จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 492 โลกเปลี่ยนไปแล้ว
ขั้นตอนทําเรื่องออกจากโรงพยาบาลของหวางเจิ้นไม่นานก็ เรียบร้อย
ฝ่ายโรงพยาบาลมองออกตั้งนานแล้วว่า อวัยวะของหวางเจิ้น ล้มเหลว มีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นานเท่าไหร่ การรักษาแบบแพทย์แผน ปัจจุบันไม่เกิดผลอะไรเลยไม่อยากจะให้หวางเจิ้นตายในโรงพยาบาล ของพวกเขา คิดอยากให้เขาออกๆ ไปเสีย ทว่า ก่อนหน้านี้ก็บอกเป็น นัยๆ กับไป๋หรูไปแล้วหลายครั้ง อยากให้หวางเจิ้นออกจากโรงพยาบาล ไปเอง แต่ไป๋หรูล้วนปฏิเสธ หวังจะยื้อเวลาออกไปอีกสักนิด
ดังนั้นตอนนี้ไป๋หรูขอออกโรงพยาบาลเอง โรงพยาบาลแน่นอนว่า อยากให้ออกใจจะขาด ไม่นานก็ทําเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย
หลี่มู่สําแดงวิชาพรางตา ทําให้คนอื่นมองไม่เห็นสภาพของหวาง เจิ้นหลังจากที่ฟื้ นฟูแล้ว แบกเขาด้วยตัวเองออกมาจากศูนย์เวชศาสตร์ ฟื้ นฟู หาโรงแรมสี่ดาวเข้าพักก่อน
ในห้อง
“เสี่ยวมู่ ที่หนูพูดมาก่อนหน้านี้จะรักษาคุณอาได้จริงๆ หรือ?” ไป๋ หรูถามอย่างตื่นเต้น
เธอกลัวว่าทุกอย่างนี้จะเป็นเพียงแค่ฝันไป
หลี่มู่ยิ้มตอบ “คุณน้าวางใจ ผมจะรักษาคุณอาเดี๋ยวนี้”
เขาโคจรวิชา ถ่ายทอดพลังธาตุไม้จักรพรรดิเขียวแห่งบูรพาเข้าไป ในร่างของหวางเจิ้น เพียงแค่อึดใจเดียวก็รักษาแผลบอบช�าภายใน อวัยวะที่ล้มเหลว และขาที่หักจากอุบัติเหตุได้เรียบร้อย
ไป๋หรูเห็นสีหน้าของสามีแดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางดูหนุ่มขึ้น ชีพจร ก็แข็งแกร่งขึ้นทุกทีๆ ในใจทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ ขยี้ตาไม่หยุดเพื่อยืนยันว่า ไม่ใช่ความฝัน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หลี่มู่ก็เก็บมือกลับมา
“เป็นอย่างไรบ้าง? เสี่ยวมู่ คุณอาของหนูเขา…ทําไมถึงยังไม่ฟื้ น ขึ้นมาอีก?” ไป๋หรูเห็นร่างกายสามีฟื้ นฟูอย่างปลอดภัยดี
หลี่มู่หัวเราะ “คุณน้าอย่ากังวล คุณอาสลบไปนานมาก ต้องพักฟื้ น อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงถึงจะฟื้ น”
ไป๋หรูถอนหายใจโล่งอก
ตอนนี้เธอเชื่อหลี่มู่ร้อยทั้งร้อยจริงๆ ได้ยินหลี่มู่พูดแบบนี้ ใจก็ นับว่ากลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“คุณน้า ร่างกายของคุณน้าที่ผ่านมาก็เหนื่อยล้าจนสุขภาพ เสียหายสาหัส ผมช่วยรักษาให้คุณน้าด้วยก็แล้วกัน” หลี่มู่พูดแล้วก็ยก มือ พลังธาตุไม้จักรพรรดิเขียวแห่งบูรพาถ่ายทอดไปในร่างของไป๋หรู ไหลแล่นไปตามจุดเส้นลมปราณ ค่อยๆ ปรับรักษาร่างกายของเธอ
ไป๋หรูพลันรู้สึกมีพลัง พลังเย็นชื่นวิ่งไปทั่วแขนขาองคาพยพ ความ เจ็บปวดตามเอว หลัง และไหล่ หายไปจากพลังของกลิ่นอายกลุ่มนี้ ทั้งตัวรู้สึกสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาการปวดไมเกรนก็หายไป ทันทีเช่นกัน
“น่าอัศจรรย์เหลือเกิน”
ไป๋หรูสัมผัสด้วยตัวเอง รู้สึกว่าเหลือเชื่อนัก
หลี่มู่ยิ้ม
ไป๋หรูสุขภาพร่างกายเสียหายเพราะเหนื่อยล้า ไม่ใช่เพราะ บาดแผลภายนอกหรืออวัยวะล้มเหลว ดังนั้น พลังธาตุไม้จักรพรรดิ เขียวแห่งบูรพาง่ายๆ กลุ่มเดียวก็สามารถปรับสมดุลได้ทันที ไม่ จําเป็นต้องรักษาเป็นการเฉพาะ
“คุณน้า คุณน้าดูแลคุณอาที่นี่ก่อน ผมไปข้างนอกซื้อของกินสัก เล็กน้อย แล้วจะหาคนตุ๋นน�าแกงด้วย พอคุณอาฟื้ นจะได้บํารุง สารอาหาร” หลี่มู่ยิ้มพลางลุกขึ้น
“จะรบกวนหนูแบบนั้นได้อย่างไร น้า…” ไป๋หรูซาบซึ้งจนไม่รู้ว่าจะ พูดอะไรดี
“คุณน้าอย่าเกรงใจผมเลย รออีกเดี๋ยวผมกลับมา ค่อยพูดเรื่องของ เสี่ยวอวี่อย่างละเอียดกัน” หลี่มู่พูดจบก็หมุนตัวจากไป
เขาจงใจให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันลําพังสักระยะหนึ่ง ให้ไป๋หรูอธิบาย ทุกอย่างกับหวางเจิ้นที่ฟื้ นตื่นขึ้นมาก็แล้วกัน
หลังจากหลี่มู่ออกไป ไป๋หรูก็นั่งลงข้างเตียงคนเดียว มองสามีอย่าง ตื่นเต้น กุมมือของเขาเอาไว้ รู้สึกถึงความอบอุ่นอันคุ้นเคยแผ่มาจากฝ่า มือ ไม่เย็นชืดเหมือนกําก้อนน�าแข็งเอาไว้เหมือนเมื่อก่อน ในใจของเธอ ก็ผ่อนคลายเต็มไปด้วยความหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้เสียงโทรศัพท์ก็พลันดังขึ้น
“แม่ เกิดอะไรขึ้น? คนที่โรงพยาบาลบอกว่าแม่พาพ่อออกจาก โรงพยาบาลไปแล้ว? ตอนนี้แม่อยู่ไหน? พ่อไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” โทรศัพท์ส่งเสียงของหวางซืออู่ที่ร้อนรนและเป็นห่วงมา
เขาเป็นพี่ชายของหวางซืออวี่ ปีนี้เพิ่งจบจากโรงเรียนตํารวจ ทํางานเป็นตํารวจหน่วยอาชญากรรมเขตเกาซิน
“อ้อ แม่พอดียุ่งมากก็เลยลืมบอกลูก” ไป๋หรูบอกที่อยู่ของโรงแรม แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เสี่ยวอู่ ลูกไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น รีบมาที่ โรงแรม แม่มีเรื่องสําคัญจะบอกลูก”
……
หน้าประตูห้องผู้ป่วยที่สิบสาม ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้ นฟู หวางซืออู่ใน ชุดตํารวจหลังจากวางโทรศัพท์ไป สีหน้าก็เต็มไปด้วยความกังวล
จู่ๆ พ่อออกจากโรงพยาบาล น่ากลัวว่าเคราะห์ร้ายมากกว่า เคราะห์ดี
เมื่อสักครู่ถามหมอก็ถามอะไรออกมาไม่ได้ ตอนนี้แม่ยังไม่ยอมพูด อะไรมากอีก หรือว่าพ่อเกิดเรื่องแล้ว… แค่คิดถึงตรงนี้ ใจของเขาก็แทบ จะหลุดออกมารอมร่อ
“พี่เสี่ยวอู่ อย่ากังวลเลย บางทีจู่ๆ คุณอาอาจจะฟื้ นขึ้นมา คุณน้า เลยพากลับแล้วก็ได้” ซูอวี้ถงในชุดกระโปรงสีขาวที่อยู่ข้างๆ ปลอบใจ เขา
เธอเป็นแฟนของหวางซืออู่ ทั้งสองความสัมพันธ์ดีมาก ปีสองปีมา นี้ก็เป็นซูอวี้ถงที่งดงามอ่อนโยนที่ไม่ทอดทิ้งคอยอยู่ข้างกายหวางซืออู่ มาโดยตลอด เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเขา ภายใต้สภาพครอบครัวที่ พ่อประสบอุบัติเหตุ แม่สิ้นหวังเหนื่อยล้า หวางซืออู่ถึงได้ค�าจุนบ้านที่ แหลกสลายหลังนี้ได้
“ไม่ค่อยน่าจะเป็นไปได้นะ สภาพของพ่อพี่ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้” หวา งซืออู่ถอนหายใจยาว
ซูอวี้ถงเอ่ย “พี่นี่นะ คิดมากไปอีกแล้วฉันไปโรงแรมวั่นฝูเป็นเพื่อน พี่ก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็กระจ่างแล้วล่ะ”
หวางซืออู่กุมมือแฟนสาว “ถงถง ขอบใจเธอนะที่คอยอยู่ข้างกาย พี่มาตลอด”
ซูอวี้ถงยิ้มพลางพิงไหล่ชายคนรัก “คนโง่ ฉันจะอยู่ข้างๆ พี่ตลอด ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่มีวันจากไปไหน”
ทั้งสองออกจากโรงพยาบาลมาหน้าประตูใหญ่เพื่อเรียกรถ
เอี๊ยด!
จู่ๆ รถเมอร์ซิเดสซ์เบนซ์ GLC สีดํา ป้ายทะเบียนท้องถิ่นก็จอดลง ข้างคนทั้งสอง
ประตูรถเปิดออก ผู้หญิงแต่งหน้าจัดทั้งตัวเต็มไปด้วยทองหยอง เครื่องประดับลงมาจากที่นั่งด้านหลัง แล้วเอ่ยขึ้น “ถงถง น้าหาเราอยู่ ตั้งนาน มาทําอะไรอยู่ที่นี่ โทรศัพท์ก็ไม่รับ พ่อกับแม่เธอเป็นห่วงจะ ตายอยู่แล้ว”
“น้าสอง? พวกน้ามากันได้อย่างไร? อ้อ มือถือหนูปิดเสียงเอาไว้ ไม่ได้ดูโทรศัพท์น่ะค่ะ” ซูอวี้ถงหยิบโทรศัพท์ออกมา แค่ดูก็เห็นว่ามีสาย ที่ไม่ได้รับห้าหกสาย แลบลิ้นออกมาอย่างรู้สึกผิด “มีอะไรรึเปล่าคะ?”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นตอบ “บ้านเธอมีแขกสําคัญมากันหลาย คน รอให้เธอไปต้อนรับอยู่น่ะสิ รีบมากับน้าเร็วเข้า…ร้อนใจจะตายอยู่ แล้ว เธอยังจะมีใจมาเที่ยวเดินอยู่กับคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอะไรอยู่” ประโยคสุดท้าย เห็นได้ชัดว่าพูดอย่างมีความนัย
ซูอวี้ถงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “น้าสองพูดอะไรน่ะ…” เธอมองไปยัง หวางซืออู่อย่างขอโทษ
หวางซืออู่ทักทายผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นอย่างมีมารยาท และพูด กับแฟนสาว “ถงถง เธอกลับไปกับน้าสองก่อนเถอะ เรื่องที่บ้านสําคัญ กว่า”
ซูอวี้ถงลังเล สุดท้ายก็ขัดคําของผู้หญิงวัยกลางคนไม่ได้ จึงทําได้ แค่พูดขึ้นว่า “ก็ได้ พี่เสี่ยวอู่ พี่กลับไปโรงแรมก่อน เดี๋ยวตอนกลางคืน เราค่อยโทรหากัน”
สุดท้าย ซูอวี้ถงก็นั่งรถจากไป
หวางซืออู่ถอนหายใจ
เขามองรถเบนซ์ออฟโรดหรูหราคันนั้นหายไปจากครรลองสายตา ไม่รู้ว่าทําไม แต่ในใจกลับเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
ในตอนที่เขากําลังทําใจให้สงบ เตรียมเรียกรถไปโรงแรม ก็มีรถ ออฟโรดยี่ห้อเป้าเลี่ย[1](ถ้าเป็นจาร์กัวจะใช้คําว่า捷豹 เพื่อกันความ สับสนเลยทับศัพท์ค่ะ)สีดําอีกคันหนึ่งขับมาหยุดอยู่ข้างหน้าเขา
กระจกรถลดลง จากที่นั่งคนขับ ชายกลางคนใบหน้าทรงอํานาจ มองมายังหวางซืออู่ “เสี่ยวหวาง? นายน่าจะรู้จักฉันนะ ขึ้นรถเถอะ ฉัน ไปส่งเอง นายจะไปโรงแรมวั่นฝูไม่ใช่หรอ?”
“สารวัตรซู?” หวางซืออู่ตกใจเป็นอย่างมาก “ท่าน…รู้ได้อย่างไร ว่าผมกําลังจะไปโรงแรมวั่นฝูครับ?”
รถเป้าเลี่ยเป็นป้ายทะเบียนตํารวจ ชายกลางคนที่ขับรถเองคนนี้ก็ คือสารวัตรซูฮั่นเหว่ย สารวัตรสถานีตํารวจเขตเกาซินนั่นเอง
……
“เสี่ยวมู่ เกิดเรื่องแล้ว ปู่จางที่อยู่ในหมู่บ้านโทรมาบอกว่าที่วัด หรานเติงมีคนไม่รู้ที่มาที่ไปกลุ่มหนึ่ง ดูท่าไม่น่าใช่คนดี น่าจะเป็นคนที่ อาจารย์หลี่ไปหลอกเอาไว้ตอนนั้นมาทวงหนี้…บอกว่าให้นายซ่อนตัว อยู่ในเมืองก่อน อย่าเพิ่งรีบกลับไป”
ณ ร้านอาหารอาตงโอชา หวางซือเชาหลังจากวางโทรศัพท์แล้วก็ มาบอกหลี่มู่
หลี่มู่กําลังจัดการโทรศัพท์ใหม่และซิมการ์ดของตัวเอง
ห้าปีผ่านไป วิทยาการโทรคมนาคมของโลกเปลี่ยนโฉมใหม่ ไอโฟนที่เมื่อห้าปีที่แล้วครองตลาดอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนี้ตกยุคไปแล้ว ไม่ เป็นที่ต้องการของตลาด ตอนนี้ยี่ห้อที่ครองตําแหน่งและควบคุมใน ตลาดโทรศัพท์มือถือของโลก เป็นของจีนสามสี่ยี่ห้อ
มาถึงโลก ต้องมีมือถือถึงจะสะดวกหน่อย
ดังนั้น หลังจากหลี่มู่ออกมาจากโรงแรมวั่นฝู ก็หาที่ซื้อโทรศัพท์ ก่อนเลย แต่เพราะไม่มีบัตรประชาชน เลยซื้อซิมการ์ดไม่ได้ ไหนๆ ก็ ผ่านร้านอาตงโอชาอยู่แล้วจึงมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสมัยเด็ก หวางซือเชา
หลังจากได้ยินคําพูดของหวางซือเชา หลี่มู่หัวเราะ ไม่ใส่ใจสักนิด
นี่เป็นเรื่องที่คิดเอาไว้อยู่แล้ว
วันนั้นเขาจงใจให้คนในหมู่บ้านช่วยตนปล่อยข่าวออกไปว่า เขาจะ รับกิจการสืบทอดจากซินแสเฒ่า อันที่จริงก็เพื่อแหวกหญ้าให้งูตื่น ล่อ ให้ขั้วอํานาจในเงามืดออกมาเอง ใช้วิธี ‘ล่อเหยื่อ’ จากนั้นก็สาวไปตาม เถาแตงก็น่าจะหาเหตุผลที่ซินแสเฒ่าจากไปในตอนนั้นได้
กระทั่งว่าอาจจะหาร่องรอยบางอย่างของซินแสเฒ่าเจอ ก็ใช่ว่าจะ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ได้ งั้นเดี๋ยวเราหลบอยู่ในเมือง” หลี่มู่ท่าทางสบายๆ ก่อนจะถาม ขึ้นอีก “ซุปไก่ ซุปปลาที่ให้นายเตรียมล่ะ? เสร็จรึยัง?”
“ฮี่ๆ ฝีมือของพี่ นายวางใจเถอะ นี่เชฟใหญ่เชียวนะ” หวางซือเชา ให้ลูกศิษย์ตักซุปไก่ ซุปปลาใส่กล่องให้เรียบร้อยพลางหัวเราะคิกๆ “เดี๋ยวนะ ไอ้หนู เอ็งเอาฝีมือพี่ไปจีบสาวใช่ป่ะ?”
“ไร้สาระ” หลี่มู่จัดการโทรศัพท์เรียบร้อย บันทึกหมายเลข โทรศัพท์เรียบร้อยแล้วก็พูดขึ้น “พอแล้ว ฉันไปล่ะ วันหลังจะมาหานาย ดื่มเหล้ากัน”
เขาคิดว่าตอนนี้ พ่อของหวางซืออวี่น่าจะตื่นขึ้นมา ไป๋หรูบอกทุก อย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังจนกระจ่าง หวางเจิ้นก็น่าจะสงบจิตใจลงแล้ว
เขาไปจากร้านอาหารอาตงโอชา มุ่งหน้าไปโรงแรมวั่นฝู
ในขณะเดียวกัน รถที่หวางซืออู่นั่งมาก็มาถึงหน้าประตูโรงแรมวั่น ฝูเช่นกัน เขาลงจากรถด้วยสีหน้าเหม่อลอย
คิดไม่ถึงเลยว่า สารวัตรจะเป็นลุงเขยของแฟนสาวเขาซูอวี้ถง
ตอนนี้ ซูฮั่นเหว่ยที่นั่งอยู่ตําแหน่งคนขับก็พูดอย่างจริงใจผ่าน กระจกรถ “เสี่ยวหวาง คําพูดที่ผมพูดไปเมื่อครู่ คุณคิดดูให้ดีก็แล้วกัน ผมเองก็ไม่ใช่คนถือศักดินาอะไร ไม่ได้สนับสนุนเรื่องกิ่งทองใบหยก แต่ เพื่อความสุขของถงถง ผมแนะนําว่าคุณยอมแพ้เถอะ วันนี้โลกเริ่ม เปลี่ยนไปแล้ว พลังของบางคนไม่ใช่สิ่งที่ผมหรือคุณจะต่อกรได้ เป็นคน ธรรมดาอย่างปลอดภัย ราบเรียบ คุณกับถงถงอยู่โลกคนละใบกันแล้ว วันนี้ผมมาพูดกับคุณมากมายขนาดนี้ก็เพื่อตัวคุณเอง”
พูดจบ รถออฟโรดยี่ห้อเป้าเลี่ยก็จากไปด้วยท่าทางวางโต
ซูฮั่นเชานั่งอยู่ในรถก็ถอนใจเช่นกัน
พูดตามตรง เขาชื่นชอบหวางซือเชาคนนี้มาก ฉลาดมี ความสามารถ อดทน รู้จักพลิกแพลง มีความสามารถมาก ไปอยู่หน่วย
อาชญากรรมแค่ครึ่งปีก็ปิดคดีไปได้ไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่คัดค้าน ซูอวี้ถงคบกับเจ้าหนุ่มนี่ แต่ตอนนี้…
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เทียบกับคนนั้น หวางซืออู่ห่างชั้นอีกไกล ตอนนี้ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
ซูฮั่นเหว่ยเห็นหมายเลข หน้าตาก็ตกใจไปในทันที หยุดรถรับ โทรศัพท์ “ต้าเจี่ย[2]…อะไรนะ? หัวหน้าของกลุ่มจะมา? มาถึงเมืองเป่า จีแล้ว? จะไปวัดหรานเติง? ได้ๆ ผมไม่บอกใคร…ไม่มีปัญหา ผมรู้ที่อยู่ ของวัดหรานเติง…ได้”
หลังจากวางโทรศัพท์ ใบหน้าของซูฮั่นเหว่ยก็ฉายแววเคร่งเครียด อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
พี่สาวคนโตที่หายไปเมื่อสามสิบปีก่อนกลับมาอย่างลึกลับ ก่อน หน้านี้ยังบอกว่าเพราะกฏของทีม ยังกลับมาพบคนที่บ้านไม่ได้ชั่วคราว แต่ตอนนี้กลับมาเมืองเป่าจี แถมพาหัวหน้าทีมมาด้วย
โดยเฉพาะที่คุยกันในโทรศัพท์เมื่อครู่ แค่ได้ยินชื่อหัวหน้าทีมคน นั้น ซูฮั่นเหว่ยก็อึ้ง สมองขาดอากาศ นั่นเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่อยู่ในข่าว ถึงจะได้ยินชื่อเชียวนะ
…………………………………………
[1] ยี่ห้อรถของจีน
[2] คําที่เอาไว้เรียกพี่สาวคนโต