตลู่ จึงรีบให้สาม เหล็กกล้าไปยืนเงียบๆ อยู่อีกทาง จากนั้นก็ยิ้มประจบ “ท่านนักพรต ลูกน้องพวกนี้ของผมไม่รู้ความ ท่านอย่าได้ถือสา อีกประเดี๋ยวไอ้เศษ สวะนั่นมา คงต้องอาศัยท่านแล้ว”
นักบวชเต๋าหัวเราะหึๆ แล้วเอ่ย “วางใจเถอะ ก็แค่มือสมัครเล่น เท่านั้น แค่ลงมือไปส่งๆ ก็จัดการได้แล้ว”
ยังพูดไม่ทันจบ
“อ้อเหรอ?”
เสียงกังวานดังขึ้น คนทั้งหลายยังไม่ทันตั้งสติ ก็รู้สึกว่าเบื้องหน้า พร่าเลือน เด็กหนุ่มผมสั้นสง่างามสวมชุดกีฬายี่ห้อหลี่หนิง มาปรากฏ ตัวอยู่ในห้อง
นักพรตลู่รูม่านตาหดเล็ก
เด็กหนุ่มผู้สง่างามกวาดตามองไปรอบๆ “ดูท่าคนจะมาครบแล้ว เอ๋? นักพรตน้อยนี่…”สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องบนร่างของนักพรตลู่ “น่าสนใจ ดูท่าคงจะฝึกฝนกําลังภายใน? น่าเสียดายฝึกฝนมั่วซั่ว ฝึก ออกมาไม่ได้แม้แต่ขั้นหนึ่ง นายเป็นนักพรตจากที่ไหน?”
นักบวชเต๋าลู่ยืนขึ้นมาอย่างว่าง่ายเป็นที่สุดเหมือนเด็กนักเรียน ประถมเห็นครูประจําชั้น โค้งตัวคํานับ “คนรุ่นหลังเป็นลูกศิษย์ของ อารามเมฆคล้อยแห่งเขาม่ายจี ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสคือ?”
…………………………