จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 505 เทพที่แท้จริง
ในภาพเป็นเหมือนกับในป้อมค่ายใต้ดินแห่งหนึ่ง มีคนที่ใบหน้า แบบตะวันออกกลางอยู่ไม่น้อยกําลังสาละวนอยู่ ดูจากชุดที่พวกเขาใส่ ล้วนสะอาดสะอ้าน ค่อนข้างแตกต่างกับภาพของผู้ก่อการร้ายทั่วไป ดู แล้วเหมือนกับได้รับการศึกษาระดับสูงมา
ร่างสูงใหญ่อายุราวห้าสิบกว่าในนั้นคนหนึ่ง คลุมด้วยผ้าโพกหัว อาหรับ แต่งกายด้วยชุดคลุมดํายาว ในมือกุมไม้เท้าสีดินเหลืองด้าม หนึ่ง หนวดเคราจอนผมสีเทาขาว ดวงตาราวนกเหยี่ยว จ้องมองพวก ของหลี่มู่เข้ามาผ่านภาพ
“ท่านหัวหน้า กรุณาจดจําคนตรงหน้าเหล่านี้ไว้ นี่คือศัตรูของเทพ ที่แท้จริง จะต้องใช้กําลังทั้งหมดบดขยี้พวกมันเสีย สังหารญาติสนิท มิตรสหายของพวกมันให้หมด สังหารเผ่าพันธุ์มันให้สิ้น ให้พวกมันตก ขุมนรกไปตลอดกาล”
อาหรู่ฟูตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่งและดิ้นรน
เขาพูดภาษาตะวันออกกลางออกมา
แต่ชัดเจนอย่างมาก ว่าหัวหน้าชุดคลุมดํายาวที่อยู่อีกฝั่ งของภาพ สามารถได้ยินคําพูดของอาหรู่ฟู
สายตาของเขามองทะลุผิวกระจกสีดํามายังพวกของหลี่มู่ เปิดปาก พูดอะไรบางอย่าง ในน�าเสียงเต็มไปด้วยความคุกคาม ยิ่งไปกว่านั้น ยัง หันไปตะโกนเรียก เงาที่กําลังสาละวนอยู่ด้านหลังจู่ๆ ก็ได้หันพรึบมอง เข้ามา ในดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและบ้าคลั่ง เหมือนกับจะพุ่ง ทะลุกระจกสีดํานี้เข้ามาจับพวกหลี่มู่ฉีกเป็นชิ้นๆ
“เห็นแล้วหรือยัง เหล่าอัศวินของเทพที่แท้จริง จะช้าเร็วก็จะบดขยี้ พวกแกจนหมด…” อาหลู่ฟูสีหน้าบ้าคลั่งราวกับคนบ้า
ท่าทีบ้าคลั่งเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่ งนั้นหรือฝั่ งนี้ของกระจกดํา ล้วน ทําเอาคนรู้สึกสันหลังวาบขึ้นมาได้
พวกผู้ก่อการร้ายจากศาสนาชั่วร้ายที่บ้าคลั่งเหล่านี้ ล้วนเป็นกลุ่ง ของคนบ้า
หลี่มู่เอ่ยขึ้น “ไม่แน่ว่าเทพที่แท้จริงของพวกแก พอรู้ว่าแกมายั่ว โมโหฉัน คงได้โกรธจนบ้าแน่ๆ”
เขาใช้งานเนตรสวรรค์ สายตาราวกับกลายเป็นมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ ยิงพุ่งเข้าไปในกระจกสีดํานั้น เพียงพริบตาได้ราวกับก้าวข้ามระยะทาง
กว่าสิบล้านลี้ ยิงตรงเข้าไปยังร่างของหัวหน้าชุดคลุมดําถือไม้เท้าสี เหลืองดินที่อยู่หน้ากระจกคนนั้น
ตูม!
เขาที่กําลังโกรธแค้นคุกคามอะไรอยู่นั่น ถูกระเบิดปลิวไปใน พริบตา
ครึ่งร่างซีกหนึ่งของเขาเหมือนกับถูกปืนเลเซอร์ยิงอย่างไรอย่างนั้น หายวับไปกับตา ร่างคนกระอักเลือดลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นร่วงลง กระแทกอย่างหนักกับพื้น ไม้เท้าสีเหลืองดินเปล่งแสงออกมาปกป้อง เขาไว้
ส่วนพวกผู้ก่อการร้ายคนอื่นๆ ที่กะลังกู่ก้องโห่ร้อง ได้ตกตะลึงไป ในพริบตา
มีคนรีบร้อนเข้าไปประคองร่างหัวหน้าชุดดํา มีคนตะโกนร้องขึ้น ด้วยความตกใจ วิ่งไปหยิบอาวุธกันวุ่นวาย
กระจกสีดํา แตกเป็นชิ้นสลายไปในพริบตา “น่าเสียดาย ที่ยังไม่ตาย” หลี่มู่สั่นศีรษะ
กฎเกณฑ์วิถีสวรรค์ของดาวโลกไม่เหมือนกับแผ่นดินใหญ่เสินโจว ดังนั้นอีกด้านของกระจกสีดํา จริงๆ แล้วถูกกั้นไว้กว่าพันกิโลเมตร ไม่ สามารถสังหารหัวหน้าชุดดําคนนั้นในทันทีได้
“แต่ว่า ฉันได้ทําสัญลักษณ์ตําแหน่งป้อมใต้ดินเมื่อครู่นั่นไว้แล้ว รอ ให้พร้อมเสียก่อน ฉันจะไปที่ตะวันออกกลางสักรอบ แล้วบดขยี้พวกแก ให้สิ้นซากไปเลย”
หลี่มู่เอ่ยออกมา
วิชาอันสูงส่ง
ซูชั่วและนักรบน้อยเซี่ยวตงรู้สึกว่าอารมณ์อันตื่นเต้นและฮึกเหิม มันช่างยากที่จะควบคุมเสียเหลือเกิน
ส่วนอาหรู่ฟูก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาว่าตนเองทําเรื่องที่โง่เง่า ออกไปแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่สารามารถทําให้หลี่มู่หวาดกลัวได้ แต่ยัง กลายเป็นเปิดเผยตําแหน่งขององค์กรไปอีกด้วย ซ�ายังทําให้หัวหน้าชุด ดําบาดเจ็บหนัก…เจ้าคนหนุ่มชาวจีนคนนี้ ทําไมถึงน่ากลัวได้ขนาดนี้?
ในใจเขาตอนนี้ รู้สึกเสียใจจนอยากตายเลยทีเดียว
หลี่มู่หมอกสีดําที่กระจัดกระจายไปก็เหมือนคิดอะไรอยู่ มองไปที่ เขาแล้วเอ่ยว่า “ดูท่าว่าในร่างกายของแก จะซ่อนอะไรเอาไว้อีกนะ เมื่อ
ครู่ฉันกลับไม่รู้สึกเลย น่าสนใจ….” เพียงพริบตา พลังจิตอันแข็งแกร่ง ราวกับกระแสน�าขึ้น ห่อหุ้มร่างของอาหรู่ฟู หลี่มู่ใช้พลังอันแข็งแกร่ง เข้าค้นในร่างกายของผู้ก่อการร้ายที่แข็งแกร่งคนนี้อีกครั้ง โดยเฉพาะ ในสมอง
ทันใดนั้น หมอกแสงสีดํากลุ่มหนึ่งลอยทะลุออกมาจากระหว่างคิ้ว ของอาหรู่ฟูอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงหนีออกไปด้านนอก
“สะกด!”
หลี่มู่ตะโกนขึ้น ปราณแห่งความปั่ นป่วนในร่างกายไหลเวียน สะกดหมอกแสงสีดํากลุ่มนั้นค้างนิ่งอยู่กลางอากาศ
“เจ้าคนติดตามที่โง่เขลา เจ้าไปยั่วโมโหกับศัตรูแบบไหนเข้ากัน” เสียงชั่วร้ายดํามืดเสียงหนึ่ง ดังลอดออกมาจากแสงหมอกสีดํา ตําหนิ อาหรู่ฟูอย่างชัดเจน
อาหรู่ฟูลิงโลดขึ้น เอ่ยว่า “ท่านเทพที่แท้จริงผู้ยิ่งใหญ่ ท่านจุติลง มาแล้วหรือ? ดีเลย ท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ทําได้ทุกอย่าง ขอให้ท่านจัดการเจ้า คนสมควรตายนี้ด้วย สังหารเจ้าคนชั่วช้าที่ดูหมิ่นพลานุภาพของท่าน เถิด…”
แต่ทว่าในหมอกแสงสีดํา เสียงดํามืดนั่นกลับหันไปทางหลี่มู่ เอ่ย ขึ้นด้วยน�าเสียงเจรจา “ที่แท้ท่านก็เป็นผู้บําเพ็ญนอกพิภพเหมือนกัน นี่
ถ้าไม่สู้ด้วยก็ไม่รู้เลยจริงๆ ท่านกับข้าก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ไม่ จําเป็นต้องชักกระบี่เงื้อธนูเช่นนี้ นี่ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิด…”
หลี่มู่ไม่พูดอะไร พลังจิตตีม้วนเข้ามาห่อหุ้มแสงหมอกสีดํานี้ ใช้ วิชาลับอ่านเอาคลื่นจิตสํานึกและความทรงจํา
“อ๊า ไม่ นายท่าน ไว้ชีวิตด้วย ข้าผิดไปแล้ว…” แสงหมอกสีดําที่ถูก พลังจิตม้วนเข้ามา ราวกับหนูที่ถูกกรดกํามะถันเข้มข้นสูงสาดเข้าไป อย่างไรอย่างนั้น กรีดร้องเสียงแหลม น�าเสียงเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและ ประจบสอพลอ เอยขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นผู้อยู่ขั้นนักรบ ข้าน้อยสมควร ตาย ไม่รู้จักเทพที่แท้จริง เป็นผู้บาปหนา ละเว้นข้าด้วย…ไว้ชีวิตข้าอ๊า ..”
มันกําลังร้องขอชีวิตอย่างบ้าคลั่ง
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ทําเอาอาหรู่ฟูอีกด้านที่กําลังรอให้เทพที่ แท้จริงปรากฏตัวมาขยี้สังหารหลี่มู่ ถึงกับค้างแข็งไปในพริบตา
เขาตกอยู่ในความอึ้งที่ยากจะทําใจเชื่อได้ บางอย่างในร่างกายเขากําลังแตกสลายลงอย่างรวดเร็ว ความศรัทธากําลังพังทลาย
เขาไม่อยากเชื่อว่าเทพที่แท้จริงที่ตนเองเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรง กล้าและมอบทุกสิ่งอย่างให้ ท่านเทพที่แท้จริงที่ทําได้ทุกสิ่งอย่าง จะ กําลังร้องขอชีวิตกับคนจีนที่อยู่ตรงหน้า…ทําไมจึงกลายเป็นเช่นนี้
สําหรับผู้ก่อการที่นับถือศาสนาชั่วร้ายอันบ้าคลั่งแล้ว สิ่งที่น่ากลัว ที่สุดคืออะไร?
แน่นอนว่าไม่ใช่ความตายและการถูกทรมานต่อกายเนื้อ แต่คือการพังทลายของความศรัทธา อาหรู่ฟูตอนนี้ทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบของเขาล้วนแตกสลาย แต่ทว่าหลี่มู่กลับไม่ได้สนใจเขา
ทันทีทันใด หลี่มู่อ่านเอาคลื่นจิตสํานึกของแสงหมอกสีดํากลุ่มนี้จน หมด เป็นเพียงแค่จิตสํานึกร่างแยกเท่านั้น อาหรู่ฟูที่สามารถมีพลัง แข็งแกร่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งหลังจากที่ฟ้าดินเปลี่ยนแปลงไป นั่นก็เพราะ ได้รับจิตสํานึกร่างแยกนี้มา…ไม่เพียงแต่อาหรู่ฟู แต่พวกผู้แข็งแกร่งสี่ ยอดผู้ก่อการร้ายที่เหลืออีกสามคนก็เป็นเช่นเดียวกัน
คลื่นจิตสํานึกในร่างกายของอาหรู่ฟูกลุ่มนี้ ภาพความทรงจํามีไม่ เยอะมาก
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เมื่อเห็นว่าหลี่มู่ไม่คิดที่จะเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น แล้ว มันก็เลือกที่จะทําลายตัวเองทิ้งทันที ทําลายพลังและความทรงจํา ทั้งหมดลง ดังนั้นหลี่มู่จึงไม่ทันได้ตรวจสอบถึงข้อมูลที่มีประโยชน์ได้ มากนัก
สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้ ก็คือเจ้าของของแสงหมอกสีดํานี้มา จากนอกพิภพ แต่ไม่ใช่จุติลงมาหลังจากที่โลกมีพลังวิญญาณที่ เปลี่ยนแปลงไป น่าจะมีตัวตนอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้านานมาแล้ว หลี่มู่รู้สึก ได้รางๆ ว่าอีกฝ่ายเหมือนกับจะผ่านเข้ามาสู่ดาวโลกตอนที่แผ่นดิน เซียนดาวโลกได้เปิดออก
“หรือว่าแดนเซียนที่ทยอยเปิดออกบนดาวโลก จะเป็นเส้นทางที่ เชื่อมต่อกับโลกด้านนอก?”
ในใจหลี่มู่เต็มไปด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ เขาต้องให้ความสนใจเสียหน่อยแล้ว “ไปสิ แก้แค้นให้กับเหล่าสหายร่วมรบของนาย” หลี่มู่ยื่นดาบเล่มหนึ่งให้กับนักรบน้อยเซี่ยวตง
อาหรู่ฟูในตอนนี้ กลายเป็นคนไร้ความสามารถไปแล้ว หลังจากที่ บ่อกําเนิดพลังในร่างกายเขา หรือก็คือแสงหมอกสีดํานั่นสลายไป เขาก็
กลับมามีพลังเหมือนคนธรรมดา บาดแผลบนร่างกายมีเลือดสดไหล ออกมา แทบจะไม่เหลือแรงต่อต้านแล้ว
เซี่ยวตงรับดาบยาวมา ในใจพอคิดถึงการตายอย่างน่าเวทนาของ หัวหน้าหมวด หัวหน้ากลุ่ม เปลวไฟความโกรธแค้นก็ได้ลุกโชนขึ้นใน ดวงตา เดินเข้าไปง้างดาบฟันลง ตัดสะบั้นศีรษะของอาหรู่ฟูที่วิญญาณ แตกสลายไปแล้วจนขาดกระเด็นร่วงลงมา
จากนั้น เขาจึงร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“หัวหน้าหมวด ตงจื่อ เสี่ยวหลิว…ฉันแก้แค้นให้พวกนายแล้ว พวก นายหลับอย่างสงบเถอะ” นักรบน้อยร้องไห้ใจแทบขาด
“กิ้ว!”
นกเหยี่ยวตาสีทองที่ยังไม่ตายตัวนั้น เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนถูก สังหารจึงร้องขึ้นด้วยความเศร้าโศก
หลี่มู่ยกมือขึ้นใช้ปราณจักรพรรดิแดงแดนใต้สายหนึ่ง เผาร่างของ สัตว์ตัวนี้ทิ้ง ทว่าในดวงตาของมันกลับส่องแสงวิญญาณสีทองออกมา เห็นได้ชัดว่าเหยี่ยวตาสีทองตัวนี้เป็นสัตว์วิญญาณ พรสวรรค์สูงส่ง โดยเฉพาะส่วนดวงตา มีพลังวิญญาณแฝงอยู่ พบเห็นได้ยากยิ่ง
“ผ่านความยากลําบากจึงจะสามารถเติบโตขึ้นได้ พลังวิญญาณนี้ เป็นสิ่งที่นายควรได้รับไป”
หลี่มู่นําเอาแสงวิญญาณสีทองนี้ กรอกเข้าไปใส่ดวงตาของนักรบ น้อยเซี่ยวตง
“อา…นี่คือ…” เซี่ยวตงรู้สึกถึงจิตที่เย็นสบายอย่างที่ไม่เคยมีมา ก่อน กําลังไหลเวียนอยู่ด้านในดวงตาของตนเอง
จากนั้นสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น
เซี่ยวตงราวกับมีมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่ง เช็ดเอาโลกเบื้องหน้า ของเขาออก เช็ดเอาสิ่งที่แปดเปื้ อนและฝุ่นดินออกไป ให้เขาได้เห็นโลก ใบนี้ชัดเจนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน กระทั่งลมหิมะที่นอกหน้าต่าง เกล็ดหิมะแต่ละเกล็ด เส้นทางการโคจร ล้วนอยู่ในดวงตาของเขา
ระยะสายตาเพิ่มขึ้นจนสามารถมองเห็นหิมะที่อยู่ห่างออกไปห้า รอยเมตร ราวกับใช้กระจกเล็งกําลังสูงอย่างไรอย่างนั้น
นี่คือพลังการมองของนกเหยี่ยวตาสีทอง
“ขอบคุณท่านหัวหน้า” เซี่ยวตงรู้ ว่านี่คือวาสนาของตนเอง รีบ ร้อนขอบคุณ ทําท่าวันทยาหัต
ในใจของเขาตอนนี้ รู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุด และศรัทธาในตัวของห ลี่มู่อย่างเหลือคนา
“เป็นฉันที่มาช้าเกินไป ต้องขอโทษกับนาย” หลี่มู่เอ่ยขึ้นอย่าง จริงใจ “ยิ่งไปกว่านั้น เป็นฉันที่ควรขอบคุณนาย ทําให้ได้เข้าใจอะไรอีก หลายอย่าง คิดออกอีกหลายอย่าง”
นักรบน้อยหน้าแดงระเรื่อ เก้อเขินจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
ทั้งสามคนจัดการกับศพของนักรบในป้อมที่ถูกทําร้าย ฝังเอาไว้ ป้อม
ซูชั่วค้นตัวศพของอาหรู่ฟู พบเข้ากับของบางส่วน ในนั้นมีแฟลช ไดรฟ์เหล็กสีเงินอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่ดึงดูดความสนใจของเธอ
เมื่อเสียบเข้ากับอุปกรณ์ทางการทหารที่พกติดตัวไว้แล้วเปิดดู ซู ชั่วได้ค้นพบอย่างตกตะลึง ด้านในล้วนเป็นข้อมูลความลับบางส่วน ข้อมูลภายในที่เกี่ยวข้องกับฐานยิงดาวเทียมและฮาร์บินเจอร์ หลักๆ คือ โครงสรร้างของฐานทัพ การจัดวางกําลังทหาร รวมไปถึงจํานวนฐาน ที่ตั้งของยอดฝีมือ
“นี่จะต้องเป็นข้อมูลที่หนอนบ่อนไส้ส่งออกมาแน่ๆ”
ซูชั่วตกตะลึงและเดือดดาลอย่างมาก
คนที่จะได้ข้อมูลเช่นนี้มา ตําแหน่งจะต้องไม่เล็ก ฐานะต้องอยู่ใน ระดับที่คนเลื่อมใสศรัทธา แล้วทําไมจึงทําเรื่องเช่นนี้ขึ้นกัน? ขาย ประเทศชาติและประชาชน เพื่อให้ได้อะไรมา?
แต่พอคิดจะเปิดดูเอกสารหลัก ก็พบว่าได้ถูกเข้ารหัสเอาไว้ไม่ สามารถเปิดได้ จําเป็นต้องใช้เวลาในการปลดรหัส
ซูชั่วทดลองอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “จําเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมา ปลดรหัส”
หลี่มู่พยักหน้า ตอบว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่รีบเท่าไรนัก ผมมองเห็น เค้าโครงบางส่วนจากความทรงจําของ ‘อูฐทราย’ แล้ว…ไปเถอะ หนี้ ครั้งนี้ยังชําระไม่หมด พวกผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาในประเทศ จะต้องไม่ให้ พวกมันออกไปได้แม้แต่คนเดียว พวกเราไปหา ‘ดาบโค้ง’ กัน”
พลังวูบหนึ่งหลั่งไหลออกมา
ทั้งสามคนบินออกจากห้อง พุ่งขึ้นไปบนอากาศ
เซี่ยวตงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง มองเห็นตนเองกําลังเหยียบ ดาบถลาลมเล่มยักษ์บินอยู่บนอากาศ นี่มันวิชาเทพเซียนชัดๆ ที่แท้ใน กลุ่มทหารของประเทศจีน ก็มีเทพเซียนเช่นนี้อยู่ด้วย
เขาทั้งตกตะลึงและภาคภูมิใจ
…
…
เชิงเขาฉีเหลียน
ชายตะวันออกกลางคนหนึ่งในชุดคลุมสีขาว กลางหลังสะพายดาบ โค้งสองเล่ม กําลังหลบหนีอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางลมหิมะ คิดที่จะออก ห่างจากเขตภูเขาฉีเหลียนไปให้ไกลที่สุด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วย ความหวาดกลัว กับความรู้สึกเหมือนวันสิ้นโลกกําลังเข้ามาใกล้
จินตนาการไม่ออกเลยว่าศัตรูแบบไหนกันแน่ ที่ทําให้เทพที่แท้จริง ถ่ายทอดคําพูดมาด้วยตนเอง ให้เขารีบหนีไป หนีออกจากเขตแดน ประเทศจีน
ด้านหลังของเขาประมาณสิบลี้ หมู่บ้านเล็กๆ ของชาวปศุสัตว์ หมู่บ้านหนึ่งถูกสังหารจนเรียบ เจ็ดสิบแปดคน ผู้หญิงเด็กเล็กคนชรา ตายหมดไม่มีเหลือ ล้วนเป็นฝีมือของยอดฝีมือผู้ก่อการร้ายที่มีฉายาว่า ‘ดาบโค้ง’ คนนี้ เขาเดิมทีคิดจะสังหารอีกหลายหมู่บ้าน เพื่อเป็นการ ตอบโต้และการเตือนแก่คนจีน ทว่าตอนนี้กลับต้องหนีออกมาอย่างเสีย มิได้
“รอให้ครั้งหน้าที่มาประเทศจีนอีก จะต้องสังหารให้เลือดไหลนอง เป็นแม่น�าให้ได้”
เขาคิดในใจอย่างคับแค้น
………………………………………